ชีวิตนี้บอกอะไร 3: ดู(ไม่)ถูก
เรียนสังคมมาจนจบปีสี่ เมื่อก่อนพวกผู้ใหญ่ หรือใครหลายคนมักมองว่าศาสตร์สายวิทย์ สายคำนวณ เป็นศาสตร์หินที่สุด ใครเรียนได้ก็จะได้รับคำชื่นชมยกย่องโก้หรู ผิดกับศาสตร์ทางสังคมและทางศิลป์ต่างๆ ดูถูกดูแคลนว่าเหมาะให้คนหัวไม่ดีเรียนเท่านั้น แต่โตจนป่านนี้ พอมีโอกาสสัมผัสกับตัวจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด จริงๆ แล้วทุกเส้นทางมีความยากง่ายเฉพาะตัวหมดนั่นล่ะ ขึ้นอยู่ที่ใครถนัดอะไรมากกว่า ฉันจับมาแทบทุกด้านแล้วจึงพูดได้เต็มปากเต็มคำ
อย่างศาสตร์สังคมวิทยาที่ฉันเลือกเรียนต่อในช่วงอุดมศึกษาก็เป็นหนึ่งในองค์ความรู้ทางสังคมศาสตร์ ลึกซึ้งด้วยแนวความคิดมากมายที่แฝงด้วยกลิ่นไอของปรัชญา จิตวิทยา หรือวิทยาศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นได้ เชื่อหรือไม่นักศึกษาแพทย์ หรือสายวิทย์บางคนขอยอมแพ้ไปนักต่อนักหลังจากมีโอกาสมาสัมผัส เพราะถนัดทำความเข้าใจข้อมูลที่ตรงไปตรงมามากกว่าองค์ความรู้ที่ซับซ้อนแม้ว่าจะสามารถพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์ได้ก็ตาม เช่น “ผี” ในที่นี้หมายถึงอำนาจอย่างหนึ่ง
หรือในส่วนนิยายที่ฉันเขียนเพื่อหมายใจจะทำเป็นอาชีพสร้างรายได้หลักแสน หลังจากได้ลงมือทำจริงก็กระจ่างกับใจว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ เริ่มตั้งแต่วางเนื้อเรื่อง ใส่ปม การดำเนินเรื่องให้น่าติดตาม เทคนิคพรรณนาให้คนอ่านเข้าถึงอารมณ์ คิดชื่อเรื่อง และแผนการตลาด นักเขียนที่ดีต้องมีมากกว่าการนั่งจินตนาการ แต่ต้องศึกษาข้อมูล มีการวางแผน โดยสิ่งที่มหาโหดนอกจากการเขียนให้จบอย่างมีคุณภาพก็คือขายได้ตามเป้า นั่นล่ะที่ทำคนจำนวนมากถอดใจมาไม่น้อย
คราวนี้ อีกหนึ่งเส้นทางที่คนอาจจะคิดว่าใครที่ไม่มีที่ไปที่ไหนก็มักจะต้องมาลงเอย นั่นคือ ขายของ ยอมรับว่าฉันเป็นหนึ่งในคนซึ่งคิดแบบนั้น เพราะเคยเป็นแบบนั้น แต่ก็ได้มารู้ในเวลาต่อมาว่าจริงๆ วงการนี้เข้าง่าย รอดยาก ใช่เพียงเอาของอะไรก็ได้มาขายแล้วจะขายออก หรือขายได้มากพอสามารถเลี้ยงตัวไปตลอดหรือไม่ คนขายต้องมีตลาด ศึกษาลูกค้า รู้จักสินค้า วางแผนการโฆษณา และต้องทำการตลาดเป็น ทุกอย่างใช้เวลาทั้งสิ้น คำที่พูดกันว่า “กว่าธุรกิจจะอยู่ตัวต้องใช้เวลาสองปี” ไม่เกินจริงเลย เพราะขนาดฉันในตอนนี้ก็ยังเป็นแม่ค้าที่ไม่ประสบความสำเร็จสักที ฮ่าๆๆ
มาถึงอีกหนึ่งเส้นทางที่ใครหลายคนอาจเคยมองว่า แหม ไม่เห็นต้องทำอะไรมากแค่นั่งรับสาย จะเหนื่อยจะหนักสักเท่าไหร่กัน พนักงานรับสายมีหลายประเภท ต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นรับสายแบบไหน ยิ่งต้องเป็นด่านหน้าคอยรับมือกับคนที่ติดต่อเข้ามาแทนองค์กรยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีสารพัดรูปแบบ ซึ่งทำให้เกิดความเครียด ความกดดันมากพอสมควร แถมต้องใช้เทคนิคการพูด การโน้มน้าวต่อรองอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็ถูกสาดอารมณ์ใส่ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตนเองเลย ทว่าก็ทำได้แค่ทนรับฟัง และดำเนินการภายใต้เขตอำนาจหน้าที่ที่พอมีเท่านั้น สติ และทักษะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสำคัญมาก
ทุกเส้นทางที่เล่ามาส่วนตัวประสบเองมาหมดแล้ว อยากมาถ่ายทอดเป็นความรู้และอาจช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ทุกคนบ้างไม่มากก็น้อย และสายสุดท้ายที่จะพูดถึง แม้ไม่ใช่อะไรที่เคยทำมาก่อน แต่ก็สัมผัสมาทางอ้อมพอสมควร เป็นต้นว่า สายทำอาหาร ซึ่งเป็นสายหนึ่งที่ต้องรอบรู้เรื่องวัตถุดิบ เรื่องการจัดการ ยิ่งปัจจุบันเพียงทำอาหารอร่อยคงไม่พออีกต่อไป แต่ต้องรู้ถึงการคิดเมนูใหม่ การตกแต่งอย่างสร้างสรรค์ ถ้าคิดจะทำเป็นธุรกิจก็ยิ่งต้องศึกษาหลายอย่าง การแข่งขันสูง หลายคนมักเลือกมาจับเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัว จึงต้องสร้างจุดเด่นเพิ่มเติมให้ตนเองตามไปด้วย แนวคิดพวกนี้ก็ได้มาจากการชอบดูรายการแข่งทำอาหารและติดตามศึกษาการตลาดของสายทำร้านอาหารมาหลายปีทั้งสิ้น
ไม่ว่าใครจะเลือกด้านไหน ถนัดแบบใด ทุกเส้นทางที่ทำจริงๆ แล้วมันไม่ได้ง่ายดายเลย ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ศิลป์หรือศาสตร์วิทย์ก็ตาม ล้วนมีรายละเอียดยากง่ายแตกต่างกันชนิดที่ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ สำคัญกว่านั้นคือ แต่ละอย่างมีส่วนสำคัญไม่ทางตรงก็ทางอ้อมต่อการขับเคลื่อนสังคมทั้งนั้น องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจเน้นไปในเชิงรูปธรรมกว่า มีผลต่อร่างกายและวัตถุรอบตัว ส่วนองค์ความรู้ทางศิลปะ ภาพ เสียง หรือข้อความมักส่งผลต่อแนวความคิดและอารมณ์ซึ่งผลักดันให้คนทำอะไรบางอย่างทั้งทางบวกทางลบกับสังคมได้ ขอให้ทุกคนภูมิใจในเส้นทางของตัวเองเถอะ เพราะเหล่านี้ย่อมต้องมีอยู่ควบคู่กันเพื่อสร้างสมดุลให้กับโลกใบนี้ต่อไปค่ะ


แสดงความคิดเห็น