ตอนที่ 904 โถงวีรบุรุษ
ตอนที่ 904 โถงวีรบุรุษ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาใช้เทคโนโลยีจำลองพลังพิเศษกันเถอะ” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยแววตาอันแน่วแน่
อัลฟ่าเงียบไปชั่วขณะราวกับว่าการตัดสินใจอันบ้าคลั่งของเซี่ยเฟยทำให้เขารู้สึกกังวล
เซี่ยเฟยรู้ดีว่ามันมีเทคโนโลยีหนึ่งที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ภายในดินแดนกฎ ซึ่งเทคโนโลยีนั้นนั่นก็คือเทคโนโลยีการจำลองพลังพิเศษ
ทั้งกระป๋องและวอร์สตาร์ต่างก็มีสติปัญญาที่เหนือกว่ามนุษย์ แต่ปัญญาประดิษฐ์ทั้งสองชนิดนี้ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กระป๋องเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการให้บริการ ขณะที่วอร์สตาร์เป็นหุ่นยนต์ต่อสู้ที่สามารถใช้เทคโนโลยีลอกเลียนแบบพลังพิเศษของมนุษย์ได้
หุ่นยนต์ไม่มีพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อยู่ภายใต้ร่างกายของพวกมันด้วยซ้ำ แต่พวกมันกลับสามารถลอกเลียนแบบพลังพิเศษของมนุษย์ได้จริง ๆ และพลังพิเศษมันก็คือต้นกำเนิดที่จะพัฒนาไปสู่พลังกฎต่อไป
ปัจจุบันเผ่าจักรกลเหลือรอดชีวิตมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ซึ่งนอกเหนือจากผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์อย่างลินนิจที่หายตัวไปอย่างยาวนาน อีกสามคนที่เหลือก็คือมอร์โรว์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม, วอร์สตาร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ และโซฟีเทพธิดาแห่งหุ่นยนต์ผู้ซึ่งมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่จนยากจะมีใครที่มีฐานข้อมูลเทียบชั้นกับเธอได้
เผ่าจักรกลทั้งสามในดินแดนลับต่างก็มีความสามารถพิเศษเป็นของตัวเอง แม้ว่าผู้คนในดินแดนกฎจะสามารถลอกเลียนความสามารถทางวิศวกรรมของมอร์โรว์และฐานข้อมูลของโซฟีได้ แต่มันกลับยังไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบเทคโนโลยีพลังพิเศษของวอร์สตาร์ได้เลยแม้แต่คนเดียว
อีกนัยหนึ่งก็คือหลังจากที่ลินนิจถูกเผ่าเทพจับตัวมา เขาก็มอบเทคโนโลยีบางส่วนให้กับบริษัทฟิกส์เท่านั้น แต่เขายังคงแอบซ่อนเทคโนโลยีการจำลองพลังวิเศษของวอร์สตาร์เอาไว้
แต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังจะเปิดเผยเทคโนโลยีนั้นออกมาในระหว่างการเผชิญหน้าของสาขาอิสระกับวิทยาลัย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทคโนโลยีนี้ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างแน่นอน
นี่คือการตัดสินใจที่บ้าระห่ำมาก!
หากทุกคนได้รู้ว่าเซี่ยเฟยคือผู้ครอบครองเทคโนโลยีจำลองพลังพิเศษ ในตอนนั้นมันก็อย่าว่าแต่ราชวังราชันย์เทพเลย เพราะแม้แต่กลุ่มพระเจ้าก็ยังต้องจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วงชิงเทคโนโลยีนั้นมาให้ได้
ในตอนนั้นเซี่ยเฟยก็จะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนในทันที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
“นายกำลังหมายถึงเทคโนโลยีการจำลองพลังพิเศษของวอร์สตาร์ใช่ไหม?” อัลฟ่าเขียนข้อความบนหน้าจอหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่
“ถูกต้อง” เซี่ยเฟยตอบกลับไปสั้น ๆ
“นั่นมันอันตรายเกินไป เทคโนโลยีนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนให้มุ่งเป้ามาที่นายอย่างแน่นอน ฉันคิดว่านายไม่ควรเอามันขึ้นมาใช้เลยจะดีกว่า” อัลฟ่าพยายามเตือน
การพยายามฝึกนักรบขึ้นมาคนหนึ่งจำเป็นจะต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมากมาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เทคโนโลยีนี้ถูกเปิดเผยออกมา มันก็หมายความว่าพวกเขาสามารถสร้างนักรบขึ้นมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ด้วยต้นทุนเทคโนโลยีจากดินแดนกฎ พวกเขาย่อมสามารถพัฒนาสร้างหุ่นยนต์นักรบที่ใช้พลังขึ้นมาได้อย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก แต่ถ้าหากว่าพวกมันมีปริมาณนับ 100 ล้านตัว ความน่ากลัวของพวกมันก็จะมีมากกว่าทีมของนักรบชั้นยอดเสียอีก
เมื่อเผ่าเทพเชี่ยวชาญเทคโนโลยีนี้แล้วพวกเขาย่อมจัดการกับเผ่ามารได้อย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นดินแดนกฎก็จะไม่ได้อยู่ในสภาวะสมดุลย์อีกต่อไป แล้วมันก็คงจะก่อให้เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ตามมาในเวลาอีกไม่นาน
“ผมจะพยายามดัดแปลงเทคโนโลยีนี้ให้อ่อนแอลงเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจมากเกินไป ไม่ว่ายังไงผมก็ตัดสินใจไปแล้วว่าผมจะต้องเอาตัวคุณออกมาจากบริษัทให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างแน่วแน่
ลินนิจยังคงนิ่งเงียบโดยไม่ตอบอะไรกลับมา แต่เห็นได้ชัดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้คือคนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาได้ แต่ในก่อนหน้านั้นเซี่ยเฟยก็จะจำเป็นจะต้องแทรกตัวเข้ามาภายในทีมวิจัยลับให้ได้ซะก่อน
ทุกคนต่างก็คิดว่าโซฟีคือผลงานที่ดีที่สุดที่ลินนิจเคยทิ้งไว้ แต่เรื่องนั้นมันไม่ได้เป็นความจริงเลย เพราะเทคโนโลยีที่น่ากลัวที่สุดคือเทคโนโลยีการจำลองพลังพิเศษของวอร์สตาร์ต่างหาก
“ตอนนี้ผมต้องการบัตรผ่านเข้าโถงวีรบุรุษ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบัน
“โถงวีรบุรุษ! นายจะไปที่นั่นทำไม?”
“เอาเป็นว่าช่วยสร้างตัวตนให้ผมเข้าไปที่นั่นได้ก็พอ”
—
หลังจากอัลฟ่าหายไปฟลินน์ก็พาเซี่ยเฟยไปยังหอพักอันเงียบสงบ
“ถึงแม้ฉันจะไม่เข้าใจว่าเรื่องที่นายคุยกับอัลฟ่าคือเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยใช่ไหม?” ฟลินน์ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มเขียนข้อความบนหน้าจอแล้วส่งข้อมูลทุกอย่างให้กับฟลินน์
“คุณช่วยเตรียมของพวกนี้ให้ผมที เมื่อผมกลับมาพวกเราจะเริ่มทำตามแผน”
“การเตรียมของพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่นายพอจะบอกหน่อยได้ไหมว่านายกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่?” ฟลินน์กล่าวถามหลังจากเหลือบสายตามองรายการที่เซี่ยเฟยเขียนเอาไว้
“ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง ว่าแต่สาขาอิสระมีแผนจะแยกตัวออกจากวิทยาลัยจริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่ สาขาอิสระของพวกเราถูกกดขี่มานานแล้ว ตาแก่พวกนั้นเป็นเพื่อนฉันเองถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องของนายเข้ามา แต่พวกเราก็จะเรียกร้องหาอิสรภาพไม่ช้าก็เร็ว เพียงแค่การปรากฏตัวของนายทำให้แผนการทุกอย่างเร็วขึ้นกว่าเดิม” ฟลินน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ครั้งนี้ทั้งคุณและผมต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการเต็ม ๆ คุณควรกลับไปเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมดีกว่า หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงพวกเราก็อาจจะไม่ได้อยู่ในเผ่าเทพอีกต่อไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
ฟลินน์สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อเซี่ยเฟยได้บอกว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในเผ่าเทพอีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าอัลฟ่ากับเซี่ยเฟยกำลังวางแผนการครั้งใหญ่ แต่ในฐานะที่อัลฟ่ามีบุญคุณกับเขามาก เขาจึงพร้อมที่จะตอบแทนอีกฝ่ายกลับไปไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
หลังจากที่ฟลินน์เดินทางกลับไปแล้ว เซี่ยเฟยก็ใช้เข็มทิศมิติเชื่อมต่อไปยังคฤหาสน์อีวิลวิง ก่อนที่จะมีภาพของสองผู้อาวุโสปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“ผมมีเรื่องสำคัญจะต้องแจ้งให้ทราบ 2 เรื่องครับ เรื่องแรกคือผมกำลังจะสร้างปัญหาครั้งใหญ่ในบริษัทฟิกส์ เรื่องที่สองการสร้างปัญหาครั้งนี้อาจจะทำให้ผมไม่สามารถอยู่ในเผ่าเทพต่อไปได้ และปัญหาของผมก็อาจจะสร้างความวุ่นวายให้กับตระกูลด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“นายกำลังหมายความว่ายังไง?” เซี่ยเค่อกับเซี่ยเหลียนหนิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“พวกคุณช่วยติดต่อไปหาบรรพบุรุษได้ไหมว่าเขาพอจะมีคำแนะนำอะไรในเรื่องนี้บ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าว
“การติดต่อไปหาบรรพบุรุษจำเป็นจะต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในราชวังราชันย์เทพ การรักษาความปลอดภัยของที่นั่นค่อนข้างที่จะเข้มงวด” เซี่ยเค่อกล่าว
“ได้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
โถงวีรบุรุษเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรดาคนของเผ่าเทพได้เข้ามาสักการะผู้เสียชีวิตภายในสงครามครั้งก่อน
ตัวตนในฐานะนักวิจัยหยิงเฟยยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าสู่โถงวีรบุรุษได้ เขาจึงขอให้อัลฟ่าเปลี่ยนแปลงตัวตนของเขาให้เป็นทายาทของตระกูลใหญ่ เพื่อแจ้งความต้องการว่าเขาต้องการจะเข้ามาสักการะบรรพบุรุษของตัวเอง
พื้นที่ของโถงวีรบุรุษครอบคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยแผ่นหินสีขาวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งแผ่นหินแต่ละแผ่นได้มีการสลักถึงวีรกรรมของนักรบที่เสียชีวิตในสงคราม แล้วถึงแม้ว่านักรบจะพัฒนาไปจนถึงระดับจอมกฎแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ได้ตลอดไป เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตของพวกเขาถูกทำลายจนหมดเมื่อนั้นพวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี
โอโร่ถือว่าเป็นนักรบที่มีไหวพริบสูงมากที่เลือกหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเอาไว้ภายในแดนเนรเทศอันห่างไกล การพยายามกำจัดนักรบเฒ่าคนนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะทำได้ง่าย ๆ
หลังจากสำรวจโถงวีรบุรุษไปสักพัก เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีความลึกลับเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเทพขาวกับเทพดำถึงให้เขามาตามหาความจริงที่นี่ เขาจึงเดินสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มพยายามตรวจสอบโถงวีรบุรุษโดยละเอียด เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีคนปรากฏตัวขึ้นมาเขาก็จะรีบใช้วิชาพรางจิตเพื่อซ่อนตัว แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่มันไม่มีคนอยู่เขาก็จะเร่งความเร็วในการตรวจสอบ จนต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดเป็นเวลาเกือบ 1 วันเต็ม ๆ
พื้นที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่มากและคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความเร็วเหมือนกับเซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางไปกลับเพื่อสักการะวีรบุรุษของพวกเขา ระหว่างทางของโถงวีรบุรุษจึงมีศาลาพร้อมอาหารเครื่องดื่มเอาไว้ให้ญาติของผู้เสียชีวิตนั่งพักผ่อน
ปัจจุบันชายหนุ่มกำลังนั่งพักอยู่ที่ศาลายกน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย แต่สมองของเขายังคงประมวลผลไม่หยุด โดยพยายามหาเบาะแสว่าสถานที่แห่งนี้มันมีอะไรหลบซ่อนเอาไว้อยู่กันแน่
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ตระหนักถึงเรื่องอะไรบางอย่าง เขาจึงรีบลุกยืนขึ้นและมุ่งหน้าตรงไปยังหอคอยแห่งความทรงจำ ซึ่งเป็นสถานที่บันทึกสงครามระหว่างเผ่าเทพและเผ่ามาร
หลังจากได้ตรวจสอบผลลัพธ์ของสงครามอีกครั้ง มันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้สงครามระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารจะเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่สงครามทุกครั้งกลับจบลงด้วยผลเสมอกัน
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านั้นคือฝั่งที่มีความได้เปรียบมากกว่ามักจะจบลงที่ความสูญเสียมากกว่าทุกครั้งไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเผ่าเทพมีนักรบชั้นยอดจำนวน 10,000 คนปะทะกับเผ่ามารที่มีนักรบชั้นยอดจำนวน 8,000 คน ไม่ว่าใครก็คงจะบอกว่าเผ่าเทพจะเป็นฝั่งที่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนเคยคิดกัน
เพราะท้ายที่สุดแล้วหลังสงครามสิ้นสุดลงทั้งฝั่งเทพและฝั่งมารจะมีนักรบชั้นยอดเหลือประมาณ 5,000 คนทั้งสองฝ่าย มันจึงเป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มบอกว่าทำไมฝั่งที่มีความได้เปรียบถึงมีการสูญเสียมากยิ่งกว่า
นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!
หากผลลัพธ์แบบนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว มันก็อาจจะสรุปได้ว่ามันคือเรื่องบังเอิญ แต่สงครามทุกครั้งกลับจบลงแบบนี้ทั้งหมด ซึ่งมันก็หมายความว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มเดินออกมาจากโถงวีรบุรุษพร้อมกับขมวดคิ้ว ซึ่งในเวลานั้นเข็มทิศมิติของตระกูลสกายวิ่งก็ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
“บรรพบุรุษตอบกลับมาแล้ว” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“บรรพบุรุษว่ายังไงบ้างครับ? เขาได้ตำหนิอะไรผมหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามอย่างเร่งรีบ
“บรรพบุรุษไม่ได้ต่อว่าอะไรนายเลย และเขายังฝากข้อความผ่านฉันมาด้วย” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ข้อความอะไรครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“อยากทำอะไรก็ทำไปเลย!”
***************
บรรพบุรุษนี่ดู ๆ ไปก็เหมือนผู้เฒ่าผู้แก่ที่ชอบสปอยลูก ๆ หลาน ๆ เน๊าะว่าไหม? 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 292
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น