บทที่ 444: ท่านพี่รัชทายาท ไม่ได้เจอกันนานเลย
“จวินเซิ่งบาดเจ็บหรือ?” ไทเฮามีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และดวงตาของพระนางก็อ่อนลงในยามที่มองไปยังมู่จวินเซิ่ง จากนั้นพระนางก็เรียกให้ใครสักคนเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว “เจ้าบาดเจ็บตรงไหน ให้หมอหลวงตรวจดูหน่อยเถอะ…”
“เอ๊ะ ดูสมองของเราสิ ไป๋ไป่เป็นลูกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดา เหตุใดเราจะต้องเรียกคนจากสำนักหมอหลวงมาตรวจด้วยเล่า?”
“หลานขอกราบขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงเป็นห่วง” มู่จวินเซิ่งก้มหัวลงตอบด้วยท่าทางเคารพ “หลานไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยาที่ไป๋ไป่ให้มาได้ผลดียิ่งนัก”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ผู้เป็นย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย “เจ้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยหลง ความสงบเรียบร้อยของชายแดนยังต้องการเจ้า เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”
จากนั้นไทเฮาก็ได้มีพระราชเสาวนีย์เพิ่มเติมเล็กน้อยกับหลานชาย ก่อนจะเรียกให้คนนำอาหารเช้าเข้ามา
แล้วมู่ไป๋ไป่กับมู่จวินเซิ่งก็รับประทานอาหารเช้าร่วมกับพระนาง จากนั้นเธอกับพี่ชายคนรองก็ได้ทำตามข้อตกลงที่คุยกันเอาไว้โดยที่คนหนึ่งกล่าวคำอำลาก่อน ส่วนอีกคนอยู่ต่อเพื่อร่วมโต๊ะกับพระนาง
คนที่ไทเฮาคิดถึงมากที่สุดก็คือมู่ไป๋ไป่ ดังนั้นพระนางจึงไม่คัดค้านหากมู่จวินเซิ่งจะขอตัวกลับไปก่อน และก่อนที่เขาจะจากไป พระนางยังได้สั่งให้คนในตำหนักไปนำสมุนไพรล้ำค่าบางส่วนมามอบให้เขาเอากลับไป
หลังจากหญิงสาวเห็นพี่ชายคนรองพาหลัวเซียวเซียวออกไปแล้ว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงทันที
“เจ้านี่นะ…” ดูเหมือนว่าไทเฮาจะอ่านความคิดของหลานสาวออก พระนางจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู “เจ้ายังคงคิดมากเหมือนเมื่อก่อนไม่เปลี่ยน เราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตำหนักตี้เฉินเมื่อคืนนี้แล้ว”
“เจ้ากังวลว่าลี่เฟย… ไม่สิ แม่นางหลัวจะทำร้ายคนรอบตัวเจ้าอีกหรือ?”
พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าตนไม่อาจปิดบังเรื่องนี้จากผู้เป็นย่าได้ เธอจึงยอมเอ่ยปาก เนื่องจากพระนางอยู่ในวังหลังมาเป็นเวลานาน พระนางได้พบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ในวังหลังมาสารพัด
แม้ว่าเธออยากจะปิดบังอีกฝ่ายต่อหน้า แต่มันคงจะไร้ประโยชน์
จากนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจคว้าแขนไทเฮามาพูดอ้อนเบา ๆ ว่า “12 ปีก่อน ลี่เฟยวางแผนสมคบคิดกับราชครูจนทำให้ไป๋ไป่เกือบต้องเอาชีวิตไม่รอด”
“ไป๋ไป่เพียงแค่ระวังตัวเอาไว้มันไม่ผิดใช่หรือไม่เพคะ?”
นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้นยังนำอาหารมาส่งทันทีที่เธอไปถึงตำหนักตี้เฉินเมื่อวาน ซึ่งเห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ลี่เฟยกำลังแสดงให้เธอดูอยู่!
“ถูกต้องแล้ว” ไทเฮารู้สึกเบิกบานใจมากจึงอดไม่ได้ที่จะลูบหัวหลานสาวอีกครั้ง “ในวังหลวงแห่งนี้จิตใจของผู้คนยากแท้หยั่งถึง แน่นอนว่าเราหวังว่าเจ้าจะได้อยู่อย่างไร้กังวล แต่จิตใจของมนุษย์เราซับซ้อนมากเกินไป ดังนั้นเจ้าก็ควรระวังตัวให้มากขึ้นหน่อย”
มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ พร้อมกับความคับข้องใจที่ได้รับเพราะมู่เทียนฉงเมื่อคืนพลันหายไปในพริบตา
วังหลวงแห่งนี้มิได้ปราศจากมนุษยธรรมเสียทีเดียว
ตัวอย่างเช่นไทเฮาที่ทรงคิดถึงเธอเสมอมา
มู่ไป๋ไป่อยู่พูดคุยกับผู้เป็นย่าจนกระทั่งรับประทานอาหารกลางวันเสร็จและเตรียมตัวจะพักผ่อน จากนั้นเธอจึงลุกขึ้นกล่าวคำอำลา
ทางด้านไทเฮาที่ยังไม่อิ่มเอมใจก็รู้สึกลังเล พระนางทรงจับมือหลานสาวเอาไว้แล้วพูดซ้ำ ๆ ว่าให้มาเสวยพระกระยาหารเช้ากับตนพรุ่งนี้
“คุณหนู เซียวเซียวกับองค์ชายรองออกจากวังหลวงไปแล้วขอรับ” ทันทีที่มู่ไป๋ไป่เดินออกมาจากห้องบรรทมของไทเฮา จื่อเฟิงซึ่งรออยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามารายงานสถานการณ์ “นอกจากนี้ พระองค์ยังบอกอีกว่าองค์รัชทายาททรงรอคุณหนูอยู่…”
พอหญิงสาวได้ยินว่ามู่จวินฝานยังรอเธออยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าขาวเนียนก็กว้างขึ้น
เธอพยักหน้าและเดินมุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักตงกงประหนึ่งว่าเธอรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสีม่วงยืนหลังตรงอยู่ในสวน
เพียงแค่มองจากที่ไกล ๆ ยังสามารถบอกได้ว่าชายผู้นี้มีสถานะพิเศษ
และนั่นทำให้จังหวะการก้าวเดินของมู่ไป๋ไป่เร่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เธอจะเรียกชายหนุ่มพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนหลังของเขา
“องค์รัชทายาท! เดาสิว่าข้าเป็นใคร!”
หญิงสาวปิดตาพี่ชายคนโตเอาไว้ ในขณะที่เธอฉีกยิ้มอารมณ์ดีเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก
ในเวลาเดียวกันนั้น ขันทีละนางกำนัลในตำหนักตงกงที่อยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกใจ แล้วรีบก้าวออกไปหมายจะปกป้องเจ้านายของตนโดยไม่รู้ตัว แต่พวกเขาก็ถูกองครักษ์ของรัชทายาทห้ามเอาไว้
องค์รัชทายาททรงรับสั่งว่าห้ามให้ใครมารบกวนพระองค์กับองค์หญิงหกเด็ดขาด
ช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมา มู่จวินฝานเติบโตจากเด็กวัยดรุณเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาสืบทอดท่าทางของมู่เทียนฉงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมด้วยใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่ทำให้เหล่านางกำนัลในวังถึงกับหน้าแดงใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยามที่ได้เห็นเขา
แต่องค์ชายคนนี้กลับดูสุขุมลุ่มลึกมาก ซึ่งแตกต่างจากฮ่องเต้
ในวันเดียวของเดือนที่เขาได้รับจดหมายจากองค์หญิงหก นั่นจะเป็นวันที่ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเรียบเฉยของเขา
ส่วนตอนนี้…
ขันทีและนางกำนัลต่างพากันตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นองค์รัชทายาททรงพระสรวลอย่างมีความสุขเช่นนี้มาก่อน
“มาให้พี่ดูหน่อย” มู่จวินฝานประคองมู่ไป๋ไป่เอาไว้เพื่อไม่ให้นางตกจากหลังเขาจนบาดเจ็บ “ใครกันนะ…”
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าพี่ชายคนโตกำลังเล่นกับเธอ เธอก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น “ถ้าท่านเดาผิด ท่านจะต้องเสียสุราชั้นดีให้กับข้า”
มู่จวินฝานไม่ชอบดื่มสุรา แต่เขากลับชอบสะสมสุราดี ๆ เอาไว้ในตำหนัก
ทุกปีอวี้เซิ่งจะพูดถึงเรื่องนี้ซ้ำ ๆ หลายครั้งจนทำให้มู่ไป๋ไป่ไขว้เขวคิดอยากจะมาดูห้องเก็บสุราของพี่ใหญ่สักครั้ง
บางครั้งเธอก็มักจะเดิมพันกับมู่จวินฝานว่า ถ้าอีกฝ่ายแพ้เขาจะต้องมอบสุราชั้นดีให้กับเธอ
แถมเธอยังทำตามเขาโดยการเก็บรักษาสุราพวกนั้นเอาไว้โดยไม่ดื่ม
ปัจจุบันเธอมีห้องเก็บสุราที่เธอเช่ากับเสิ่นจวินเฉาเอาไว้ในเมืองหลวง ซึ่งภายในนั้นมีสุราจำนวนมากที่เธอได้รับจากมู่จวินฝาน
มู่ไป๋ไป่คิดถึงชายหนุ่มคนนั้น เธอก็แอบถอนหายใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพี่จวินเฉาคอยช่วยเหลือเธอมากมาย
น่าเสียดายที่การกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้เธออาจจะไม่สามารถไปพบเขาได้
เนื่องจากเสิ่นจวินเฉาเป็นพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง เธอจึงไม่อยากดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ตกลง” มู่จวินฝานพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ถ้าข้าเดาผิด เจ้าก็ไปเลือกสุราชั้นดีในห้องเก็บสุราของข้าได้เลย”
“ไป๋ไป่”
หลังจากหญิงสาวได้ยินพี่ชายเรียกชื่อตน เธอก็ปล่อยมือที่ปิดตาเขาไว้และยิ้มสดใสให้เขา “ท่านพี่รัชทายาท เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
มู่จวินฝานหันศีรษะไปมองดูน้องสาวที่เติบโตเป็นสาวสะพรั่งแล้วรู้สึกโล่งใจ “ไม่ได้เจอกันนานเลย ดูเหมือนว่าไป๋ไป่อยู่ในหุบเขาหมอเทวดาจะสบายดี”
“เจ้าคงมีความสุขมากจนไม่อยากกลับบ้านแล้วกระมัง”
มู่ไป๋ไป่แลบลิ้นทะเล้นใส่พี่ใหญ่พร้อมกับลงจากหลังเขา “ท่านพี่รัชทายาท ท่านโกรธที่ปีที่แล้วข้าไม่ได้กลับมาฉลองวันเกิดของท่านหรือ?”
เมื่อปีก่อนในวันเกิดของมู่จวินฝาน มู่ไป๋ไป่ได้เดินทางกลับมาเมืองหลวงเพื่อเฉลิมฉลองให้กับเขา
แต่จู่ ๆ ก็มีโรคระบาดเกิดขึ้น ทุกคนในหุบเขาหมอเทวดาจึงถูกเรียกตัวให้ไปช่วยรักษาผู้ป่วย
ตอนนั้นเธอต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีโรคระบาดรุนแรงเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม
หลังจากควบคุมโรคระบาดและรักษาผู้คนได้แล้ว มันก็ผ่านวันเกิดของมู่จวินฝานไปเสีย
โชคดีที่เธอได้ส่งคนนำของขวัญวันเกิดไปมอบให้กับเขาล่วงหน้า จึงทำให้ดูไม่เสียมารยาทมากนัก
“เจ้าเด็กโง่” ตอนนั้นชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่น้องสาวไม่สามารถกลับมาฉลองวันเกิดของเขาได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่แยกแยะอะไรไม่เป็น เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญกว่าต้องไปทำ
“หลังจากที่เจ้าไปพูดคุยกับไทเฮาอยู่นาน เจ้าคงกระหายน้ำมากแน่”
“ข้าแช่องุ่นที่เจ้าชอบเอาไว้บางส่วน เจ้ารีบกินสิ”
องุ่นของเป่ยหลงนั้นเป็นของมีค่ามาก และมู่ไป๋ไป่ก็ชอบกินองุ่นพวกนี้มากเช่นกัน ดังนั้นในทุก ๆ ปีมู่จวินฝานจะเก็บบางส่วนเอาไว้ให้เธอ
ในตอนแรกหญิงสาวไม่ได้อยากกินมันสักเท่าไหร่ แต่พี่ใหญ่บอกว่าถ้าเธอไม่กิน เขาจะเอาไปโยนให้สุนัขกินแทน ทำให้เธอทนไม่ได้จึงเลิกปฏิเสธไป
ในไม่ช้ามู่ไป๋ไป่ก็ยกชายกระโปรงขึ้นนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างสระน้ำโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง ก่อนที่เธอจะโยนองุ่นเย็น ๆ เข้าปากแล้วก็พูดว่า
“ท่านพี่รัชทายาท ท่านพ่อได้ประทานสมรสให้ท่านแล้วหรือ? ที่ข้าถามเพราะว่าไทเฮาคอยพูดเรื่องนี้กับข้ามาตั้งนานแล้ว พระนางขอให้ข้ามาถามท่านว่าท่านสนใจลูกสาวบ้านไหนหรือไม่?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ท่านพี่รัชทายาทของเราโตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว มีใครคิดถึงพี่ใหญ่คนนี้บ้างงง
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 142
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น