บทที่ 383 กองกำลังพิเศษใหม่

-A A +A

บทที่ 383 กองกำลังพิเศษใหม่

บทที่ 383 กองกำลังพิเศษใหม่

“ในที่สุดผมก็จะมีใบเปลี่ยนอาชีพไปแจกจ่ายให้กับลูกน้องเพิ่มขึ้นเสียที พวกเขาจะได้ไม่ต้องบ่นเรื่องที่บางคนยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพเลย” บิทเทอร์เลิฟกล่าว

“ใช่ ตอนต่อสู้พวกเขาก็สามัคคีกันดี แต่พวกเขาชอบทะเลาะกันเรื่องใบเปลี่ยนอาชีพอยู่เรื่อย ช่วงไม่กี่วันมานี้ผมปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว” ไป๋เหลิงกล่าว

“ทีมฉันก็มีปัญหาเรื่องใบเปลี่ยนอาชีพอยู่เหมือนกัน” เจียงเจ๋อกล่าว

“บอกให้ทุกคนใจเย็น ๆ เอาไว้ก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันจะเอาไปเปลี่ยนอาชีพมาให้อีก 1 ชุด” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“หัวหน้า คุณได้พวกมันมาจากการฆ่าบอสจริง ๆ เหรอคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม

“ฉันจะโกหกพวกเธอไปทำไม ฉันไปฆ่าบอสในแผนที่เลเวล 60 มา พวกเธออยากจะลองตามไปดูไหมล่ะ?” ลู่หยางกล่าว

“แผนที่เลเวล 60!” หลานอวี่อุทานอย่างตกใจ

ทันใดนั้นทุกคนก็ขนลุกไปทั่วทั้งตัว เพราะถึงแม้พวกเขาจะมีเลเวล 30 กว่าแล้วแต่การจัดการกับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเอง 10 เลเวลก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ลู่หยางกลับไปสังหารมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเองเกือบ 30 เลเวล

“ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะพาทุกคนไปด้วยอยู่หรอก แต่หลังจากคิด ๆ ดูแล้วเลเวลของพวกนายน่าจะถูกเปิดเผยออกไปได้ง่าย ๆ ฉันไม่ได้ที่คิดจะปิดบังทุกคนหรอกนะว่าตอนนี้ฉันเลเวล 38 แล้ว แต่ถ้าหากลูกน้องของพวกนายสังเกตเห็นเรื่องที่เลเวลของพวกนายเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติแล้วเล่าเรื่องนี้ออกไป มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากซะเปล่า ๆ” ลู่หยางกล่าว

ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับ เพราะพวกเขาต้องติดต่อกับลูกน้องเป็นจำนวนมากในทุก ๆ วัน หากจู่ ๆ มันมีคนสังเกตเห็นว่าพวกเขาเก็บเลเวลได้เร็วกว่าปกติ มันก็อาจจะมีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลังจริง ๆ

“หัวหน้าเก็บเลเวลไปก่อนเถอะค่ะ พวกเราไม่ได้รีบร้อนเรื่องเลเวลกันเท่าไหร่” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว

“อีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะคุยคือตอนนี้ทีมของเจียงเจ๋อมีกองกำลังพิเศษนักเวทไฟ ทีมของซุนหยูมีกองกำลังพิเศษอินทรีสายฟ้า ทีมของไป๋ฉือมีกองกำลังพิเศษพาลาดิน ขั้นต่อไปฉันก็จะสร้างกองกำลังพิเศษให้กับคนที่เหลือด้วยเหมือนกัน ฉิงชาง หยู่เว่ย บิทเทอร์เลิฟ ลองบอกมาซิว่าพวกนายอยากได้กองกำลังพิเศษแบบไหน?” ลู่หยางถาม

ฉิงชาง, เซี่ยหยู่เว่ยและบิทเทอร์เลิฟต่างก็ไม่คิดว่าลู่หยางจะมีข่าวดีมาแจ้งพวกเขาแบบนี้ ทุกคนต่างก็ครุ่นคิดกันอย่างหนักว่ากองกำลังพิเศษแบบไหนมีความเหมาะสมกับทีมของพวกเขามากที่สุด

ในตอนสุดท้ายเซี่ยหยู่เว่ยก็ได้เลือกกองกำลังนักเวทมิติ บิทเทอร์เลิฟเลือกกองกำลังนักเวทน้ำแข็ง ส่วนฉิงชางเลือกกองกำลังชาแมนซึ่งเป็นอาชีพคลาส 2 ของวอลอค

“ถ้าไม่มีใครต้องการกองกำลังมือสังหาร ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็กระจายมือสังหารออกไปในแต่ละทีมเท่า ๆ กันก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าว

ทุกคนพยักหน้ารับ

หลังจากทุกคนแยกย้ายกันแล้วลู่หยางก็เทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์ ก่อนที่จะล็อกเอาท์ออกจากเกม

ขณะที่ลู่หยางกำลังจะพักผ่อน เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนตกจากที่สูงดังขึ้นมาจากชั้นล่าง

ชายหนุ่มรีบเดินไปดูต้นเสียงทางหน้าต่างในทันที ก่อนที่เขาจะได้พบกับฮั่นจงที่วางไม้ไผ่ลำหนึ่งเอาไว้บนกำแพงสูงแล้วให้พวกฮั่นชาเดินข้ามไม้ไผ่กันไปทีละคน

ชั่วขณะนั้นมันก็ทำให้ลู่หยางนึกถึงภาพของตัวเองเมื่อชาติก่อน ซึ่งในตอนนั้นเขาก็เคยฝึกเดินบนไม้ไผ่แบบนี้ด้วยเช่นกัน โดยฮั่นจงกำหนดว่าเขาจะต้องเดินข้ามผ่านไม้ไผ่ที่ความสูง 10 เมตรไปให้ได้จึงจะถือว่าผ่านหลักสูตรขั้นที่ 1

นักฆ่ามีความคล้ายคลึงกับนักสู้คือพวกเขาจะต้องผ่านพ้นขีดจำกัดของตัวเองไปให้ได้ สิ่งที่แตกต่างกันมีเพียงนักฆ่าต้องพัฒนาเทคนิคการสังหารโดยเฉพาะ ขณะที่นักสู้ต้องพัฒนาสภาวะจิตใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อันยากลำบาก

หลังจากฝึกฝนมาเป็นเวลานานลู่หยางก็ทำภารกิจในฐานะของนักฆ่าไปหลายครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่เขาจะไม่ถูกจับได้แต่เขายังได้กลายเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติอีกด้วย

ลู่หยางตัดสินใจเดินลงมาจากห้องเพื่อไปยังสนามฝึก ในตอนนั้นฮั่นเมิ่งซึ่งเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดและเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในบรรดาเด็กกำพร้าทั้ง 12 คนก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในระหว่างที่เธอค่อย ๆ เดินผ่านไม้ไผ่ไปอีกด้าน

“พี่ อ๊า!” เด็กสาวร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่มันก็ทำให้เธอสูญเสียการทรงตัวและตกลงไปด้านล่างด้วยเหมือนกัน

ฮั่นชารีบพุ่งตัวเข้ามารับฮั่นเมิ่งเอาไว้ ก่อนที่เขาจะพูดว่า

“ระวังหน่อยสิ”

“พี่เขามาดูพวกเราด้วยแหละ” ฮั่นเมิ่งกล่าวพร้อมกับแลบลิ้นอย่างน่ารัก

“ลงมาทำไมเหรอ?” ฮั่นจงถามเมื่อสังเกตเห็นลู่หยาง

“ผมพึ่งออกจากเกมเห็นว่าทุกคนกำลังฝึกกันอยู่ผมเลยลงมาดู” ลู่หยางตอบ

“เวลาฝึกยังน้อยเกินไป เด็ก ๆ พวกนี้เลยยังฝึกไม่ได้มาตรฐานเลยด้วยซ้ำ” ฮั่นจงพูดอย่างละอายใจเล็กน้อย

“แค่นี้ก็ดีแล้วครับ ค่อย ๆ ฝึกฝนกันไปก็ได้ผมขอลองฝึกกับไม้ไผ่พวกนี้หน่อยได้ไหมครับ?” ลู่หยางกล่าว

“นายจะลองดูจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่ได้จะดูถูกหรอกนะ แต่ฉันว่านายผ่านมันไปไม่ได้หรอก” ฮั่นจงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

“เดี๋ยวผมจะแสดงให้ดู” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปบนกำแพงดิน

“เอาล่ะทุกคนดูพี่เป็นตัวอย่างเอาไว้ให้ดี ๆ นะ”

หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวเท้าข้างหนึ่งลงไปบนลำไม้ไผ่ ซึ่งหลังจากแน่ใจว่าไม้ไผ่รองรับน้ำหนักของเขาได้เรียบร้อยแล้วเขาก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าอีกก้าวไปยังไม้ไผ่อย่างช้า ๆ ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังก้าวเดินออกไปนั้นมันก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยจากชาติก่อน

“เป็นยังไงบ้างครับอาจารย์? ฝีมือผมก็ไม่เลวใช่ไหมล่ะ” ลู่หยางกล่าว

“ทักษะการทรงตัวของนายดีมากเลยนะเนี่ย” ฮั่นจงพูดอย่างประหลาดใจ

เหล่าบรรดาเด็ก ๆ ทั้ง 12 คนก็กำลังมองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาเริ่มฝึกตั้งแต่ตอนที่ไม้ไผ่ถูกวางเอาไว้บนพื้นจนตอนนี้ไม้ไผ่ถูกยกขึ้นไปสูงถึง 5 เมตร ซึ่งมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลากว่า 1 เดือนเต็ม ๆ แต่ลู่หยางกลับสามารถเดินผ่านไม้ไผ่ลำนั้นไปได้อย่างง่ายดาย

การเดินผ่านไม้ไผ่ธรรมดาอาจจะดูสบายไปหน่อย ชายหนุ่มจึงเริ่มกระโดดก่อนจะกลับมายืนอย่างสมดุลได้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็เดินอย่างสบาย ๆ ไปยังกำแพงดินอีกด้านหนึ่ง

“พี่ใหญ่โคตรเก่งเลย!” ฮั่นชาพูดชื่นชม

“พวกนายก็เก่งมากเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับลูบหัวฮั่นชา ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับฮั่นจงว่า

“อาจารย์ครับ ตอนนี้พวกเขาผ่านภารกิจของราชาตัวตลกได้แล้วหรือยัง?”

“ผ่านได้สบาย ๆ เลย” ฮั่นจงตอบ

“เยี่ยมเลยครับ! ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะพาพวกเขาไปทำภารกิจของราชาตัวตลก ช่วงนี้ผมกำลังต้องการแหวนแห่งความฝันเป็นจำนวนมาก” ลู่หยางกล่าว

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากฮั่นจงนำทีมฝึกซ้อมจนเสร็จ เขาก็ยืนรอลู่หยางที่กำลังฝึกพิเศษอย่างทรหดกว่าคนทั่วไป

เมื่อพวกฮั่นชาได้มาเห็นการฝึกฝนของลู่หยาง มันก็ทำให้ทุกคนต่างก็ประหลาดใจเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเหมือนกับกำลังทรมานร่างกายของตัวเองแบบนี้

“ดูเอาไว้ ถึงแม้พี่ใหญ่ของพวกนายจะรวยเป็นร้อยล้าน แต่เขาก็ยังคงฝึกหนักอยู่เสมอ ดังนั้นทุกคนต้องไม่ย่อท้อแล้วพยายามฝึกฝนให้หนักกว่านี้” ฮั่นจงพูดอย่างเคร่งขรึม

พวกฮั่นชาต่างก็พยักหน้าขึ้นมาพร้อม ๆ กัน จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วรอเข้าเกมกันอย่างกระตือรือร้น

หลังจากฝึกเสร็จลู่หยางก็เอาตัวพิงกำแพงอย่างหมดแรงและปล่อยให้เหงื่อไหลออกมาจากร่างกายราวกับสายน้ำ

ชายหนุ่มใช้เวลานั่งพักอยู่สักครู่ ก่อนที่เขาจะเข้าไปอาบน้ำและออกมาพูดกับเด็ก ๆ ทุกคนว่า

“เอาล่ะพวกเราเข้าเกมกันเถอะ วันนี้พี่จะพาทุกคนไปเก็บเลเวล”

“จริงเหรอครับ/คะ?”

“จริงสิ ฉันเคยเป็นพวกพูดโกหกตั้งแต่เมื่อไหร่” ลู่หยางกล่าว

 

 


อ่านตรงนี้แล้วคิดถึงพ่อแม่ลู่หยางเน๊าะ ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว? 555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.