บทที่ 5 : คือใจ (จบบริบูรณ์)

คือใจในกาล
คุณกำลังอ่าน: คือใจในกาล (จบ)

-A A +A

บทที่ 5 : คือใจ (จบบริบูรณ์)

               ยาโดถูกให้นอนลงกับพื้น เขาปฏิบัติตามด้วยใจแจ่มใสอย่างไม่เคยเป็น ไม่มีใครรู้ว่าในห้วงแห่งความไร้สติชั่วขณะ เขาพบเห็นอะไร ทุกอย่างคล้ายเป็นคำตอบให้คำถามทั้งชีวิต

               มันเป็นห้องเล็กๆ ตันทึบ ไม่มีประตู หน้าต่าง หรือแม้แต่รอยแตกตามผนัง ทุกอย่างดำสนิทจนคล้ายว่า ร่าง ซึ่งบัดนั้นอยู่ในสภาพพลังงานของเขาจะดำไปด้วย

               เบื้องหน้า กลุ่มก้อนประหลาดสามก้อน ดำสนิทเช่นกัน ลอยนิ่งเหนือพื้น สันฐานคล้ายมนุษย์สามคน เค้าโครงของใบหน้าคล้ายจะจ้องมายังยาโด

               "เราบอกเธอแล้ว ว่าเราเอาร่างเธอได้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย" กระแสคลื่นหนึ่งแล่นกระทบ เป็นการสื่อสารจากพลังงานหนึ่งในนั้น

               "ผมรู้" ยาโดตอบ รู้สึกว่าคำพูดถูกแปรเป็นคลื่นส่งกลับไป เขาหวาดกลัวสุดประมาณ แต่จะดิ้นรนไปทางไหนก็ไม่ได้

               "เธอรู้ แต่เธอก็พยายามขัดขืนอำนาจเหนือกว่าอย่างเรา เจ้าหนู เธอไม่น่าเปลืองแรงเลย"

               หนุ่มสิบแปดข่มสติ รู้สึกว่ามีกระแสคุกคามจากฝ่ายตรงข้ามไหลมารุนแรง

               "ผมรู้ แต่ผมไม่ยอมเป็นพวกคุณ ไม่ยอมยกร่างของผมให้คุณเอาไปทำอะไรตามใจชอบหรอก"

               "งั้นหรือ" กระแสคุกคามยิ่งมากขึ้น เสียงหัวเราะราวจะดังจนสะเทือนไปทั้งใจ

               "งั้นก็ให้เราใช้มันสักพักสิ เราจะได้ทำตามใจชอบอย่างที่เธอว่าไงล่ะ"

               ยาโดรู้สึกว่าตัวเองพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ แต่กระแสคลื่นนั้นมากเกินไป เขาคล้ายเป็นหนึ่งในกลุ่มก้อนพลังงานที่ถูกเชื่อมเข้ากับสามสีดำนั้น ไม่ เขาจะแพ้เช่นนี้ไม่ได้!

               การดิ้นรนคล้ายนานเป็นเดือนปี ยาโดยิ่งรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะลดน้อยลงเรื่อยๆ ในภาวะกระแสจิต เขาไม่เหนื่อย แต่เมื่อเสียพลังงานให้ฝ่ายตรงข้ามมาก เขาก็ไม่มีพลังงานให้ตัวเอง ขณะจะขืนอีกเป็นครั้งสุดท้าย อะไรอย่างหนึ่งก็แวบขึ้นในความคิด เขาหยุด นึกถึงทุกภาพในชีวิตเท่าที่ใจอำนวย คลื่นเหล่านั้นกลับกระแทกใส่แล้วย้อนคืน ไม่เข้ามาคุกคามอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

               "ได้อาวุธชิ้นใหมแล้วหรือ เจ้าหนู" กระแสถามกึ่งแปลกใจกึ่งมีโทสะ ยาโดเหนื่อยเกินกว่าจะตอบ แว่วเสียงเรียกเบาๆจากที่ไกลแสนไกล

               แล้วเขาก็หลุดออกมาอยู่กลางวิหารแห่งนี้ ท่ามกลางสายตานับร้อย ภาพทุกอย่างคล้ายฝัน แต่เป็นฝันที่เขามั่นใจว่าจริง ยาโดรู้สึกถึงมัน พลังงานสีดำสามก้อนนั้น

               ขณะจิตดิ่งเคลิ้ม ยาโดเห็นนักบุญที่นั่งข้างเขาลุกขึ้น แวบนั้นจากเบื้องหลัง นามหนึ่งผุดแจ่มชัดในสมอง แม้จะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆนับจากวันสุดท้ายที่พบกัน เขากลับไม่เคยลืมใบหน้านั้น

               "แม่....."

               ได้ยินเสียงกายเนื้อครางแผ่วเบา สติหลุดจากโลก สู่ห้องดำอีกครั้ง

               ในวิหาร ทุกคนเงียบ ในอากาศว่างเปล่าคล้ายปรากฏภาพสี่เหลี่ยมสีดำภาพหนึ่ง เลือนราง แล้วค่อยแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย คนไม่เชื่อในอำนาจจิตพากันขยี้ตา แต่มองอย่างไรก็ยังเห็นภาพนั้นอยู่

               "เห็นลูกไหม คุณมิช"

               ช่างเขียนป้ายสะดุ้ง หญิงสาวมาคุกเข่าอยู่ข้างๆตอนไหนไม่รู้สึก เขาพยักหน้า มองสำรวจเธออีกครั้งอย่างพินิจ

               "สงสัยหรือ ว่าทำไมฉันรู้ว่าเป็นคุณ" คำถามนั้นทำให้เขาแปลกใจ มิชนิ่ง ตอบอะไรไม่ถูก เธอยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวประโยคราวสายฟ้าฟาดที่ทำให้เขาหลุดเสียงอุทานออกมาดังๆ

               "ฉันรู้ว่าฉันอยู่กับคนในความฝัน ตอนนี้ฉัน..."

               "เมริน!"

               เธอหยุด เขาหยุด จ้องกันนิ่งอยู่เช่นนั้น เค้าหน้าภรรยาเมื่อแปดปีก่อนผุดซ้อนขึ้นในความทรงจำ เมรินตรงหน้าเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เปลี่ยนจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน เธอเคยแต่งหน้าจัด สวมเสื้อผ้ารัดกุมทุกสีที่ไม่ใช่สีขาว หากคนตรงหน้าบัดนี้กลับนุ่งขาวตลอดทั้งตัว แม้เสียงที่เคยแหลมก็กลับอ่อนเย็นผิดไป

               "ท ท่านคือ..."

               "คุณแพ้ลูกแล้วล่ะ ยาโดจำฉันได้" เธอบอกยิ้มๆ ขณะจิตนั้น มิชลืมไปแล้วว่ากำลังพูดกับเพศบรรพชิต เขาผวาสุดตัวจนซีราด้านข้างและสองพี่น้องด้านหลังต้องช่วยกันกด

               "เมริน เกิดอะไรขึ้น! ทำไมคุณถึง..."

               "ฉันหันออกจากทุกอย่างตั้งแต่สามปีที่แล้วค่ะ เรื่องเป็นยังไงเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ยาโดต้องการกำลังใจมาก ส่งใจไปช่วยเขาด้วย" หญิงสาวขยับออกห่างเล็กน้อย เธอเหมือนหญิงสาวจริงๆ มิใช่แต่ท่าทาง มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนมีลูกอายุสิบแปด เมรินปีนี้คงย่างสามสิบเก้า เป็นสาวใหญ่ใกล้กลางคน แต่ใบหน้าที่เขาเห็นอ่อนกว่ารูปบนชายทะเลที่บ้านเสียอีก มิชสะบัดศีรษะ พยายามรวบรวมสติ มองภาพสีดำในอากาศตรงหน้า

               ในห้องมืด แต่ยาโดกลับรู้สึกว่ายังเห็นเหมือนปกติ สามพลังงานลอยอยู่ตรงหน้า มองเขาที่มีสภาพเป็นพลังงานเช่นเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนคลื่น ทะลักมาแล้วเชื่อมต่อ เกิดเป็นกระแสสื่อสารเบาๆในอากาศ

               "ไงล่ะ จะมอบร่างให้ดีๆหรือให้เราใช้กำลังอีก"

               "ไม่" เขาตอบ รู้สึกถึงกระแสอารมณ์โกรธแล่นออกไป อารมณ์นั้นกลับเชื่อมเข้ากับพลังของฝ่ายตรงข้ามอย่างประหลาด ยาโดหยุด รีบระงับความคิด คนเหล่านั้นมีพลังด้านลบอยู่ เขาใช้ด้านลบของตัวเองต่อกรด้วยไม่ได้

               "ฉลาดนี่ น้อยคนนะที่มองเกมนี้ออก" กระแสซ้ายสุดชม เขาดูใหญ่ที่สุดในกลุ่ม แต่ความดำคล้ายจะน้อยกว่าคนอื่น เด็กหนุ่มนิ่งสงบไม่สนใจ

               "ฉันถือว่าให้เกียรติคู่มือน่าสนใจอย่างเธอหน่อยก็แล้วกัน เธอทายออกว่าเราคือเซบรี ชนะเราได้ถึงสามวัน แต่ไม่เป็นไร เรามีเพื่อนเธอเป็นตัวประกัน เธอรู้ดีนี่ ว่าถ้าพลาด อะไรจะเกิดขึ้น"

               เสียงหัวเราะต่อมาถูกขัดจังหวะด้วยกระแสเรียบเฉยจากเขา

               "ผมรู้ ผมถึงบอกไงว่าจะไม่พลาด"

               "พวกเขามีอะไรให้เธอเห็นค่านักล่ะ นอกจากแค่คนรู้จัก เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารนั่นทั้งแอบอิจฉา แอบดูถูกเธอ เด็กซาริตีก็กำลังจะใช้ความรักผูกมัดเธอ กลัวไม่ใช่หรือ ความรักน่ะ"

               สติที่พยายามตั้งไว้เกือบมั่นทำท่าจะหลุดกระเจิง ยาโดข่มสุดฤทธิ์ กลนี้มีเพื่อให้เขาหวั่นไหวหรือ มีนาคิดอะไร ซาริตีรักเขาหรือเปล่า สายตาของเจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสารวันนั้นผุดขึ้นในความทรงจำ เธออาจคิดก็ได้ แต่เขามีอะไรให้อิจฉาล่ะ

               "อิจฉาภาพที่พ่อเธอสร้างให้ไง พ่อที่เธอรักนักหนาน่ะ"

               กระแสสื่อสารเสียดแทงเข้ามาจากก้อนพลังงานตรงกลาง เด็กหนุ่มสะกดใจเต็มความสามารถ เขาถูกอ่านความคิดอีกแล้ว คำตอบนั้นคล้ายเสียงก้องใต้สำนึกสะท้อนหลอกตัวเอง แม่จากไปเมื่อแปดปีก่อน ทิ้งประโยคประหารความฝันพ่อไม่เหลือเสี้ยวซาก มิชผันตัวจากจิตรกรอิสระมาเขียนป้าย บังคับตัวเองผูกกับสิ่งที่เขาเรียกว่าความจริงอย่างเอาเป้นเอาตาย ประโยคเก่าๆที่พ่อเคยพูด ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวจนยาโดรู้สึกว่าสติพร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อ

               "พ่อรู้ว่าลูกชอบรูป ชอบสี แต่ของพวกนั้นทำลายพ่อ พ่อไม่อยากให้มันทำลายลูกอีก"

               "พ่อไม่รู้ว่าน้าซีราที่ยังอยู่ในความฝันกับพ่อตอนนี้ใครสบายกว่ากัน ถ้าน้าเขาถามอีก ฝากบอกด้วยว่าพ่อไม่มีวันกลับไปวาดรูปเด็ดขาด พอแล้ว พ่อไม่อยากเสียใครไปเพราะความฝันอีกแล้ว"

               พ่อรักแม่ ซาริตีรักเขา มีอะไรสวยงามในความรักมากนักหรือ?

               ยาโดหวนนึกถึงภาพเก่าอีกภาพหนึ่ง เขาแทบลืมมันไปแล้วเพราะนานเกือบสิบปี มันเป็นวันแรกของโรงเรียนใหม่ และเป็นวันซวยที่สุดวันหนึ่งในชีวิต เขากับไซเรียนเดินเกือบเป็นวิ่งด้วยกันตามถนน รีบเร่งเข้าคาบเช้าตามประสานักเรียนใหม่ ความรีบทำให้ลืมสังเกตข้างทางว่ามีวัยรุ่นวิวาทขว้างปาขวดใส่กันอยู่ มารู้ตัวเอาเมื่อมันปลิวเฉียดระหว่างสองไหล่ไปแตกกับพื้นตรงหน้า บริเวณนั้นเป็นร้านเหล้าสองร้านตรงข้ามกัน ขวดแล้วขวดเล่าปลิวต่อเนื่องจากนักดื่มค้างคืน ไม่มีทีท่าจะหยุดแม้เมื่อเห็นบุคคลที่สามอยู่กลางถนน

               "วิ่งเถอะ" ลูกชายจิตรกรบอก ดันหลังยาโดสุดแรง ยังไม่ทันขยับตัว เศษแก้วมหาภัยชิ้นหนึ่งก็ปลิวมาทางคนทั้งสอง วัยรุ่นพวกนั้นคงใช้ขวดหมดแล้ว เริ่มหยิบชิ้นส่วนแหลมคมขว้างปาใส่กัน ชิ้นนั้นพุ่งเข้าใส่ยาโด รวดเร็วยากจะหลบพ้น ไซเรียนผลักร่างข้างๆสุดแรงเกิด ล้มเอียงพ้นทาง คมแก้วพุ่งเข้าใส่ใบหน้าเขาแทน ฝังทะลุแก้มซ้ายอย่างถนัดถนี่ ท่ามกลางความตะลึงของยาโด

               นั่นเอง ที่มาของแผลเป็นแผลนั้น.....

               ว่าที่นักคอมพิวเตอร์ดึงตัวเองกลับสู่ปัจจุบัน แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามเห็นทุกความคิดของเขา ความรักของพ่อ ความรักของเพื่อน สองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร ความรักมีอยู่เพื่ออะไร หากเพื่อทำลาย ไฉนความรักของไซเรียนจึงไม่เคยฆ่าเขา เช่นเดียวกับที่แม่ทำลายพ่อ

               "ยิ่งสงสัย เธอก็จะยิ่งหาคำตอบไม่ได้ มอบร่างให้เราเถอะ" กระแสกดดันขัดจังหวะ ยาโดปล่อยให้มันผ่านไป ไม่สนใจ

               "ใครจะรู้ บางทีคนรู้จักแกดีๆอย่างซารีอาจแอบชอบแกก็ได้"

               เขาคิดถึงประโยคหยอกยั่วและรอยยิ้มยิงฟันของเพื่อนสนิท ซาริตีชอบเขาไหม ยาโดไม่เคยสนใจ เขาปฏิเสธความสัมพันธ์เช่นนั้น เพราะเห็นความโทรมของพ่อตั้งแต่วันที่แม่จากไป มิชจากที่เคยหน้าตาดีอย่างคนสมส่วน กลับเป็นชายอ้วนได้ในชั่วครึ่งปี ติดเหล้าหนัก วันหนึ่งๆเขาเห็นพ่อเมา ร้องไห้เหมือนคนบ้านับครั้งไม่ถ้วน ภาพวาดหลายภาพถูกฉีกจนยาโดอดไม่ได้ ต้องแอบเอาไปซ่อน

               แล้วลึกๆในใจ เขาเคยรู้สึกรักใครเหมือนพ่อรักแม่บ้างไหม?

               "พ่อเธอตกเป็นทาสของความรัก เขาใช้ความรักทำลายเธอ บังคับเธอ เหมือนที่เขาทำลายตัวเอง เห็นไหมล่ะ ว่าไม่มีอะไรงีเลยสักอย่าง"

               ยาโดรู้สึกว่าใจค่อยๆคล้อยตาม ขณะคลื่นจากพลังตรงหน้ารุนแรงขึ้น ทว่าในความคล้อยนั้น อีกภาพหนึ่งของครอบครัวซีราปรากฏซ้อนขึ้น เขาจำวงอาหาร จำสภาพเรียบง่ายเป็นกันเองในบ้านหลังนั้นได้

               "ผมยังไม่ยอมแพ้หรอก" ตอบกลับไปด้วยใจมั่นคงขึ้น พลังคุกคามเริ่มรุกหนักเมื่อถูกต่อต้าน

               "เราไม่อยากเสียเวลานานนักหรอกนะ" คลื่นเกรี้ยวกราดจากพลังงานด้านขวาสุดกระแทกใส่ พลังนี้ดำมืดกว่าพลังอื่นๆ อำนาจบังคับก็เหมือนจะมากกว่าด้วย

               "น้าซีรารักลูก พ่อถึงจะบังคับผมก็เพราะรัก ผมมีเพื่อน มีครูที่หวังดี คุณไม่มีวันได้มันไปง่ายๆหรอก"

               ยิ่งท้าทาย ความมั่นใจยิ่งเพิ่มพูน เช่นเดียวกับความรุนแรงของกระแสกดดันจากอีกฝ่าย ยาโดระงับใจไม่ให้ไหลไปตามการชักจูงของมัน ยิ่งนาน เขาก็ยิ่งเหนื่อย ทนยันต่อได้ด้วยแรงไม่ยอมแพ้เท่านั้น

               ในวิหาร ชายร่างท้วมจ้องภาพในกรอบสี่เหลี่ยมตรงหน้า น้ำตาไหลพรากอย่างสุดกลั้น เขาเห็นและรับรู้ทุกอย่างจากมันราวกับมองภาพยนตร์ แต่มิอาจทำอะไรได้นอกจากเอาใจช่วย กายเนื้อของยาโดยังนอนสงบอยู่บนพรม เบื้องหน้าสัมผัสอากาศ เหตุการณ์ในห้องดำราวกับมิได้รับรู้ด้วยตา แต่ด้วยจิต อยู่ใกล้เพียงเอื้อม คล้ายห่างไกล สีของมันบางครั้งเด่นชัด บางครั้งเลือนแทบจะกลืนกับสีพื้น ขณะอีกสามร่างตรงหน้ายิ่งนานยิ่งมืด

               "สู้ๆนะลูก" เขาพึมพำกับตัวเอง ภาวนาขอให้มันดังผ่านแรงใจไปสู่ภาพนั้น เมรินนั่งอยู่ข้างๆด้วยอาการสงบ ส่วนซีราเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือบีบไหล่เบาๆ

               "คุณอาจทำอะไรให้เขาขัดใจเยอะ มิช แต่คุณสอนเขาให้เป้นคนดีมาตลอด ฉันเชื่อว่าพื้นฐานที่คุณให้จะช่วยเขาออกมาได้"

               "เซบรีพวกนั้นพูดถูก ซีรา ผมฆ่าตัวเอง ฆ่าลูก ผมยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าพ่อเต็มปากได้อีกหรือ"

               อดีตภรรยานักบุญตอบแทนด้วยอาการสงบเช่นเดิม

               "คุณเป็นพ่อของเขาเสมอค่ะ ยาโดแค่ต้องการตัวเองของคุณกับของเขาคืนเท่านั้น"

               ในห้องมืด ว่าที่นักคอมพิวเตอร์เริ่มรู้สึกว่ายิ่งนาน พลังงานยิ่งไหลออกมากกว่าเข้า สีดำตรงหน้าราวจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ รอบกายประหนึ่งปกคลุมด้วยหมอกทึบทะมึน กลุ่มก้อนทั้งสามส่งอำนาจกดดันมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งกันเป็นสามกระแสยึดเขาไว้ กระแสเหนี่ยวรั้งคล้ายห่วงโซ่ ความคิด ความรู้สึกของฝ่ายนั้นเริ่มหลั่งไหลมายังเขา เท่าๆกับที่ทุกอย่างในใจถูกถ่ายทอดออกไป ครั้งนี้ไม่ใช่การอ่านอีกแล้ว แต่เป็นสื่อจากใจถึงใจโดยตรง

               "เราให้เขารู้ไม่ได้นะ"

               "เราถอนกลับไม่ได้แล้ว เขาเชื่อมกับเราหมดทั้งสามคน!"

               ยาโดรู้สึกถึงอารมณ์กลัวระคนวิตกจากกระแสเหล่านั้น ขณะในสัมผัสปรากฏภาพซ้อนอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพตัวเมืองเต็มไปด้วยผู้คน สายตา หรือแท้จริงควรเป็นสายใจ หยุดจับยังสามร่างบนถนนขวักไขว่ พวกเขาสูง ใหญ่ เป็นชายหน้าตาดีในเครื่องแบบทหารสีน้ำตาลคาดแถบขาวของดรานา

               "วันนี้ใครไม่มีงานไปวัดกันไหม ไปนั่งเย็นๆสงบจิตสงบใจ" หนึ่งในสามพูด คนผู้นี้ร่างกายใหญ่ที่สุดในกลุ่ม อีกสองคนปฏิเสธ คนท่าทางเด็กสุดดูจะมีความสุขมากกว่าเพื่อน

               "ผมมีนัดกับแฟนตอนบ่ายครับผู้กอง คืนนี้เข้าเวรด้วย"

               "บ๊ะ หมอนี่" ผู้กองบ่นพลางยักไหล่ "อีกหน่อยจะลาไปอยู่กับแฟนเสียก็ไม่รู้"

               กระแสร้อนรนยังส่งเข้าหายาโดอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกราวกับว่าพวกเซบรีบัดนี้มิได้คุกคาม แต่พยายามดิ้นรนให้หลุดจากการเชื่อมต่อนั้น เขาถือไพ่เหนือกว่าแล้ว ภาพซ้อนตัดไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง กลับเป็นวัดที่เด็กหนุ่มคุ้นเคยนั่นเอง ผู้กองของสองทหารนั่งโดดเดี่ยวบนพื้นศาลา มองออกไปยังแถวต้นไม้รกๆข้างกำแพง ตัวเมืองในภาพแรกที่แท้คือจังหวัดของเขาเอง ยาโดคิด

               ร่างใหญ่นิ่งนาน ท่าทางเหมือนทอดอาลัย ยาโดรู้สึกถึงความเศร้าและเหงาเร้นลึกจากภาพนั้น คล้ายสัมผัสถูกส่งหาเขาโดยตรง ผู้กองเคยมีคนรัก แต่ตายและจัดงานศพในวัดนี้ นั่นไม่ใช่ความคิดของเด็กหนุ่ม แต่เป็นความทรงจำจากเบื้องลึกของร่างเหงาเศร้าเอง

               ชั่วหนึ่ง สำนึกบอกว่าเป็นหลายวันต่อมา ทหารเด็กหนุ่มนั่งโดดเดี่ยวในห้องนอน ใบหน้าเปี่ยมสุขกลับเปื้อนน้ำตา เขาเพิ่งถูกตัดเยื่อใยอย่างไร้เหตุผลเมื่อบ่ายนี้ ที่บ้านไม่มีใครรับรู้ เท่าๆกับที่ทหารหนุ่มไม่อยากบอก คนกลุ่มหนึ่งสุขแล้ว สุขจนไม่เข้าใจความเศร้าของใครรอบข้าง

               ยาโดสะเทือนใจจนรู้สึกว่าหากมีร่างเนื้อ น้ำตาคงไหล แต่ในภาวะนี้เขาทำได้เพียงนิ่งมอง ปล่อยให้สามกระแสเบื้องหน้าดิ้นรนต่อไป ทุกชีวิตล้วนผ่านความเจ็บจนกลายเป็นสร้างสีดำให้ตัวเอง เซบรีก็คน เขาก็คน ไฉนเลยด้านชาต่ออารมณ์ได้

               "เขาเห็นมากกว่านี้ไม่ได้นะ ตัดการเชื่อมต่อสิ!"

               "ตัดไม่ได้ เขาส่งของตัวเองให้เราแล้ว!"

               ภาพตัดไปอีกยังบ้านหลังเล็กในเขตชานเมือง แสงไฟสาดเป็นลำจากด้านใน หากไฟนั้นมิใช่ไฟอบอุ่น แต่เป็นไฟร้อน เสียงทะเลาะอย่างรุนแรงแว่วออกมาได้ยินถนัด ยาโดพาตัวเองก้าวเข้าไป เห็นสี่คนยืนรอบเตาไฟ หนึ่งในนั้นเป็นทหารที่เขาจำได้ว่าเห็นในกลุ่มตอนแรก

               "แกมันดื้อ พ่อแม่บอกไม่รู้จักฟัง" ชายชราตวาดไปหอบไป "แกเป็นทหาร แกหนีไปอยู่ไกลบ้าน แถมยังเอาเด็กนั่นทำเมีย ฉันไม่รู้จะด่าแกยังไงแล้ว ไม่อยากเรียกตัวปัญหาอย่างแกว่าลูกด้วยซ้ำ"

               "ไม่อยากก็ไม่ต้องเรียก" เสียงย้อนเรียบเฉยพอๆกับใบหน้า สามคนในที่นั้นตะลึง แม้ยาโดมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆก็อดสะท้านไม่ได้ อากานั้นราวกับว่า ทหารหนุ่มพร้อมตัดไมตรีกับบิดาตัวเองได้ทุกเมื่อ

               ชายชราหน้าซีด ผิวจากคล้ำกลับเผือด แล้วกลายแดงจนเป็นม่วง ตะเบ็งสุดเสียงเท่าที่แรงจะอำนวย

               "งั้นก็ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับตัวปัญหาอย่างแก!"

               แล้วก็ล้มลงข้างกองไฟนั่นเอง ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของอีกสองคนใกล้ๆ เสียงเรียกพ่อดังระงม หากมิได้มาจากปากทหารผู้นั้น เขามองร่างบนพื้น เดินออกไปด้วยท่าทางเรียบๆเช่นเดิม ทิ้งทุกอย่างให้โกลาหลต่อไปเบื้องหลัง

               ภาพตัดกลับมาที่วัดแห่งเดิม ผู้กองร่างใหญ่นั่งนิ่งในศาลาอีกแล้ว ครั้งนี้เขาถือรูปปึกหนึ่งมาด้วย นั่งมองต้นไม้อยู่พักหนึ่งก็ลุก ยาโดมองตาม รู้สึกถึงกระแสรุนแรงบางอย่างจากร่างนั้น

               เขาเดินตามผู้กองมาหยุดหลังต้นไม้ต้นหนึ่งมุมสุดของกำแพง ชายร่างใหญ่ล้วงไม้ขีดไฟจากกระเป๋ากางเกง จุดขึ้นแล้วต่อเข้ากลางรูปกองนั้น กระดาษอัดลุกไหม้ทันที

               แวบเดียวที่เขาวางมันลงพื้น ก่อนไฟจะลามไปตลอดแผ่นแรก ยาโดเห็นภาพผู้หญิงภาพหนึ่ง ครึ่งหน้าถูกรอยไม้ขีดเผาหายไป เธอคงสวยมากจากสันฐานที่ยังพอมองได้ ผู้กองลุกขึ้น จ้องกองรูปติดไฟราวจะให้แน่ใจว่าไหม้หมดทุกใบ

               "ผมรักคุณมาก วาลี รักจนเห็นคนตายไปแล้วอย่างคุณไม่ได้ ขอให้คุณตายไปจากชีวิตผมในกองไฟนี่ให้สงบนะ"

               เสียงห้าวต่ำรำพึงแหบแห้ง ดังพอให้ยาโดได้ยิน ในกองไฟนี้ไม่เหลือรูปใดให้เห็นอีก นอกจากซากเถ้าส่งกลิ่นไหม้ไปทั่ว ผู้กองเดินกลับเข้าศาลา หยิบขวดน้ำใบใหญ่จากข้างในมาเปิดราดดับมัน หันหลังกลับ ก้าวช้าๆออกจากวัดด้วยดวงตาว่างเปล่า

               จากขาว กลายเป็นดำ เด็กหนุ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคนทั้งสามต่อจากนั้นทีละภาพ พวกเขาเริ่มพาตัวสู่ความมืดในฐานะเซบรี หนึ่งในนั้น มีผู้กองคนเดียวพยายามถอยออกมาครั้งหนึ่ง ทว่าที่สุดก็มีสภาพไม่ต่าง จนถูกวิสามัญฆาตรกรรมโดยมือกฎหมายในเวลาต่อมา ความมืดของพวกเขามิใช่เกิดเพราะถูกล่อลวง หากด้วยสมัครใจทั้งสิ้น

               แล้วเขาล่ะ?

               คำถามดังก้องในใจขณะภาพสุดท้ายเลือนหาย การเชื่อมต่อถูกตัดขาด สามพลังงานลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าเช่นเดิม หากครั้งนี้ ยาโดคล้ายรู้สึกว่า สีดำแต่แรกดูอ่อนลง

               "เป็นคู่มือที่ไม่เลวจริงๆ" กระแสเบาๆจากพลังงานด้านซ้ายซึ่งเขาทราบแล้วว่าคือผู้กอง แล่นกระทบประสาท "เราเห็นเธอ เธอเห็นเรา ไม่มีใครมาได้ไกลถึงขั้นนี้"

               "ผมยังมีศรัทธาเหลือให้ความรักอยู่ ผมยังไม่ถอย" เขาตอบ รู้สึกถึงกระแสบางอย่างถ่ายทอดออกไปสู่พลังงานเหล่านั้น กระแสอ่อนเย็นอย่างที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันแล่นไปทั่ว คล้ายจะปกคลุมสีดำของพื้นห้องฉะนั้น

               "เราลืมมันไปนานแล้ว ความหวังในความรักที่เธอว่า เจ้าหนู รักษามันไว้ให้ดี เธอยังไม่คู่ควรกับเซบรีในตอนนี้" พลังตรงกลางกล่าว ไม่มีกระแสคุกคามอีก เขาคือทหารเด็กสุดที่ตัดใจจากการถูกคนรักบอกเลิกไม่ได้นั่นเอง ยาโดประสานตากับเค้าใบหน้านั้นเป็นครั้งแรก เห็นความเป็นมนุษย์ชัดเจนขึ้นจากภาพทะมึนที่เคยปรากฏ

               "ทุกอย่างมีขาวกับดำ ใครๆก็บอกแบบนั้น" เขาพูด ปล่อยใจไม่พยายามควบคุมอีก "พ่อสอนให้ผมเกลียดสีดำ พยายามเป็นสีขาว แต่ความรักกลับทำให้พ่อกลายเป็นสีดำเสียเอง ผมยินดีเป็นสีขาวของพ่อครับ ขาวกับดำแยกกันไม่ได้หรอก"

               "ผิดอย่างหนึ่ง" พลังขวาสุดกล่าว สีดำกว่าใครบัดนี้กลายเป็นเทาเกือบอ่อน "เธอเป็นสีขาวของพ่อ สักวันเธอก็จะปรารถนาสีดำอีกเหมือนฉัน เหมือนเราทั้งสาม เธอบอกเองไม่ใช่หรือว่าขาวกับดำแยกกันไม่ได้ มีขาวหรือจะไม่มีดำ อะไรล่ะ อยู่ระหว่างสองสีนั้น"

               ยาโดรู้สึกว่าตัวเองยิ้ม ร่างกายเบาหวิวขณะมองพลังทั้งสามค่อยๆโปร่งใสขึ้นทีละน้อย ในแสงนั้น เขาเห็นใบหน้าอ่อนสะท้อนกลับมา รอยยิ้มของตัวเองวันนี้สว่างสดใสกว่ารูปภาพใบใด

               "ผมอาจไม่ขาวที่สุด แต่ผมก็คงไม่ดำที่สุด ถ้าเซบรีคือความมืด โซเมคือความสว่าง ผมก็ภูมิใจที่มีทั้งคู่อยู่ครับ"

               พลังงานตรงหน้ากลายเป็นรูปมนุษย์เต็มส่วน ยาโดเห็นเงาตัวเองร่วมกับคนทั้งสามสะท้อนจากผนังห้องที่บัดนี้ใสราวกระจก อะไรบางอย่างเรียกร้องให้เขากลับไป แสงในห้องก็สว่างขึ้นทุกที คงได้เวลาแล้ว เด็กหนุ่มคิด

               "ขอให้โชคดีกับชีวิตที่เหลือนะ" เสียงบอกแจ่มใส แสงจ้าจัดจนไม่เห็นอะไร สติเริ่มเลือนราง พักเดียวก็ดับวูบ

               "เขาชนะแล้ว ยาโดชนะแล้ว!"

               ในวิหารพลันสะท้านด้วยเสียงร้องก้องของใครคนหนึ่ง เมื่อมีคนนำ อีกหลายเสียงก็ตะโกนประสานขึ้น ต่างพากันเข้าไปออรอบร่างไม่ไหวติงบนพรม เขายังไม่ฟื้น แต่นั่นไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

               "คราวนี้ ค..ท่านบอกผมได้หรือยังว่าทำไมมาเป็นนักบุญได้" มิชหันไปถามเมรินที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ หญิงสาวทำอาการให้เขาออกห่างจากกลุ่มคนเล็กน้อย บอกด้วยท่าทางสงบดังเดิม

               "ฉันบอกคุณว่าฉันจะไปหาความสุขในความจริง แต่ฉันก็ฆ่าความฝันของตัวเองไปด้วย มันไม่สุขเลยค่ะ มิช ไม่แม้แต่นิดเดียว ฉันเลยตัดสินใจถอย แต่ก็ไม่มีความสุขอีก รู้สึกผิดมากที่ทำกับคุณวันนั้น ฉันกลับไม่ได้ ตั้งใจจะลืมคุณก็ลืมไม่ได้อีก สุดท้ายก็มาเป็นอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่าง"

               มือหนายกขึ้นทำท่าจะจับ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายครองเพศบรรพชิตก็ชะงัก เปลี่ยนเป็นกล่าวว่า

               "ท่านอาจดูเหมือนผิดนะ แต่ผมผิดกว่า ผมยอมให้ความงี่เง่าของตัวเองทำร้ายลูก ถ้ายาโดไม่มีความมืดที่ผมสร้างให้ เซบรีก็คงเล่นงานเขาไม่ได้ ค..ท่านเสียอีกกลับมาสอนบทเรียนล้ำค่านี้ให้ผม"

               แดดอ่อนเช้าส่องเป็นลำจากขอบฟ้า เวลาเจ็ดโมงเกือบแปด หากตะวันยังสว่างเพียงพ้นขอบฟ้า สามร่างเดินพลางยิ้มพลาง สนทนากันอย่างออกรส

               "ฉันว่าจะไปเยี่ยมหมอนั่นตอนเย็นเสียหน่อย คนอะไรโชคดีเป็นบ้า ป่วยทีมีคนใจดีเลื่อนเวลาส่งงานให้ ฉันนี่แหม! เป็นหวัดเป็นไอก็ต้องแหกตาขึ้นมาทำ"

               "อิจฉาไปได้น่า ซารี" ไซเรียนแซว "หมอนั่นป่วยอย่างเราๆเมื่อไร สลบสามสี่วันกว่าจะฟื้น"

               "ฉันก็สลบไปตั้งนานนี่" ซาริตีเถียง

               "สองวันเศษ เกินครึ่งของหมอนั่นนิดๆ"

               เด็กสาวยักไหล่ อยากเหวี่ยงกระเป่าถือเต็มแขนใส่เพื่อนข้างๆสักใบ อีกฝ่ายยิงฟันเฉย ไม่พูดอะไร โซโบแซวล้อๆมาจากด้านหลัง

               "อย่างน้อยคนครึ่งโรงเรียนก็รู้แล้วนี่ฮะ ว่าพี่แอบชอบพี่ยาโด"

               "บ้า!" ซาริตีร้องลั่นแล้วเดินผละจากสองชายไปทันที ไซเรียนกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะ มองหางเปียแดงจัดปลิวไหวๆจนลับตาแล้วหันไปทางน้องชาย

               "ยายนั่นเลือดขึ้นหน้าจนจะออกหูออกตาได้แน่ เด็ดจริงน้องรัก ว่าแต่พี่มีนามาทำงานหรือยัง จะเอาเอกสารเมื่อวานไปถ่ายหน่อย"

               "มาแล้วฮะ ท่าทางเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิมเยอะด้วย" น้องชายตอบ

               ร่างสันทัดขยับช้าๆจากเตียง ยันกายกะปลกกะเปลี้ยขึ้นนั่ง ชายท้วมบนเก้าอี้เมื่อเห็นเขามีการเคลื่อนไหวก็ลุกเดินมาหา

               "ตื่นแล้วหรือ เป็นยังไงบ้างลูก"

               "พอไหวแล้วครับพ่อ" ยาโดตอบ ยิ้มโรยๆ มิชยื่นอะไรบางอย่างส่งให้ เขารับมาดูแล้วเบิกตากว้าง

               "พ่อกลับมาวาดรูปแล้วหรือครับ!?"

               "ใช่" มิชตอบ รับกระดาษจากลูกชาย วางลงบนโต๊ะ "พ่อว่าจะเอาไปอัดดีๆแล้วขาย คงได้หลายเหรียญอยู่ ลูกหิวไหม พ่อทำซุปหมูสับไว้ข้างล่าง"

               เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นคราบเปื้อนบนเสื้อผ้าบิดา หัวเราะเบาๆ พยายามลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ

               "พ่อไม่น่าลำบากเลยครับ ให้ผมลงไปทำก็ได้"

               มิชขยี้ผมลูกชายอย่างมันเขี้ยว

               "ลุกยืนยังจะไม่ไหว ผ่าไปทำกับข้าว เป็นลมเป็นแล้งไปอีกทำไง"

               สองพ่อลูกประคอมกันลงบันได ยาโดรู้สึกมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นในรอบหลายปี พ่อคนเดิมของเขากลับมาแล้ว เหตุการณ์เหมือนร้ายที่สุด กลายเป็นดีที่สุดในชั่วไม่กี่วัน ซุปร้อนๆถูกตักใส่หม้อต้ม เขาเพิ่งสังเกตว่าพ่อตักแยกใส่ถุงอีกชุดหนึ่ง

               "ชุดนั้นให้ใครครับ" เขาถามงงๆ มิชยิ้มกว้าง

               "ให้คนสำคัญที่สุดของบ้านเรา ลูกอยากไปหาไหม เดี๋ยวพ่อพาไป"

 

จบบริบูรณ์

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.