บทที่ 404 ชีวิตแลกชีวิต
บทที่ 404 ชีวิตแลกชีวิต
โลกธุรกิจมันก็เหมือนกับสนามรบ ด้วยการที่ฉือมู่อยู่ในโลกแห่งธุรกิจมาได้นานหลายสิบปีพร้อมกับสร้างอาณาจักรธุรกิจขึ้นมาได้อย่างยิ่งใหญ่ มันก็ถือว่าเขาคือผู้ที่ประสบความสำเร็จ
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาภายในเกม ชายชราก็ได้ลงทุนเติมเงินไปนับร้อยล้านพร้อมกับทำการว่าจ้างสตูดิโอใหญ่ ๆ ให้มาทำงานให้จนกิลด์ของเขาโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองเซนต์กอลล์ แต่ทำไมจู่ ๆ กิลด์ของเขาถึงได้ตกต่ำมาจนถึงขั้นนี้
ขณะเดียวกันฉือมู่ก็รู้ดีว่าโลกของเกมกับโลกของธุรกิจเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เพราะทุกคนต่างก็เริ่มต้นขึ้นมาเท่า ๆ กัน การเสียชีวิตภายในเกมก็ไม่ใช่การเสียชีวิตจริง ๆ ดังนั้นไม่ว่าใครก็สามารถที่จะผงาดขึ้นมากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกของเกมได้
ป้อมปราการแบล็คร็อค
หวังเถิงนำคำสั่งบุกยึดป้อมปราการเอาไปวางไว้บนแท่นบูชา ก่อนที่เขาจะหันมาประกาศออกไปเสียงดัง
“พวกเราชนะแล้ว”
บลัดไทแรนท์, โซลออฟอีเทอนิตี้, แบล็คบลัดและหัวหน้ากิลด์ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่โห่ร้องขึ้นมาอย่างยินดี ก่อนที่ผู้เล่นหลายแสนคนที่อยู่ด้านล่างจะส่งเสียงเฮขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“ยินดีด้วยนะครับคุณหวังที่พวกเราสามารถยึดป้อมได้สำเร็จ” แบล็คบลัดพูดอย่างประจบประแจง
หวังเถิงก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากเช่นเดียวกัน เขาจึงล็อกเอาท์ออกจากเกมเพื่อไปรายงานกับลิ่วเจียด้วยตัวเอง
“ดีมาก หลังจากนี้ก็รักษาป้อมเอาไว้ให้ดี ๆ หลังจากที่เราทำลายฉงป้าจนสิ้นซากแล้วในเวลานั้นฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้” ลิ่วเจียกล่าว
“ขอบคุณนายน้อยที่ให้โอกาสครับ” หวังเถิงพูดอย่างตื่นเต้น
หลังจากรายงานลิ่วเจียจนเสร็จ หวังเถิงก็ล็อกอินกลับเข้ามาภายในเกมอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะบอกคำพูดของลิ่วเจียให้พวกบลัดไทแรนท์, โซลออฟอีเทอนิตี้และคนอื่น ๆ ฟัง
“ถึงแม้คุณชายจะไม่ได้กำหนดเวลาเอาไว้ แต่ฉันก็หวังว่าเราจะทำลายฉงป้าให้ราบคาบภายใน 2 วันนี้ หลังจากนั้นฉันจะพาทุกคนไปเลี้ยงฉลองในโรงแรมใหญ่ของคุณชายพร้อมกัน” หวังเถิงกล่าว
เมื่อได้ยินว่าพวกเขามีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงที่ถูกจัดโดยทายาทของตระกูลเศรษฐีขนาดใหญ่ มันก็ทำให้ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ครับ/ค่ะ” ทุกคนพูดพร้อมกัน
—
อีกด้านหนึ่ง
ฉงป้ากำลังจัดเรียงกำลังพลใหม่อีกครั้ง โดยเขาจะนำกำลังพลทั้งหมดกว่า 100,000 คนกลับไปยึดป้อมปราการของเขาคืน
ฉวยอู๋อี้มองไปที่ฉงป้าที่กำลังโกรธจัด ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า
“พวกเราควรจะปรึกษากับฉือมู่ก่อนดีไหมคะ? ถ้าไปแบบนี้พวกเราคงยากจะยึดป้อมคืนมาได้แน่ ๆ”
“ทั้งหมดมันเป็นเพราะไอ้ทรยศนั่นคนเดียว! มันทำให้ปืนใหญ่ของเราหยุดทำงานไปด้านหนึ่ง ไม่งั้นพวกเราก็คงจะไม่พ่ายแพ้แบบนี้” แฟนทอมเอจพูดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
“ฉันจะไม่ยอมปล่อยบลัดไทแรนท์ไปเด็ดขาด ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้” ฉงป้าร้องคำรามพร้อมกับชักดาบยาวเอามาปักลงบนพื้น
“น้องชาย นั่นนายกำลังจะทำอะไรน่ะ?” ฉือมู่พูดอย่างตื่นตระหนกหลังจากที่เขา, ลั่วซืออวี่และซิลเวอร์วูฟรีบเดินทางมาหาฉงป้า
“คุณมาก็ดีแล้ว รีบรวบรวมกองกำลังของพวกคุณมาช่วยผมยึดป้อมคืนเร็วเข้า” ฉงป้ากล่าวอย่างเร่งรีบ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉงป้าสติแตกไปแล้ว เพราะถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตอย่างสง่างามมาเกือบ 40 ปี แต่ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้มันก็ทำให้เขาไม่รู้จักความเกรงอกเกรงใจคนอื่นแล้ว
“น้องชายกำลังของเราตอนนี้ยังไม่มากพอจะบุกยึดป้อมกลับคืนมาได้หรอก ใจเย็น ๆ แล้วฟังฉันนะว่าคราวนี้พวกเราปล่อยป้อมให้พวกเขาไปเถอะ หากกิลด์ของนายยังคงดำเนินอยู่สักวันพวกเราก็จะมีโอกาสยึดป้อมกลับคืนมาได้เอง ตอนนี้นายควรจะใจเย็น ๆ แล้วนำทีมไปเก็บเลเวลกู้คืนความแข็งแกร่งกลับมาโดยเร็วที่สุด” ฉือมู่พยายามพูดปลอบประโลม
“คุณพูดบ้าอะไร?! ฉัน ฉงป้าไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ ในเมื่อไอ้บลัดไทแรนท์มันกล้าเล่นลับหลังฉัน ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปแน่ ๆ” ฉงป้าร้องคำรามด้วยความโกรธ
ความจริงภายในใจลึก ๆ เขาก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เขาควรจะอดทนและค่อย ๆ กอบกู้สถานการณ์กลับคืนมา อย่างไรก็ตามเรื่องที่ทำให้เขาเสียหน้ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เขาไม่สามารถจะอดทนได้จริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่แบล็คบลัดส่งสายลับเข้ามาภายในกิลด์ของเขาแล้วทำการปิดการทำงานของปืนใหญ่เวทมนตร์จนทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ในที่สุด
ฉือมู่เข้าใจความโกรธของฉงป้าเป็นอย่างดี เขาจึงพยายามยื่นมือออกไปจับแขนอีกฝ่ายไว้และพูดขึ้นมาว่า
“ใจเย็น ๆ แล้วฟังฉันนะ ตอนนี้เหลยหลงกับเฉียนเฉียนยุติการเป็นพันธมิตรกับพวกเราแล้ว หากพวกเราต้องการจะเอาชนะบลัดไทแรนท์ในตอนนี้ วิธีการเดียวคือเราจะต้องร่วมมือกับลู่หยางเท่านั้น”
“ร่วมมือกับลู่หยาง?! ถ้าจะให้ผมไปขอความช่วยเหลือจากเขา ผมขอยอมออกจากเกมนี้ดีกว่า” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ
พวกเขาแอบวางแผนเล่นงานลู่หยางลับหลังมา 4 ครั้งแล้ว เขาจึงรู้ดีว่าสถานการณ์ระหว่างพวกเขาในตอนนี้เป็นยังไง ดังนั้นฉงป้าจึงไม่มีหน้าจะไปขอความช่วยเหลือจากลู่หยางให้ส่งกำลังมาช่วยพวกเขาได้จริง ๆ
“คุณไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรอีกแล้ว ผมมีวิธีการของผมเองและผมก็ไม่คิดที่จะปะทะกับบลัดไทแรนท์ตรง ๆ” ฉงป้ากล่าวและเมื่อเขาได้เห็นว่าลูกน้องมารวมตัวกันจนเกือบจะครบแล้ว เขาจึงเดินออกไปนำทัพเพื่อนำผู้เล่นทั้ง 100,000 คนเดินทางไปยังซากเมืองโบราณ
เมื่อฉือมู่เห็นว่าเขาไม่สามารถห้ามปรามฉงป้าได้ ชายชราก็ทำได้เพียงแต่กลับเข้าเมืองไปอย่างจนปัญญาและหลังจากที่เขาลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ส่งคำเชิญการเข้าพื้นที่พิเศษไปให้กับลู่หยาง
—
สปิริตอะคาเดมี่
6 โมงเย็น
ลู่หยางกำลังพาพวกฮั่นอิ่งและพวกฮั่นชาเก็บเลเวล ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มได้มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็น 49 แล้ว ขณะที่เด็ก ๆ อีก 12 คนก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็น 47
“พี่ พ่อเพิ่งส่งข่าวมาว่าฉงป้าเสียป้อมปราการไปแล้วค่ะ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังรวบรวมกองกำลังเพื่อไปแย่งชิงป้อมปราการของตัวเองกลับมา” ฮั่นอิ่งกล่าว
“พวกเราคงต้องเร่งมือแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราต้องพาพวกฮั่นชาไปถึงเลเวล 50 ให้ได้” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพูดคุยกับฮั่นอิ่งอยู่นั่นเอง จู่ ๆ ลู่หยางก็สังเกตเห็นว่าฉือมู่ส่งคำเชิญมาให้เขาเข้าพื้นที่พิเศษ
“พวกเธอเก็บเลเวลกันไปก่อนนะ ฉันขอไปคุยกับฉือมู่หน่อย” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะหายตัวไปในพื้นที่พิเศษ
ทันทีที่ลู่หยางปรากฏตัวขึ้นมา ฉือมู่ก็ค้อมตัวลงอย่างนอบน้อมพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“น้องชาย พวกเราพ่ายแพ้แล้ว เห็นแก่มิตรภาพในอดีตของพวกเรา คุณช่วยส่งกำลังมาช่วยฉงป้าจะได้ไหม?”
ลู่หยางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉือมู่จะกล้าก้มหัวให้เขาแบบนี้ เขาจึงสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ แล้วพูดว่า
“คุณไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก”
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพวกเราเอง ถ้าในตอนนั้นพวกเราไม่ได้อิจฉาความสำเร็จของคุณและร่วมมือกันแต่โดยดี ในตอนนี้พวกเราก็คงจะครอบครองเมืองเซนต์กอลล์ด้วยกันไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนเลว ขอให้น้องชายยกโทษให้กับฉันด้วย” ฉือมู่กล่าว
ลู่หยางเป็นคนที่ใจอ่อนกับคนที่นอบน้อมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้เห็นว่าฉือมู่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเอง เขาจึงเผยมือไปทางโต๊ะพร้อมกับพูดว่า
“พวกเรามานั่งคุยกันดี ๆ เถอะครับ”
คราวนี้ฉือมู่ถูกบีบจนหมดสิ้นหนทางแล้วจริง ๆ เพราะถ้าหากฉงป้าถูกทำลายอย่างราบคาบ คนที่จะตายคนต่อไปจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน เพราะด้วยกองกำลังผู้เล่นชุดทอง 50,000 คนของบลัดเติสตี้ กองกำลังนี้ก็สามารถกวาดล้างทุกกิลด์ภายในเมืองเซนต์กอลล์ได้อย่างง่ายดาย
“น้องชาย คุณจะยอมส่งกองกำลังไปช่วยฉงป้าไหม? ถ้าหากคุณต้องการเงินเท่าไหร่ก็เชิญเสนอมาได้เลย” ฉือมู่กล่าว
“เราไม่จำเป็นจะต้องพูดเรื่องเงินกันหรอกครับ เพื่อเห็นแก่มิตรภาพในอดีตคุณก็ลองเชิญฉงป้าเข้ามาในพื้นที่พิเศษนี้ ถ้าหากเขายอมรับผิดแต่โดยดีผมก็พร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเขา” ลู่หยางกล่าว
แม้ว่าการช่วยเหลือฉงป้าจะขัดต่อแผนการที่เขาได้วางเอาไว้ในก่อนหน้านี้ แต่ลู่หยางก็เป็นคนที่เห็นแก่มิตรภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งได้เห็นชายชราอย่างฉือมู่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง มันจึงทำให้เขาไม่สามารถแสดงท่าทีก้าวร้าวออกมาได้จริง ๆ
ฉือมู่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลู่หยางจะมีน้ำใจให้กับพวกเขาได้ขนาดนี้ มันจึงยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบติดต่อไปอธิบายสถานการณ์ให้ฉงป้าฟังในทันที
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 151
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น