รักสองชาติ บทที่ 3

รักสองชาติ

-A A +A

รักสองชาติ บทที่ 3

ตรืด..ตรืด ระหว่างบันทกกำลังติดสอนนักศึกษาอยู่ เสียงสั่นจากโทรศัพท์บนโต๊ะเขาก็ส่งเสียงขึ้น แรกทีเดียวเขาไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญเท่าหน้าที่ แต่เมื่อโทรศัพท์ยังสั่นต่อเนื่องเรื่อยๆ ทั้งที่ดังๆหยุดๆไปแล้วสามสี่รอบ สุดท้ายจึงตัดสินใจกดดูเบอร์ที่โทรเข้า เมื่อเห็นชื่อพี่สะใภ้เด่นหราบนหน้าจอ ชายหนุ่มจึงกล่าวขอตัวกับนักศึกษา ก่อนออกมารับโทรศัพท์นอกห้องเรียน

"ครับพี่แวว" บันทกกรอกเสียงทักทายลงไป

[บันทก พี่วุธรถคว่ำ อาการสาหัส ตอนนี้กำลังจะถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจังหวัด!] เสียงปลายสายรายงานสั่นสะอื้นอย่างเสียขวัญ ข่าวที่ได้รับทำเอาเขานิ่งอึ้งเย็นเยียบไปทั้งตัว

"แม่ล่ะครับพี่" บันทกรู้ดีถ้าแม่เขาทราบข่าวต้องตกใจจนเป็นลมไปแน่

[พี่ยังไม่ได้บอก กลัวท่านตกใจ ตอนนี้ให้ฉายไปอยู่เป็นเพื่อนก่อน] ฉาย ที่คนปลายสายพูดถึงคือลูกพี่ลูกน้องของพี่สะใภ้เขา

"ยัยปัญญ์รู้ข่าวหรือยังครับ" คราวนี้บันทกถามถึงน้องสาวแท้ๆของเขาบ้าง

[พี่ยังติดต่อปัญญ์ไม่ได้ น่าจะยุ่งกับการดำเนินเรื่องทนายอยู่]

"ครับพี่ เดี๋ยวผมจะรีบไปรอที่โรงพยาบาลทันทีครับ ให้พี่ตั้งสติ ทำใจดีๆก่อนนะครับ แล้วเจอกัน"ชายหนุ่มวางสายพร้อมกายใจที่ใกล้จะหมดแรง แต่ต้องฝืนยืนให้ได้ แล้วกลับเข้าห้องเรียนไปแจ้งเลิกเซคก่อนเวลาแก่นักศึกษา จากนั้นรีบขับรถออกจากมหาวิทยาลัยไปยังโรงพยาบาลที่พี่สะใภ้เขาบอก

 

พักนี้ไม่รู้เป็นปีชงของเขาหรือไร หลังจากหัวใจสลายในวันนั้น วันที่ได้รับการ์ดเชิญไปงานแต่งของคะนึงนิจ ก็เหมือนชีวิตเกือบทุกด้านของเขาจะมีปัญหาไปหมด

“พี่บัน ตอนนี้ฉันอยู่โรงพัก ถูกคุมตัวมาสอบสวนข้อหายักยอกเงินบริษัท พี่ช่วยหาเงินมาประกันตัวกับติดต่อทนายให้หน่อยได้ไหม ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะสู้คดี”

“อาจารย์บันทกครับ มีนักศึกษายื่นคำร้องขอตรวจสอบคะแนน และการให้เกรด เด็กคนนั้นบอกว่าเกรดที่ได้มันน้อยเกินไป เขาไม่ควรได้แค่นั้นครับ”

“ผมอยากให้อาจารย์มาช่วยแก้งานของทีม...ให้ผมหน่อย ขอด่วนนะ”

“คุณบันทกครับ ข้อมูลที่คุณให้มา ทางนั้นบอกว่ามันยังไม่พอครับ ยังไงรบกวนคุณหาเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ”

“อาจารย์คะ หนูอยากปรึกษาเรื่องวิทยานิพนธ์หน่อยค่ะ”

น้องสาวของเขาก็ถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินบริษัท ตนเองที่งานราษฎร์ งานหลวงรุมเร้าแถมมีปัญหาให้เครียดไม่เว้นแต่ละวัน พี่ชายก็ยังจะมาประสบอุบัติเหตุซ้ำอีก

 

เมื่อก่อนเขามีคะนึงนิจเป็นเหมือนน้ำเย็นชโลมใจยามชีวิตร้อนรุ่ม แต่บัดนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้วจะทำให้มีความสุขได้เท่าเธอ อีกไม่นาน เธอก็จะกลายเป็นของคนอื่นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขาไม่สามารถขอแบ่งความสุขจากการคอยดูแล ใกล้ชิด พูดคุย และรับรอยยิ้มจากเธอได้อีก

น้ำตาบันทกตกใน ร้องไห้ไม่ออก สติเขาเกือบขาดสะบั้นหลายครั้ง แต่ไม่รู้เพราะฟ้าเมตตาหรือกลั่นแกล้งกันแน่ ที่ยังปล่อยให้เขามีสติสมบูรณ์เพื่อรับรู้ความทุกข์ ความเจ็บปวดทุกประการ

 

ตรืดๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าส่งเสียงขึ้น บันทกล้วงขึ้นดูเบอร์ เห็นว่าเป็นคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่พอดีก็รีบรับด้วยความแจ่มใส

"ครับนิจ" บันทกทักทายปลายสาย ที่ปกติเธอจะไม่โทรหาเขาก่อนบ่อยนัก

[บันทกยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ] เจ้าของน้ำเสียงเรียบร้อยถามอย่างเกรงใจ

"ไม่ครับ คุยได้"

[อ๋อ นิจจะโทรมาถามว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใกล้จะถึงนี้เป็นวันสุดท้ายของกิจกรรมชมรมบันทกหรือเปล่าคะ]

"ครับ นิจมีอะไรหรือเปล่า" บันทกถามกลับด้วยความแปลกใจ

[นิจคิดว่าจะทำกับข้าว น้ำผลไม้ และขนมไปเลี้ยงน้องๆด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ไหม จึงโทรมาปรึกษาบันทกก่อน]

ได้ฟังอย่างนั้นชายหนุ่มก็ดีใจ เนื่องจากเขาไม่ได้พบเธอมาเกือบสองเดือนแล้ว

 

"แล้วคุณปู่ของนิจล่ะครับ ท่านสบายดีแล้วใช่ไหม"

[ก็ดีขึ้นบ้างค่ะ ไปครั้งนี้ก็จะไปเลี้ยงอาหารเด็กๆแทนท่านด้วย อาทิตย์หน้าวันเกิดคุณปู่พอดีค่ะ]หญิงสาวเล่า

"ดีครับ แต่ผมคงต้องสอบถามทางสถานสงเคราะห์ก่อนว่าจะติดอะไรไหม แล้วผมจะรีบติดต่อนิจกลับนะครับ"

[ขอบคุณค่ะ อย่างนั้นนิจรบกวนบันทกเท่านี้นะคะ]

พอบันทกรับคำเสร็จ สายระหว่างเธอกับเขาก็ตัดไป

 

ถึงวันที่สองหนุ่มสาวคุยกันไว้ ช่วงแรกของกิจกรรมวันสุดท้าย คะนึงนิจยังไม่ได้เดินทางมาสถานสงเคราะห์พร้อมจิตอาสาและสมาชิกชมรมคนอื่นๆ ด้วยเธอต้องเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และขนมสำหรับจะนำมาเลี้ยงเด็กๆในสถานสงเคราะห์ตอนเที่ยงวันนี้

ต่อเมื่อใกล้เวลาอาหารกลางวันของเด็กๆ รถตู้คันใหญ่สามคันก็วิ่งเข้ามาในรั้วสถานสงเคราะห์ เมื่อรถสามคันจอดสนิท บันทกก็เห็นคะนึงนิจพร้อมคนอีกจำนวนหนึ่งเดินลงมาจากรถแต่ละคัน เขาคิดว่าคนเหล่านั้นคงเป็นคนที่บ้านของหญิงสาวที่ออกมาช่วยนายน้อยของพวกเขาจัดของเลี้ยงเด็ก ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปรับ

หลังจากทุกฝ่ายจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย เหล่าจิตอาสาและสมาชิกชมรมก็ต่างเดินพาน้องๆมาที่ห้องอาหาร

"อร่อยไหมคะ นิจทำทุกอย่างเองเลยนะ" คะนึงนิจที่นั่งร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกับบันทกหันมาถาม หลังจากที่เธอหันไปคุยกับคนอื่นๆเสร็จแล้ว

"อร่อยมากครับ" บันทกตอบตามจริง ทำให้คนที่บอกว่าเป็นคนทำอาหารเหล่านี้เองส่งยิ้มสดใสกลับมาให้

"ดีจังเลยค่ะ อย่างนั้นบันทกต้องกินเยอะๆนะคะ นิจทำมาเพียบเลย" เธอกล่าว

ชายหนุ่มไม่อยากบอกเลยว่า นอกจากมันจะอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา รสฝีมือเธอยังทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่ได้กินอีก เพราะมันคุ้นลิ้นยังไงชอบกล เหมือนเคยกินที่ไหนมาก่อน นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่เขารู้สึกแบบนี้ แต่หาคำตอบอย่างไรก็ไม่เจอ ความรู้สึกคุ้นเคยเมื่ออยู่ใกล้ รสอาหารแสนคุ้นลิ้น มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?

และแล้ว ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมที่หญิงสาวทำมาก็หมดเกลี้ยง หนึ่งในคนที่ผลาญอาหารเหล่านั้นก็รวมบันทกอยู่ด้วย เขายอมรับจริงๆว่ามันอร่อย ยิ่งกินยิ่งมีความสุข จนอดกินไปหลายจานไม่ได้ หลายคนในที่นั้นที่ได้กินรสอาหารของเธอก็พากันชมเป็นเสียงเดียวว่า รสอาหารแบบนี้หาตัวจับยาก

 

เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน จนใกล้สอบปลายภาคของภาคเรียนที่หนึ่ง ชั้นปีที่สี่ ปีสุดท้ายและเทอมเกือบสุดท้ายของบันทกแล้ว เพราะเขาเป็นคนเรียนดี บริหารภารกิจเก่ง ทำให้เขาเรียนจบภาคทฤษฎีก่อนกำหนดไปหนึ่งเทอม แต่เทอมที่เหลือ เขาคิดว่าจะขออาจารย์ส่งตัวไปฝึกงานตามองค์กร เพื่อให้มีโปรไฟล์ประสบการณ์ฝึกงานและมีทักษะภาคปฏิบัติมากขึ้น

ตลอดเวลาที่ผ่านไป แม้ชายหนุ่มจะไม่ค่อยได้เจอคะนึงนิจ หากเขาก็ยังติดต่อหาหญิงสาวทางโทรศัพท์บ้าง เฟสบุ๊กบ้างอยู่เนืองๆ อาจเป็นเขาติดต่อหาเธอก่อน หรือเธอติดต่อมาก่อนด้วยธุระต่างๆ หรือถามสารทุกข์สุขกันตามประสาคนเป็นเพื่อนเคยร่วมงานและพูดคุยกันมาพอสมควร

 

ช่วงสายของวันหนึ่ง บันทกที่นอนโทรมเกือบคุมโปงใต้ผ้าห่มด้วยอาการจับไข้ ปรือตาขึ้นมาคว้าโทรศัพท์ใกล้ๆขึ้นมากดเบอร์หาใครบางคนทั้งที่สติตอนนั้นก็ไม่เต็มร้อยนัก เสียงสัญญาณรอสายดังครู่หนึ่ง ก็มีคนรับ เขากรอกเสียงลงไปทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทักทายมาก่อน

“ไอ้โต้ ช่วยเอาข้าวมาให้ที่หอหน่อย ฉันไม่สบาย ออกไปซื้ออะไรไม่ไหวแล้วว่ะ” กล่าวเสร็จ บันทกก็วางโทรศัพท์ลงโดยลืมแม้กระทั่งจะกดวางสาย จากนั้นก็ผล็อยหลับไปเพราะพิษไข้รุมเร้า

เกือบพักใหญ่ ประตูห้องพักของบันทกจึงถูกเปิดเข้ามาโดยชายหนุ่มคนหนึ่งและหญิงสาวอีกสองคน หนึ่งในนั้นคือคะนึงนิจ เดินตามเข้ามาด้วย บันทกไม่ได้พักหอในมหาวิทยาลัย แต่พักหอด้านนอกที่อยู่รวมกันไม่แยกหญิงชาย คะนึงนิจและเพื่อนสาวอีกคนที่ตามมาเป็นเพื่อนจึงเข้ามาเยี่ยมบันทกถึงห้องได้

 

ห้องพักของบันทกมีพื้นที่ประมาณยี่สิบห้าตารางเมตร มีเตียงใหญ่อยู่เกือบกลางห้อง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะและชั้นใส่ของอย่างละตัว มีห้องน้ำในตัว ด้านหนึ่งมีวัตถุบางอย่างคล้ายกับกระดานวาดภาพตั้งอยู่หลายอัน ซึ่งเจ้าของห้องก็เอาผ้าคลุมไว้

เพื่อนบันทกปลุกเขาขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนจะปล่อยให้นอนพักผ่อนต่อ

“มันอยู่หอคนเดียวซะด้วย สงสัยวันนี้คงต้องมานอนเป็นเพื่อนมัน” เพื่อนบันทกกล่าว

“อาการคงหนักพอดูนะ จะโทรหาแกดันโทรเข้าเบอร์นิจเข้า” เพื่อนคะนึงนิจออกความเห็น

“ดีนะมาป่วยก่อนสอบ ถ้าป่วยช่วงสอบมีเรื่องแน่” เพื่อนบันทกพูด ส่วนคะนึงนิจได้แต่เงียบฟัง สายตาทอดมองคนบนเตียงด้วยความอาทร

“งั้นแกก็ต้องกลับไปเอาของก่อนน่ะสิ” เพื่อนคะนึงนิจถามเพื่อนบันทก

“ก็ต้องอย่างนั้นแหละ”

“งั้นก็ออกไปเอาเลย พวกฉันจะเฝ้าบันทกให้”

“เออดี งั้นฝากหน่อย เดี๋ยวกลับมา”

 

หลังจากเพื่อนบันทกออกไปแล้ว ก็เหลือคะนึงนิจและเพื่อนสาวอยู่เฝ้าเขาแค่สองคน ด้วยความที่เพื่อนของเธอเป็นคนอยู่ไม่ค่อยนิ่ง จึงเดินดูนั่น ดูนี่ภายในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ จนมาหยุดอยู่ที่วัตถุบางอย่างที่มีผ้าคลุมไว้อยู่

“นิจ ฉันเคยเล่าให้แกฟังยังว่าบันทกเขาวาดรูปเก่งมากด้วยนะ” เพื่อนสาวหันมาคุยด้วย

“ยังไม่เคยนะ” คะนึงนิจตอบเสียงหวานอย่างสุภาพ

“อยากเห็นมะ เดี๋ยวให้ดู”

“ดูที่ไหนหรือ”

“นี่น่าจะเป็นกระดานวาดภาพที่นายนั่นวาดไว้นะ” เพื่อนคะนึงนิจบอกพลางชี้นิ้วให้ดูวัตถุตรงหน้าที่มีผ้าคลุมอยู่

“อย่านะอุ๋ย เสียมารยาท” คะนึงนิจรู้ทันความคิดเพื่อนก็ปรามอย่างเสียไม่ได้

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ดูนิดเดียวเอง” เพื่อนสาวทำท่าทางนึกสนุก ไม่สนใจคำทัดทานจากคะนึงนิจแม้แต่น้อย

“นิจไม่อยากดูแล้ว อุ๋ยไม่ต้องเปิดผ้าออกหรอก บันทกรู้เข้าอาจไม่พอใจพวกเราได้นะ” คะนึงนิจพยายามท้วงอีกหน

“แต่ฉันยังอยากดูอยู่ ไม่เป็นไรหรอก แค่ภาพวาดเอง”

ตกลงใจกับตนเองได้ เพื่อนสาวของคะนึงนิจก็เอื้อมมือไปเปิดผ้าที่คลุมเหล่ากระดานวาดภาพอยู่ออก เผยให้เห็นภาพวาดฝีมือชายหนุ่มเจ้าของห้องหลายชิ้นที่รังสรรค์ได้อย่างวิจิตรงดงามสมคำล่ำลือ

 

แม้คะนึงนิจจะไม่อยากเสียมารยาท แต่เมื่อเพื่อนเธอถือวิสาสะเปิดผ้าแล้ว เธอเองก็อดที่จะมองภาพเหล่านั้นไม่ได้

 

สายตาไล่ดูภาพวาดแต่ละชิ้นด้วยความทึ่งในฝีมือของคนวาด ไล่ดูมาเรื่อยๆ จนสะดุดอยู่กับภาพหนึ่ง คนในภาพนั้นเป็นหญิงสาว กำลังยืนเป่าขลุ่ยฝรั่ง คะนึงนิจพินิจหน้างามในภาพดีๆ ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอย่างไรอยู่

#ผู้แต่ง MR.TJaw & ครองใจ เมตต์พิรุณ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.