บทที่ 357 โซโลทอร์
บทที่ 357 โซโลทอร์
เมืองโซโลทอร์เป็นเมืองที่เคยอยู่ติดกับท้องทะเล ดังนั้นภายในดันเจียนลอสซิตี้ซึ่งเคยเป็นเมืองโซโลทอร์มาก่อนนั้นมันจึงเต็มไปด้วยน้ำทะเลด้วยเช่นกัน
ตัวเมืองมีลักษณะคล้ายกับใบโคฟเวอร์ 3 แฉกที่จะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน โดยผู้เล่นจะเข้ามาในดันเจียนทางโซนด้านซ้ายและตามขั้นตอนปกติพวกเขาจะต้องสังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดไปทางโซนด้านขวา ก่อนที่จะเดินข้ามสะพานใหญ่เข้าสู่โซนที่อยู่ทางด้านบน
ผู้เล่นหลายคนเคยคิดจะใช้วิธีการว่ายน้ำเพื่อข้ามไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ได้ค้นพบว่าบริเวณใต้น้ำมีสัตว์ประหลาดอยู่อย่างมากมาย ที่สำคัญคือสัตว์เหล่านั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พวกเขาจะสามารถสังหารได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามในชาติก่อนกลุ่มผู้เล่นชาวยุโรปก็ได้ค้นพบรูปแบบการว่ายน้ำที่ดูเหมือนจะไร้ระเบียบของสัตว์ประหลาด ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาสามารถใช้ทางลัดตรงไปยังพื้นที่สุดท้ายของเมืองได้อย่างปลอดภัย
“ฉันกระโดดลงน้ำเมื่อไหร่ให้เธอรีบกระโดดตามลงมาเลยนะ จากนั้นให้มองมาที่ฉันคนเดียวห้ามมองไปที่อื่น” ลู่หยางกล่าว
“ได้ค่ะ” หลานอวี่ตอบรับ
หลังจากพูดจบลู่หยางก็สำรวจมองไปยังพื้นที่รอบข้างก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาจับเวลา ทันใดนั้นปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาบริเวณใกล้ฝั่ง เขาจึงใช้แหวนแห่งความฝันทำให้มันติดสถานะสับสนอยู่กับที่
ท้ายที่สุดถึงแม้สัตว์ประหลาดเหล่านี้จะไม่สามารถถูกจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้เล่นได้ แต่แหวนแห่งความฝันก็สามารถทำให้พวกมันติดสถานะสับสนได้เป็นเวลา 1 นาที
“ตามมา” ลู่หยางกล่าวก่อนจะกระโดดลงน้ำและว่ายไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่นานทางด้านซ้ายห่างไปไม่ไกลก็มีปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งเห็นลู่หยางที่กระโดดลงไปในอาณาเขตของมัน ชายหนุ่มจึงใช้แหวนแห่งความฝันพร้อมกับพาหลานอวี่มุ่งหน้าต่อไป
หลังจากหลบหมึกยักษ์ตัวนั้นมาได้พื้นที่บริเวณด้านหน้าก็ไม่มีสัตว์ประหลาดมาอาฆาตพวกเขาอีกเลย อย่างไรก็ตามหากพวกเขามองลึกลงไปใต้น้ำ มันก็จะพบกับปลาปีศาจแหวกว่ายอยู่นับร้อยตัว ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาดำน้ำลงไปแม้แต่เพียงเล็กน้อยไม่ว่าใครก็จะถูกพวกมันสังหารลงอย่างรวดเร็ว
5 นาทีต่อมา
ลู่หยางพาหลานอวี่ว่ายน้ำมาถึงเมืองโซนที่ 3 ได้สำเร็จ ก่อนที่ทั้งคู่จะใช้สกิลและมีดเอสเคพเดจเจอร์ในการกระโดดขึ้นไปบนฝั่ง
“ตัวเปียกแบบนี้ก็สวยดีนะเนี่ย” ลู่หยางพูดแซว
ตอนแรกหลานอวี่กำลังกลุ้มใจ แต่หลังจากที่เธอได้ยินคำพูดของลู่หยาง มันก็ทำให้หญิงสาวอดที่จะทุบอกอีกฝ่ายไปเบา ๆ ไม่ได้
“นับวันพี่ยิ่งกะล่อนไปเรื่อย ๆ แล้วนะ”
“สรุปเธอชอบฉันแบบไหนล่ะ? แบบที่ฉันเป็นฉันอยู่ตอนนี้หรือแบบที่ฉันวางตัวเป็นหัวหน้ากิลด์” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาโอบเอวหญิงสาว
“ใครเขาถามแบบนี้กันล่ะ รีบปล่อยฉันเร็วเข้า!” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ไม่ปล่อย” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับกระชับวงแขนเข้ามามากขึ้น
“ตาคนกะล่อน! รีบปล่อยเร็วเข้า พวกมอนสเตอร์มันกำลังเดินเข้ามาแล้ว” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับพยายามหาทางสลัดออกไปจากอ้อมอก
ลู่หยางหันไปมองโซโลทอร์ที่มีความสูงมากกว่า 15 เมตร โดยทั่วทั้งร่างของมันลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ และมันก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีเขาแหลม 6 เขาอยู่บนหัว มีเขาม้วน 2 เขาอยู่ตรงบริเวณข้างหูและมีฟันแหลมคมอยู่ทั่วทั้งปาก
ปีศาจโซโลทอร์ (ลอร์ด)
เลเวล 60
พลังชีวิต 5,000,000/5,000,000
“เอาล่ะ พวกเรามาจัดการกับมันก่อนเถอะ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยอมปล่อยหลานอวี่ออกจากอ้อมแขน
“เราจะสู้กับมันยังไง? เลเวลของมันสูงกว่าพวกเราตั้งเยอะ” หลานอวี่ถาม เพราะท้ายที่สุดบอสก็มีพลังชีวิตถึง 5 ล้าน เธอจึงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกเธอจะต้องใช้วิธีการไหนในการเอาชนะบอสตัวนี้ลงไปได้
“จำเอาไว้ว่าวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการสู้กับบอสตัวใหญ่แบบนี้คือการทำให้พวกเราตัวเล็กลง” ลู่หยางกล่าว ก่อนที่เขาจะหยิบยาย่อขนาดมาให้กับหลานอวี่ จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังพระราชวังทางด้านหลังพร้อมกับพูดว่า
“เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าฉันบอกให้วิ่งเมื่อไหร่ก็วิ่งตามฉันมาได้เลย ทันทีที่เราเข้าไปในวังได้สำเร็จเมื่อนั้นพวกเราก็จะปลอดภัย”
พระราชวังโซโลทอร์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก โดยมันมีความสูงเพียงแค่ 1.5 เมตรกว้างยาวด้านละ 10 เมตร ซึ่งมันเป็นวังที่โซโลทอร์ใช้อาศัยก่อนที่เขาจะกลายเป็นปีศาจ ซึ่งในตอนนั้นโซโลทอร์และเผ่าพันธุ์ของเขามีความสูงเฉลี่ยอยู่เพียงแค่ 1 เมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดภายในโลกใบนี้
วังทั้งหลังถูกสร้างขึ้นมาจากหินเวทมนตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเซคคัลเวิลด์ ไม่เพียงแต่มันจะสามารถทนต่อการโจมตีทางกายภาพได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถป้องกันการโจมตีทางเวทมนตร์ได้อีกด้วย
น่าเสียดายทีหลังจากโซโลทอร์สร้างพระราชวังขึ้นมาเสร็จได้เพียงแค่ไม่นาน เขาก็ได้กลายเป็นปีศาจที่มีความสูงกว่า 15 เมตร พระราชวังดั้งเดิมที่เคยถูกสร้างมาเพื่ออยู่อาศัยจึงได้กลายเป็นเพียงอุปสรรคขวางทางที่เขาไม่สามารถเข้าไปพักอาศัยได้อีกแล้ว
ทันทีที่พูดจบลู่หยางก็ทำการเรียกนกฟีนิกซ์ออกมา จากนั้นเขาก็สั่งให้มันบินไปทางซ้าย 50 เมตรแล้วโจมตีใส่โซโลทอร์
“อ้า มีมนุษย์เข้ามาในอาณาเขตของข้า! มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ข้าไม่ได้กินเนื้อมนุษย์” โซโลทอร์ร้องคำรามก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหานกฟีนิกซ์
“ไป!” ลู่หยางตะโกนพร้อมกับวิ่งตรงไปยังพระราชวัง ซึ่งหลังจากที่พวกเขาวิ่งมาได้ 30 เมตร มันก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ระบบ: ฟีนิกซ์ของคุณถูกสังหารแล้ว
“ข้าเจอพวกเจ้าแล้ว ดูซิว่าพวกเจ้าจะหนีข้าไปไหน” โซโลทอร์ร้องตะโกน ก่อนที่มันจะวิ่งไล่ตามลู่หยางกับหลานอวี่มาอย่างรวดเร็ว
ด้านหน้ายังเหลืออีก 40 เมตรก่อนที่พวกเขาจะถึงพระราชวัง ส่วนด้านหลังพวกเขาก็อยู่ห่างจากโซโลทอร์เพียงแค่ 60 เมตรเท่านั้นเอง
หากพิจารณาจากความเร็วของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้พวกเขาย่อมไม่สามารถเข้าไปภายในวังก่อนถูกบอสโจมตีอย่างแน่นอน
“เธอวิ่งไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะคอยสกัดบอสเอาไว้เอง” ลู่หยางกล่าว
หลานอวี่พยักหน้ารับพร้อมกับวิ่งไปด้านหน้าอย่างสุดกำลัง ท้ายที่สุดเธอก็รู้ดีว่าในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาทำตัวไร้สาระ อันดับแรกเธอต้องนำตัวเองไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ในเวลานั้นลู่หยางจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ลู่หยางมองดูโซโลทอร์ที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะทำการยิงลูกไฟเข้าใส่ศีรษะของอีกฝ่าย
-1
นี่คือเหตุผลหลักที่ลู่หยางพาหลานอวี่มาด้วย เพราะโซโลทอร์มีความต้านทานเวทมนตร์สูงมาก ถึงแม้เขาจะใส่อุปกรณ์ระดับตำนานทั้งตัว แต่มันก็ไม่มีทางเจาะทะลุการป้องกันของโซโลทอร์เข้าไปได้ หากเขาต้องมาเผชิญหน้ากับบอสเพียงลำพัง สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่การใช้นกฟีนิกซ์ค่อย ๆ บั่นทอนพลังชีวิตของมันลงไปทีละน้อย
ในทางกลับกันพระราชวังไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างถาวร เพราะหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมงโซโลทอร์จะเข้าสู่สภาวะคลั่งและมันก็จะสามารถทำลายพระราชวังได้ด้วยหมัดเดียว
“เจ้ามดปลวก! แก่กล้าโจมตีใส่ข้างั้นเหรอ ข้าจะเคี้ยวเจ้าให้แหลกละเอียด!” โซโลทอร์ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“โซโลทอร์ถึงเวลาที่แกจะต้องตื่นจากความหลงผิดแล้ว จงยินยอมมาไถ่บาปกับสิ่งที่แกทำลงไปซะโดยดี” ลู่หยางตะโกน
“ไถ่บาป? ทำไมข้าจะต้องไปไถ่บาปด้วย แต่ก่อนชนเผ่าของข้าตัวเล็กนิดเดียวแต่ตอนนี้พวกเราทุกคนตัวใหญ่เบ้อเริ่มและพวกเราก็มีพลังที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง” โซโลทอร์พูดอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วตอนนี้เผ่าของแกหายไปไหนหมดแล้วล่ะ?” ลู่หยางตะโกนถามขณะใช้สกิลสคอร์ชิ่งสปีดวิ่งหนี
“พวกอ่อนแอก็สมควรจะตายไป มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อ หลังจากนี้พวกเราย่อมสามารถขยายเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่ ตราบใดก็ตามที่มีไฟศักดิ์สิทธิ์จากท่านเทพปีศาจพวกเราก็ยังสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ” โซโลทอร์ตะโกนตอบ ซึ่งในระหว่างนั้นมันก็ได้มีเปลวไฟอันร้อนแรงพุ่งออกมาจากมือของบอสจนทำให้ลู่หยางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่สามารถรับมือกับการโจมตีในครั้งนี้ไหว ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องหลบการโจมตีจากบอสให้ได้
“พี่ ฉันเข้ามาในวังแล้ว” หลานอวี่ตะโกนตอบหลังจากที่เธอได้กินยาย่อขนาด
ลู่หยางทำการปล่อยสกิลเบลซซิงเบิร์สเข้าใส่บอสอีกครั้งพร้อมกับตะโกนขึ้นมาว่า
“โซโลทอร์ นั่นไม่ใช่เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นเศษหัวใจของเทพปีศาจเปลวเพลิงต่างหากและแกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองมันอีกด้วย”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล!” โซโลทอร์ร้องคำรามก่อนที่มันจะยิงลำแสงเปลวไฟเข้าใส่ลู่หยางอย่างรวดเร็ว
แฟลช!
ในเสี้ยววินาทีที่ลำแสงกำลังจะกระทบร่าง ลู่หยางก็ได้หายตัวไปจากตำแหน่งเดิม แต่ถึงกระนั้นพลังชีวิตของเขาก็ลดลงมาจนเหลือนิดเดียว ซึ่งมันหมายความว่าลำแสงของบอสมีพลังทำลายล้างมหาศาล จนถึงขนาดที่ถึงแม้เขาจะกระโดดหลบออกมา 30 เมตร แต่มันก็ยังไม่สามารถหลบพ้นจากความเสียหายได้
“หลานอวี่โยนมีดเอสเคพเดจเจอร์มาให้ฉันเร็วเข้า!” ลู่หยางตะโกน
“ได้ค่ะ” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับโยนมีดเอสเคพเดจเจอร์ออกไปในทันที
ลู่หยางวิ่งมารับมีดเอาไว้ก่อนที่เขาจะขว้างมีดออกไปทางด้านหน้า ระหว่างนั้นเขาก็ได้กินยาลดขนาดก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปปรากฏตัวภายในวังขนาดเล็ก
“สวยมากค่ะพี่” หลานอวี่พูดชมเชย
“เธอก็โยนมีดมาได้ดีเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนมัธยมฉันเคยเล่นเบสบอลมาก่อน” หลานอวี่กล่าวอย่างภูมิใจ
บึ้ม!
เสียงกระแทกอย่างรุนแรงดังมาจากหลังคาที่ทำจากหินเวทมนตร์
“ไอ้พวกบัดซบ! พวกแกกล้าดียังไงถึงเข้าไปในวังของข้า” โซโลทอร์ร้องตะโกนพร้อมกับจู่โจมเข้าใส่พระราชวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“มันจะทนไหวใช่ไหมคะ?” หลานอวี่ถามขณะมองไปยังหลังคาพระราชวัง
“ตอนนี้มันยังไม่พังหรอก” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะถอดอุปกรณ์ทั้งหมดของตัวเองพร้อมกับส่งน้ำยาต้านทานเวทมนตร์ให้กับหลานอวี่
“เอาล่ะคนสวยใช้ของพวกนี้แล้วใช้สกิลใหม่ของเธอโจมตีมันซะ”
“พี่แกล้งฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
หลานอวี่ยังไม่คุ้นชินกับการที่ลู่หยางพูดหยอกล้อกับเธอแบบนี้เลย เพราะท้ายที่สุดลู่หยางที่อยู่กับเธอมันก็ค่อนข้างแตกต่างกับลู่หยางที่อยู่ในบทบาทของหัวหน้ากิลด์มาก
หลังจากยื่นปากออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เธอก็ทำการสวมใส่อุปกรณ์เข้าไปทั้งหมดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่น่องของโซโลทอร์ที่อยู่นอกหน้าต่าง
อะไนฮิเลชั่น!
ลำแสงสีน้ำตาลเข้มรูปก้นหอยพุ่งเข้าไปยังต้นขาของโซโลทอร์ในทันที
-2,256
ระหว่างที่หลานอวี่ทำการโจมตีเขาก็ทำการเรียกนกฟีนิกซ์ออกมาโจมตีเสริมด้วย
-686
หลังจากนั้นลู่หยางก็นั่งดูหลานอวี่กับนกฟีนิกซ์ทำการโจมตีเข้าใส่บอสอย่างสบาย ๆ โดยสกิลอะไนฮิเลชั่นจะสามารถยิงออกไปได้ทุก ๆ 3 วินาที ขณะที่นกฟีนิกซ์จะโจมตีวินาทีละ 1 ครั้ง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพลังชีวิตของโซโลทอร์ก็ถูกลดลงไปมากกว่า 260,000 หน่วย
“หัวหน้าไม่ได้ลักพาตัวน้องสาวฉันไปไหนใช่ไหม?” เซี่ยหยู่เว่ยติดต่อเข้ามาถามลู่หยาง
“ตอนนี้เธอกำลังโจมตีอย่างขะมักเขม้นอยู่เลย มันเรียกว่าฉันลักพาตัวเธอมาได้ไหม?” ลู่หยางตอบขณะมองไปยังหลานอวี่ที่กำลังโจมตีอยู่อย่างจริงจัง
“เพราะแบบนี้ไงฉันถึงได้กลัวหัวหน้า” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“เธอก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของฉันนั่นแหละ ตอนนี้หางของเธอมันเริ่มโผล่ออกมาแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันสักทีว่าเธอกำลังอยากได้อะไรกันแน่?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับกรอกตา
เซี่ยหยู่เว่ยแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพูดว่า
“เราใช้บีฮีมอธเคลียร์ป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ได้แล้วค่ะ ขั้นตอนต่อไปฉันควรจะต้องทำยังไงดี?”
“ฉันให้สิทธิ์เธอจัดการกับเมืองชั้นในของป้อมปราการไปเลย ส่วนเรื่องการป้องกันทางด้านนอกเธอยังมีประสบการณ์ไม่มากพอเดี๋ยวฉันจะกลับไปจัดการเอง หลังจากนี้ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม อีกไม่กี่วันฉันจะพาเธอไปเก็บเลเวลโดยเฉพาะเธอจะต้องมีเลเวลถึง 50 โดยเร็วที่สุด” ลู่หยางกล่าว
“เลเวล 50!” เซี่ยหยู่เว่ยอุทานด้วยความตกใจ เพราะเธอยังไม่เคยคิดถึงเรื่องการเก็บเลเวลไปจนถึงเลเวล 50 มาก่อนเลย
“หัวหน้าใจดีจังเลย” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
ลู่หยางทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม เพราะใครจะไปคิดว่าราชินีกุหลาบผู้สง่างามแท้ที่จริงแล้วจะมีมุมที่น่ารักแบบนี้แอบซ่อนอยู่ด้วย
พามาใช้งานชัด ๆ 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 164
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น