ตอนที่ 29 .. “ ความลับที่ไม่ลับ ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 29 .. “ ความลับที่ไม่ลับ ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

   เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

(เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

ครั้งนี้คงถูกใจ - Nuvo

https://www.youtube.com/watch?v=Ddhmw68TNgs

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 29 .. “ ความลับที่ไม่ลับ ”

“Ok Ok อาให้หนูไปทำก็ได้ แต่ต้องอยู่ในสายตาอานะ เข้าใจไหม ทั้งสามคนต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของอาเท่านั้น ทำได้ไหม ถ้าทำได้อาก็ไฟเขียว ให้ร่วมทีมได้” ทับทิมโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ

“จริงนะ” ป๋องพยักหน้า ทับทิมดีใจสุดๆที่ผัวยอมแล้ว วิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่เปลือยและตัวเปียกกระโจนโถมเข้าไปที่ตัวป๋อง จนป๋องหงายหลังลงไปที่ที่นอนเลย แล้วระดมหอมแก้มซ้ายขวาๆอีก

“ไป อาบน้ำกัน หนูจะถูหลังให้ ผัวหนูใจดีที่สุดในโลก” แล้วป๋องก็อุ้มเมียเข้าห้องน้ำไปและก็มีความสุขกันต่อที่นั่น ไม่รู้ว่ากี่รอบ

<<<<< ----- >>>>>

   8.00 น. เผด็จเดินขึ้นมาบนบ้าน เข้ามาอุ้มโบว์ขณะที่เธอนอนหลับ เฝ้าพี่สาวทั้งสองคนอยู่ อุ้มไปไว้บนเตียงน้อยๆแล้วก็ลูบผมหอมแก้มซ้าย เธอหลับเพราะเหนื่อย เอาผ้ามาห่มให้ แล้วก็เดินกลับลงไปข้างล่าง สั่งงานลูกน้องต่อ

“เนเน่กลับพู่กันกลับไปก่อนนะ เอ้านี่ค่าเหนื่อย” สองคนไม่รับ ทุกคนถอดหน้ากากออกเพราะไม่มีใครอยู่

“อะไรกันนาย ค่าอะไรทำไมมันมากมายขนาดนี้ ร่วมหมื่นเลยนะ หนูกับพี่พู่ ไม่เอาหรอก เงินที่นายให้ไว้ ยังไม่หมดเลย”

“นี่มันค่าเหนื่อยพวกแก ค่าเสี่ยง เพื่อมาช่วยฉัน ในเมื่อฉันออกหน้าไม่ได้ อีกอย่างแกยังต้องเรียนนะไอ้ตัวเล็ก” เผด็จเอามือเขย่าหัว

“พวกแกก็เหมือนลูกสาวลูกชายฉันคนหนึ่ง ฉันอยากให้พวกแกมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆฉันก็ไม่อยากให้มาช่วยมาเสี่ยงตายจริงๆเอาไปเถอะ พวกแกสองคนยังต้องเรียนอีกนานกว่าจะจบ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว เนตรอยู่ก่อน”

“ค่ะ/ครับนาย” เนเน่กับพู่กัน ไหว้เผด็จแล้วรับเงินไป เนตรโยนกุญแจรถจิ๊บให้พู่กัน ส่วนชายลึกลับได้กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

“เออ..ไอ้พู่ แล้วอย่าลืมเอารถไปเปลี่ยนทะเบียนกลับด้วยนะและจัดการให้เหมือนเดิม อย่าให้เหลือร่องรอย แค่นี้แหละ”

“ครับ..นาย” เผด็จหันมา “ถ้ามีงานมันส์ๆ สนุกๆ แบบนี้อีก อย่าลืมเรียกพวกเราสองคนนะครับ ผมชอบ ยินดีช่วย”

   เผด็จยิ้มให้ แล้วก็ยกมือบ๊ายบาย สองคนก็ขับรถจิ๊บออกไป ที่จริงโบว์รู้สึกตัวตั้งแต่ตอนอุ้มแล้ว แต่แกล้งหลับ พอเผด็จเดินลงมาจึงมาแอบดูว่าคนใส่หน้ากากทั้งสามคน เป็นใครบ้าง เนื่องจากเนตรหันหลังอยู่จึงไม่เห็น แต่เนเน่กับพู่กันเห็นเต็มๆและได้ยินทุกอย่างที่เผด็จพูดไปทั้งหมด เหลือเนตรอยู่ตามลำพังกับเผด็จ โบว์แอบดูต่อว่า เผด็จเรียกเนตรไว้ทำไม เผด็จกระซิบที่หูเนตร

“จะกระซิบทำไม ก็ไม่มีใคร แถวนี้” แล้วเผด็จก็เดินขึ้นมา โบว์รีบวิ่งกลับไปนอนที่เดิมท่าเดิม เผด็จเดินมาดูแป๋วกับเบ็นซ์

   สายน้ำเกลือห้อยอยู่ระโยงระยางทั้งสองคน อีกฝั่งก็เลือด และเดินตรงมานั่งอยู่ข้างโบว์เอามือลูบผม ลูบแก้มและก้มลงไปหอม

&&&&& ***** &&&&&

   หลังจากอาบน้ำเสร็จ ป๋องก็มาส่งเมียที่ทำงาน วันนี้เดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มสดใส ทั้งคู่ พลอยใสกับเปาเปา ทักทาย

“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับ” ป๋องยกมือสวัสดีทุกคน แล้วก็ไปนั่งที่โซฟา ปูนนั่งรออยู่ ทับทิมจึงเดินเข้าไปหา “พี่โมมารึยัง”

“มาแล้วไปเข้าห้องน้ำ” แล้วแตงโมก็เดินเข้ามา “มีอะไรกับผมแต่เช้าหรือครับ” ทับทิมทำมือเป็นหน้ากากที่ลูกกะตา

“คุณเคยบอกผมว่าให้ไปคุยกันเองเรื่องเป็นพิราบเทา ผมยอมตกลงให้ทับทิมเป็นได้”

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ แล้วคุณมาบอกผมทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับผมเลย”

“เกี่ยวซิพี่ เกี่ยวเต็มๆเลย” ทับทิมรีบบอกพี่ชาย

“ทำไม เกี่ยวตรงไหน” แตงโมถามกลับ

“คือหนูไปรับปากกับคุณอา ไปแล้วว่า ถ้าหนูจะเป็นพิราบเทา พวกเราสามคนต้องขึ้นตรงกับคุณอา ผัวหนูเค้าจะเป็นคนสั่งการและเลือกงานให้ ไม่งั้นหนูก็อด” ปูนกับแตงโม มองหน้าทับทิม

“ทำอะไร ทำไมถึงไม่มาปรึกษากันก่อน อีเตี๊ย” ปูนไม่พอใจ

“อ้าว ไอ้เตี๊ย นั่นมันเรื่องของแกแล้วทำไมต้องลากฉันสองคนเข้าไปเอี่ยวด้วย พวกฉันทำงานไม่เคยมีเจ้านาย ไม่ขึ้นกับใคร อิสระ”

“พี่โม ไอ้ปูน นะนะ หนูขอพี่เรื่องนี้เรื่องอีกเรื่องนะ ต่อไปหนูจะไม่ขออะไรจากพี่อีก”

“ตอนมีผัว แกก็บอกแบบนี้เรื่องเดียว นี่จะมาเอาเรื่องนี้อีกเหรอ ฉันไม่เอากะแกด้วยหละ” แล้วแตงโมก็ลุกเดินหนีไปเลย เหลือปูน

“นะปูน นะแก นะช่วยฉันหน่อย ฉัน” ปูนชี้หน้า รู้เลยว่าทับทิมจะพูดอะไร

“อย่าเลยนะไอ้เตี๊ย หยุดเลย อย่าพูดประโยคนั้นออกมาอีก เพราะแกใช้ไปแล้วตอนที่แกมีผัว”

“นี่แกจะใจร้ายกับฉันจริงๆเหรอไอ้ปูน นะๆ” แล้วทับทิมก็เริ่มใช้แผนหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีกแล้ว เก่งจริงนะแม่คุณตั้งแต่มีผัวเนี่ย

   ปูนใจอ่อนจนได้ “รอตรงนี้ แกนี่จริงๆเลย” แล้วก็ลุกเข้าไปพูดอะไรกับแตงโมไม่รู้ จนต้องหันมาดูสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา แล้วก็เดินกลับมา “ก็ได้ ผมตกลง” ทับทิมดีใจมากกระโดดหอมแก้มพี่ชายตัวเองและไปหอมแก้มเพื่อน

“ไอ้ปูนแกทำยังไงพี่โมถึงยอม” ทับทิมอยากรู้เทคนิคจะได้จำไปใช้กับผัวตัวเองบ้าง

“แต่ผมมีข้อแม้อยู่แค่อย่างเดียว” แตงโมยื่นข้อเสนอ

“ได้ครับว่ามา ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผมให้ได้ผมก็ให้ ลองว่ามา”

“ผมจะเข้าร่วมทีมกับคุณ แต่การทำงานของพวกเราไม่ขึ้นกับคุณ คุณอยากให้พวกเราช่วยอะไรก็บอกมา เราจะช่วย แต่จะมาบังคับกะเกณฑ์ เหมือนจ่ามิ่ง จ่าหมง อะไรพวกนั้นไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ ส่วนทับทิมคุณจะไปทำข้อตกลงอะไรอีก นั่นมันก็เรื่องของคุณสองคน แต่ผมกับปูน ขอทำงานแบบอิสระ ตามแนวทางเดิม ตามความคิดของพวกเราเอง ผมขอแค่นี้แหละได้ไหม”

“ได้ครับ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่ต้องลำบากใจเลยนี้ ก็คิดซะว่า เราสองทีมมาทำงานร่วมกัน มีอะไรผมก็จะแจ้งผ่านทับทิมไป แล้วให้พวกคุณมาร่วมประชุมและจ่ายงานกันไปก็เท่านั้น จริงไหม อีกอย่างพวกคุณจะได้ไม่ถูกมองว่าเป็นคนนอกกฎหมาย อย่างน้อยก็ทำงานให้กับตำรวจ ดีซะอีก จริงไหม จะได้ไม่ต้องโดนตามล่าหมายหัวเหมือนพวกนางแมวป่าอะไรนั่น”

   แล้วพวกสามหน้ากากคนดี ก็มาจับมือเป็นพันธมิตรเข้าร่วมกับอัธวุฒิ เพราะปูนขอไว้ แตงโมจึงยอม ทับทิมจึงมีความสุขมาก

<<<<< ----- >>>>>

   แทนไทขอใช้บริการสามสาวหน้ากาก เพราะยังไม่รู้ว่า ได้แตกคอกันแล้ว จากฉัตรเทพ มีการส่งมอบยาที่ผับแห่งหนึ่งคืนนี้

“ฉัตรเทพ ฉันขอใช้บริการสามสาวหน้ากากของนายหน่อยซิ ฉันจะจ่ายให้พิเศษ ไม่อั้นเห็นได้ข่าวว่าฝีมือดีเหลือหลาย ก็เลยอยากให้เป็นบอดี้การ์ดให้ฉันหน่อยจะได้ไหม พอดีมียาเก่าเหลืออยู่ลอตนึง ไหนๆเราก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว ช่วยกันหน่อย ฉันจะได้มีทุนไปลงขันกับคุณไง” แทนไท อยากเห็นฝีมือของสามสาว แต่หารู้ไม่ว่า ตอนนี้เดี้ยงซะแล้ว

“ได้ซิ จะเป็นไรไป มีของดีก็ต้องอวดกันหน่อย จริงไหม” แล้วก็เรียกดรัณ เข้ามา

“ว่าไงคะนาย” แล้วฉัตรเทพก็กระซิบที่หูดรัณ

“นาย จะดีเหรอ ก็เมื่อคืนเราพึ่ง..” ฉัตรเทพทำท่าจุ๊ๆ แล้วสะบัดมือ คล้ายว่าสั่งอะไรก็ให้ไปทำ

   ฉัตรเทพให้ดรัณ ติดต่อไปที่โบว์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เผด็จนอนกอดโบว์อยู่ข้างๆ <เผด็จอุ้มโบว์มาไว้อีกห้องอีกหนึ่ง ตอนหลับสนิทจริงๆ> โบว์รู้สึกตัวขึ้นมาก็ต้องแปลกใจว่าผัวมานอนกอดเธออยู่ได้เช่นไร แล้วเธออยู่ที่ไหน จึงรีบรับโทรศัพท์

“ว่าไงอาจารย์ มีอะไรก็รีบบอกมา ตอนนี้หนูไม่สะดวก” เธอนอนพูดเบาๆ กลัวเผด็จตื่น เพราะเผด็จกอดเธออยู่

“แกหนีตำรวจอยู่ใช่ไหม” “โบว์ตกใจมาก พยายามจะออกจากอ้อมกอดสามี

“อาจารย์รู้ได้ยังไง” ยังคงพูดไม่ดังมาก เพราะพยายามแกะมือเผด็จที่กอดเอวเธออยู่

“ฉันรู้ก็แล้วกันน่า ข่าวออกดังครึกโครมขนาดนั้น เมื่อคืนล้อมจับสามหน้ากากสาว แต่เหลว”

“มีอะไรก็ว่ามา” พูดไปก็พยายามแกมือ แล้วหมุนตัวออกมา เผด็จพลิกซ้าย ขามาทับร่างเธอเต็มๆ

“นายมีงานพิเศษให้ทำ..นั่นแกกำลังทำอะไรอยู่นะ พูดเบามาก เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว” โบว์ไม่ตอบ

“ฉันไม่ทำงานให้พวกแกอีกแล้ว แค่นี้นะ บอกแล้วไงว่าฉันไม่สะดวก” เอาคางคาบโทรศัพท์ไว้ แล้วเอามือซ้ายแกะขาสามีออก

“อย่าพูดออกมาแบบนั้นซิ ถ้าแกยอมทำ ฉันจะหาที่ซ่อนดีๆให้กับพวกแกเอาไหม เงินดีนะ”

“งานอะไร” หลุดแล้ว เธอจึงรีบขยับตัวออกมาจากตรงนั้น แล้วก้มตัวข้ามเผด็จออกมายืนอยู่ข้างที่นอน

“เหนื่อยน้อย แค่เป็นบอดี้การ์ดคุ้มกันแทนไทให้หน่อย งานนี้มีค่าจ้างให้มากโข ถ้าไม่ทำก็ไม่ว่า แต่ถ้าทำจะช่วยหาที่หลบซ่อนให้”

   โบว์หันไปมองพ่อเจ้าประคุณสามี ใจก็อยากนอนกอดผัวอยู่ที่นี่ แต่อีกใจก็อยากหาที่หลบซ่อนให้มันดีกว่านี้

“ว่าไง ฉันรู้ว่าพวกแกกำลังเดือดร้อน ได้ข่าวว่าพี่สาวทั้งสองของแกเจ็บหนักด้วยนี่ ต้องใช้เงินมากโขอยู่นะในการรักษา อย่าคิดมากเลย แกคนเดียวทำเพื่อคนอีก 2 คน ยังไงก็คุ้ม”

   โบว์หันไปมองสามีที่กำลังนอนหลับอยู่ จึงค่อยๆเดินออกมาจากห้องเปิดประตูออกมาเห็นพยาบาลสาว ประมาณ 5 คน กำลังดูแลพี่สาวของเขาสองคนอยู่ แต่ไม่อยากรบกวนเผด็จ จึงตอบตกลง เพื่อพี่สาวทั้งสองคน

“ได้ ที่ไหนเมื่อไหร่” เธอท่องไว้ เพื่อพี่สาวทั้งสองคน

“คืนนี้ 2 ทุ่มที่ผับของแทนไท ไปในชุดนางแมวป่านะ ฉันจะส่งพิกัดไปให้”

“ได้..แต่ฉันมีข้อแม้” โบว์มีเงื่อนไข “อะไร..” ดรัณทำท่าคิ้วขมวดแบบไม่พอใจ

“บอกนายด้วยนะว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น งานนี้ฉันขอเป็นงานสุดท้ายสำหรับองค์กรนี้และจะไม่ขอยุ่งกันอีก พวกฉันสามคนจะไปตามทางของฉัน เข้าใจไหม ถือว่าเราขาดกัน”

“ได้ แล้วฉันจะบอกนายให้ เอ้า.. ฉันส่งพิกัดงานสุดท้ายของแกไปให้แล้ว อย่าลืมทำให้ดีให้เต็มที่ ที่สุดด้วยแล้วกัน”

<<<<< ----- >>>>>

   ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บ่ายวันศุกร์ ที่สุดแสนจะเครียด อัธวุฒิเรียกประชุมทีมด่วนเพื่อมาสรุปงานเมื่อคืนและส่วนของอัธวิทย์ เพราะอัธวิทย์ไม่กลับบ้าน เลยไม่ได้คุยกัน ยังโกรธพ่ออยู่เรื่องเอาเมียเด็กเข้าบ้าน ต่างคนต่างนิ่งระหว่างพ่อกับลูก ตอนนี้ขิงเหมือนเป็นปาท่องโก๋กับอัธวิทย์ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ความลับบางอย่างที่ยังมืดมนอยู่กำลังจะถูกไขแล้วเร็วๆนี้

“เมื่อคืนเราเกือบจับนางแมวป่า กับพวกได้แล้ว ไม่รู้ว่ามีมือดีจากไหนมาช่วย 4 คน ผมให้พวกคุณออกไปหาข่าวตั้งแต่เช้าแล้วเป็นไงบ้าง มีใครได้อะไรคืบหน้าไหม คดี ดร.วีระก็ยังเงียบ นี่มันอะไรกัน ตอนนี้พวกเราเป็นอะไรกันไปหมด คนเป็นสิบ แต่ไม่มีใครมีข้อมูลข่าวคราวอะไรเลย สู้คนแค่ สามคน อาชญากรอย่างพวกนั้นก็ไม่ได้ ไวยังกะอะไรดี เท่าที่รู้ตอนนี้พวกมันมีคนมาช่วย แสดงว่า พวกนั้น ไม่ได้มีแค่ 3 แล้ว อีก 4 เป็น 7 แค่ 3 ยังจับไม่ได้ แล้วนี่ 7 โอ๊ย จะทำยังไง” อัธวุฒิโยนแฟ้มคดีโครมบนโต๊ะ

“วิทย์ ไอ้วิทย์” ป๋องเรียกลูก วิทย์นั่งเงียบ จนขิงต้องตอบแทน “ขาผู้กำกับ..ถามหนูก็ได้ค่ะ ตอนนี้หนูเป็นบัดดี้กันอยู่”

“เรื่องที่ให้ไปตามสืบนางแบบสาวเป็นไงบ้าง ทำไมไม่มีใครมารายงานผมเลย” ป๋องหัวเสียเรื่องเดิม

“อ๋อ..โน้นเลยค่ะ อ้อมกับ ม่านมุก รับผิดชอบอยู่ ถามได้เลย” ขิงโยนขี้ให้แล้ว ม่านมุก จ้องไปที่ขิงแล้วตอบ

“ก็ไม่มีอะไรมาก 2 วันที่เราไปแฝงตัวที่สตูดิโอ เธอก็ไม่ได้ไปไหน แต่มันแปลกตรงที่ว่า ว่า..” ม่านมุกไม่กล้าตอบ จนป๋องโมโห

“ว่า อะไร ก็ตอบมาซิ อั้มอึ้งอยู่ได้” อ้อมเลยตอบแทน

“ช่วง 2 ทุ่มนิดๆ อยู่ดีๆ เธอก็หายไป พวกเราตามหาเธอไม่เจอเลย ไม่รู้ว่าหายออกไปทางไหน” ป๋องโยนแฟ้มอีกครั้งดังโครม

“คนตั้งสองคน เฝ้าคนแค่คนเดียว หายไปตอนไหนไม่รู้ พวกคุณคิดกันบ้างไหมว่าอะไรเวลามันจะประจวบเหมาะกันขนาดนี้”

“อะไรเหรอค่ะคุณอา” เบียร์ยกมือถาม “พวกนางแมวป่า โดนพวกเราล้อมจับเมื่อคืน เวลาประมาณ 3 ทุ่ม เบ็นซ์หายตัวไปเวลาประมาณ 2 ทุ่ม นิดๆ ระยะทางกับเวลา คำนวนดูแล้ว ก็ใกล้เคียงกันมาก ผมว่าเธอต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้แน่นอน”

“แล้วคุณอามั่นใจแค่ไหนหละค่ะ” ม่านมุกถาม

“ก็นี่ไง พวกเธอสองคนเฝ้ากันยังไง ไม่เห็นเลยเหรอว่า มีอะไรที่ผิดปกติตรงห้องน้ำด้านหลังเมื่อคืนหนะ” ป๋องเอากล้องวงจรปิดมาให้ดู ถึงมันจะมืดๆ แต่ก็ดูออกว่ามีคนอยู่ตรงนั้น

“นั่นเหมือนมีคนออกมาจากห้องน้ำ แต่งชุดที่ไม่ใช่ทั่วไปแน่ มีผ้าคลุมและเห็นตรงกำแพงไหม เหมือนมีใครกระโดดออกไป ตรงนั้นหนะ ถ้าไม่ใช่เบ็นซ์ เพราะพวกคุณบอกว่า ก่อนที่นางจะหายไป นางเดินออกไปที่ด้านหลังสตูใช่ไหม เอ้าดู ดูซะให้เต็มตา”

   ขิง กระซิบอะไรที่หูวิทย์ไม่รู้ วิทย์จึงพูดขึ้นมาได้ “เบียร์” เบียร์สะดุ้ง

“ขาผู้กอง” อัธวิทย์ลุกและเดินไปหาเบียร์ เอามือมาจับไหล่ทั้งสองข้างนิดหน่อย แล้วทำเหมือนนวด

“ตอนนี้คุณพักที่ไหน อย่าบอกนะว่า ที่สลัม” เพ็ญมองหน้าเพื่อน อยากรู้เหมือนกัน

“หนู..เออ ไปพักอยู่กับเพื่อนหนะค่ะ ช่วงนี้ต้องกลับบ้านดึก เพราะต้องขายของด้วยและ..” ยังไม่ทันที่เบียร์จะพูดจบ วิทย์สวนทันที

“ความลับไม่มีในโลกนะเบียร์ คุณจะบอกผมเองหรือจะให้ผมบอกกับเพื่อนๆคุณในห้องนี้ให้..ว่าไง” เบียร์เหงื่อตกแล้ว

   อัธวุฒิงง ไม่เข้าใจว่าวิทย์ถามทำไม “ตกลงนี่มันเรื่องอะไร เรากำลังพูดถึงนางแบบคนนั้นอยู่นะวิทย์” วิทย์ชี้ไปที่เบียร์

“พ่อรอฟังจากปากเค้าดีกว่า แล้วพ่อจะเข้าใจ..ว่าไงครับคุณคันธมาศ” อัธวิทย์ ก้มลงไปข้างหูขวาของเบียร์ แล้วตะโกนใส่

“เบียร์” วิทย์เอามือตบโต๊ะลงไปตรงหน้าเบียร์อย่างแรง เบียร์กลัว ขวัญเสียทันที จึงหลุดปากพูดออกมาทันที

“ตอนนี้หนูพักอยู่ที่คอนโดกับพี่เบ็นซ์ พี่แป๋ว พี่โบว์ ค่ะ เมื่อไม่นานนี้ 3 เดือนแล้ว เท่านี้หละค่ะ หมดแล้ว ไม่มีอะไรปิดบังอีกแล้ว”

   ตอนนี้เรื่องที่เบียร์อยู่คอนโดเดียวกันกับสามสาวเป็นความลับที่ไม่ลับไปแล้ว “อะไรนะ” อัธวุฒิ เตะเก้าอี้ดังโครม

“เบียร์ คุณคิด คุณทำอะไรของคุณอยู่ คุณอยู่ใกล้เขาที่สุด แล้วทำไมไม่บอกพวกเรา ต้องให้พวกเราอดตาหลับขับตานอนไปเฝ้าเขาทำไม โอ๊ย” ทุกคนจ้องมองมาที่เบียร์ รวมทั้งเพ็ญด้วย

“ไอ้เบียร์ แกทำยังงั้นทำไม” เพ็ญถามเพื่อนแบบช๊อกๆ เบียร์ตัวสั่นไปหมด

“หนูขอโทษนะคะคุณอาและเพื่อนๆทุกคนด้วย ที่ต้องทำให้เพื่อนๆทุกคนเดือดร้อน” เพ็ญลุกหนีเพื่อน เบียร์จับแขนเพื่อนไว้

“คุณมีเหตุผลอะไร ที่ต้องปิดบัง ไหนบอกผมมาซิ เบียร์” อัธวุฒินั่งลงและพูดกับเบียร์ดีๆ เบียร์ดึงเพ็ญนั่งลงพร้อมกัน

“หนูกับพวกพี่ทั้งสามคนโตมาด้วยกันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพชรรัตน์ค่ะ พี่แป๋วเป็นพี่สาวแท้ๆของหนู ส่วนพี่เบ็นซ์กับพี่โบว์เป็นเพื่อนพี่แป๋ว เราไม่ได้เจอกันมานานถึง 13 ปี พอหนูหาตัวพี่สาวของหนูเจอ หนูก็ไปอยู่กับเขาก็เท่านั้นหละค่ะ เท่านี้จริงๆ”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกผมหละ ว่าคุณพักอยู่กับเขา มาบอก พวกเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้ คุณก็รู้ว่าตอนนี้เบ็นซ์และเพื่อนๆเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่ผ่านมาทุกๆคดี” อัธวุฒิโกรธมาก

“ต่อจากนี้ไปคุณไม่ได้อยู่ในทีมของเราอีก ผมขอถอดคุณออกจากทีมและโปรเจ็คนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณกลับไปทำงานธุรการด้านงบประมาณของคุณตามเดิมตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป เชิญ..คุณออกไปได้แล้ว คุณหมดหน้าที่ ที่หน่วยนี้แล้ว”

   เบียร์เหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางใจ ตัวสั่นนั่งนิ่ง “ถ้าเบียร์ไม่อยู่ หนูก็ไม่อยู่ หนูขอถอนตัวด้วยเช่นกัน ไปเพื่อน” เพ็ญไม่พูดพล่ามทำเพลง กระชากป้ายห้อยคอออกแล้ววางไว้บนโต๊ะทันที แล้วก็เดินออกไปเลยพร้อมเบียร์ เปิดประตูแล้วปิดดังโครม

   อัธวุฒิ ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เขาใช้อารมณ์หรือเหตุผล กันแน่ ยังเหลือลูกชายอีกคน

“ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวนะครับ” อัธวิทย์เก็บแฟ้ม แล้วเดินออกไป

   เมื่องานกร่อย ความเงียบเข้ามาแทนที่ ทุกคนก็ค่อยๆลุก เลื่อนเก้าอี้และเดินออกไปอย่างเงียบๆ ทิ้งอัธวุฒินั่งอยู่คนเดียวในห้อง จนค่ำมืด เขาก็ยังไม่ได้ลุกจากตรงนั้นไปไหน ทับทิมรออยู่ที่ทำงาน ผิดเวลามากที่สามีเคยมารับกลับบ้าน รอเท่าไหร่ก็ไม่มาสักที จึงโทรเข้าไปหา “ที่รัก งานยุ่งเหรอค่ะ นี่ 2 ทุ่มแล้วนะ ลืมอะไรไปรึเปล่า” ป๋อง พยายามรวบรวมสติ

“ขอโทษนะที่รัก งานยุ่งจริงๆ เดี๋ยวไปรับนะ รออาที่นั่นแหละ กำลังออกไปแล้ว” แล้วอัธวุฒิก็รีบลุกจากเก้าอี้ไปรับเมีย

“ไม่เป็นไรหนูเข้าใจ เป็นเมียตำรวจต้องอดทนเนาะ เดี๋ยวเจอกันค่ะ บาย จุ๊บ” แล้วทับทิมก็เดินกลับเข้าไปที่ฟิตเนต

&&&&& ***** &&&&&

   2 ทุ่ม เนตรอัปสร กับหน้ากากหนังในคราบนักร้องสาวพราวเสน่ห์ (เธอได้ปลอมตัวมาตามคำสั่ง) ได้เดินเข้ามาสมัครเป็นนักร้อง ตามแผน ที่เผด็จได้เตรียมเอาไว้

“ผู้จัดการครับ นักร้องใหม่ที่ให้หา มาแล้วครับ กรอกใบสมัครเรียบร้อยแล้วครับ” บ๋อยเข้ามาบอก

“งั้นก็ให้ขึ้นทดสอบต่อจากเพลงนี้เลย ไป บอกนักดนตรีด้วย ให้เด็กใหม่เลือกเพลงร้องได้เลย” แล้วบ๋อยก็ไปกระซิบที่หนูของเนตร

จากเนตรก็ขึ้นร้องเพลงโชว์

< Sweetie Sweet เถียน มี๋หมี่ - Teresa Teng เติ้ง ลี่ จวิน > https://www.youtube.com/watch?v=vwNy03cDcGA

   ทำเอาหนุ่มๆที่มาในวันนี้ต้องสะดุดกับเสียงที่หวานปานน้ำผึ้งและหลงเธอตั้งแต่วันแรกไปตามๆกัน จนผู้จัดการ เองยังต้องหันมายิ้มและหลงเธออีกคน

   พอร้องเพลงจบลงมา ผู้จัดการลงมารอรับเองเลย “เพราะมากเลยจร้า คนสวย” ผู้จัดการชม

“ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณ..” บ๋อยกระซิบ “ผู้จัดการ”

   เนตรขอบคุณแนบอก “หนูผ่านไหมคะท่าน” เนตรปากหวาน รู้ทันผู้จัดการขี้หลี เลยจัดให้ ไหว้ไปที่อกอีกครั้ง

“หนูขอฝากเนื้อฝากตัวกับท่านผู้จัดการด้วยนะคะ เมตตาลูกนกตัวเล็กๆ ตาดำๆด้วย”

   ผู้จัดการขี้หลี เสร็จลูกอ้อน บ๋อยมากระซิบว่า มารออีก 3 คน “ฉันเอาคนนี้แหละ” บ๋อยเดินหัวเสียกลับไปเลย

“หนูชื่ออะไรบอกฉันซิ” เนตรส่งยิ้มสวยๆไปให้ “หลินค่ะ หนูชื่อหลิน ตกลงหนูได้งานทำแล้วเหรอคะ ท่าน”

   ผู้จัดการ ตอบไปด้วยเอามือลูบไหล่ที่ขาวจั๊วไปด้วย “ได้แล้วจร้า หนูมาร้องให้พี่ที่นี่ทุกวันได้ไหม ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงเที่ยงคืน พี่ให้คืนละ 2 พัน มาลัยต่างหาก” เนตรส่งยิ้ม

“ขอบพระคุณพี่มากที่กรุณาน้องนะคะ” เนตรโบกมือลาจะกลับ “จะไปไหนหละ” ผู้จัดการถาม

“กลับบ้านซิค่ะพี่ ถามได้” ผู้จัดการขี้หลี โบกนิ้ว “ไม่ได้ๆ เห็นไหมพวงมาลัยเต็มคอขนาดนี้จะกลับได้ยังไง วันนี้ช่วยพี่ก่อนนะถือว่าเอาบุญ” เอาไงดีวะเนตร “หยวนๆไปก่อน” เนตรคิดได้เท่านี้ “ค่า ยินดี” แล้วผู้จัดการก็พาไปหาที่นั่ง

   โบว์ไปทำตามหน้าที่ มาตามนัด ยืนรอแทนไท ที่ลานจอดรถ ภูผาขับรถมาจอดข้างๆเธอ ตามนายสั่ง

“มาแล้วรึ นางแมวป่า” แทนไทเอ่ยวาจาออกมา โบว์หันไปมอง “จะให้ฉันทำอะไร ว่ามา” โบว์พูดสั้นๆห้วนๆ

“ไอ้พวกที่มารับของ มันท่าทางไม่ค่อยดี ได้ข่าวมาว่า มันจะหักหลังฉัน ฉันก็ไม่แน่ใจ ก็เลยอยากให้เธอมาช่วยคุ้มกันฉันหน่อย ถ้ามันตุกติกจริง เธอเก็บพวกมันได้เลย ทำได้ไหม”

“ได้ แค่นี้ใช่ไหม” แทนไทพยักหน้า “ตามฉันมา เราจะขึ้นบันไดหลัง แล้วเธอก็หาที่หลบอยู่แถวๆนั้นก็แล้วกัน ห้องมันติดกัน ถ้าได้ยินเสียงแก้วแตกเมื่อไหร่ เธอจัดการพวกมันได้เลย เข้าใจไหม” โบว์พยักหน้า ขณะที่โบว์เดินกำลังขึ้นบันไดหลังไปพร้อมแทนไท และภูผา เนตรกำลังแอบเดินสำรวจ ทางหนีที่ไล่ของผับแทนไท เห็นนางแมวป่า มากับแทนไทที่ผับ เลยโทรรายงานเจ้านาย

“นาย” เผด็จกำลังปลอมตัว อยู่ในห้องที่บ้าน “มีอะไร” เนตรขอดูอีกทีว่าใช่ไหม พอใช่แน่นอนก็บอก

“หนูเห็นนางแมวป่า เด็กนายอยู่กับแทนไทที่ผับเนี่ย ไม่รู้ว่ามาทำไม สงสัยท่าทางจะมีเรื่องแน่นอน นายจะเอาไงให้หนูช่วยไหม”

   เผด็จเลิกปลอมตัวเลย “ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจัดการเอง เธอไปจัดการติดเครื่องดักฟังให้ได้เข้าใจไหม สำคัญกว่า ไป อืม..ขอบใจมากนะที่บอกเรื่องนางแมวป่า” เผด็จไม่ลืมที่จะขอบใจเนตรที่ยังหวังดีบอกเรื่องนางแมวป่าทั้งๆที่ไม่ถูกกัน

“ไม่เป็นไร หนูเข้าใจ มองตาก็รู้ ดูก็ออกว่านายห่วงเธอ รีบมาหละ หนูไปหละ ถ้ามีอะไรจริงๆหนูจะแอบช่วยไปก่อน”

“ไอ้เด็กบ้า ไปได้แล้ว” แล้วเนตรก็แอบเข้าไปในห้องของแทนไปและห้องทำงาน เธอติดไว้ 3 จุด เผื่อพลาด

   พวกซื้อยามากันแล้ว กลุ่มใหญ่ 10 กว่าคน ผ่านการตรวจจากด่านชั้นล่าง เดินผ่านขึ้นไปชั้นบนผ่านชั้นสอง เนตรหลบเกือบไม่ทัน พอพวกนั้นขึ้นไปชั้นสาม เธอก็ค่อยๆแอบตามขึ้นไป และรายงานอีกครั้ง

“นาย สงสัย มันจะมาซื้อขายอะไรสักอย่างหนึ่งบนนี้” เผด็จกำลังขับ คารดิแลคมาช่วยโบว์

“เธอเก็บภาพเอาไว้เป็นหลักฐานก่อน ให้ได้มากที่สุด กล้องจิ๋วที่กระดุมเสื้อ ยังใช้การได้อยู่ไหม” เผด็จไม่แน่ใจ

“ได้ค่ะนาย” เผด็จยิ้มออกเลย “ดี ถ้างั้นเก็บเป็นวีดีโอไปเลย เอาทั้งภาพทั้งเสียง มันจะได้ดิ้นไม่หลุด”

“ได้ค่ะ พวกมันเริ่มกันแล้ว แค่นี้ก่อนนะค่ะนาย” แล้วเนตรก็วางสาย เผด็จรีบเร่ง เหยียบมิดคันเร่ง

   สายของอัธวุฒิอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ปลอมตัวมาเที่ยว เห็นพวกนักค้ายาเดินขึ้นไปแล้วจึงรายงานบอก อัธวุฒิ ขณะที่กำลังขับรถพาเมียกลับบ้าน “ผู้กำกับครับ พวกมันมากันแล้ว ขนมาเกือบ 10 คน จะเอายังไงครับ ผมว่า วันนี้มันฉะกันแน่น” อัธวุฒิสั่งการทันที

“เรียกกำลังเสริมทันที อีกไม่ถึง 10 นาทีฉันจะไปถึง บอกพวกเรา Clear พื้นที่ให้พร้อม บอกจ่ามิ่ง จ่าหมง ให้ไปรอฉันที่นั่น”

“ครับท่าน” แล้วอัธวุฒิก็เลี้ยวรถทันที ไม่กลับบ้าน “จะไปไหนคะที่รัก” ทับทิมตกใจ ที่อัธวุฒิเลี้ยวรถแบบนั้น

“ทับทิม อาต้องขอโทษด้วยนะ คืนนี้หนูคงต้องไปนอนบ้านหนูกก่อนนะอามีงานด่วน มีการส่งมอบยากันลอตใหญ่ที่ผับของนายแทนไท ยังไงวันนี้อาต้องหาหลักฐานเอาผิดมันให้ได้” แล้วอัธวุฒิก็จอดข้างทางส่งทับทิมให้ขึ้น Taxi ทับทิมไม่ลง มองหน้าสามี

“ไหนคุณอาเคยบอกกับหนูไงว่า ทุกข์สุขเราจะอยู่ด้วยกัน แล้วนี่อะไร พอผัวมีเรื่องจะให้หนูกับไปนอนเสวยสุขรอผัวกับบ้านคนเดียวเหรอ หนูทำไม่ได้หรอก หนูไปด้วย” เวลาไม่มีแล้ว ป๋องไม่สามารถที่จะทะเลาะกับทับทิมได้ จึงรีบออกรถทันที

   ทับทิมโทรหาปูน “ไอ้ปูน แกรีบเอาชุดของฉันไปให้ด้วย ไม่ต้องถาม ฉันรออยู่ที่ ผับนายแทนไท ด่วน” อัธวุฒิถามเมีย

“หนูจะทำอะไรหนะ อาให้หนูไปด้วยนี่ก็ถือว่าบุญแล้วนะ นี่จะเอาชุดมาทำไม หนูยังไม่หายดีนะ” ทับทิมไม่สนใจ

“หนูคงอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ ไว้ใจหนู หนูสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อคนที่หนูรัก ขอให้หนูได้ช่วยอะไรผัวหนูบ้างสักนิดก็ยังดี ดีกว่านั่งดูอยู่เฉยๆ”

   เผด็จก็จวนถึงแล้ว รถติดมาก ดันเอารถใหญ่มาอีก คิดผิดรึเปล่าวะเนี่ย การเจรจาต่อรองเรื่องราคาเป็นไปอย่างตรึงเครียด ด้านล่าง พวก จ่ามิ่ง จ่าหมง มาสแตนบายรออยู่แล้ว พวกสายสืบอีก 4 คนก็มาแล้ว โบว์เดินไปเดินมา แอบดูทางช่องลับ ท่าทางเอาแน่ เพราะดูแล้วตกลงกันไม่ได้แน่และแล้วแทนไปปาแก้วลงพื้นทันที เสียงดังพร้อมเสียงปืนสาดใส่กัน ไม่รู่ว่าทางใดบ้าง แทนไทหมอบลง โบว์กระโดดออกมาจากที่ซ่อน มาพาแทนไทหลบไป แล้วเอาผ้าคลุมบังกระสุน เพราะเป็นผ้าเกราะพิเศษ ทนไฟและยิงไม่เข้า โบว์สะบัดเข็มบินซัดใส่พวกนั้นล่วงไปสาม อีกสองคนกระโจนมาใส่โบว์ เธอล้มตัวลงและกระโดดถีบโดนคนร้ายเต็มตัว กระเด็นไปโดนกระจกตกลงไปชั้นล่าง 1 ต่อ 10 งานเข้าเลยที่นี้ ข้างล่างเอะอะโวยวายกันใหญ่วิ่งหนี มีทั้งเสียงปืน เสียงระเบิดตูมตาม คนโกลาหล กันทั้งผับ วิ่งกรูหนีออกไปข้างนอก  อัธวุฒิมาถึงจอดรถดังเอี๊ยด เห็นคนกำลังวิ่งกรูหนีกันออกมาเหมือนมดแตกรัง

   ด้านในโบว์ก็กำลังลุยเดี่ยวอยู่คนเดียว ผู้ชายอกสามศอกตัวบึกๆทั้งนั้น แต่ก็โดนโบว์ถีบกระจายลงไปคอหักตายหลายคน โบว์วิ่งออกมาดูจากชั้นสาม ว่ายังมีอีกกี่คน ป๋องวิ่งเข้ามาพอดี

“นางแมวป่า แกเสร็จฉันแน่วันนี้” จ๊ะเอ๋กันอีกแล้ว เลยยิงสวนขึ้นไป ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว เนตรรีบโทรหาเผด็จ

“นายฉะกันแล้ว 10 ต่อ 1 จะให้หนูช่วยก่อนไหม ไม่งั้นเด็กนายเละแน่ ผู้ชายตัวใหญ่ๆทั้งนั้น”

“เออ ขอแรงทีวะ สุดท้าย ก็ต้องพึ่งเธออีกแล้วหงส์ฟ้า” เนตรชอบ “ไม่มีปัญหาของชอบ หนูยินดีเต็มใจ”

   พอพูดจบ ก็ดึงชุดกระโปรงนักร้องออกทันที เพราะเธอสวมชุดหงส์ฟ้าสแตนบายอยู่ตลอดเวลา ถอดหน้ากากหลินไม่ทันแล้ว จึงหยิบหน้ากากหงส์ฟ้าขึ้นมาใส่ กระโจนออกไปช่วยนางแมวป่า “เจอกันอีกแล้วนะ นางแมวป่า”

   สองสาวหันหลังชนกัน “ยินดี หงส์ฟ้า แหม ดวงเรานี่เกื้อกูลกันจริงๆ สงสัยคงทำบุญร่วมกันมานะ”

“อย่าช้าเลยรีบเปิดทางออกไปก่อนเถอะกว่านายจะมาอีกนาน” เนตรพูด โบว์แกล้งแซว “นายอีกแล้วเหรอ” โบว์ส่ายหัว

   แล้วก็กระโจนออกไปลุยทันทีแล้ว สองสาวหันหลังสู้กัน อาวุธมีเท่าไหร่ก็ดึงออกมาใช้เกือบหมด ไม่ว่าจะเข็มบินของโบว์ มีดเล็กของเนตร อัธวุฒิวิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง คราวนี้เห็นนักสู้สาวใหม่อีกคน ไม่รู้ว่าฝ่ายไหน แต่เห็นช่วยนางแมวป่า ก็ตีขลุมว่าพวกเดียวกัน จึงยิงใส่ทั้งคู่ ทั้งโบว์และเนตร เอาคนร้ายเป็นโล่ห์บังไว้ แล้วรีบกระโดดหนีลงไปชั้นล่างเลย มือถึงพื้น ก็ตีลังกาทั้งคู่ม้วนตัว แล้วก็รับมือกับพวกพ่อค้ายาอีกฝั่งละ 2 คน พวกพ่อค้ายามาจากไหนอีกไม่รู้ ขนคนมาเพียบกะมาถล่มผับแทนไทชัดๆ

   วิ่งกรูกันมานับสิบ แตงโมขับรถมอเตอร์ไซด์ มาจอดแบบสายฟ้าแล่บ ปูนโยนกระเป๋าชุดให้ ทับทิมรับไปแล้วรีบแต่งตัว ไม่ถึงสองนาที มาแล้ว สามหน้ากากคนดี วิ่งประจัญบานกับพวกพ่อค้ายา อัธวุฒิตะโกนบอก

“คุ้มกันสามคนนั้นด้วย” แล้วพวกตำรวจก็ไม่แตะต้องพวกทับทิม มุ่งไปจัดการพวกพ่อค้ายาอย่างเดียว

   เผด็จขับรถมาถึงแล้ว รีบวิ่งเข้าไปช่วยเมีย เจออัธวุฒิพอดี

“เฮีย มาได้ไง” ดึงแขนเผด็จเอาไว้ “อย่าพึ่งถาม รีบไปช่วยคนก่อน” ป๋องงง

“ช่วยใครวะ..เห็นมีแต่ผู้ร้าย” เผด็จไม่สนใจ สลัดแล้วรีบวิ่งเข้าไปข้างใน เห็นสองสาวกำลัง เสียท่า เนตรไม่เท่าไหร่ เมียซิกำลังล้มนั่งอยู่กับพื้น ไอ้ยักษ์กำลังจะเอาเก้าอี้ทุ่ม เผด็จรีบกระโจนเข้าไปผลักไอ้ยักษ์ล้มลง แล้วกระโดดเตะก้านคอจนนิ่ง วิ่งไปดูเมีย

“เมียจ๋าเป็นไงบ้าง” คนร้ายวิ่งเข้ามา เผด็จยิงสวน โบว์ยังมึนอยู่

  ป๋องวิ่งเข้ามา เห็นเผด็จกำลังช่วยนางแมวป่าอยู่ จะเข้าไปจับ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นกันอยู่

“เมียจ๋า ตื่นซิ” เผด็จเอามือตบแก้มเมีย เนตรวิ่งเข้ามา

“นายรีบไปก่อนเถอะเร็ว หนูจะต้านไม่ไหวแล้ว เอาเธอออกไปก่อน รู้สึกว่าโดนหนักมาก ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น”

   เผด็จตัดสินใจอุ่มเมียฝ่ากระสุนและดงตีนไปอีกทางหนึ่ง นางแมวป่าค่อยๆได้สติลืมตามาดูเห็นเป็นสามีแว่บนึง ก็วูบไปเลย เนตรกันพวกนั้นได้สักพักก็หมดแรงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เผด็จหันไปเห็นหงส์ฟ้ากำลังแย่ จึงเอาโบว์วางหลบไว้ตรงที่ปลอดภัย แล้วกลับเข้าไปช่วย หงส์ฟ้ากระเด็นไปอยู่ในอ้อมกอดของเผด็จเต็มๆอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในหุบเขา เธอหมดแรงจริงๆเพราะสู้เต็มที่แล้ว ผู้ชายร่างกายบึกบึนทั้งนั้น สู้เท่าที่จะสู้ได้เท่าที่แรงเหลืออยู่เพราะเต็มใจช่วยคนที่เธอรักจริงๆ

“เนตร เนตร” เผด็จตัดสินใจอุ้มเนตรขึ้นมา ใช้เท้าสู้กับคนร้าย เพราะมืออุ้มเนตรอยู่ พิราบเทา วิหคขาว และ เหยี่ยวราตรีเข้ามาช่วยด้านในทันเวลา เห็นเผด็จสู้กับเหล่าร้ายคนเดียวด้วยเท้าเปล่า จึงเข้าไปช่วย ทางอัธวุฒิยิงคนร้ายอย่างเดียว

   พิราบเทากระโดดเข้ามาช่วยสามีซึ่งกำลังเสียท่าเพราะลูกปืนหมด ปาเข็มพิษไปโดนพวกคนร้าย แล้วยิงปืนช่วย ใช้แส้ตวัดไปที่คอคนร้ายและสู้ด้วยมือเปล่า ด้วยความว่องไวของครูเทควันโด เธอกระโดดเตะก้านคอพวกนั้นจนสลบไปหลายคน แล้วก็ไปคว้าแขนสามีวิ่งฝ่ากระสุนปืนออกไป

   เนตรที่อยู่ในอ้อมแขนของคนที่เธอรักอย่างมีความสุขมาก ณ.ตอนนั้นถึงแม้ว่าเธอจะลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็รู้สึกและสัมผัสได้ว่าอบอุ่น เธอยิ้มทั้งๆที่เจ็บ ขณะที่เผด็จสู้กับเหล่าร้ายและอุ้มเธอไว้ แตงโมบอก

“ผู้การ เอาเธอคนนี้ไปก่อนทางนี้ผมจะกันไว้ให้” เผด็จบอก

“ไม่ได้ ผมมีสองคน อีกคนก็สลบอยู่ตรงโน้น ผมทิ้งเธอไม่ได้” แตงโมทำตัวไม่ถูกแล้ว “แล้วจะเอายังไง”

“คุณช่วยอุ้มคนนี้ เอาไปไว้ที่รถผม แล้วผมจะไปอุ้มคนโน้น ช่วยผมหน่อย” แตงโมรับปาก “ได้ รีบไปผมช่วยคนนี้เอง”

   แล้วเผด็จก็ส่งเนตรให้กับแตงโม แตงโมอุ้มเนตร ฝ่าออกไป เจอปูน “ใครหนะพี่” แตงโม ไม่มีเวลาอธิบาย

“อย่าพึ่งถาม ไปเปิดรถคันนั้นให้พี่ก่อนเร็ว” แล้วปูนก็เปิดประตูรถเผด็จด้านหลัง

   แตงโมเอาเนตรวางที่เบาะ แล้วก็ปิดประตู คนร้ายมาพอดี แตงโมรีบดึงปนูหลบ คนร้ายยิงปืนใส่ แตงโมปามีดไปใส่คนร้าย ปูนเสียหลักไปซบอกแตงโมเต็มๆและล้มลงไป ปากของปูนไปประกบกับปากของแตงโมเต็มๆปูนทับอยู่บนร่างของแตงโม ทั้งสองคนเคลิ้มไปโดยปริยาย ปูนกอดแตงโมอยู่ สักพักปูนถอนปากตัวเองออกมาจากปากแตงโม เหมือนเขิน ไม่พูดอะไร แล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย ไปลุยกับเหล่าร้ายต่อ แตงโมลุกขึ้นมา ก็ยิ้มๆแล้วไปลุยต่อเช่นกัน

   เผด็จอุ้มโบว์ออกมา เจออัธวุฒิ “เฮีย..จะอุ้มนางแมวป่าไปไหน” ป๋องขวางไว้ไม่ให้ไปไหน

“เธอเจ็บฉันต้องเอาเธอไปรักษาก่อน” ยังไงป๋องก็ไม่ยอม

“แต่เธอเป็นคนร้าย ทางการต้องการตัว ผมต้องจับ เฮียส่งเธอมาให้ผมเดี๋ยวนี้” ทับทิมวิ่งเข้ามาพอดี

“มีอะไรกันหนะ” ทับทิมมองเห็นนางแมวป่าสลบ

“เฮีย..ผมต้องทำตามหน้าที่ ถ้าเฮียขัดขวางอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะ”

   ทับทิมขวางสามีเอามือไปกดกุญแจมือลง “ผู้การพาเธอไปเลย ทางนี้เดี๋ยวหนูจัดการเอง รู้สึกว่าเธอจะบาดเจ็บและบอบช้ำมาก”

“ขอบใจมากนะพิราบเทา” เผด็จรีบวิ่งไปที่รถและขับรถออกไปเลย ป๋องจะวิ่งตาม เมียมองหน้า

“มองหน้า บอกให้มองหน้าหนู นี่ใคร มอง นี่เมียใช่ไหม นี่เมียนะ จะให้หนูเสียหน้าเหรอ” ทับทิมโมโหมาก

“แต่นั่น..” เมียมองหน้า “หนูขอถามหน่อย ถ้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนผู้การเป็นหนู แล้วมีคนอื่นมาขวาง อาจะยอมไหม” ป๋องตอบช้าๆ “ไม่ยอม” ทับทิมเอามือตบแก้มผัวเบาๆ “ใช่ ไม่ยอม ผู้การก็เหมือนกัน นี่อาดูไม่ออกเหรอว่าเขาสองคน เอ๊ย..นี่เหรอผัวชั้น ทำไมถึงได้งี่เง้าซื่อบื้อปานนี้แค่นี้ก็ดูไม่ออกไป ไป Clear พื้นที่ทางโน้น” แล้วทับทิมก็เดินกอดสามีไป Clear พื้นที่ ไม่นานเสียงปืนก็สงบลง

>>>>> ----- <<<<<

   ผับเละไม่มีชิ้นดี คนร้ายตายเพียบ อัธวุฒิเดินมาดู “มีใครเหลือรอดบ้างไหมคนร้ายหนะ” จ่ามิ่งเดินมารายงาน

“ไม่รอดเลยครับ ตายสนิททุกราย” อัธวุฒิมองเข้าไปในผับแล้วหันกลับมาดูศพที่ตายเกลื่อน “ตกลงได้ข้อสรุปว่าไง”

   อัธวุฒิถามจ่าหมง “เอาผิดแทนไทได้ไหม” จ่าหมงส่ายหน้า “ทำไม หลักฐานก็มีไม่ใช่เหรอ” จ่าหมงรายงาน

“ถามแล้ว พยานทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าตอนเกิดเหตุ แทนไท ไม่ได้อยู่ที่นี่ มีแต่นางแมวป่า ที่มาหาเรื่องคนเดียว”

“อะไรวะ เจ็บใจจริงๆตอนเกิดแหตุ มันไม่อยู่ จะเป็นไปได้ยังไงวะ” ป๋องโมโหเอาเท้าเตะประตู 

“พี่กับปูนกลับก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยไอ้เตี๊ย” แล้วปูนก็เดินเข้ามากอดเพื่อน

“ขอบใจมากนะที่มาช่วย” ทับทิมกล่าวทั้งน้ำตาซึม

“ขี้แยไปได้ ไปไปดูผัวแกโน้น กำลังเครียดเลย” แล้วปูนก็ซ้อนมอเตอร์ไซด์แตงโมกลับ ทับทิมเดินไปหาป๋อง

“เป็นไงบ้างอา ได้เบาะแสอะไรบ้างไหม” ป๋องลุกขึ้นมา

“ไม่ได้เลย พวกนี้ เป็นอีกแก๊งค์นึงที่ขัดผลประโยชน์กัน คงตีความได้แค่ ขัดผลประโยชน์ แล้วมาแก้แค้นกันเท่านั้น เพราะทางนี้ เขาแจ้งความว่า ถูกคู่อริลอบทำร้ายอะไรทำนองนั้น”

   แล้วทั้งคู่ก็เดินกอดกันกลับไปที่รถ หยอกล้อกันไปตามประสาคู่รัก ส่วนพวกที่เหลือ ก็ทำตามหน้าที่ต่อไปเก็บนั่นบันทึกนี่

<<<<< ---------- >>>>>

   5 ทุ่มแล้ว เผด็จขับรถพาสองสาวมาที่คอนโดเขาก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน คิดไม่ออกจริงๆ เผด็จอุ้มโบว์ขึ้นไปก่อนไปวางไว้บนเตียงด้านในและลงมาอุ้มเนตรเป็นคนที่สอง เขาวางเนตรบนโซฟาตัวใหญ่ ดึงหน้ากากของเนตรออกแล้วเอาผ้าขนหนูพื้นน้อยๆชุบน้ำเช็ดตามหน้า แขนและขา ไปก่อน เขาคิดอยู่พักใหญ่ เจ็บทั้งสองคนจะทำไงดีวะ พอเช็ดทางเนตรเสร็จ ก็ไปเช็ดเมียต่อ สำหรับโบว์เขาไม่กลัว เพราะนั่นเมียถึงจะถอดอะไรออกก็ไม่เป็นไร เพราะเคยเห็นกันหมดแล้ว แต่เนตรนี่ซิ จะเอายังไงดี

   เขาเดินคิดอยู่พักใหญ่ เปิดประตูห้องออกไป ช่างโชคดีอะไรเช่นนั้น ป้าแม่บ้านคนที่เขารู้จักเดินขึ้นมาเอาของให้แขกด้านล่างพอดี เขาจึงวานคุณป้าช่วยเปลี่ยนชุดให้เนตรกับโบว์หน่อย เขาให้ค่าจ้างป้าแม่บ้านหนึ่งพัน

“ผมให้ป้าหนึ่งพันนะ ช่วยเปลี่ยนชุดให้สองคนนั้นด้วย คนนึงนอนอยู่ที่โซฟานะป้า ชุดวางอยู่ที่โต๊ะ อีกคนอยู่ในห้องนอน ชุดวางอยู่ที่หัวเตียง เดี๋ยวผมขึ้นมา ขอไปหาอะไรทานก่อนเพราะหิวและเหนื่อยมาก”

   ป้าแม่บ้าน ไม่เอาก็โง่แล้ว แค่เปลี่ยนชุด 2 ชุดได้ตั้งพัน แล้วป้าก็จัดการถอดชุดเดิมของทั้งสองคนออกแล้วเช็ดตัวทำความสะอาดและเปลี่ยนชุดใหม่ให้ เปิดแอร์ห่มผ้าให้อย่างดี เพื่อให้สมราคาหนึ่งพัน ป้าจึงเอาชุดของทั้งสองคนไปซักให้ด้วย แถมให้หน่อย เหมาะกับราคา พอเสร็จเธอก็ออกจากห้องทันที

   ประมาณเที่ยงคืน เผด็จกลับเข้ามา เจอปัญหาอีกแล้ว แล้วฉันจะนอนเฝ้าใครดีละวา ไข้ขึ้นทั้งคู่ อุตส่าห์ออกไปซื้อยาลดไข้มาให้ทานก็แล้ว จึงตัดสินใจ เอาวะ เอาไงเอากัน เขาตัดสินใจ อุ้มเนตรไปวางที่เตียงเขาอีกคน เพราะเตียงเขาใหญ่นอนได้สบาย 3 คน จากนั้นเผด็จก็จัดการอุ้มโบว์ขยับออกมาอีกนิด ตอนที่อุ้มเมียเขาสังเกตุเห็นสร้อยของเขาที่โบว์ใส่อยู่ เขาเลยก้มลงไปหอมแก้มขวาเมียหนึ่งครั้ง แล้วก็ใช้เวลาไม่นานในขยับพื้นที่สำหรับโบว์ พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย โบว์อยู่ทางขวา เนตรอยู่ทางซ้าย ตรงกลางเป็นของเขา เผด็จก็ไปเปลี่ยนชุดและอาบน้ำ เมื่อร่างกายสบาย ปะแป้งจนหอมแล้ว เขาก็ค่อยๆขึ้นเตียงไปนอนอยู่ระหว่างสองสาว   

&&&&& ***** &&&&&

   < กล่าวถึง ชีวิตของ ทับทิม > พ่อแม่รวย มีมรดกมากมาย แต่ไม่ชอบชีวิตคุณหนู ชอบออกกำลังกาย ยุ่งเรื่องชาวบ้าน เลยมาทำงานกับปูน มีพี่ชายหนึ่งคน ชื่อแตงโม อายุห่างกัน 10 ปี ทับทิมเป็นลูกหลง พ่อแม่เลยตามใจเป็นพิเศษ

   ในวัยเด็กที่แรกเกิดใหม่ๆทับทิมคลอดก่อนกำหนด 1 เดือน จึงมีร่างกายที่เล็กแต่สมส่วน ไม่ค่อยแข็งแรง หน้าตาดี ตัวจึงเล็กกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน อยู่ในตู้อบหลายวัน แต่พอผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ ทุกคนก็หายห่วง พ่อของทับทิมสืบเชื้อสายจ้าวมาจากทางเหนือ ส่วนแม่เป็นคนกรุงเทพ ได้รับมรดกทางคุณตามาค่อนข้างเยอะ เพราะทำธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เก่ง

   ทับทิมเกิดที่ลำพูน มีเชื้อจ้าวมาบ้างจากพ่อ แต่ไม่เคยสนใจ พ่อและแม่มีมรกดกหาไว้ให้สองคนมากมาย จึงไม่ห่วง เพราะแตงโมดูแลน้องได้ดีเยี่ยมตั้งแต่เล็กๆ ทับทิมมาเจอปูนที่โรงเรียนอนุบาลตั้งแต่ตอน 3 ขวบ ที่ลำพูน เพราะปูนตัวสูงแต่ผอม และเธอตัวเล็กค่อนข้างท้วม ไม่ได้อ้วน ด้วยความเป็นคนตัวเล็ก จึงมักจะโดนเพื่อนตัวโตแกล้งบ่อยๆ จึงทำให้ปูนต้องเข้ามาช่วยเป็นประจำเสมอจนสนิทกัน พอมารู้จักกันและสนิทกันมากขึ้นจึงคบหาและติดต่อกันมาเรื่อยๆ

   พ่อกับแม่ของทับทิม เป็นคนชอบท่องเที่ยว จึงเปิดบริษัททัวส์ เวลาไปไหนมาไหนจะได้เที่ยวด้วย จึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน หน้าที่ดูแลน้องจึงตกเป็นหน้าที่ของแตงโมตั้งแต่เล็กๆเลย ดูแลจนใครๆก็นึกว่าเป็นพ่อไปแล้ว มารับมาส่ง มางานวันพ่อวันแม่แทนจนเป็นผู้ปกครองไปโดยปริยาย นิสัยของทับทิมออกจะแก่นๆเหมือนผู้ชาย จนเด็กผู้ชายชอบมองเธอเป็นเหมือนทอมบอยมากกว่าสาวงาม จนเรียนมหาลัย ก็เรียนและสอบเข้าที่เดียวกันมาตลอด ใครสอบเข้าที่ไหนไม่ได้ ก็ไม่ไป จนแตงโมรำคาญเรื่องเรียนของทั้งสองสาว บอกว่าจะตัวติดกันไปถึงไหน ใครชอบอะไรก็ไปเรียนที่ตัวเองชอบซิ

   ทับทิมชอบเรียนพละจึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พอเรียนจบก็เลยไม่รู้จะทำอะไร บริษัทพ่อแม่เปิดไว้ เธอไม่ชอบ เพราะเธอร่างกายเล็กและไม่ค่อยแข็งแรง เธอจึงเลือกเรียนวิชาป้องกันตัวและพละศึกษา เพื่อจะได้ออกกำลังกาย ทำให้ตัวเองแข็งแรง พ่อแม่ซื้อบ้านทิ้งไว้ให้หนึ่งหลัง ไว้อยู่ตอนเรียนที่ กทม.เคยมีสาวมาขอเป็นแฟน เพราะทับทิมหน้าตาสวยคม ไว้ผมบ๊อบสั้น ยังกะผู้ชาย แต่สุดท้ายก็ต้องแห้วเพราะทับทิมปฏิเสธิบอกว่าฉันผู้หญิงชอบผู้ชาย ไม่ชอบเล่นเครื่องดนตรีไทย (ตีฉิ่ง)

>>>>> ----- <<<<<

   รุ่งเช้าวันใหม่ของวันเสาร์มาถึง อากาศกำลังสบาย เผด็จไม่ได้เปิดแอร์เขาเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ช่วงตี 5 – 6 โมงอากาศจะเย็นอยู่พักใหญ่ เนตรอัปสรซึ่งนอนอยู่ทางซ้ายของเผด็จ กำลังนอนหลับสบาย เพราะได้ทานยาไปเรียบร้อยพักผ่อนเต็มที่ รู้สึกหนาวเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับอากาศแบบนี้ ผ้าห่มตัวเองหล่นไปข้างเตียงตอนไหนไม่รู้ เลยหมุนตัวมากอดเผด็จแบบไม่รู้ตัว กระเถิบและขยับตัวเองมาเข้าอยู่ในผ้าห่มเผด็จเพราะหนาว ขาซ้ายเธอขึ้นมาก่ายอยู่ที่สะดือ มือซ้ายก็หมุนขึ้นมากอดและวางไว้ที่อกเผด็จ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัวสักพักก็รู้สึกอุ่นสบาย เหมือนฝันว่าได้นอนกอดผู้ชายและผู้ชายคนที่เธอฝันถึงทุกคืน ไม่ใช่ใครก็คือเผด็จนั่นเอง

   เธอกำลังนอนหลับฝันดี ฝันถึงชายที่เธอแอบชอบอยู่ ก็ต้องปล่อยเธอ เนตรเอาหัวเขยิบจากหมอนของตัวเองขึ้นมาจนถึงอกของเผด็จ หนุนแบบมีความสุขมือซ้ายก็กอดเหมือนหมอนกอด สบายตัวสบายใจแล้วก็นอนอมยิ้ม เพราะว่าฝันของเธอวันนี้มีความสุขมากเหมือนจริงสุดๆ..ทางโบว์ก็เช่นกัน วันนี้เธอรู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าวันอื่นๆ เพราะเจออัดเข้าไปหลายครั้งจึงหลับยาว พอยาออกฤทธิ์ก็เช่นกัน รู้สึกหนาว เหงื่อเริ่มออก หันขวาเอามือมากอดสามีวางไว้บนอกมือเธอกับเนตรเกือบชนกันอีกนิดเดียว ขาก็เช่นกันยกขึ้นมาก่ายพุงสามี ขยับหัวเข้ามามุดอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน เพราะผ้าห่มของเผด็จผืนใหญ่และหนาห่มทีได้ 3-4 คน หัวอยู่บนไหล่ถึงอก ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดคออุ่นสบาย หลับยาวกันไปจนเวลาเลยผ่านไปจนถึง 9 โมงเช้า

<<<<< ----- >>>>>

   วันนี้เป็นเสาร์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนคือวันเด็ก เช้าวันใหม่ที่สดใส เกศินีพาเด็กๆทั้งสองคนมาเที่ยวแทนเผด็จ เพราะเขาไม่ว่าง ยุ่งอยู่กับเรื่องที่จะจัดการพวกหนักแผ่นดินทั้งหลาย จึงเปิดโอกาสให้เกศินีได้อยู่กับลูกและลูกได้อยู่ในความดูแลของแม่แท้ๆทางอ้อม จะเพราะอะไรก็ไม่รู้ได้หรือเป็นเพราะสายใยระหว่างลูกกับแม่ที่ธรรมชาติสร้างมามั้ง ขนมผิงรู้สึกผูกพันกับเกศินีแบบไม่รู้ตัว แบบที่ทุกคนก็นึกไม่ถึง ไม่ว่าย่าผาดและขนมเบื้อง เธอไม่ดื้อ ไม่วีนและไม่เป็นเด็กอารมณ์ร้อน เหมือนเมื่อก่อน ใจเย็นลงกว่าเดิมเยอะ เพราะเกศินีสั่งสอน เอาใจใส่ มานอนด้วยทุกคืน รักและตามใจยังกะไข่ในหิน ขนมผิงกลับชอบ ไม่มีปัญหาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

  ตั้งแต่เกศินีเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ารักและผูกพันกับเกศินีได้ยังไง ขนมผิงๆหลังๆไม่ค่อยแผลงฤทธิ์เท่าใดเพราะเกศินีดูแลเป็นอย่างดี ตั้งแต่เผด็จมอบหน้าที่พี่เลี้ยงดูแลเด็ก/แม่บ้านให้ เกศินีชอบมากเพราะได้อยู่ใกล้ลูก ขนมผิงลดพยศลงไปเยอะ เกศินีก็รักขนมเบื้องเหมือนลูกแท้ๆคนนึง ผิงได้อะไร เบื้องก็ต้องได้ ไม่มีลำเอียง ผิงไม่ค่อยถามถึงพ่อเท่าใด เพราะมีแม่อย่างเกศินีที่คอยเอาใจจนลืมพ่อไปเลย ทั้งๆที่ตอนแรกเหมือนไม่ชอบมีอคติ ผิงก็เหมือนไม่ถูกชะตากับเกศินี แต่พอได้มาสัมผัสแบบจริงจัง อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปได้

“น้าเกศหมู่นี้พ่อไปไหน หนูไม่ค่อยเห็นพ่อจะอยู่บ้านเลย แว่บมา แว่บไป ยังกะนินจา ตั้งแต่กลับมาจากเกาะแล้ว”

“พ่อหนูก็ไปทำงานไง” เกศอธิบายให้ฟัง

“ก็พ่อไม่ได้เป็นตำรวจแล้วนี่ หนูจำได้” ผิงพูดขณะที่ปั่นจักรยานน้ำ

“ก็เพราะไม่ได้เป็นตำรวจไง คุณพ่อจึงเข้าหุ้นทำธุรกิจอื่นกับเพื่อนๆ หาตังมาให้พวกเราใช้ไง ไม่ดีเหรอ”

“ใช่ พ่อจะไปไหนก็เรื่องของพ่อเนาะ หาเงินมาให้หนูใช้เป็นพอ หนูไม่สนพ่อแล้ว แค่มีน่าเกศอยู่กับหนูแบบนี้หนูก็พอใจแล้ว”

“ขี้อ้อน ไอ้ตัวแสบ” เป็นเพราะผิงชอบคนเอาใจมากกว่า ขอแค่มีคนอยู่และเพื่อนเธอก็พอและให้เธอเป็นคนสำคัญ มันก็จบ

   พอขึ้นจากเรือ เบื้องก็วิ่งมาหาเกศ “น้าเกศ” เบื้องวิ่งมาแบบเหนื่อยเหมือนหนีอะไรมา “เดี๋ยวลูก เป็นอะไรใจเย็นๆบอกน้าก่อน”

เบื้องชี้ไปทางซุ้มตรงโน้น “จะเอาของขวัญ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องให้ผู้ปกครอง พ่อหรือแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไปเป็นคนเอาให้”

“งั้นก็ไปซิจ๊ะ จะรออะไร ไปลูก” แล้วเกศก็รีบจูงมือทั้งสองคนวิ่งไปเอาของฟรีกันเลย วันนั้นทั้งสามคนมีความสุขมาก

%%%%% ----- %%%%%

   เผด็จขี้เซาตามเดิม สองสาวเริ่มรู้สึกตัวพร้อมกันความลับที่ไม่ลับ ของเนตรอัปสรก็แตกจนได้ เพราะเผด็จถอดหน้ากากของเธอออกไปแล้ว แต่ของโบว์ไม่ได้ถอด พอลืมตาขึ้นมา สองตาก็ ประสานกัน เห็นทีแรก ไม่แน่ใจ นึกว่าฝัน แต่พอขยี้ตาแล้วก็เอามือชี้หน้าซึ่งกันและกันแต่ยังไม่ลุก “เนตร” โบว์ใช้มือขวาชี้ “เธอ” เนตรใช้มือซ้ายชี้ มือทั้งสองก็ยังวางอยู่บนอกเผด็จ ทั้งสองหันไปดูว่าพวกเธอนอนหนุนอกและกอดใครอยู่ ก็ต้องตกใจ “ป๊า” โบว์อุทานออกมา “นาย” เนตร อุทานออกมาเช่นกัน แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งทั้งคู่

   ทั้งสองคนก้มลงไปดูตัวเอง ว่าชุดก็ถูกถอดออกไปแล้ว แล้วใครถอดหละถ้าไม่ใช่คนที่นอนอยู่ตรงนี้ ทั้งสองหันไปจ้องมองเผด็จเป็นสายตาเดียวกัน “เดี๋ยว เมื่อกี้เธอเรียกนายว่าอะไรนะ ป๊า ทำไมเรียกอย่างนั้น..ช่างเถอะเรื่องนั้นช่างมันก่อน เอาเรื่องนี้ก่อน”

   เนตรมองหน้าโบว์ จ้องแล้วจ้องอีก ยังไงก็ต้องใช่ เธอมั่นใจ แต่ไม่แน่ใจว่าจะจริงไหม เพราะหน้ากากที่ปิดไว้ใหญ่มาก

“ถอดหน้ากากออกมาเลย เธอเห็นหน้าฉันแล้วว่าฉันเป็นใคร เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่ยอมเสียเปรียบเธอเป็นอันขาด เร็ว ฉันต้องเห็นหน้าเธอบ้าง” โบว์ไม่ยอมถอด “ไม่..ช่วยไม่ได้ เสียใจฉันไม่ถอด” เนตรชี้ไปที่เผด็จ “อย่าบอกนะว่า นายก็ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร”

   โบว์ยิ้มและพยักหน้า “ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่าเธอเป็นใคร ฉันขอร้องหละเร็วซิ ก่อนที่นายจะตื่นมารู้ความจริง เราลูกผู้หญิงด้วยกัน ฉันขอสัญญาด้วยเกียรติ์ของฉัน” โบว์ใจอ่อน เพราะถือว่าเนตรเคยช่วยเธอมาหลายครั้งแล้ว

“สัญญานะว่าจะไม่บอกใคร” โบว์ยกนิ้วก้อย “สัญญา” เนตรก็ยกนิ้วก้อยขึ้นมาและเกี่ยวก้อยกัน

   แล้วโบว์ก็ค่อยๆแกะเชือกมัดหน้ากากออก จากนั้นค่อยๆดึงหน้ากากออกมาอย่างช้าๆ ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเนตร

“โบว์ เป็นเธอเองจริงๆเหรอนี่ ฉันเดาไว้ไม่ผิดเลย” ความลับที่ไม่ลับ ของโบว์ก็ถูกเปิดเผยให้กับเนตรจนได้ในวันนี้

   เผด็จค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา มองไปเห็นหญิงสาวสองคนกำลังจ้องมาทางเขา จึงลุกขึ้นมานั่งให้เห็นชัดๆ เขานึกว่ากำลังเบลอและฝันไปว่าเห็นหน้าโบว์อยู่ตรงหน้าจึงขยี้ตาแล้วดูใหม่ เหมือนเดิม สักพักไวมากเหมือนโดนอะไรสักอย่างวูบไปที่หน้า โดนต่อยหน้าหงายลงไปนอนที่หมอนดังเดิม โบว์รีบใส่หน้ากากกลับไปที่เดิม สองสาวหัวเราะ แล้วก็เอามือมาแตะกันสะใจได้ระบาย อะไรสักอย่างไปที่หน้าคน เผด็จมึน หลับไปอีก สองสาวก็นอนรอจนกว่าจะฟื้นอีกครั้ง พวกเธอนอนรอในท่าเดิม ขาเคยก่ายยังไง มือเคยอยู่ตรงไหนก็ทำเหมือนเดิม เพราะอากาศเย็นมาอีกแล้ว ดึงผ้าห่มมาห่ม แล้วทั้งคู่ต่างก็นอนยิ้ม ที่ได้ต่อยหน้าคนที่เธอรักสักที

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเผด็จได้สติ ลืมตาขึ้นมาเห็นสองสาวนอนกอดอยู่ข้างๆจึงลุกขึ้นมา พอเผด็จลุกหัวก็หลุดจากไหล่ทั้งสองคน แต่ขายังก่ายอยู่ ทั้งสองก็ลุกขึ้นมานั่ง แล้วถามเผด็จพร้อมกัน

“ใครเปลี่ยนชุดให้บอกมา” เผด็จดึงผ้าห่มปิดหน้า แล้วค่อยๆยกมือขวาโผล่ขึ้นมา

   เผด็จอยากแกล้งสาวๆ อยากรู้ว่าปฏิกิริยาจะเป็นเช่นใด เนตรอายมากจึงชี้หน้าว่าเผด็จ

“นาย ทำยังงี้กับหนูได้ยังไง หนูอายนะ หนูไม่เคยแก้ผ้า เปลือยกายให้ใครเห็นเลยในชีวิต แล้วนี่นาย..เป็นคนแรกที่เห็นสัดส่วนหนูหมดเลย” แล้วเนตรก็งอน ลุกขึ้นยืนชี้หน้าเผด็จ เอามือทุบไหล่ซ้ายอย่างแรง

“นายต้องรับผิดชอบด้วย ใครรู้เข้าแล้วหนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย โอ๊ย..กลุ้ม นายนะนาย” โบว์เหล่ตาไปที่พ่อเจ้าพระคุณสามี

“เอาไงหละ” โบว์ผลักไหล่ขวาเผด็จ “ทำอะไรไม่คิด” โบว์พูด

“แล้วเอาไงหละทีนี้ ป๊า จะเอาไงว่ามา หนูสองคนเสียหายไปแล้วนะ”

   โบว์ได้ทีแกล้งเผด็จซะหน่อย ตัวเองหนะไม่เท่าไหร่เพราะเป็นเมียอยู่แล้ว แต่เนตรนี่ซิโบว์รู้สึกสงสารจริงๆเพราะเสียหายโดยแท้

“เลขาอย่างหนู ก็มีหัวใจนะ ถ้าพ่อแม่หนูรู้ ว่าหนูเสียตัวให้กับเจ้านายตัวเอง หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มองหน้าใครเค้าติดบ้าง”

   เผด็จยังคงแกล้ง ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ อีกยังสนุกอยู่ ไม่รู้ว่าโบว์ก็แกล้งเช่นกัน เผด็จลุกจากเตียง เข้าไปโอบกอดเนตร เนตรสะบัดตัวหนี “ไปเลย ไปให้ห่างหนูเลย จะไปไหนก็ไป หนูไม่อยากเห็นหน้านาย หนูผิดหวังกับนายมาก หนูอุตส่าห์มีทัศนคติที่ดี มีอะไรก็ยอมทำให้ทุกอย่าง จะเหนื่อยยังไง หนูก็อุตส่าห์ช่วย สายตัวแทบขาด ไม่เคยบ่นสักคำ แล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้กับหนูได้ ทำอะไรลงไปแล้ว ก็ไม่รับผิดชอบไม่พูดอะไรสักคำ”

   โบว์เดินมาหาเนตรและนั่งลงข้างๆ “เธอเสียหาย ฉันก็เสียหาย แล้วคราวนี้จะเอาไงหละ ป๊าเห็นของพวกเราสองคนหมดแล้วนะ จะรับผิดชอบยังไง ว่ามา” เนตรยังงอนเผด็จไม่มองหน้า “บ้านหนูเขาเรียกเสียผี” เนตรพูดออกมาลอยๆ

“เท่ากับหนูเสียตัวให้นายไปแล้วครึ่งนึง ในเมื่อนายเห็นทุกอย่างในตัวหนูแล้ว ถึงจะไม่ได้ล่วงเกินตรงนั้นก็ตาม แต่นายก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าเธอไม่เรียกร้องมันก็เรื่องของเธอ แต่ประเพณีอีสานบ้านฉันเขาถือ ว่าไงนาย จะรับผิดชอบไหม บอกมาคำเดียว”

   เนตรลุกขึ้นและหันไปชี้หน้าเผด็จ เผด็จเดินตรงเข้ามากอดเนตร เนียนเลย หอมแก้มซ้ายขวาเนตร เอามือลูบผม

“เออ มันชักจะไปกันใหญ่แล้วหวะ” เผด็จคงจะต้องบอกความจริงกับเนตรกับสักที เพราะไม่อยากเล่นแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้น เผด็จเดินไปเปิด ป้าแม่บ้านนั่นเอง “สวัสดีครับป้า มีอะไรเหรอครับ” แล้วป้าก็ดันประตูเปิดเข้าไป

“อ้าวนังหนูตื่นกันแล้วเหรอ” ซวยแล้วเผด็จ “นี่มันชุดหนูนี่ มันหมายความว่าไงค่ะยาย”  เนตรจำชุดตัวเองได้

“ใช่ นี่ก็ชุดชั้น” โบว์บอก แม่บ้านมองหน้าเผด็จแล้วหันกลับมามองหน้าสาวๆ

“ก็เมื่อคืนนี้ พ่อหนุ่มคนนี้เขาจ้างยายพันนึง บอกว่าช่วยเข้ามาเปลี่ยนชุดให้เธอสองคนหน่อย เพราะเขาเป็นผู้ชาย มันไม่เหมาะ”

   เผด็จค่อยๆถอยไปที่ประตู กรูอยู่ไม่ได้แล้ว มันกลายเป็น ความลับที่ไม่ลับ ซะแล้ว “แล้วยายก็จัดการเปลี่ยนชุดให้เธอทั้งสองคน และก็เอาชุดไปซักให้ พอแห้งก็รีดให้ด้วย จากนั้นก็เอามาส่งคืนนี่แหละ” ทั้งสองคนตกใจ “อะไรนะ”

“มีอะไรกันเหรอ” ทั้งสองสาวหันไปมองเผด็จ “เปล่า ไม่มีอะไรหรอกยาย แค่อยากจะฆ่าใครสักคนขึ้นมา มันก็เท่านั้น” เนตรพูด

   แล้วทั้งสองก็พร้อมใจพูดพร้อมกัน “ไอ้แก่..ตาย อย่าอยู่เลย” เผด็จอยู่ไม่ได้แล้ว รีบเปิดประตูแล้ววิ่งหนีไปทางไหนไม่รู้ ทั้งขี้ตานั่นแหละ น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลย ได้แต่รองเท้า แล้วป้าแม่บ้านก็เดินออกไป บ่นอะไรไม่รู้แต่สองสาวก็ได้ยิน

“คนสมัยนี้ก็แปลก มีเมียทีเดียวพร้อมกันได้ไงตั้งสองคน แถมยังเอามาอยู่ห้องเดียวกันอีก แปลก แปลกจริงๆ เด็กสมัยนี้”

   ทำเอาสองสาวเหวอไปเลยแล้วก็มองหน้ากันเอง ยิ้มๆและก็หัวเราะ หลังจากที่ป้าแม่บ้านปิดประตูห้อง ทั้งสองคนก็กอดเอวกันเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทั้งสองโยนชุดลงบนที่นอน เนตรขอตัวอาบน้ำ เธอเข้ามานอนแช่น้ำอุ่น แล้วนอนคิด พอรู้ความจริงว่าไม่ได้เสียสาวให้กับเผด็จก็ใจชื้นขึ้นมา ส่วนที่โดนหอมแก้มเมื่อกี้ก็ชอบนะ แต่ก็ยังมีงอนเผด็จอยู่บ้าง “คนบ้า เล่นอะไรก็ไม่รู้”

   สักพัก ประตูห้องน้ำก็เปิดออกเบาๆม่านที่ปิดอ่างอยู่ ถูกเปิดออก “โบว์” เนตรหลุดปากออกมา

“นี่ฉันลืมล๊อกประตูห้องน้ำเหรอนี่” เนตรคิดเช่นนั้น “ฉันไม่ได้อ่อยใครนะ” เนตรบอกโบว์

   เนตรคิดทันที “นี่ถ้าเป็นนายเดินเข้ามา แล้วฉันจะทำไง บอกตามตรง คิดไปไกลเลยว่า นายคงไม่เอาไว้แน่ จัดการปล้ำฉัน Sure เพราะอยู่ในสภาพที่เปลือยกายแบบนี้ ฉันก็คงต้องใจอ่อนยอมเป็นของนายอย่างแน่” เพราะใจมันรักมันชอบอยู่แล้ว ขอให้มาเถอะ

“ขออาบด้วยคนนะ” แล้วโบว์ก็หย่อนขาและตัวลงมานอนเบียดอยู่ข้างๆ เนตรขยับให้ โบว์เอาน้ำลูบเทใส่ไหล่เนตรแล้วก็ถูหลังให้ ถ้าใครไม่รู้ก็นึกว่าคู่นี้ เลสเบี้ยนชัดๆ แล้วจู่ๆก็ถามคำถามที่จี้ใจสุดๆ เหมือนกับอ่านใจเธอได้ยังงั้นแหละ โบว์เอามือลูบไล้แผ่นหลัง

“ถ้าตอนนี้เป็นป๊า เธอจะทำยังไง” เนตรหันหน้าขวับมาหาโบว์ นมชนกันทันที ใหญ่ชนใหญ่กันเลยทีนี้ บิ๊กเบิ้มทั้งคู่ โบว์ยิ้ม

“ใหญ่เหมือนกันนี่ของเธอหนะ ถ้าป๊าเห็นสงสัยคงชอบ” โบว์แหย่ หยั่งเชิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเธอ

“ของเธอก็ใช่ย่อย ไม่ต่างจากของฉันสักเท่าไหร่เลย” เนตรก็ไม่ลืมที่จะชมกลับ ต่างคนต่างจ้องหน้าซึ่งกันและกัน

“แล้วทำไมถามแบบนั้นทำไมหละ เมื่อกี้” เนตรถามกลับ กับคำถามแรกของโบว์ โบว์จ้องตาเนตรแบบตาไม่กระพริบ

“ก็ตอบมาก่อนซิ ว่าถ้าตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นป๊า ขณะนี้และก็เวลานี้ เธอจะทำยังไง”

   โบว์ทำเสียงกระเซ่า แล้วก็เอามือลูบไปที่หน้าเนตร ขึ้นไปถึงหัว แล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอก บีบและนวดเต้าของเนตร จนทำให้เนตรเคลิ้มและมีอารมณ์ร่วม นึกภาพตามว่า ถ้าเป็นเผด็จจริงๆ เธอจะมีความสุขแค่ไหน

   โบว์อ้อมมาข้างหลัง ใช้สองมือนวดและขยำเต้าทั้งสองของเนตร เลื่อนมือมาถึงเอว แล้วเอาแก้มขวาถูลูบไล้ที่แผ่นหลัง จนเนตรเก็บอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ หันมาทำการจู่โจมโบว์ทันที เพราะนึกภาพตามไปแล้ว ว่า..คือเผด็จจริงๆ โบว์บิ้วอารมณ์เนตรทางอ้อมได้ผล สัญชาติญานของเธอไม่น่าผิด โบว์ปล่อยตัวปล่อยอารมณ์ให้เนตรทำให้เต็มที่สมกับที่เก็บกดและอัดอั้นมานานหลายปี ไม่ว่าจะจูบ จะหอม จะขยำขย้ำอะไรในตัวเธอ เพราะโบว์เข้าใจกับสิ่งที่อยู่ข้างใน ความลับนี้จะไม่ลับอีกต่อไป โบว์อยากให้เนตรปลดปล่อยมันออกมาเสียบ้าง กับความรู้สึกลึกๆที่มีต่อใครบางคนที่เนตรไม่กล้าแสดงออก

   เวลาผ่านไปนานพอสมควร หลังจากที่เนตรได้ปลอดปล่อยอารมณ์ไปกับโบว์ เพราะนึกว่าเป็นเผด็จเรียบร้อย เนตรก็มานอนกอดโบว์แทนอยู่ในอ่าง “อายจัง” เนตรพูดออกมาเบาๆ “จะอายทำไม” โบว์เอามือมาสางหัวเนตรเล่นเบาๆ

“นี่เรากลายเป็นเลสเบี้ยนไปแล้วเหรอ” โบว์ยิ้ม แล้วก็หันไปจูบปากและหอมแก้มเนตร แทนเผด็จ เธอคิดเช่นนั้น

“บ้า ไม่ใช่ ใครบอก เค้าเรียกว่า ปลดปล่อย ต่างหาก..แล้วสบายใจขึ้นมาบ้างไหมหละ” เนตรก็ยอมรับกับโบว์ตามตรง

“โล่งเลยหละ ขอบใจนะ ที่ช่วยปลดปล่อยอะไรๆที่มันคั่งค้างอยู่ในใจมานานตั้งหลายปี คงได้คำตอบแล้วซินะ ฉันคงไม่ต้องตอบ”

   แล้วโบว์ก็ลุกเดินขึ้นมาจากอ่าง มาเปิดฝักบัวอาบน้ำให้น้ำอุ่น ชำระสบู่ที่อยู่ตามร่างกายออกไป เนตรก็ลุกขึ้นตามมา มากอดโบว์ข้างหลัง คราวนี้เธอเป็นฝ่ายลูบไล้แทน สงสัยจะมีอารมณ์เกิดขึ้นมาอีกรอบ โบว์ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร สายน้ำอุ่นที่ไหลผ่านร่างเปลือยเปล่าของสองสาวก็ไหลไป เธอทั้งสองจะหาความสุขกันต่อ นั่นมันก็เรื่องส่วนตัวของเธอทั้งสองคน จนเวลาผ่านไป เธอทั้งสองก็ออกมาจากห้องน้ำ ด้วยผ้าเช็ดตัว เดินหัวล่อต่อกระซิกกัน เหมือนทั้งสองจะสนิทกันมากขึ้น อย่างน้อยก็ได้เพื่อนเพิ่ม

“ได้ชุดคืนแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ ยังมึนหัวอยู่เลย” เนตร เอามือจับหัวตัวเอง

“จะกลับทั้งชุดนอนบางๆเนี่ยนะเธอ” โบว์ทัก เนตรก้มดูแล้วเอามือจับชุดนอนที่กองอยู่

“ทำไงได้ คงต้องใส่ชุดเก่านี่แหละ” เนตรไม่มีชุดใหม่ คงต้องจำใจใส่ชุดหงส์ฟ้ากลับ

“เอาของฉันไปก่อนก็แล้วกัน” โบว์ใจดี แต่เนตรงง ว่าจะเอาชุดมาจากไหน ทำหน้างง

   โบว์เลยพาเนตร เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดตู้แล้วชี้ไปข้างใน เนตรตกใจมากที่เห็นชุดของโบว์มาห้อยอยู่ที่นี่ได้ไงเต็มไปหมด

“สวยๆทั้งนั้น นี่ของเธอหมดเลยเหรอ” โบว์พยักหน้า “ป๊า เค้าซื้อให้ฉัน เวลาที่ฉันมาค้างที่นี่” โบว์เผลอหลุด จึงรีบเอามือปิดปาก

“นี่อย่านะบอกว่า เธอกับ นาย..” แล้วก็เอานิ้วชี้สองข้าง จิ้มเข้าออก เข้าออก หากัน “แล้วเหรอ” โบว์พยักหน้าอายหน้าแดง

   โบว์ยิ้มแบบอายๆ แล้วก็ชูแหวนที่นิ้วนางซ้ายให้เนตรดู ความลับที่ไม่ลับ อีกอย่างหนึ่งที่เนตรยังไม่รู้ ตอนนี้ก็ได้รับรู้แล้ว

“เขาให้ ตอนที่ฉันเป็นโบว์” เนตรดึงนิ้วมาดูชัดๆ “แล้วนี่นายเค้าไม่รู้เหรอว่า เธอกับนางแมวป่า เป็นคนๆเดียวกัน”

   โบว์ส่ายหน้า “แล้วนี่เธอคิดจะปิดบังเจ้านายฉันไปอีกเมื่อไหร่หละเนี่ย ระวังนะ ถ้าเค้ารู้ขึ้นมา รับรองเลยว่า โกรธแน่ๆ ฉันรู้นิสัยเค้าดี เพราะ..” เนตรหยุดทันที เอามือปิดปากตัวเองเช่นกัน แล้วหันไปเลือกชุด โบว์แปลกใจกับคำพูด จึงมองหน้า “ถามจริง”

“อะไร๊” เนตรเสียงสูงปรึ๊ด พอได้ชุดแล้ว จึงปลดผ้าที่ใส่อยู่ออกตรงนั้นหล่นลงมากองที่เท้า เพราะเมื่อกี้โบว์เห็นรูปร่างของเธอแล้ว

“เธอชอบ ป๊า ใช่ไหม เนตร” เนตรหลบสายตา แต่งตัวไปด้วย พอแต่งเสร็จ ก็โยนชุดนอนบางๆพร้อมซับในตัวนั้นลงตะกร้า

“ไม่ ไม่ ไม่นะ” เนตรยังคงปฏิเสธิ แล้วก็หันหลังให้โบว์

“ฉันผู้หญิงด้วยกัน ฉันดูออก อย่ามาโกหกฉันเลย สายตามันฟ้อง”

   เนตร เดินหลบสายตา โบว์ออกมาจากห้องนอน ไปยังห้องรับแขก ไปหาถุงเพื่อใส่ชุดของเธอ โบว์เดินตามมาแล้วดึงแขนซ้าย

“รักเขาชอบเขา อยู่กับเขามาตั้งนาน ทำไมถึงไม่บอกเขาไปหละ มาเก็บเงียบแอบไว้คนเดียวทำไม ดูอย่างฉันซิ รักก็บอกรัก ชอบก็บอกชอบ เขารักนางแมวป่า ทั้งๆที่ฉันเป็นคนไม่ดี ฉันยังยอมเปลี่ยนจากคนไม่ดี มาเป็นคนดีได้ พอฉันมาเป็นโบว์ ฉันก็พร้อมที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรัก ที่ฉันยอมเป็นคนของเขา เพราะเขาเป็นคนดี” เนตรหน้าเริ่มไม่ดีแล้ว สะบัดแขนและเดินหนี

“บอกตามตรงนะเนตร ฉันนับถือเธอในฐานะที่เธอเหมือนฉัน ยอมทำอะไรทุกอย่างให้กับคนที่เรารักได้เสมอ โดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไข ฉันชอบและรักน้ำใจเธอนะ ถ้าป๊าจะมีใครอีกสักคนฉันขอให้เป็นเธอนะ ฉันจะไม่ว่าเลยจริงๆ เพราะเธอกับฉันเหมือนกัน”

   ความลับที่ไม่ลับ อีกอย่างหนึ่งของเนตร โบว์ล่วงรู้ซะแล้ว แต่เนตรก็ยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ จึงขอตัวกลับไปก่อน

“เธอพูดเพ้อเจ้ออะไรของเธอหนะโบว์ ฉันไปหละ” เนตรรีบใส่รองเท้าบู๊ท แล้วเปิดประตูถือถุงเสื้อเดินออกไป โบว์ดึงแขนอีกครั้ง

“เอาหละถ้าเธอยังไม่ยอมรับตอนนี้ ฉันก็ไม่ว่าอะไร ลองกลับเอาไปคิดดูเองก็แล้วกันนะ”

   โบว์จับมือเนตรทั้งสอง “นะ..ลองดูและอีกเรื่อง สัญญาแล้วนะว่าจะไม่บอกใคร” เนตรยิ้มแล้วก็กลับออกไป ส่วนโบว์ พอเนตรกลับไปแล้วยังคงนอนรอสามีที่นี่เพราะ พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันของเธอพอดี เธอจึงถือโอกาสไม่ไปไหนนอนเล่นอยู่ที่นี่ซะเลย ระหว่างรอ เธอก็คิดถึงความดีของสามี คิดไปคิดมา

“บางครั้ง ป๊าก็สุภาพเนาะอย่างเมื่อคืนที่ไม่ฉวยโอกาสกับเรา ขณะที่เราหลับ ไม่ถอดหน้ากากและลักหลับ”

<<<<< ---------- >>>>>

   บ่ายโมง เบ็นซ์และแป๋วเริ่มรู้สึกตัวแล้ว หลังจากที่สลบไป หนึ่งวันเต็มๆ พยาบาลทั้ง 5 คน ปรนนิบัติอย่างดี จนเธอทั้งสองต้องแปลกใจ “อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอคะ ทั้งคู่เลย” พยาบาล คนที่ 1 ทักทาย

“เอ้าพวกเรา มาช่วยกันหน่อย สาวๆ ตื่นแล้ว”

   แป๋วและเบ็นซ์ เอามือลูบหน้าตัวเอง ก็ต้องตกใจ ว่าหน้ากากพวกเธอหายไป และชุดของพวกเธอที่ใส่อยู่ ก็เปลี่ยนไปด้วย ทั้งสองหันไปมองหน้ากันเอง ความลับของพวกเธอกลายเป็น ความลับที่ไม่ลับ อีกต่อไปแล้ว พยาบาลคนที่ 2 เดินเข้ามาส่งยิ้มให้

“ไม่ต้องตกใจนะคะ ความลับของพวกคุณยังคงเป็นความลับอยู่ ไม่มีใครล่วงรู้แม้กระทั่งเจ้านาย”

“เจ้านาย..เธอหมายถึงใคร” เบ็นซ์และแป๋ว ทำหน้าแปลกใจ งง

“ผู้การเผด็จไงคะคุณ” พยาบาลคนที่ 3 เดินเข้ามาพอดี ถืออ่างน้ำ พร้อมผ้าขนหนู แล้วก็เช็ดหน้า เช็ดตัว เช็ดแขนให้

“ถ้าพวกเราไม่ถอดหน้ากากและชุดพวกคุณออก เราก็ไม่สามารถทำการรักษาพวกคุณได้ เข้าใจไหมค่ะ”

“มีพวกเราแต่พวกเรา 5 คนตรงนี้เท่านั้นที่รู้ว่าหน้าที่แท้จริงของพวกคุณคือใคร สบายใจได้”

“เชิญทานข้าวต้มอุ่นๆร้อนๆก่อน ได้เลย” พยาบาลคนที่ 4 เดินเข้ามาบอก

   พยาบาลคนที่ 5 ถือถาดข้าวต้มมาให้ทั้งสองทาน และก็เดินกลับออกไปทำงานของตัวเองต่อ

   เบ็นซ์กับแป๋วถึงยิ้มออก หลังจากที่ได้นอนพักมาค่อนข้างนาน หลังจากที่ได้ทานอะไรรองท้องเข้าไปแล้ว ทั้งสองก็ดูสดชื่นขึ้นมาก พยาบาลทั้ง 5 ดูแล สองสาวอย่างดีตามคำสั่งของเจ้านาย ให้ทานยาตรงเวลา นอนพักผ่อน เช็ดตัว ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นอย่างดี เมื่อทั้งสองเริ่มดีขึ้น ก็เริ่มออกกำลังกายและกายภาพบำบัด พยาบาลทั้ง 5 คน ก็ช่วยกันจนทั้งสองคน ร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ

<<<<< ---------- >>>>>

   เวลาผ่านไปตั้งแต่เช้าจนค่ำมืด ที่เผด็จได้หายตัวไป หลังจากที่หนีสองสาวไป คืนนี้เป็นคืนวันเสาร์พอดี โบว์นอนรอสามีจนหลับไปหลายครั้งหลายรอบ นอนดูทีวีก็แล้ว ลงไปว่ายน้ำในสระก็แล้ว ไปฟิตเนตก็แล้ว อะไรๆก็ทำจนหมดทุกอย่างแล้ว พ่อเจ้าประคุณก็ยังงไม่โผล่หน้ามาอีก

“ไอ้ผัวตัวดี หนีหน้าหายไปไหนนะเนี่ย ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องใส่หน้ากากทั้งวัน เบื่อเหมือนกัน”

   เธอนั่งคิดนอนคิดหลายตลบว่า ถึงเวลารึยังที่จะบอกความจริงกับเผด็จ เพราะสิ่งที่เนตรบอกมามันก็น่าคิด ถ้าผัวโกรธขึ้นมาจริงๆแล้วจะทำยังไง แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจขอเวลาอีกนิดแล้วกัน เธอคิดเช่นนั้น จะโทรหาก็ตามไม่ได้ เพราะโทรศัพท์วางอยู่ที่หัวเตียง ดูเวลา ที่ข้างฝา ทุ่มนึงแล้ว

“เค้าหายไปไหนของเขานะ เรื่องแค่นี้เอง แค่พูดเล่น หนีหายไปไหนนะเนี่ย” เธอนั่งดูทีวีแบบหงุดหงิดสักพัก เสียงไขประตูแกร็ก โบว์หูดีมาก จึงรีบใส่หน้ากากก่อนกันพลาดและปิดไฟห้อง หยิบไม่เบสบอลที่วางอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆย่องออกมาดู โบว์ค่อยๆเปิดประตูห้องช้าๆแง้มดู ห้องก็มืดเผด็จเดินชนอะไรสักอย่าง โบว์รีบเปิดไฟห้องรับแขก เงื้อมือจะตี

“ผัวเองเมียจ๋า” เผด็จร้องเสียงหลงเลย เกือบแล้ว ยกมือกันไว้นั่งจุมปุ๊กอยู่กับพื้น โบว์โยนไม้เบสบอลทิ้งดังโครม เกือบโดนขาเผด็จ

“ไปไหนมา” โบว์จ้องหน้าสามี เมื่อไม่มีคำตอบ เลยก้มลงไปดึงหูซ้ายสามีขึ้นมาทันที แล้วลากเข้าไปในห้อง เพื่อไปชำระความ

“บอกมา หายไปไหนมาทั้งวัน รู้ไหมว่าหนูเป็นห่วง กุญแจรถเอย โทรศัพท์เอย กระเป๋าตัง อะไรก็อยู่นี่หมด บอกมาไปสิงอยู่ไหน”

“วัดแถวนี้อ่ะจ๊ะ” โบว์ตีแขนและทุบไหล่ “วัด วัด นี่แหนะวัด ห้องหับมีไม่กลับ ไปนอนวัด แล้วกลับมาทำไม” โบว์โมโหผัว

“ทำไมไม่สิงสู่อยู่ที่นั่น หรือไม่ก็บวชจำพรรษาไปซะเลยหละไอ้แก่ กลับมาทำไม” เผด็จไม่ตอบโต้ เอามือกันอย่างเดียว

“ก็มันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก หิวก็หิว ตื่นมายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย กะจะล้อเล่นนิดเดียว ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวมันจะลามไปไกลขนาดนั้น ป๊าก็กะจะเฉลยจะบอกอยู่แล้ว พอดีป้าแกเข้ามาเสียก่อน มันตั้งตัวไม่ทันก็เลยต้องเผ่นนะซิ มันก็เท่านี้แหละ จริงๆ”

   ที่โบว์โกรธไม่ใช่เรื่องแกล้งเนตร แต่โกรธที่เผด็จหายไปไม่ติดต่อกลับมาเลยต่างหาก เธอโยนหมอนทิ้ง แล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง เผด็จขยับคล้ายคลานเข้าไปหาโบว์ที่นั่งกอดอกหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ แล้วค่อยๆเลื้อยขึ้นไปกอดเมียหอมแก้มขวาเมีย

  โบว์ผลักออก “ไม่ต้องเลย ไม่ต้องทำมาเอาใจ ไม่ได้ผลหรอก รู้ไหมว่าผิด ที่ทำให้หนูเป็นห่วง” เผด็จพยักหน้าขณะที่กอดเมียอยู่ “แล้วจะให้ป๊าทำยังไงหนูถึงจะหายโกรธ” ที่จริงโบว์ไม่ได้โกรธหรอก แค่อยากจะแกล้งกลับบ้าง “ไปเลยทำอาหาร หนูหิวแล้ว”

   เผด็จหอมแก้มเมียฟอดนึง แล้วรีบลุกขึ้น “ได้ครับองค์หญิง บ่าวพร้อม ยินดีจะทำอาหารให้รับทาน แล้วตั้งแต่บัด Now” โบว์อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เลิกแกล้งสามีทันที ลุกขึ้นแล้วหอมแก้มซ้ายสามี “ไปได้แล้วหนูหิว แล้วคราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

   หลังจากที่ทานอาหารมื้อค่ำเสร็จเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไป ดูหนัง มี Sex กันตามปกติ มีความสุขกันไปตามประสาผัวเมีย อาบน้ำ เสร็จก็เข้านอน ไม่ว่าคืนนี้หรือคืนไหนๆ เขาก็มีสัมพันธ์สวาทตามแบบฉบับของคนรักไม่ได้มีอะไรที่พลิกแพลง โบว์ก็นอนเปลือยกอดเผด็จตามปกติ ใส่หน้ากากเช่นเดิมไม่มีอะไรที่ต่างไปจากวันเดิมๆที่ผ่านมา แต่โบว์เป็นคนที่นอนดิ้นมือไม้อยู่ไม่สุกเท่านั้นเอง

   แล้วรุ่งเช้า..วันใหม่ก็มาถึง วันนี้เผด็จตื่นขึ้นมาก่อน เพราะอะไรก็ไม่รู้ได้ ธรรมดาจะเป็นคนตื่นสายหรือเพราะเป็นห่วงพวกเบ็นซ์กับแป๋วก็ไม่ใช่ แล้วก็เห็นว่าคนที่นอนอยู่กับเขาคือโบว์ชัดๆเต็มๆ เพราะหน้ากากที่ผูกไว้หลุดตอนไหนไม่รู้ตัว หล่นอยู่ข้างๆอกเขา

   เผด็จรู้แล้วว่า โบว์กับน้องแมว คือคนๆเดียวกัน <สงสัยตอนที่โบว์นอนดิ้นแล้วมือคงไปเกี่ยวโดนเชือกโดยไม่รู้ตัว ความลับที่เธอและนางแมวป่าเป็นคนคนเดียวกันเป็น ความลับที่ไม่ลับ อีกต่อไปแล้วสำหรับเผด็จ>

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 30 .. “ ความจริงที่เจ็บปวด ”

ตอนที่ 29 .. “ ความลับที่ไม่ลับ ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.