บทที่ 446: ควรออกจากวังหลวงดีหรือไม่?
มู่ไป๋ไป่ไม่ได้อยู่พูดคุยกับมู่จวินฝานนานนัก แล้วเธอก็มุ่งหน้ากลับไปที่ตำหนักอวี๋ชิง
ระหว่างทางในหัวเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่ท่านพี่รัชทายาทพูดเกี่ยวกับลี่เฟย
ในตอนที่เธออายุยังน้อย เธอยังไม่ค่อยเข้าใจโลกเท่าไหร่ แล้วเธอคิดจริง ๆ ว่าซูหว่านไม่สนใจมู่เทียนฉงอย่างที่นางแสดงออกมา
ต่อมา เธอก็ได้เห็นรอยยิ้มของท่านแม่หลังจากที่ได้รับความโปรดปรานจากท่านพ่ออีกครั้ง
ณ เวลานั้นเธอเข้าใจอย่างถ่องแท้
ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ในใจของท่านแม่มีท่านพ่ออยู่เสมอมา
นางเพียงแค่ไม่กล้าแสดงมันออกมาเพียงเท่านั้น
“คุณหนู ท่านคิดอะไรอยู่หรือ?”
จื่อเฟิงที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบเอ่ยถามขึ้นมา พอมู่ไป๋ไป่หันไปมองก็จะเห็นว่าเขากำลังถือขนมอยู่เต็มสองมือ “พระสนมทำขนมที่ท่านชื่นชอบเอาไว้ พระสนมกำลังรอให้ท่านกลับไปกินอยู่”
“อืม” หญิงสาวตอบโดยที่ไม่มีความกระตือรือร้นเลยสักนิด
ในตอนที่เธอเดินมาเกือบถึงสวนด้านหลังตำหนัก เธอก็หยุดฝีเท้าลงก่อนจะตบหน้าตัวเองดัง ๆ 2-3 ครั้งเพื่อปรับให้มันดูมีความสุขขึ้น
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว!” จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็วิ่งพุ่งเข้าไปพร้อมกับกระโดดกอดต้นแขนของซูหว่านเหมือนตอนที่เธอทำสมัยเด็ก “ท่านแม่ ท่านคิดถึงข้าหรือไม่?”
ฝ่ายที่ถูกกระโดดใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวก็สะดุ้งตกใจและรีบกอดลูกสาวเอาไว้ ก่อนจะดีดหน้าผากอีกคนเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “แม่ต้องคิดถึงเจ้าสิ เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”
“แล้วทำไมเซียวเซียวถึงไม่กลับมาพร้อมกับเจ้า?”
ในตอนเช้านางยังจำได้ว่าหลัวเซียวเซียวเดินทางไปกับมู่ไป๋ไป่
“อ๋อ ข้าขอให้เซียวเซียวออกจากวังหลวงไปเพคะ” หญิงสาวตอบขณะล้างมือในน้ำสะอาดที่นางกำนัลเตรียมมาให้ จากนั้นเธอก็หยิบขนมหวานชิ้นหนึ่งขึ้นมากัดคำเล็ก ๆ
เมื่อ 12 ปีก่อนตอนที่เธอออกจากวังหลวง ซูหว่านแทบจะทำขนมไม่เป็นเลย
แต่ปัจจุบันนางกลับสามารถทำขนมที่เธอชื่นชอบได้แล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของมู่ไป๋ไป่ก็แดงขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา หากเธอไม่ได้เดินทางไปที่หุบเขาหมอเทวดา เธออาจจะขวางแผนการของลี่เฟยเอาไว้ได้
ท่านพ่อของเธอก็จะไม่โปรดปรานผู้หญิงชั่วช้าคนนั้นอีก
“เจ้าค่อย ๆ กิน ขนมยังมีอีกเยอะ ไม่มีใครมาแย่งเจ้ากินหรอก” ซูหว่านรินชาร้อนให้ลูกสาวแล้วบอกให้กินขนมช้า ๆ
“ทำไมเจ้าถึงอยากให้เซียวเซียวออกไปจากวังหลวงล่ะ?”
“เจ้าเคยชินกับการมีนางคอยดูแลอยู่ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นางไม่อยู่แล้ว มันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ที่จะมีเพียงแค่จื่อเฟิงอยู่ข้างกายเจ้า”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบรับ “พระสนมอย่าได้กังวลไปเลย ข้าจะปกป้องคุณหนูเอง”
“แม้ว่าเซียวเซียวจะไม่อยู่ที่นี่ ข้าก็ยังสามารถปกป้องคุณหนูได้พ่ะย่ะค่ะ”
ซูหว่านรู้จักนิสัยจื่อเฟิงดี แต่นางก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาอยู่หลายอึดใจ เนื่องจากนางไม่คุ้นเคยกับอีกฝ่ายนัก “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถปกป้องไป๋ไป่ได้ แต่ที่นี่เป็นวังหลัง และชายหญิงก็มีความแตกต่างกัน…”
“ช่างเถอะ จื่อเฟิง เจ้ายังเด็กนัก เจ้าคงไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดตอนนี้หรอก”
“ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลเรื่องอะไร” มู่ไป๋ไป่กล่าวพลางตบหลังมือปลอบผู้เป็นแม่ “ข้ากลับมาเพื่อร่วมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮา ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างอื่น แค่ให้จื่อเฟิงอยู่เป็นเพื่อนก็พอแล้ว”
“นอกจากนี้ เซียวเซียวก็อยู่กับข้าที่หุบเขาหมอเทวดามาตลอด นางคงคิดถึงท่านแม่ของตัวเองมาก ดังนั้นข้าไม่ควรเห็นแก่ตัวใช่หรือไม่?”
ซูหว่านรู้สึกซาบซึ้งกับคำพูดของลูกสาวจึงพยักหน้าช้า ๆ “ใช่… หัวอกคนเป็นแม่คงจะเป็นห่วงลูกของตนยามที่ต้องอยู่ไกลหลายพันลี้ ถึงเวลาที่เซียวเซียวต้องกลับไปหาท่านแม่ของนางบ้างแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านคิดว่าบ่ายวันนี้อากาศดีหรือไม่ ข้าจะพาท่านแม่ไปชมดอกไม้ที่อุทยานหลวง” ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก เธอจึงกลืนขนมในปากลงท้องแล้วเอ่ยปากเชิญชวน
“ท่านมีเรื่องอยากจะปรึกษาข้าหรือไม่ ข้าจะช่วยท่านแม่เอง”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอมักจะคิดว่าซูหว่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวังหลวง ดังนั้นเธอจึงอยู่อย่างไร้กังวลในหุบเขาหมอเทวดา
ถ้าเธอรู้สักนิดว่ามู่เทียนฉงทำตัวหมางเมินท่านแม่ เธอคงจะรีบกลับมาวังหลวงเพื่อพาตัวนางออกไป
บนโลกนี้ไม่มีใครตายเพราะคนอื่นไม่รักก็จริง
แต่เธอไม่อยากให้แม่ของเธอต้องทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่
แม้ว่ามันจะเป็นแผนการของลี่เฟย เธอก็จะไม่มีวันปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ!
ซูหว่านไม่ได้ออกจากตำหนักอวี๋ชิงมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่ที่ลี่เฟยได้รับความโปรดปราน มู่เทียนฉงก็ไม่เคยมาที่ตำหนักอวี๋ชิงอีกเลย
ในตอนแรกนางต้องรวบรวมความกล้าที่จะส่งขนมที่ตัวเองทำไปให้ฝ่าบาท
เพื่อทำของว่างพวกนั้น นางต้องใช้เวลาหลายวันอยู่ในห้องครัวในการเตรียมส่วนผสมหลายอย่าง ก่อนที่จะได้ส่วนผสมที่ดีที่สุดออกมา
แต่เมื่อนางถือกล่องขนมที่น่ารับประทานไปที่ตำหนักตี้เฉิน นางกลับต้องเห็นภาพบางอย่าง
ชายผู้เคยเย็นชาและเฉยเมยมาโดยตลอด บัดนี้กำลังกอดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย ซึ่งรอยยิ้มนั้นเปี่ยมไปด้วยความรัก มันเป็นภาพที่นางเคยเห็นเมื่อครั้งที่เขาโปรดปรานนาง
ในอดีตนางมักจะหลอกตัวเองว่าฝ่าบาทนั้น ‘โหดเหี้ยม’
มู่เทียนฉงไม่ได้รักใครเพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะตกหลุมรักผู้ใดเลย
แต่ขณะนั้นในที่สุดนางก็ได้รู้ว่าตนเองคิดผิดมาโดยตลอด
ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทผู้เย่อหยิ่งคนนั้นจะไม่สามารถตกหลุมรักใครได้ เพียงแต่เขาไม่ได้รักนางก็เท่านั้น
ความช่วยเหลือที่นางเคยได้รับก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพราะไป๋ไป่ทั้งสิ้น
ตอนนี้นางเพียงแค่จะต้องกลับคืนสู่ตำหนักเดิมของตัวเองเท่านั้น
ซูหว่านจำไม่ได้ว่านางเดินออกมาจากตำหนักตี้เฉินได้อย่างไร
โดยสรุปแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่เคยออกจากตำหนักอวี๋ชิงอีกเลย
ในตอนแรกมู่เทียนฉงจะมาที่ตำหนักของนางเป็นครั้งคราว แต่เวลาต่อมาฝ่าบาทก็จะสั่งให้คนนำสิ่งของมาให้นางเป็นบางครั้งเพียงเท่านั้น
จนกระทั่งมู่ไป๋ไป่กลับมาถึงวังหลวง นางก็ไม่ได้พบมู่เทียนฉงมานานหลายเดือนแล้ว
“ท่านแม่?” เมื่อหญิงสาวรออยู่นานแล้วเห็นว่าผู้เป็นแม่ไม่ได้ตอบกลับ เธอจึงยื่นมือออกไปโบกต่อหน้าอีกฝ่าย “ถ้าท่านไม่อยากไปอุทยานหลวง เราพักอยู่ที่ตำหนักอวี๋ชิงก็ได้ ตอนบ่ายข้าว่างอยู่พอดี เช่นนั้นข้าก็จะได้อยู่กับท่านแม่ทั้งวัน”
“หรือว่า…. ท่านอยากออกไปเดินเล่นด้านนอกวังหลวงหรือไม่?”
“ออกจากวังหรือ?” ซูหว่านตกตะลึงไปชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจที่สั่นไหวไม่น้อย “จะไม่เป็นไรหรือ?”
ถูกต้อง นางเบื่อกับการอยู่ในตำหนักแห่งนี้จริง ๆ บางทีถ้าได้ออกไปเดินเล่นด้านนอกก็คงจะดีไม่น้อย
“แน่นอนเพคะ” ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เห็นว่าผู้เป็นแม่สนใจอยากจะออกจากวัง เธอก็ขยิบตาทำท่าขี้เล่นให้นาง “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้ลูกสาวของท่านเรียนวรยุทธแล้ว”
“นอกจากนี้ ข้ายังมีองครักษ์เงาของท่านพี่รัชทายาทคอยคุ้มกันอยู่ด้วย การแอบพาท่านออกจากวังหลวงเงียบ ๆ เป็นเรื่องง่ายดายมาก”
“เยี่ยมไปเลย ข้าจะพาท่านไปทำความรู้จักกับหวานหว่าน นางเป็นศิษย์น้องคนเล็กของข้า นางน่ารักมาก”
ซูหว่านรู้สึกว่าสิ่งที่ลูกสาวเพิ่งพูดมานั้นฟังดูน่าสนใจ นางจึงรู้สึกคล้อยตามมากยิ่งขึ้นและพยักหน้าตอบรับไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นมู่ไป๋ไป่จึงเอ่ยปากบอกให้นางกำนัลในตำหนักออกไปทันที แล้วบอกทุกคนว่าเธอกับท่านแม่จะนอนกลางวัน
นางกำนัลในตำหนักไม่มีใครกล้ารบกวนพวกเธอ แล้วพากันเดินเรียงแถวออกไปอย่างเป็นระเบียบ
หลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว มู่ไป๋ไป่ก็ให้ซูหว่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเนื้อผ้าธรรมดา ก่อนจะพานางไปที่กำแพงวัง
วิชาตัวเบาของมู่ไป๋ไป่นั้นไม่ดีนัก แต่เนื่องจากมีองครักษ์เงาคอยแนะนำ เธอจึงหลบเลี่ยงทหารรักษาพระองค์ได้อย่างง่ายดาย
…
ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักอ๋องเซียว
เซียวถังถังกำลังขยี้หัวพลางเดินเตร่ไปมาอยู่ในลานบ้าน โดยมีอวี้หวานหว่านอ่านตำราแพทย์อยู่ไม่ไกล
“ศิษย์พี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” เด็กหญิงวางตำราลงอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเพราะเวียนหัวกับการกระทำของอีกฝ่าย
“ท่านรู้สึกไม่สบายหรือ อยากให้ข้าช่วยตรวจชีพจรของท่านหรือไม่?”
“ไม่อยาก” เซียวถังถังยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองและกระแทกตัวนั่งลงบนม้าหินด้วยความหงุดหงิด “ข้าแค่… แค่… เบื่อ!”
นางไม่เคยอยู่เฉยได้นานขนาดนี้มาก่อน
ตอนเที่ยงนางอยากจะพาอวี้หวานหว่านออกไปเที่ยวเล่น
แต่พอหญิงสาวคิดถึงเรื่องที่ตนพนันกับเซียวถังอี้เมื่อวานนี้ นางก็ต้องพยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้
“ฮึ! ถ้าข้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ข้าคงไม่พนันกับเขาหรอก!” เซียวถังถังเงยหน้าตะโกนร้องโหยหวนขึ้นไปบนท้องฟ้า “ข้าจะขาดใจตายแล้วโว้ยยย!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 150
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น