รุ้งเที่ยงคืน 2: คัมภีร์สากล

รุ้งเที่ยงคืน (รวมเรื่องสั้นสะท้อนสังคม)

-A A +A

รุ้งเที่ยงคืน 2: คัมภีร์สากล

จบบริบูรณ์

สองขาก้าวออกประตูหลังบ้านมาเงียบๆโดยไม่มีใครรู้ อันที่จริงต้องบอกว่า ไม่มีใครอยากสนใจซะมากกว่า ย่ำเท้าลงบนดิน ผ่านแปลงพืชสวนครัวไม่ใหญ่มากมาจนถึงลานสนามหญ้าขนาดกลางที่มีโต๊ะไม้หกคนนั่งตั้งอยู่ ที่นั่น ร่างแข็งแรงของพี่ชายเธอกำลังนั่งหันหลังให้

 

ขาที่ก้าวอยู่หยุดกึก มองเขาอย่างชั่งใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจเดินผ่านโดยที่ฝ่ายนั้นเพียงแค่มองด้วยสายตาเย็นชาและสีหน้ารำคาญ แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานในมือต่อ คนบ้านนี้ก็อย่างนี้แหละ มีใครเคยเห็นหัวเธอบ้างซะที่ไหน

 

เด็กสาววัยสิบแปดกลั้นใจเดินจากมาจนผ่านรั้วหน้าบ้าน และพยายามลากขาเดินให้เลยพ้นเขตบ้านเธอไปเสียให้เร็วที่สุด ก่อนหันกลับไปมองบ้านที่เดินจากมาอีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าอยู่ห่างกันหลายสิบเมตรแล้ว

 

ก้อนขมที่สะกดเอาไว้สุดความสามารถค่อยสำแดงฤทธิ์ เสียงสะอื้นหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั้น มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงดังจนใครได้ยิน น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มืออีกข้างรีบยกขึ้นเช็ดขณะที่ตัวเริ่มสั่นเพราะการสะอื้นของตนเอง

 

ที่นั่น...ไม่มีใครต้องการเธอ ความคิดนี้ยิ่งทิ่มแทงให้ใจปวดร้าวขึ้นอีกหลายสิบเท่า

 

เด็กสาวเบือนหน้ากลับมา แล้วจึงก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้าท่ามกลางเวลาพลบค่ำสลัวลาง

-------------------------

 

 

“ขนตะกร้าผ้าสามใบริมหน้าต่างหน้าบ้านขึ้นท้ายรถให้แม่ทีนะ แม่ขอเข้าห้องน้ำก่อน”

 

นภัสสราที่เพิ่งเสร็จจากเตรียมมื้อเย็นให้ครอบครัวเสร็จแล้วเดินออกจากครัวมาเจอแม่เข้าก็ถูกวานงานต่อทันที

 

“แม่จะไปส่งผ้าหรือ”นภัสสราถาม หันมองแม่ตนที่รีบเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยความรีบร้อนอย่างกลัวจะไม่ทัน เสียงประตูห้องน้ำปิดปัง ก่อนแม่เธอจะส่งเสียงกลับมา

 

“ป้าพลอยเขาขอด่วนหน่อยน่ะลูก!”เสียงไม่ดังนักแว่วมาจากในห้องน้ำ

 

“จ้า”นภัสสราตอบรับ แล้วเดินไปยกตะกร้าผ้าขึ้น คว้ากุญแจรถไปเปิดกระโปรงท้าย ก่อนจะเอาตะกร้าใส่เข้าไป ระหว่างนำตะกร้าใบที่สามใส่ลงไปอีก ร่างสามร่างก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลัง หางตาเห็นเข้าจึงหันมอง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนปิดกระโปรงรถทำท่าจะกลับเข้าบ้าน หนึ่งในสามตนที่เพิ่งมาก็เอ่ยขึ้น

 

“ออกไปเที่ยวกับแม่เธอหน่อยแล้วกันนะ” คำพูดนั้นทำให้เด็กสาวชะงักนิดหนึ่ง พลางส่งกระแสจิตถามกลับไปด้วยความสงสัย

 

“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ที่ถามอย่างนี้ เพราะทุกครั้งที่พวกเขาทั้งสามตนมาหา มักจะต้องมีเรื่องอะไรตามมาเสมอ ฝ่ายนั้นเพียงยิ้มเฉยให้แทนคำตอบ เป็นอันว่าอย่าเพิ่งถามเลย เดี๋ยวก็รู้ถ้าทำตามที่บอกแล้ว จมูกงามสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วผ่อนออกมาเบาๆอย่างปลงใจ พอดีกับที่แม่เดินออกมาหา

 

“ขอบใจจ๋ะ บอกทุกคนด้วยนะว่าแม่ไปส่งผ้าก่อน”หญิงวัยสามสิบย่างสี่สิบพูดด้วยรอยยิ้มใจดี

 

“เหมี่ยวไปด้วยได้มั้ยจ๊ะแม่”นภัสสราตัดสินใจถามออกไป

 

“หืม?”แม่เหลือบมองหน้าเธอด้วยความแปลกใจ เพราะน้อยครั้งมากที่ลูกสาวคนเล็กจะขอตามไปส่งผ้าด้วย แต่พอเห็นหน้าเธอยืนยันตามคำพูด ก็พยักหน้าอนุญาต

 

รถเก๋งสีบอลเงินคันใหญ่เลี้ยวลึกเข้ามาในซอยสองสามซอย เด็กสาวนั่งเบาะข้างคนขับ พลางสายตาก็มองออกไปนอกกระจกดูสองข้างทางเพลินๆ จนรถแล่นผ่านตึกกำลังสร้างหลังหนึ่งริมทาง คลื่นพลังงานที่คุ้นเคยของเหล่าอมนุษย์ที่ตามมาด้วยก็เจือจางลง ทำให้ทราบว่าพวกเขาหายไปแล้ว

 

หันมองหาก็ต้องสะดุดกับคลื่นพลังงานบางอย่างไหลออกมาจากตึกเพิ่งสร้างหลังที่เห็น จากสายตาที่รับอะไรละเอียดกว่าคนทั่วไปเห็นว่าพลังงานสีทึมเล็ดลอดออกมาจากที่นั่น

 

กระจกรถเลื่อนลงเกือบสุดรับอากาศธรรมชาติเข้ามา จมูกและสัมผัสทางกายซึ่งผ่านการฝึกแยกพลังงานมาระยะหนึ่ง จึงพอรับรู้ว่ามีกลิ่นอสุรกายเจือจางมาตามลมที่ลอยมากระทบโสดประสาทจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

 

นภัสสรากำลังจะเอ่ยปากให้แม่หยุดรถ แต่เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นกลางสมองเสียก่อน

 

“ไม่ต้องตามมาหรอก”กระแสของหนึ่งในสามคนนั้นบอก ได้ฟังอย่างนั้น เธอจึงสงบใจนั่งรถไปกับแม่ต่อ

 

ถึงหน้าบ้านลูกค้าของแม่ รถก็จอดตรงนั้น ก่อนแม่เธอจะลงไปกดกริ่งหน้าบ้านลูกค้าเพื่อแจ้งว่าพวกเธอมาถึงแล้ว

 

ไม่นานเกินรอ ประตูบ้านหลังงามขนาดกลางก็เปิดออกโดยหญิงวัยกลางคนที่ยังเหลือเค้าความสวยแต่ตาดุก้าวตรงมาทางประตูรั้ว

 

“สวัสดีค่ะพี่พลอย”แม่ยกมือไหว้ด้วยมารยาท อีกฝ่ายก็รับไหว้นั้นด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง ก่อนเด็กสาวจะเปิดประตูลงจากรถก้าวไปกระโปรงท้ายรอทำหน้าที่

 

“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนหันมาพูดกับเด็กสาวเพราะเห็นเธอพนมมือไหว้ แล้วจึงหันไปคุยกับแม่เธอต่อ “พี่ขอโทษนะที่เร่งด่วนหน่อย”ป้าพลอยกล่าว

 

“ไม่เป็นไรค่ะ”แม่ตอบอย่างเสียไม่ได้ ขณะนั้น เสียงดนตรีจังหวะคึกคักก็ดังมาให้ได้ยิน ทำให้สามหญิงต่างวัยต้องหันมองด้วยความสนใจ

 

“บ้านนั้นเอาอีกแล้วสิ ไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ พอตกเย็นก็เปิดเพลง กินเหล้าเสียงดังรบกวนชาวบ้าน”ลูกค้าวัยกลางคนบ่นให้ฟังด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนพวกเธอจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในรั้วบ้านติดกับบ้านหลังที่เปิดเพลงเดินออกมาเกาะรั้วข้างบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิด

 

“เฮ่ย! เปิดเบาๆหน่อยมันจะตายรึไงวะ คนจะทำงาน ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!”ชายหนุ่มคนนั้นตะโกนต่อว่าออกไปด้วยความโมโห

 

ไม่นานนัก ก็มีชายหนุ่มสองวัยไล่เลี่ยกันในบ้านข้างๆเดินออกมาด้วยท่าทางเอาเรื่อง

 

“มีปัญหาอะไรวะ พวกกูก็เปิดอยู่ในบ้านกู เป็นสิทธิ์ของกูจะทำอะไรในบ้านของกูก็ได้ มึงทนไม่ได้ก็ย้ายบ้านไปสิ”

 

“สิทธิ์ของมึงห่าอะไร มันเดือดร้อนชาวบ้านไม่เห็นหรือวะไอ้พวกขี้เมา ไอ้พวกชั้นต่ำ มึงต่างหากที่ควรย้ายออกไปไม่ให้รกที่ทางคนแถวนี้!”ชายหนุ่มในอีกบ้านโต้กลับอย่างดุเดือด สองฝ่ายโต้เถียงกันไปมาจนเริ่มลุกลามจากปะทะฝีปากเป็นเดินเข้ามาจะลงไม้ลงมือกันโดยที่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในบ้านข้างๆยืนด่าทอท้าทายอยู่ในรั้ว

 

“หยุดนะ พวกแกจะทำอะไรกัน!”จู่ๆหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในบ้านของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในรั้วก็โผล่มาแทรก

 

“คนแก่ไม่เกี่ยว เปิดประตู วันนี้กูจะเอาเลือดหัวไอ้ปากดีนี่ออก แน่จริงมึงออกมาสิวะ!”ชายหนุ่มอีกฝ่ายตะโกนเรียกอย่างเอาเรื่อง

 

“อย่านะ อย่ามาทำอะไรลูกฉัน พวกแก ไอ้ชั้นต่ำ ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจมาจับเข้าคุกให้หมด ออกไป ไป๊!”หญิงวัยกลางคนคนนั้นโวยวายลั่น สองหนุ่มที่อยู่นอกรั้วได้ยินคำต่อว่าแทนที่จะถอยกลับก็ยิ่งเดือดดาน คนหนึ่งเดินกลับเข้าบ้านไปตามพวกมาเพิ่ม คราวนี้เหตุการณ์ชักชุลมุนใหญ่โต

 

“เอาอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทั้งปี ฉันเบื่อจริงๆ”เจ้าของบ้านหลังงามขนาดกลางบ่นอย่างหัวเสีย “ไป๊ อย่าไปสนใจพวกนั้นเถอะ เอาผ้ามาส่งแล้วก็รีบกลับซะจะได้ไม่โดนลูกหลงเข้า”แล้วแกก็หันกลับมาพูดกับหญิงรุ่นน้องและเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้วยกัน

 

“ปล่อยไปอย่างนั้นจะดีหรือคะพี่พลอย จะวิวาทกันแล้วนะคะนั่น”แม่เด็กสาวถามอย่างเป็นกังวล

 

“ช่างเถอะ เดี๋ยวบ้านนั้นก็คงจะแจ้งตำรวจกันเองแหละ เป็นอย่างนี้บ่อยจนคนแถวนี้เบื่อแล้วล่ะ”

 

นภัสสราช่วยแม่ขนตะกร้าผ้าเข้าไปไว้หน้าประตูบ้านให้หญิงวัยกลางคน เมื่อเรียบร้อยกันแล้วจึงลากลับออกมา

-------------------------

 

 

ผละจากเด็กสาวมาทั้งสามหนุ่มอมนุษย์ก็กระโจนตัวเข้ามาภายในตึกกำลังสร้างใหม่ หนึ่งหนุ่มเป็นเทพบุตรแดนจตุมหาราชิกา หนึ่งหนุ่มเป็นเผ่ามังกรชั้นสูง และอีกหนึ่งหนุ่มเป็นเผ่าเงือก

 

พวกเขาพุ่งตัวไปตามคลื่นหม่นเศร้าของใครบางคนและกลิ่นอสุรกายที่ตกค้างอยู่ตามทาง การเคลื่อนไหวของสามหนุ่มรวดเร็วเท่าแสง ลัดเลาะตามเหลี่ยมมุมและบันไดขึ้นชั้นสอง ชั้นสาม ชั้นสี่ จนถึงชั้นห้าที่ทั้งคลื่นและกลิ่นดังกล่าวแรงที่สุดก็พากันหยุดอยู่ชั้นนี้ แล้วพุ่งตัวตามพลังหลงเหลือไปหาแหล่งต้นคลื่นและกลิ่นนั้น

 

ห่างออกไปเบื้องหน้าทั้งสามอมนุษญ์หนุ่มรูปงาม ร่างเล็กของใครคนหนึ่งยืนอยู่ขอบนอกระเบียง ผมยาวถึงกลางหลังและหุ่นบอบบางที่เห็นเพียงครึ่งตัวเพราะระเบียงบังนั้นทำให้คิดว่าคงเป็นผู้หญิง มองจากด้านหลังเห็นตัวเธอสั่นสะท้านเหมือนคนกำลังสะอื้นไห้ และจากคลื่นทะมึนที่แผ่ออกมาจากตัวเธอก็ทำให้เดาได้ไม่ยากนัก

 

ใกล้กัน เทพบุตร มังกรหนุ่ม และนายเงือกยังเห็นว่ามีร่างน่าเกลียดสามร่างประชิดตัวเธออยู่ เสียงแหบห้าวน่าขนลุกเหล่านั้นพร่ำแต่พูดทำร้ายจิตใจและกล่อมให้เธอปล่อยมือจากราวแล้วกระโดดลงไป

 

“เธอมันไร้ค่า ไม่มีใครอยากให้เธอเกิดมา ไม่มีใครอยากให้มีเธออยู่ในชีวิต”เสียงหนึ่งต่อว่าด้วยความดุดัน

 

“กระโดดลงไปสิ ถ้าเธอตายพวกนั้นจะได้รู้สึกผิดบ้าง พวกนั้นจะต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ทำไว้กับเธอไง โดดลงไปสิ กระโดดลงไปเลย ตอนนี้แหละ”อีกเสียงยุยงอย่างสนุกสนาน

 

“มาเป็นพวกเดียวกับเราเถอะ ตายแล้วพวกเราจะพาเธอไปอยู่ด้วย นะ มาอยู่ด้วยกัน มาอยู่ด้วยกัน มาอยู่ด้วยกัน”อีกเสียงเย็นโหยหวนชักชวนแข็งขัน

 

เด็กสาวที่เกาะระเบียงหมิ่นเหม่ไม่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทว่ารับรู้ได้ถึงพลังสามกลุ่มที่กระแทกกระทั้นบีบคั้นก้อนเนื้ออกซ้ายให้แทบกระอักเลือด

 

เท้าเปล่าที่ถอดรองเท้าทิ้งไปเพื่อจะปีนข้ามระเบียงสะดวกขึ้นค่อยๆขยับขาข้างหนึ่งยกขึ้น แล้วยื่นเท้าออกไปข้างหน้า ตามด้วยอีกเท้าในเวลาใกล้เคียงกัน

 

พรึ่บ ร่างบางร่วงจากขอบระเบียงทันทีอย่างน่าใจหาย สองหนุ่มอมนุษย์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มสงบนิ่งคล้ายชินชา แต่สีหน้าดูมุ่งมั่นจะไปให้ถึงตัวเด็กสาวคนนั้นให้เร็วที่สุด

 

สองหนุ่ม หนึ่งเป็นเทพบุตร อีกหนึ่งเป็นนายเงือกพุ่งตัวเข้าไปโจมตีพวกอสุรกายสามตนบนระเบียงให้แตกกระเจิง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มที่เป็นมังกรชั้นสูงก็รีบกระโจนลงระเบียงไปช่วยเด็กสาว

 

พวกอสุรกายพอรู้ว่ามีแขกไม่ได้เชิญมาขัดขวางแผนกินพลังบาปของเด็กสาวที่ตัดสินใจทิ้งชีวิตตนเองก่อนหน้าก็รีบพากันตั้งหลัก หลังจากหลบการโจมตีของสองหนุ่มเมื่อกี้ได้ก็รีบหันกลับมาตอบโต้พร้อมส่งเสียงคำรามเพื่อเขย่าขวัญอีกฝ่ายให้หวาดกลัว

 

ในมือสองหนุ่มตอนนี้มีอาวุธคู่ใจแต่ละคนเตรียมพร้อมรับการปะทะเต็มที่ เมื่อเหล่าอสุรกายรูปร่างอัปลักษณ์พุ่งตัวเข้าหา เงือกหนุ่มก็ฟาดโซ่ลูกตุ้มเข้าใส่อย่างจัง เป็นเวลาไล่เรี่ยกับที่ฝ่ายเทพบุตรยกหอกยาวขึ้นรับกงเล็บคมแหลมยาวของอสุรกายอีกตนที่รอดลูกตุ้มหนามยักษ์มาได้

 

ลูกตุ้มยักษ์ปักหนามแหลมคมของมันเข้าร่างอสุรกายตนหนึ่งที่รับแรงกระแทกก่อน แล้วตามด้วยกวาดร่างนั้นไปชนกับอสุรกายอีกตนจนปลิวทะลุกำแพงตึกเสียงดังสนั่น ร่างที่ถูกกระแทกปลิวออกไปสะบักสะบอมพอควร ก่อนเหาะขึ้นฟ้าเพื่อตั้งหลัก

 

ชายหนุ่มเจ้าของโซ่ลูกตุ้มปล่อยพลังผ่านอาวุธในมือไปถึงร่างที่ติดคาลูกตุ้มหนาม แช่แข็งฝ่ายนั้นไว้ในผลึกใสเย็นเฉียบ ก่อนดึงโซ่เข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว ร่างน่าเกลียดนั้นชนกับกำแพงหนาอีกรอบ หลุดจากหนามลูกเหล็กก้าร่วงลงไปด้านล่างกระแทกพื้นดังโครม จากนั้นฤทธิ์ของน้ำแข็งกรดที่อุณหภูมิต่ำกว่าสามร้อยองศาเซลเซียสก็กัดกินร่างนั้นจนเนื้อตายและสลายเป็นควันดำหายไป

 

อีกทางหนึ่ง ร่างกำยำส่องสว่างอัดพลังใส่หอกคู่ใจ พาอสุรกายปลิวไปชนผนังพร้อมอาวุธของเขาดังโครม กระเด็นลงมากองกับพื้น

 

มือมีเล็บยาวเผลอปล่อยจากด้ามเหล็ก ก่อนมันจะลอยกลับเข้ามือเจ้าของอย่างแม่นยำ แล้วถูกขว้างออกไปหาร่างใต้ขนหนาสกปรกที่พุ่งเข้าหานายมันอีกรอบด้วยแรงมหาศาลและเร็วดังสายฟ้า ทำให้พุ่งปักหัวใหญ่ดุดันอย่างจังโดยที่ฝ่ายนั้นไม่ทันหลบ

 

อสุรกายที่ตั้งท่าดูสถานการณ์อยู่บนฟ้า เห็นเพื่อนตนแพ้พ่ายอย่างนั้นก็เผ่นแนบไปในความมืดแห่งรัตติกาลทันที

-------------------------

 

 

ร่างบางบนเตียงสีขาวสะดุ้งพรวด หลังจากสลบไปหลายชั่วโมง เพราะนึกได้ว่าตนเองกระโดดลงมาจากตึกสูง

 

ดวงตาเรียวรีบกวาดสำรวจร่างกายด้วยใจเต้นระทึก มือบางสัมผัสตามตัวเรื่อยจนถึงขาเรียว อวัยวะทุกอย่างของเธอยังเป็นปกติจนน่าแปลกใจ ทำไม...ตกลงมาจากตึกสูงขนาดนั้น..สภาพเธอถึงไม่เหมือนในข่าวหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่เคยอ่าน?...

 

เหลือบสายตาขึ้นมองไปรอบตัวบ้าง ภาพที่เห็น คือหน้าต่างหนึ่งที่เปิดบานไว้ระบายอากาศ ปิดทับด้วยมุ้งลวดกันแมลงอีกชั้น ข้างกันเป็นหน้าต่างอีกสองบานปิดสนิทเรียงราย ผนังห้องสีขาวบริสุทธิ์ดูนวลตาในห้องที่แสงสว่างจากช่องทางเดียวส่องเข้ามา ฝั่งซ้ายมือเต็มไปด้วยเตียงสีขาวอีกสามเตียง ข้างเตียงแต่ละหลังมีตู้เล็กตั้งอยู่ เหนือหัวเตียงประดับด้วยโคมไฟเก๋ ตามมุมห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอน้อยชิ้นกับไม้ดอกไม้ประดับสดชื่นสบายตา ดูภาพรวมของห้องแล้ว ราวกับเป็นห้องพยาบาลเล็กๆของที่ไหนสักแห่ง...นี่เธอยังไม่ตายหรือ?

 

หันกลับเข้าหาตัวอีกครั้ง ไล่สายตาดูแขน ลำตัว เลยไปถึงขาและเท้าเป็นหนที่สอง พลางมือก็บีบจับทุกที่จนแน่ใจ

 

“สวัสดีค่ะ”เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกลางความเงียบ ทำเอาคนที่ไม่ทันคิดว่าจะมีใครโผล่เข้ามาสะดุ้งโหยง รีบหันมองไปทางที่ได้ยิน เด็กสาวคนหนึ่งยืนส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้จากประตูทางเข้า ก่อนเดินเข้ามาหา พลันสายตาก็เหลือบเห็นประตูที่เปิดเข้ามาใหม่อีกครั้งโดยชายหนุ่มอีกคน ตามหลังด้วยเด็กสาวท่าทางรุ่นราวคราวเดียวกับเด็กสาวที่เข้ามาก่อน

 

“พวกคุณ...?”เด็กสาวบนเตียงส่งแววตามีคำถามให้ทั้งสามที่เข้ามาในห้อง

 

“ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในคนที่ช่วยเธอจากการกระโดดตึก”เจ้าของวงหน้างามสะพรั่งผายมือไปทางชายหนุ่มคนเดียวในห้องที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผิวกายคนพูดผุดผ่องราวกับเปล่งรัศมีน้อยๆตลอดเวลา เธอขยับปากโดยไม่ยิ้ม แต่ก็ดูสวยจับใจไม่เคืองตา ฝ่ายชายหนุ่มข้างกันก็ดูองค์อาจอ่อนโยน รูปหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาเหมือนดารา ผมยาวเป็นลอนใหญ่สีบอลเงินทำให้ยิ่งรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ไม่น้อยทีเดียว

 

“หนู...?”ดวงตาหันมองทั้งสามสลับกันไปมา พลางส่งคำถามมาทางแววตาอีกครั้ง คราวนี้คนตอบเป็นชายหนุ่มบ้าง

 

“เธอปลอดภัยดี...ที่นี่คือห้องพยาบาลสมาคมเพื่อนโลกครับ”เขายิ้มอ่อนโยนให้ “หรือเอาแบบตรงไปตรงมาก็ยังไม่ตายครับ...” คำพูดสุดท้ายของเขา เป็นผลให้ก้อนขมแล่นจุกที่ลำคอเด็กสาวจนกลั้นน้ำใสๆที่เอ่อล้นตา ร่วงเผาะลงมาไม่ได้ มือบางยกขึ้นปิดปาก ก่อนจะร่ำไห้อย่างอดไม่อยู่ (สมาคมเพื่อนโลก คือองค์กรอะไร ติดตามได้ในเรื่อง “เจ้าจอมใจ” นะคะ)

 

“หนู..ยัง..ไม่..สม..ควร...ตาย...หรือ”เด็กสาวพูดเกือบไม่เป็นคำเพราะการสะอื้น กว่าจะเค้นแต่ละคำออกมาได้ก็แสนลำบากนัก

 

“ทำไมถึงคิดว่าตัวเองสมควรตายล่ะคะ”นภัสสราถามด้วยความอยากรู้ พลางยื่นกล่องกระดาษทิชชูส่งให้ ถามถึงตรงนี้ คนบนเตียงก็ยิ่งปล่อยโฮมากขึ้น รับทิชชูมาเช็ดแทบไม่ทัน

 

“การที่พวกเราไปช่วยเธอได้ ก็แสดงว่าเรามีบุญกรรมสัมพันธ์กันมาก่อน มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ”ชายหนุ่มผมสีบอลเงินยังกล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี และคำที่บอกว่า มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ นั้นยิ่งทำให้คนฟังสะอื้นหนักเข้าไปอีก แม้จะกล่าวขอบคุณก็ยังทำไม่ถนัด

 

เด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มเห็นอย่างนั้นจึงนั่งลงบนเตียง ขยับไปใกล้ แล้วบีบไหล่ พร้อมแผ่พลังเมตตาให้ด้วยความปรารถนาดี

 

“ร้องให้พอนะคะ เมื่อร้องเสร็จแล้วเราจะหาทางออกของปัญหาไปด้วยกัน”

-------------------------

 

 

ร่างในชุดสีแดงเข้มกระโดดพุ่งตัวด้วยความเร็วออกมาจากระเบียงตึก ประชิดร่างบางที่ลอยละลิ่วดิ่งสู่พื้นได้ในไม่กี่วินาที ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปคว้าตัวไว้ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงผละมือออก แล้วปล่อยตัวตามลงมาติดๆ

 

จวนใกล้ถึงพื้นล่าง ในใจเด็กสาวที่เคยอาจหาญว่าไม่กลัวแม้ความตายก็สั่นคลอน วินาทีก่อนถึงพื้น รู้ว่าไม่มีทางรอดก็ผวาเฮือกจนจิตตก จังหวะนั้น เกิดความคิดว่า...ไม่ตายได้ไหม...? กระนั้น...ก็รู้ดีว่าไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว

 

พลั่ก ร่างกายเด็กสาวหล่นกระแทกพื้นอย่างจัง แต่แรงกระแทกนั้นไม่หนักหนาจนทำให้ได้รับอันตรายอะไรมาก แค่มีฟกช้ำไปบ้างพอให้คนคิดสั้นอย่างเธอได้ระลึกถึงวินาทีชีวิตก่อนที่จะช็อคสลบไปตอนถึงพื้น

 

คนอย่างเขาในฐานะผู้พิทักษ์ความสงบของโลก ไม่ยอมปล่อยให้ใครเป็นอะไรไปถ้าไม่บากกว่าแรงหรอก แต่ที่ไม่คว้าตัวไว้แต่แรก ก็เพียงต้องการให้เด็กสาวสำนึกถึงความตายที่กำลังรออยู่ข้างหน้าบ้างเท่านั้น ก็ได้แต่หวังว่า บทเรียนที่เขาให้จะสอนอะไรกับเธอบ้างไม่มากก็น้อย

-------------------------

 

 

“ทำไมหนูยังไม่ตายคะ...จำได้ว่าตัวเองตกถึงพื้นแล้วด้วย”เด็กสาวซึ่งเคยคิดสั้นถามขึ้นหลังจากพอสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว

 

“ก็ต้องขอบคุณท่านพิรัลพัชรที่ช่วยเธอทันครับ”

 

ได้ฟังอย่างนั้น สีหน้าของเด็กสาวก็ฉายความฉงนออกมา

 

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ รู้แค่ว่าเธอโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว”เขาพูดต่อ

 

“คนที่ไม่มีใครต้องการยังสมควรมีชีวิตอีกหรือคะ...?” พูดออกมาแล้วก็ห้ามให้เสียงเครือไม่ได้ น้ำตาที่เคยเหือดไปก็เอ่อเบ้าอีกครั้ง

 

“ตั้งสติ แล้วค่อยๆเล่าที่มาที่ไปที่ทำให้คุณตัดสินใจไปกระโดดตึกนั่นออกมานะคะ พวกเราจะได้รู้ว่าควรช่วยยังไงต่อไป” แล้วถามต่ออย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ “....คุณอยากให้เราโทรแจ้งข่าวคุณกับทางบ้านว่าปลอดภัยดีก่อนรึเปล่าคะ เผื่อ....” ยังพูดไม่ทันจบฝ่ายนั้นก็รีบห้ามหน้าตาตื่น

 

“อย่า!!...อย่านะคะ!”เสียงตอนท้ายเบาลงเพราะนึกขึ้นได้ว่าโพล่งออกไปเสียงดังจนทั้งสามมองหน้า “หนูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...” เธอหยิบทิชชูอีกแผ่นขึ้นปาดน้ำตา พลางพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง

 

“เอางี้ เริ่มจากเล่าว่าเกิดอะไรที่ทำให้คุณมาตึกนั้นก่อนดีกว่าค่ะ” ลูกสาวเจ้าของร้านซักอบรีดแนะนำ

 

“ค่ะ...” ตอบพลางพยายามหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติตัวเอง

-------------------------

 

 

กชภาภัคเดินถือถาดใส่ถ้วยชาร้อนและกาน้ำชาออกมาจากในครัว ก้าวตรงไปห้องรับแขกที่บัดนี้แม่และพนักงานขายเครื่องประดับกำลังนั่งคุยกันอยู่

 

“ไข่มุกงามมากเลยค่ะคุณน้อง แถมราคาไม่แพงซะด้วย คุณพี่ถูกใจค่ะ แต่แบบยังไม่ชอบเท่าไหร่ มีแบบอื่นให้ดูอีกมั้ยคะ”แม่เธอถามด้วยรอยยิ้มซึ่งต่างจากเวลาคุยกับเธอผิดถนัด

 

“มีแน่นอนค่ะ แต่แบบหลังนี้จะแพงกว่าแบบในแค็ตตาล็อกเล่มแรกนิดนึงนะคะ แต่หนูเชื่อว่าคุณนายไหวแน่นอนค่ะ ระดับคุณนายขวัญแก้วซะอย่าง จริงมั้ยคะ...” พนักงานขายคนหนึ่งพูดเอาใจพลางยิ้มประจบ

 

“แหม..แน่นอนอยู่แล้วสิคะ ถ้าถูกใจ เท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยงค่ะ” หญิงวัยกลางคนตอบอย่างไม่ให้เสียหน้า รับแค็ตตาล็อกอีกเล่มขึ้นเปิดดู

 

เด็กสาวเดินยกถาดชาร้อนเข้ามาใกล้ แต่ด้วยความเพลียจากที่นอนดึกเพราะการร้องไห้หนักเมื่อคืนก็ทำให้สติไม่ค่อยู่กับเนื้อตัวมากนัก พอเดินจนถึงโต๊ะเล็กกลางโซฟาสวย เท้าข้างหนึ่งก็สะดุดขาตนเองเกือบล้มหน้าขะมำ

 

ความตกใจและอาการเบลอทำให้มือเรียวปล่อยถาดน้ำชาตกลงกับโต๊ะ กาแก้วและถ้วยเซรามิคลายวิจิตรแตกกระจาย ชาร้อนๆกระเด็นใส่พนักงานขายสองคนและหญิงเจ้าของบ้านร้องวี้ดว้ายไปตามๆกัน

 

“นังก้อนทอง!! แกทำอะไรของแกฮะ!!

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ หนู...หนู....”กชภาภัคลนลานก้มหัวขอโทษสามหญิงต่างวัยยกใหญ่ หน้าโทรมซีดยิ่งซีดกว่าเดิมเมื่อสำนึกได้ว่าทำอะไรลงไป ปากสั่นเอ่ยอะไรไม่ออกเพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกลัวถูกทำโทษโดยคนเป็นแม่

 

“หนอยนี่ยัยก้อนทอง แกมานี่เลย แม่ตัวดี มานี่”คนเป็นแม่บิดเนื้อแขนลูกสาวคนเล็กลากเดินออกไปหลังครัวด้วยความโมโหและรู้สึกเสียหน้าที่เด็กสาวซุ่มซ่ามทำชาตกแตก ไม่พอน้ำชาร้อนๆยังกระเด็นโดนแขกที่มาจนร้องกรี๊ดกันใหญ่

 

“แม่..แม่..หนูขอโทษ..หนูไม่ได้ตั้งใจ หนู...”ยังไม่ทันอธิบายเหตุผลอะไร พอเข้าประตูครัวมาได้แม่ของเธอก็คว้าด้ามไม้กวาดดอกหญ้าริมผนังฟาดใส่ไม่ยั้ง พลางก็พ่นคำด่าสารพัดที่ทำร้ายใจเธอเสมอมาใส่หน้า

 

“แกมันโง่ ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลย แกเกิดมาทำไมเฮอะ เกิดมาทำไม เกิดมาก็ทำให้ครอบครัวอับอายขายหน้า ทำไมนะ...ทำไมฉันไม่ฆ่าแกไปตั้งแต่รู้ว่าแกเป็นผู้หญิง แกจะได้ไม่ต้องเกิดมารกโลก รกลูกตาฉันและทุกคนแบบนี้...เฮอะ ทำไมแกไม่ตายๆไปซะ....!!!

 

เพราะคำพูดเหล่านั้นเอง ที่ทำให้ความอดทนของเด็กสาวขาดผึง หลังจากเมื่อวานก็โดนไปยกใหญ่ เพราะสอบได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึงสามจุดแปด เธอทำได้แค่สามจุดห้าสอง มันน้อยไป..น้อยไปสำหรับคนในครอบครัวเธอ

 

ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย ต่างลุมต่อว่าทุบตีเหมือนเธอไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน หรือบางทีเธออดคิดไม่ได้ว่า เธออาจไม่ใช่คนเลยด้วยซ้ำในสายตาคนเหล่านั้น มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเธอทำไม่ถูกใจพวกเขา และคำพูดบ้าๆที่ตอกย้ำใจตลอดสิบแปดปีนั่นเล่า

 

“แกมันตัวถ่วงความเจริญ...!!

 

“แกมันไม่ควรเกิดมา....!!!

-------------------------

 

 

“ครอบครัวหนูเชื่อเรื่องลูกผู้ชายเป็นศรีแก่บ้าน ลูกผู้หญิงเป็นเสนียดแก่ตระกูลค่ะ”พูดไปก็เช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดไป มือข้างหนึ่งของนภัสสรายังจับที่ไหล่เด็กสาวอย่างปลอบประโลม “มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างกับหนูไม่ใช่ลูก....” เธอสะอื้นบอกต่อ นภัสสราหันมองหน้าอีกสองคนในห้องอย่างขอความเห็น ก่อนชายหนุ่มคนเดียวจะพูดขึ้นมา

 

“เอาล่ะ พวกเราจะปรึกษานักสังคมสงเคราะห์ให้นะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ เคสคุณไม่ใช่เคสแรก พวกเราจะหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณร่วมกัน แต่อาจต้องใช้เวลาหน่อย”

 

กชภาภัคหยิบทิชชูอีกหลายแผ่นขึ้นซับหน้าตา ค่อยๆตั้งสติอีกครั้งหลังจากเล่าเรื่องสะเทือนใจทั้งหมดออกไปแล้ว

-------------------------

 

 

“คนเราก็แปลกจริงๆ ตัวเองก็เป็นเพศแม่ไม่ต่างกัน ก็ยังเหยียดหยามทำร้ายกันได้ลงคอ”นภัสสราที่เดินออกมาไกลจากห้องพยาบาลนั้นแล้วบ่นขึ้นมาด้วยความเจ็บใจ

 

“มนุษย์ก็เป็นอะไรแบบนี้แหละ ชอบทำอะไรย้อนแย้งตัวเองบ่อยๆ แถมไม่รู้ตัวด้วย”เทพธิดารุ่นพี่เสริม

 

“ความเชื่อแปลกๆที่มีขึ้นเพื่อเหยียดคนนี่อีก เมื่อไหร่จะหายไปจากโลกซักที”เด็กสาวผู้อ่อนวัยกว่าบ่นต่อด้วยความไม่ค่อยชอบใจ

 

“จะว่าไป ทุกคนมักทำในอย่างที่ใจเชื่อ แต่ความเชื่อนั้น ใครบอกได้จริงๆบ้างว่าอะไรดีที่สุด” ประโยคของเงือกหนุ่มทำให้เด็กสาวมนุษย์เพียงคนเดียวชะงัก จะว่าไป เธอไม่เคยคิดประเด็นนี้มาก่อนเช่นกัน เห็นแต่ทุกคนจะบอกกันเสมอว่า ของเขาดี ของตนแน่ ทว่าแต่ละความเชื่อก็มีดี มีเสียอยู่ไม่มากก็น้อยคล้ายกันทั้งนั้น

 

คิดถึงตรงนี้ หัวก็นึกสงสัยอะไรขึ้นมาอีก....หรือว่าไม่ใช่ความเชื่อนั้นไม่ดี หรือดี แต่มนุษย์ต่างหากที่เข้าใจผิดหรือถูกกันไปเอง และปฏิบัติตามที่ตนเข้าใจเอง โดยที่ความจริงของความเชื่อที่พวกเขานับถือ อาจไม่ได้มีเนื้อแท้แบบที่บางคนเข้าใจเลยก็ได้

 

“จะเชื่ออะไรก็ตามแต่ อย่าให้มันเกินเขตคำว่าทำร้ายใคร แม้กระทั่งตัวเองเลยแล้วกันนะ...เพราะคิดเอาแต่เข้าตัว ปัดชั่วให้คนอื่นนั่นล่ะ พลังงานลบถึงฟุ้งเต็มบรรยากาศแบบนี้ มนุษย์หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัว เพราะพลังงานลบที่ปล่อยออกมาเป็นอาหารชั้นดีของพวกอสุรกายและปีศาจ เรียกพวกมันเข้าใกล้ได้ดีทีเดียว”

 

สายลมแรงพัดเส้นผมสลวยของนภัสสราพลิ้วไสว สองขาก้าวลงบันไดทีละขั้นอย่างคล่องแคล่ว ฟังเสียงใสกังวาลของเทพธิดาข้างๆกล่าว จึงแหงนหน้ามองฟ้านอกระเบียงตึก ดวงตาที่มองเห็นมากกว่าคนปกติรับภาพหมอกควันสีเทาปนน้ำตาลในอากาศเข้าสู่จอประสาท ถึงสีของพลังงานที่เห็นยังไม่เข้มมากนัก ทว่าก็คละคลุ้งจนอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้

-------------------------

 

 

ดนตรีเร้าใจเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ส่งเสียงไปทั่วห้องรับแขก ชายวัยกลางคนซึ่งนั่งดูโทรทัศน์อยู่ไม่ไกลเอื้อมมือยาวๆไปคว้ามาดูเบอร์ ก่อนกดรับด้วยใบหน้ายินดี

 

“ว่าไง ทองแท้ลูกป๋า”

 

[ผมโอนเงินหมื่นเข้าบัญชีป๋าแม่แล้วนะครับ]ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตอบกลับมา เป็นผลให้คนเป็นพ่อยิ่งยิ้มกว้างเบิกบานใจขึ้นไปอีก

 

“ฮ่าๆๆ ดีๆลูก หาเงินมาเยอะๆ คนมีเงินมากเป็นพระเจ้าเสมอ จำให้ขึ้นใจไว้นะ”เขาสอนลูกเหมือนทุกครั้ง

 

[ครับป๋า]เสียงปลายสายตอบรับด้วยความภูมิใจนิดหนึ่ง ทว่าก็แฝงอารมณ์ขุ่นมัวบางอย่างในนั้น ซึ่งคู่สายไม่ได้สังเกต เพราะความปรีดาที่ได้เงินก้อนโตยังพลุ่งพล่านในอก

 

ชายหนุ่มไม่เคยบอกความจริงเรื่องเงินที่หามาได้กับพ่อแม่...พวกท่านรู้เพียงว่าเขานำเงินเก็บไปลงทุนทำธุรกิจบางอย่างกับเพื่อนสนิทเท่านั้น ด้วยความที่พ่อแม่รักใคร่ จึงไว้ใจไม่ซักไซ้อะไรมาก ขอแค่ลูกหาเงินมากๆมาปรนเปรอครอบครัวให้มีหน้ามีตาได้ก็พอ

 

สองขาแข็งแรงยันตัวลุขึ้น ก่อนพาร่างเข้าไปในครัว ส่งเสียงเรียกคนเป็นภรรยาหน้าบาน

 

“คุณ ลูกโอนเงินเข้าบัญชีเราคนละหมื่นนะ”

 

คนเป็นภรรยาที่ในมือตอนนี้ง่วนอยู่กับวัตถุดิบทำอาหารได้ยิน ก็รีบหันมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

 

“งั้นหรือ ดีๆ เงินลงทุนลูกออกดอกผลแบบนี้ อีกไม่นานพวกเราคงรวยกันนะคุณ”หญิงวัยกลางคนพูดเสียงใส

 

[ป๋า ผมต้องวางสายแล้ว อาทิตย์นี้คงไม่ได้กลับบ้านนะ]

 

“อ้าว ทำ....”

 

ตรู๊ดๆๆ พูดยังไม่ทันรู้เรื่องดี สัญญาณก็ถูกตัดไปกะทันหัน

 

“ลูกเพิ่งวางหรือคุณ!”คนเป็นภรรยาเพิ่งสังเกตว่าเขายังถือโทรศัพท์คาหูอยู่

 

“ใช่ๆ แต่ลูกบอกว่าอาทิตย์นี้ไม่ได้กลับบ้าน กำลังจะถามว่าทำไม สายก็ตัดไปดื้อๆ”

 

การกระทำของลูกรักเมื่อครู่ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ ปกติลูกชายของเขาพักที่หอใกล้มหาวิทยาลัย และจะกลับบ้านทุกเสาร์อาทิตย์เสมอ พอบอกว่าจะไม่กลับก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร

 

“คงมีธุระด่วนนั่นแหละ”เธอไม่คิดมาก หันกลับไปจัดการอาหารต่อพลางบ่นหัวเสีย “หนอยแนะนังก้อนทอง หายไปสามวัน ทิ้งงานบ้านไว้ให้เพียบ กลับมาเมื่อไหร่ล่ะน่าดู”คาดโทษลูกสาวคนเล็กอย่างเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ได้สนใจจะออกตามหาเลยว่าอีกฝ่ายหายไปไหน คิดแต่ว่าน้ำหน้าอย่างเด็กสาวไม่มีทางหนีไปไหนได้นาน เดี๋ยวก็ซมซานกลับมาพึ่งใบบุญครอบครัวอยู่ดีเท่านั้น

 

เมื่อหมดธุระแล้ว คนเป็นหัวหน้าครอบครัวก็เดินกลับออกมาจากในครัว กำลังจะตรงไปดูโทรทัศน์ต่อ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่ามีคนมาหา ทำให้เขาต้องออกไปชะโงกหน้ามอง

 

“คุณดุสิต คุณขวัญแก้ว อยู่มั้ยครับ!

 

หน้ารั้วบ้าน ตำรวจสองสามนายยืนอยู่ สังหรไม่ดีบางอย่างร้องเตือนให้ระวังตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องฝืนทำใจดีสู้เสือออกไปรับหน้าอย่างเสียไม่ได้

 

“สวัสดีครับคุณตำรวจ มาบ้านผมมีอะไรให้รับใช้รึเปล่าครับ”ชายวัยกลางคนเจ้าของบ้านยิ้มแย้มทักทาย

 

“ลูกชายคุณดุสิตมีหมายจับคดีค้ายาและช่อโกงครับ อย่างไรขอรบกวนเข้าไปในบ้านหน่อยนะครับ”

 

#ผู้แต่ง ลีลาวลีหอมหวน

#ขอบคุณหัวใจ ของเธอ

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ พิมมี่

ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ

รูปภาพของ สรัญทรฯ'ครองใจฯ' / ปุณณ์ศศิภัสร์ : รุ้งเที่ยงคืน!!!

ขอบคุณเช่นกันที่อุตส่าห์ตามอ่านนะคะ หนึ่งความเห็น จะมากจะน้อยก็เป็นกำลังใจอย่างดีเลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.