บทที่ 269 คำรับรองกองทัพหมอกโลหิต
บทที่ 269 คำรับรองกองทัพหมอกโลหิต
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าบรรดามอนสเตอร์ก็หลุดออกจากสถานะสตั้น แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาทำอะไรลู่หยางได้ เพราะมุมที่เขาอยู่ถูกแมงมุมสายเลือดปีศาจบดบังเอาไว้อย่างมิดชิด กอริลล่าเลือดปีศาจและกอริลล่าทองจึงทำได้เพียงแต่ร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ
เมื่อพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนลู่หยางก็รู้ได้เลยว่าการโจมตีจากหนามแหลมกำลังจะมา เขาจึงจับจังหวะและกระโดดถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนสามารถหลบหลีกการโจมตีที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ระยะห่างระหว่างเขากับแมงมุมเลือดปีศาจเหลือเพียงแค่ 4 เมตรเท่านั้น หากเขาเข้าไปใกล้มันอีก 2 เมตรก็จะทำให้มันหลุดออกจากสถานะมึนงงในทันที ดังนั้นหลังจากนี้เขาจะมีระยะการเคลื่อนไหวอีกเพียงแค่ 2 เมตรเท่านั้น
การหลบหลีกในระยะที่จำกัดคล้ายกับการเต้นรำอยู่บนใบมีด การพลาดเพียงแค่เล็กน้อยอาจจะก่อให้เกิดบาดแผลอันร้ายแรงได้เลย แต่สถานการณ์นี้กลับเป็นสิ่งที่ลู่หยางถนัดมากที่สุดและทุกครั้งที่หลบหลีกการโจมตีเขายังสามารถใช้สกิลความฝันหลอกหลอนกับแมงมุมเลือดปีศาจได้อีกด้วย
20 วินาทีต่อมาคู่ดาวของเอมเมอรัลฮาร์ทก็วนกลับมาจนเสร็จ เขาจึงทำการเปิดใช้งานเพื่อเข้าสู่สถานะไร้ตัวตนอีกครั้ง
หนามแหลมจากปีศาจโบราณพุ่งทะลุผ่านร่างของลู่หยางไป แต่หนามเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ระหว่างนี้ชายหนุ่มก็ได้ใช้แหวนแห่งความฝันคอยควบคุมแมงมุมเลือดปีศาจไปด้วย ซึ่งทางด้านหลังของมันมีกอริลล่าเลือดปีศาจและกอริลล่าทองอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่เนื่องมาจากพวกมันถูกร่างขนาดใหญ่ของแมงมุมขวางเอาไว้ กอริลล่าเหล่านี้จึงไม่สามารถโจมตีลู่หยางได้เลย
“ทุกคนเข้ามาได้แล้ว แต่ระวังการโจมตีจากใต้พื้นดินด้วยล่ะ” ลู่หยางติดต่อไปยังพวกฮั่นอิ่ง
สามพี่น้องคอยดูสถานการณ์จากปากถ้ำมาโดยตลอด เมื่อทุกคนได้รับคำสั่งพวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาในทันที
เฮลไฟร์ลอร์ดมีพลังป้องกันอยู่ในระดับที่สูงมาก และถึงแม้กอริลล่าเลือดปีศาจจะเป็นมอนสเตอร์ในระดับลอร์ดแต่ความเสียหายที่พวกมันทำได้ก็ยังคงน้อยกว่ามอนสเตอร์ที่เป็นบอสมาก เฮลไฟร์ลอร์ดของฮั่นอิ่งจึงสามารถยืนชนกอริลล่าเลือดปีศาจ 4 ตัวได้อย่างไม่มีปัญหา
“ยั่วยุ!” ฮั่นอิ่งออกคำสั่ง
เฮลไฟร์ลอร์ดส่งเสียงร้องคำรามดังลั่น ก่อนที่มันจะดึงกอริลล่าเลือดปีศาจ 4 ตัวไปยังบริเวณปากถ้ำ ขณะเดียวกันฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ก็ทำการโจมตีพร้อมกับกระโดดหลบหนามแหลมที่พุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ซึ่งโดยเฉลี่ยพวกเขาใช้เวลา 3 นาทีในการจัดการกับกอริลล่าเลือดปีศาจได้ 1 ตัว
ไม่นานสามพี่น้องตระกูลฮั่นก็เริ่มเคลียร์พื้นที่ได้กว้างมากขึ้น แม้แต่แมงมุมเลือดปีศาจที่อยู่ตรงหน้าลู่หยางก็ถูกหลอกล่อออกไปจนทำให้ชายหนุ่มมีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนไหวมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ลู่หยางได้ใช้โอกาสนี้วิ่งออกจากมุมถ้ำพร้อมกับใช้สกิลคอมบัสชันเข้าใส่ปีศาจโบราณ 5 ครั้งติดต่อกัน
ระหว่างนั้นหนามแหลมก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น ลู่หยางจึงกระโดดหลบออกไปด้านข้างและทำการเรียกอุกกาบาตสีแดงสดให้ตกลงมาจากท้องฟ้า
ตูม!
อุกกาบาตพุ่งเข้าปะทะร่างของปีศาจโบราณเข้าอย่างจัง หลังจากนั้นตัวอุกกาบาตก็ยังคงกลิ้งไปบนร่างของปีศาจโบราณอย่างต่อเนื่อง
-208, -64, -68, -66,...
หลังจากความเสียหายปรากฏขึ้นติดต่อกัน 8 ครั้งตัวอุกกาบาตก็จางหายไป และเนื่องจากบอสตัวนี้เป็นบอสตัวสุดท้ายของแผนที่ มันจึงมีความต้านทานทางกายภาพและความต้านทานทางเวทมนตร์สูงมาก การโจมตีของลู่หยางในแต่ละครั้งจึงสามารถสร้างความเสียหายได้เพียงแค่ประมาณ 800 หน่วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพลังชีวิตของปีศาจโบราณก็ลดลงเหลือ 1 ล้าน ขณะที่ 3 พี่น้องตระกูลฮั่นก็ได้จัดการกับมอนสเตอร์ระดับลอร์ดในห้องจนหมดแล้ว
“พี่ พวกผมมาแล้ว”
เฮลไฟร์ลอร์ดวิ่งไปด้านหน้าปีศาจโบราณ ก่อนที่จะจู่โจมอย่างรวดเร็ว
ปีศาจโบราณมีวิธีการโจมตีจากใต้ผืนดินเพียงอย่างเดียว และเนื่องมาจากลูกน้องภายในห้องถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว มันจึงไม่เหลือหนทางสำหรับการตอบโต้อีกต่อไป
หลังจากการต่อสู้อันทรหดผ่านไปอีกมากกว่า 1 ชั่วโมง พลังชีวิตของปีศาจโบราณก็ลดลงจนเหลือ 0 มันจึงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนที่ก้อนเนื้อขนาดใหญ่จะยุบตัวลงไปบนพื้น
ระบบ: คุณสังหารปีศาจโบราณสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 29,866 หน่วย
ระบบ: ค่าชื่อเสียงของคุณในเมืองไวท์ไลท์เพิ่มขึ้นถึงระดับบูชาแล้ว
“เฮ้อ ตายสักที” ลู่หยางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการจัดการกับบอสเพียงตัวเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องใช้สมาธิตลอดเวลา มันจึงทำให้ลู่หยางรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
ฮั่นเฟยกับฮั่นอวี่ก็เหนื่อยมากเช่นเดียวกัน เพราะในระหว่างการต่อสู้ทั้งคู่วิ่งโจมตีไม่หยุด พวกเขาจึงเหนื่อยล้าจนต้องล้มลงไปนอนพักกับพื้น
“มันเป็นบอสที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยสู้มาเลย” ฮั่นเฟยกล่าว
“ต่อไปอะไร ๆ มันก็จะง่ายขึ้นแล้ว สาเหตุที่ครั้งนี้มันยากเพราะพวกเราเป็นคนบุกเบิก ครั้งหน้าที่พวกมันเกิดใหม่มอนสเตอร์ก็จะไม่เยอะขนาดนี้อีกแล้ว” ลู่หยางกล่าว
หลังจากลุกขึ้นมาจากพื้นลู่หยางก็เดินไปที่ร่างของปีศาจโบราณด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาก็พยายามลืมความเหนื่อยล้าเพื่อเก็บไอเท็มที่ดรอปอยู่ตามพื้น
คำรับรองกองทัพหมอกโลหิต!
หากจะพูดว่าในเกมนี้มีไอเท็มอะไรที่โกงกว่าไอเท็มระดับสูงสุดอย่างหัวใจแห่งเทพอสูร ลู่หยางก็คิดว่าไอเท็มชิ้นนั้นก็คงจะเป็นคำรับรองกองทัพหมอกโลหิตที่อยู่ตรงหน้าเขานี่แหละ
กองทัพหมอกโลหิตถือได้ว่าเป็นกองกำลังที่น่าหวาดกลัวที่สุดภายในเกมเซคคัลเวิลด์ ซึ่งใครก็ตามที่เปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบหมอกโลหิต พวกเขาก็จะได้รับค่าสถานะความแข็งแกร่ง, ความอดทนและพลังกายถึง 5 หน่วยต่อเลเวล ยิ่งไปกว่านั้นสกิลยั่วยุของพวกเขาก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสกิลเรดมิสท์บลัดเทิธอีกด้วย
เรดมิสท์บลัดเทิธ (เลเวล 1)
ประเภท คลื่นเสียง
ระยะโจมตี 30 เมตรรอบตัว
รายละเอียด ปล่อยคลื่นเสียงรอบทิศ เพิ่มพลังป้องกันให้กับตัวเอง 1,000 หน่วย พร้อมกับบังคับให้เป้าหมายโจมตีตัวเองเป็นเวลา 5 วินาที ไม่สามารถลบออกได้ ทะลุการป้องกันจากเวทมนตร์
แม้แต่ผู้เล่นขั้นเทพก็ไม่สามารถที่จะหลบเลี่ยงเรดมิสท์บลัดเทิธได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าใครที่ถูกสกิลนี้เข้าไปพวกเขาก็จะถูกควบคุมเป็นเวลา 5 วินาที
แต่สกิลนี้ก็ยังไม่ใช่สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของนักรบหมอกโลหิต เพราะสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั่นก็มีชื่อว่าเรดมิสท์เวิลด์วินด์สเลช
เรดมิสท์เวิลด์วินด์สเลช (เลเวล 1)
ประเภท กายภาพ
ระยะโจมตี 5 เมตร
รายละเอียด หลังจากนักรบหมอกโลหิตถูกโจมตี มันจะมีโอกาส 20% ที่พวกเขาจะปล่อยสกิลเรดมิสท์เวิลด์วินด์สเลชออกมาสร้างความเสียหาย 1,066 หน่วยโดยอัตโนมัติ
ด้วยคอมโบจากทั้ง 2 สกิลนี้มันก็สามารถพูดได้เลยว่าตราบใดก็ตามที่นักรบหมอกโลหิตมีพลังชีวิตและพลังป้องกันที่สูงพอ ขอแค่พวกเขากระโจนเข้าไปในฝูงศัตรูและทำการส่งเสียงร้องคำราม ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเป้าหมายทั้งหมดในรัศมี 30 เมตรก็จะเสียชีวิตลง
ในชาติก่อนมีการต่อสู้ครั้งหนึ่งที่โด่งดังมาก โดยฝ่ายหนึ่งคือผู้เล่นชาวยุโรปที่ครอบครองหัวใจแห่งเทพอสูรและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้เล่นชั้นยอด 300 คน แต่กองกำลังนี้ถูกนักรบหมอกโลหิตบุกเข้ามาส่งเสียงร้องคำรามแล้วภายใน 5 วินาทีที่ทุกคนตกอยู่ภายใต้สถานะยั่วยุ นักรบหมอกโลหิตก็ได้ปล่อยสกิลเรดมิสท์เวิลด์วินด์สเลชออกมามากกว่า 60 ครั้งทำให้ทุกคนในกองกำลังเสียชีวิตและทำให้หัวใจแห่งเทพอสูรดรอปลงมา
สาเหตุที่ลู่หยางจดจำการต่อสู้ครั้งนั้นได้ก็เพราะเขาคือผู้ครอบครองหัวใจแห่งเทพอสูรด้วยเช่นกัน และมันก็สามารถพูดได้เลยว่านักรบหมอกโลหิตทุกคนคือตัวอันตรายที่ผู้ครอบครองไอเท็มระดับเทพไม่อยากเจอ
ด้วยความเก่งกาจที่นักรบหมอกโลหิตได้แสดงออกมานี่เอง มันจึงมีผู้คนในอินเทอร์เน็ตมากมายพยายามถามถึงวิธีเข้าร่วมกองทัพหมอกโลหิต อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้เปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบหมอกโลหิตก็ไม่มีใครอยากเปิดเผยวิธีการเปลี่ยนอาชีพออกมาเลย และถึงแม้ว่ามันจะมีคนเปิดเผยความลับออกมาบ้าง แต่วิธีการของพวกเขาก็เป็นวิธีการที่สามารถใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นถึงมันจะมีการเปิดเผยออกไปแต่มันก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฮั่นอิ่งถามเมื่อได้เห็นลู่หยางมีท่าทางแปลก ๆ
“เราได้ของวิเศษมาชิ้นหนึ่ง เดี๋ยวรอให้เสี่ยวเหลียงกลับมาก่อนนะ ในเวลานั้นพวกเราก็จะมีนักรบขั้นเทพเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เผลอ ๆ เสี่ยวเหลียงอาจจะเก่งกว่าพี่ด้วยซ้ำ” ลู่หยางกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ฮั่นเฟยถามด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ พวกนายรอดูเถอะ หลังจากนี้สิ่งที่เสี่ยวเหลียงทำได้จะทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแน่นอน” ลู่หยางกล่าว
“เยี่ยมไปเลย! ในที่สุดพี่เสี่ยวเหลียงก็จะได้มีเวลาเฉิดฉายสักที” ฮั่นเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย
หลังจากเข้ามาเล่นเกมด้วยกัน เสี่ยวเหลียงก็มักจะมอบของดี ๆ ให้กับคนอื่นก่อนเสมอ ดังนั้นภายในใจของพวกฮั่นเฟยสถานะของเสี่ยวเหลียงจึงเป็นรองเพียงแค่ลู่หยางคนเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหลียงเล่นเกมไม่ค่อยเก่งมาก สามพี่น้องตระกูลฮั่นจึงค่อนข้างจะเป็นกังวลมาก แต่พวกเขาก็ไม่อยากเร่งให้เสี่ยวเหลียงรู้สึกกดดัน เมื่อลู่หยางบอกว่ามีวิธีที่จะทำให้เสี่ยวเหลียงเก่งขึ้นอย่างกะทันหัน มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาทั้ง 3 คนถึงรู้สึกดีใจ


แสดงความคิดเห็น