ตอนที่ 903 ตัวตนที่แท้จริงของอัลฟ่า
ตอนที่ 903 ตัวตนที่แท้จริงของอัลฟ่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันได้ฟังเรื่องทั้งหมดมาจากอัลฟ่าแล้ว เขาไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนของนายเท่านั้นแต่เขายังเป็นเพื่อนของฉันด้วย” ฟลินน์กล่าวอย่างเคร่งขรึมม
“อัลฟ่าอะไร? ผมไม่รู้จัก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มระมัดระวังทุกสิ่งอยู่เสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่าฟลินน์จะดูเหมือนมาอย่างเป็นมิตร แต่เขาก็จะไม่เชื่อใจใครง่าย ๆ ก่อนที่เขาจะมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
“ดูเหมือนว่าอัลฟ่าจะไม่ได้เลือกนายโดยไม่มีเหตุผลสินะ นายเป็นคนที่ไม่ได้ถูกใครล่อลวงได้ง่าย จริง ๆ” ฟลินน์กล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
หลังจากพูดจบฟลินน์ก็ทำการเปิดหน้าจอขึ้นมาในออฟฟิศ ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานมันก็มีข้อความบทหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“นายไว้ใจฟลินน์ได้ เขาเป็นเพื่อนฉันเหมือนกับนาย”
ข้อความนี้ดูเหมือนจะเป็นข้อความของอัลฟ่าจริง ๆ แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงยืนนิ่งและไม่พูดอะไรต่อไป
ทันใดนั้นหน้าจอก็ได้ฉายภาพต่าง ๆ ขึ้นมาด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ซึ่งมันเป็นเนื้อหาของสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้ มันจึงเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าข้อความที่ปรากฏขึ้นมาคือข้อความจากอัลฟ่าจริง ๆ
เมื่อยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว เซี่ยเฟยก็รีบสะบัดมือกรอกข้อความลงบนหน้าจอ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
อัลฟ่านิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม ก่อนที่ภาพหน้าจอจะกระพริบอย่างรวดเร็วและกลับไปเป็นภาพหน้าจอแบบดั้งเดิม
“ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราคือลูกศิษย์กับอาจารย์ แต่ความจริงแล้วพวกเราคือพันธมิตรกันอย่างลับ ๆ” ฟลินน์กล่าวขณะนั่งลงข้าง ๆ เซี่ยเฟย
“พันธมิตร? เท่าที่ผมรู้พันธมิตรควรจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน แต่ขอโทษด้วยผมไม่รู้ว่าผมมีเป้าหมายอะไรเหมือนกับคุณ” เซี่ยเฟยกล่าว
“อย่างน้อยพวกเราก็รู้จักอัลฟ่าเหมือนกัน และฉันก็รู้ด้วยว่านายใช้เครื่องปลอมบัตรในการแทรกซึมเข้ามาภายในบริษัทฟิกส์ เครื่องมือชิ้นนั้นเป็นเครื่องมือที่อัลฟ่าพัฒนาขึ้นมาเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะสามารถปลอมแปลงตัวตนภายใต้บริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ได้” ฟลินน์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าจอ
“ถ้าหากว่าเครื่องปลอมแปลงบัตรเป็นสิ่งที่อัลฟ่าสร้างขึ้นมาจริง ๆ มันก็หมายความว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของอัลฟ่างั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อได้พบว่าตัวเองกำลังเดินตามแผนการของคนอื่น
“เชื่อฉันสิ นอกจากเขาแล้วฉันก็ไม่เคยเห็นใครที่สามารถเข้าสู่ฐานข้อมูลสูงสุดของเผ่าเทพได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย เครื่องมือชิ้นนั้นมันจะต้องเป็นผลงานจากเขาแน่ ๆ” ฟลินน์กล่าวพร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ออกมาจุดโดยไม่รู้ตัว ขณะที่หัวใจของเขากำลังเต้นระรัวด้วยความกังวล
อัลฟ่าคือหนึ่งในตัวตนที่ลึกลับที่สุดที่เขาเคยพบในชีวิต ซึ่งความจริงมันก็ดูเหมือนกับว่าบุคคลปริศนาคนนี้จ้องมองมาที่เขาเป็นเวลานานแล้ว ความจริงเซี่ยเฟยยังแอบสงสัยว่าอัลฟ่าคงจะแอบส่งมอบเครื่องปลอมแปลงบัตรให้กับนักฆ่าตาบอด และทำการส่งนักฆ่าตาบอดคนนั้นมาจู่โจมเขาในระหว่างที่เขาเดินทางเข้ามาในเผ่าเทพ
อัลฟ่าคงจะประมวลผลตั้งแต่แรกแล้วว่าบลายไม่มีทางจะใช้เครื่องปลอมแปลงบัตรชิ้นนี้ง่าย ๆ และตราบใดก็ตามที่นักฆ่าตาบอดเริ่มจู่โจมเซี่ยเฟย ชายหนุ่มย่อมไม่มีทางอยู่นิ่งเฉยเพื่อรอคอยความตาย
เมื่อเซี่ยเฟยสังหารนักฆ่าตาบอดได้สำเร็จ เขาย่อมใช้เครื่องปลอมแปลงบัตรเพื่อปลอมแปลงตัวตนเข้าร่วมกับบริษัทฟิกส์ สิ่งนี้สมควรจะอยู่ในแผนของอัลฟ่าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อัลฟ่าจึงปรากฏตัวขึ้นมาสอนวิธีการเรียนรู้อันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อผลักดันให้ชายหนุ่มเข้าสู่ศูนย์วิจัยหลักของบริษัทโดยเร็วที่สุด
เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางความเป็นจริง ชายหนุ่มก็มีเหงื่อออกขึ้นมาทั่วทั้งตัว โชคดีที่อัลฟ่าคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของเขา ไม่อย่างนั้นอัลฟ่าก็คงจะเป็นศัตรูที่น่ากลัวและทรงพลังอย่างแน่นอน
“นายพูดถูกแล้วว่าเรื่องทั้งหมดคือแผนการของอัลฟ่าจริง ๆ แต่ถึงแบบนั้นเขายังคำนวณผิดพลาดไปเพราะนาย” ฟลินน์กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“คำนวณผิดเพราะผม?” เซี่ยเฟยอุทานอย่างสงสัย
“การกระทำของนายเป็นเรื่องอุกอาจมาก มันจึงไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่านายจะเข้าไปท้าทายคาเตอร์ลูกศิษย์คนโปรดของไลก้า แล้วทำให้ไอ้หนุ่มนั่นสูญเสียความมั่นใจไปอย่างรุนแรง”
“สิ่งที่นายทำลงไปคือการตบหน้าสามยักษ์ใหญ่จากวิทยาลัยอย่างรุนแรง ซึ่งเรื่องนี้มันได้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของอัลฟ่าโดยสิ้นเชิง” ฟลินน์อธิบาย
“เพราะแบบนั้นสาขาอิสระเลยปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้ากับวิทยาลัยในวันนี้สินะครับ เรื่องนี้มันก็น่าจะเป็นการแก้เกมของอัลฟ่าด้วยใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
ฟลินน์พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร
เซี่ยเฟยนิ่งเงียบอย่างพูดอะไรไม่ออก เพราะเขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่าอัลฟ่าจะมีอิทธิพลทำให้สาขาอิสระออกมาเผชิญหน้ากับวิทยาลัยฟิกส์สตาร์อะคาเดมี่อันโด่งดังได้
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายจริง ๆ แต่ดูเหมือนกับว่านายจะมีความสามารถพิเศษในการสร้างความวุ่นวายขึ้นมาสินะ” ฟลินน์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้ฟังคำพูดจากฟลินน์แล้วด้วยซ้ำ เพราะสมองของเขากำลังประมวลผลด้วยความเร็วสูง
อัลฟ่าเป็นนักวางแผนที่เก่งกาจมาก ถึงขั้นวางแผนการอันชาญฉลาดเช่นนี้ขึ้นมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยเฟยดึงดูดปัญหาเข้ามาตามนิสัย เขาอาจจะเป็นตัวหมากอยู่บนกระดานโดยที่ไม่รู้ตัวมาจนถึงทุกวันนี้
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานเซี่ยเฟยก็ได้ข้อสรุปอันน่าตกใจว่าแท้ที่จริงแล้วอัลฟ่าคือลินนิจผู้ซึ่งเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์จักรกลนั่นเอง
สมองของชายหนุ่มยังคงประมวลผลอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็ได้ค้นพบว่าสาเหตุที่อัลฟ่ากำหนดเป้าหมายมาที่เขามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
การเชื่อมโยงสถานการณ์ต่าง ๆ ในสมองของชายหนุ่มถูกขยายออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าอัลฟ่าคือลินนิจจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจำได้ว่าโซฟีเคยบอกกับเขาว่าสาเหตุที่เผ่าจักรกลถอยกลับไปตั้งหลักในพันธมิตรมนุษย์ นั้นก็เพราะมันมีคำสั่งจากข้อความของลินนิจเป็นคนคอยนำทางว่าพวกเธอควรจะทำอะไรต่อไป
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ลินนิจปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่เขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่มันก็เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าลินนิจมีความสามารถในการสื่อสารระยะไกล จนสามารถติดต่อจากดินแดนเทพไปยังพันธมิตรมนุษย์ได้โดยตรง
คำถามก็คือถ้าหากลินนิจมีความสามารถติดต่อในระยะไกลแบบนั้น แล้วทำไมตัวตนของเขาถึงหายสาบสูญไปเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว
หลังจากคิดหาเหตุผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเขาก็เชื่อมโยงได้ว่าสาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกโยงไปยังประตูจักรวาล
ความปั่นป่วนของประตูจักรวาลไม่เพียงแต่จะสร้างความกังวลให้กับสกายวิงเท่านั้น แต่มันยังสร้างความกังวลให้กับลินนิจที่อยู่ในส่วนลึกของบริษัทฟิกส์อีกด้วย ซึ่งในเวลานั้นเซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นมาในเผ่าเทพพอดิบพอดี
เซี่ยเฟยคือตัวเลือกเพียงแค่ไม่กี่คนที่ลินนิจสามารถให้ความไว้วางใจได้ และอีกคนที่ลินนิจเลือกไว้วางใจคือศาสตราจารย์ฟลินน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา
“คุณติดต่อกับอัลฟ่าได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
“ฉันไม่ได้เป็นคนติดต่อเขาแต่เขาเป็นคนติดต่อฉัน ตอนนั้นฉันยังเด็กมากและพึ่งมาถึงบริษัทได้ไม่นาน วันหนึ่งตอนที่ฉันกำลังกินข้าวเพียงลำพังจู่ ๆ ลินนิจก็ปรากฏตัวขึ้นมา”
“ดูเหมือนว่าเขาจะแอบสังเกตฉันมาเป็นเวลานานแล้ว เขารู้ภูมิหลังของฉันทุกอย่างและรู้แม้กระทั่งว่าฉันเข้ากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ไม่ได้ เขาคือคนที่คอยสอนความรู้ต่าง ๆ ให้กับฉันจนทำให้ฉันพัฒนาจากนักวิจัยทั่วไปกลายเป็นผู้อำนวยการของศูนย์วิจัย”
“แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถทำตามความปรารถนาของอัลฟ่าได้สำเร็จ เพราะฉันเป็นได้เพียงแค่ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยหลัก 4 เท่านั้น ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ไกลกว่านั้นอีกแล้ว” ฟลินน์กล่าวอย่างเศร้าหมองขณะนึกถึงเรื่องราวในอดีต
“ภายในศูนย์เทคโนโลยีมีทีมนักวิจัยชั้นยอดอยู่ทีมหนึ่ง สมาชิกทุกคนภายในทีมต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความสามารถอันดับต้น ๆ ของจักรวาล สถานะของพวกเขาเทียบเคียงได้กับผู้อำนวยการของศูนย์เทคโนโลยีเลยด้วยซ้ำ แม้แต่คณะกรรมการบริษัทก็ยังต้องให้ความเคารพต่อนักวิจัยทีมนี้”
“เดิมทีอัลฟ่าหวังว่าจะให้ฉันได้เข้าร่วมกับทีมวิจัยนั้น แต่น่าเสียดายที่ฉันยังมีความสามารถไม่ถึง” ฟลินน์กล่าว
“แล้วทำไมอัลฟ่าถึงอยากให้คุณเข้าร่วมกับทีมวิจัยทีมนั้นด้วย?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอัลฟ่าอาจจะเป็นสมาชิกชั้นแนวหน้าของบริษัทก็ได้ ข้อมูลของพวกเขาทั้งหมดต่างก็ถูกเก็บเป็นความลับ แต่ฉันเชื่อว่าอัลฟ่าไม่มีทางหลอกฉันอย่างแน่นอน สาเหตุที่เขาพยายามดึงฉันเข้าไปในทีมวิจัยชั้นนำ มันก็อาจจะเป็นเพราะว่าทางบริษัทกำลังมีภารกิจลับที่ต้องการกำลังเสริมเข้าไปช่วย” ฟลินน์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติม
ทันใดนั้นหน้าจอแสงก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อกี้มีอะไรหรือเปล่า? พอดีว่าฉันต้องรีบไป”
“โซฟีเก่งมาก” เซี่ยเฟยพิมพ์ตอบกลับไปด้วยเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับคำถามของอัลฟ่า
เมื่อได้เห็นชื่อโซฟี อัลฟ่าก็นิ่งเงียบไปเป็นเวลานานทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วบุคคลปริศนาคนนี้มักจะตอบกลับค่อนข้างเร็ว
“โซฟีคือใคร?” ฟลินน์ถามด้วยความสับสน
“อือ” คำตอบง่าย ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเมินคำถามของฟลินน์
แม้ว่าคำตอบนี้จะเป็นคำตอบสั้น ๆ แต่มันก็เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าอัลฟ่าคือลินนิจอย่างที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้จริง ๆ
ลินนิจคือคนนำทางเขาเข้าสู่บริษัทฟิกส์!
ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถตามตัวลินนิจกลับไปยังดินแดนลับของจักรกลได้ เรื่องหลอมรวมวิญญาณของอันธเข้ากับเครื่องจักร และเรื่องการก่อสร้างยานไททันมันก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
“การตัดสินใจของคณะกรรมการออกมาแล้ว ทางสาขาอิสระจะต้องแข่งขันกับสาขานิรันดร์” อัลฟ่ากล่าว
“ถ้าผมชนะผมจะมีโอกาสเข้าใกล้คุณไหม?” เซี่ยเฟยถามกลับ
“มีโอกาสเป็นไปได้”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาใช้เทคโนโลยีจำลองพลังพิเศษกันเถอะ” เซี่ยเฟยตอบกลับด้วยแววตาอันแน่วแน่
***************
ไหนมีใครเดาถูกบ้างว่าอัลฟ่าคือลินนิจ รายงานตัวหน่อยเร็ว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 301
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น