บทที่ 242: เซียวถังถัง

-A A +A

บทที่ 242: เซียวถังถัง

มู่ไป๋ไป่หันกลับไปมองต้นเสียงอย่างสงสัย เธอกำลังสงสัยว่าใครช่างกล้าบุกเข้ามาในตำหนักของเซียวถังอี้ แล้วเธอก็เห็นเด็กตัวเล็กพอ ๆ กับเธอปรากฏตัวที่ประตู

ผู้ร้ายคนนั้นอาจไม่คาดคิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องนอกจากเด็กหนุ่ม เด็กคนนั้นมองมาที่เธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “ท่านพี่!” 

 “ท่านพี่ นางเป็นใคร?!” ‘เซียวถังถัง’ วิ่งเข้ามาหาเซียวถังอี้และจ้องมู่ไป๋ไป่ราวกับว่ากำลังพยายามป้องกันขโมย

 “ท่านพี่?” คนตัวเล็กเบิกตากว้างพร้อมกับสงสัยว่าเธอหูฝาดไปเองหรือไม่ เธอจึงถามออกไปเพื่อยืนยันอีกครั้ง “เจ้าเรียกเขาว่าพี่อย่างนั้นหรือ?” 

 “ฮึ ไม่เช่นนั้นล่ะ!” เซียวถังถังยืนเท้าเอวเชิดหน้ามองคนแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตาคู่หนึ่งที่เหมือนกับเซียวถังอี้ทุกประการ “แล้วเจ้าเป็นใคร เจ้ามากินข้าวบนโต๊ะเดียวกันกับท่านพี่ได้อย่างไร?” 

นางโกรธมากที่ตนเองไม่มีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับพี่ชายเลยสักครั้ง ในขณะที่เด็กผู้หญิงคนนี้กลับทำได้ 

 “ข้าหรือ? ข้าคือองค์หญิงหก” มู่ไป๋ไป่ตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว

 “องค์หญิงหก?!” ท่าทางของเซียวถังถังเปลี่ยนไปทันที ความหวาดระแวงเมื่อครู่นี้หายไปพร้อมกับดวงตาสีเข้มที่เป็นประกายคล้ายกำลังสนใจบางสิ่ง “พระองค์คือองค์หญิงหก มู่ไป๋ไป่?!” 

 “ที่คนเขาบอกว่าพระองค์สามารถไขคดีเด็กหายในเมืองหลวงได้” 

 “แถมยังช่วยให้กองทัพเป่ยหลงของเราเอาชนะหนานซวนได้ด้วย” 

 “ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือ?” 

 “หา?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกขัดเขินไม่น้อยยามที่สบเข้ากับสายตาลุกวาวของอีกฝ่าย มันทำให้เธอพูดตะกุกตะกัก “ลืม… ลืมมันไปเสียเถอะ” 

 “แม่เจ้า!” เซียวถังถังเลิกสนใจพี่ชายที่ตัวเองตั้งใจจะมาหาในตอนแรก และพุ่งเข้าไปหาองค์หญิงหกด้วยท่าทีตื่นเต้น “พระองค์สุดยอดมาก!” 

 “พระองค์ช่วยสอนข้าได้หรือไม่ว่าพระองค์ทำมันได้อย่างไร?” 

 “ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่เสือตัวใหญ่ในวังก็ยังเกรงกลัวพระองค์” 

 “เซียวถังถัง มานี่!” เซียวถังอี้ยกมือขึ้นกุมหน้าผากกับความวุ่นวายของเจ้าเด็กคนนี้ ก่อนจะคว้าคอเสื้อของเจ้าตัวแสบเข้ามาหาตนเองพร้อมกับพูดเตือนว่า “อย่าทำตัวหยาบคายกับองค์หญิง” 

มู่ไป๋ไป่มองท่าทางที่คุ้นเคยตอนที่เขาหิ้วคอเสื้อเด็กผู้หญิงคนนั้น หลังจากคิดอยู่นาน เธอก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่วิธีที่เจ้าสัตว์ประหลาดอุ้มเธอตามปกติหรอกหรือ?

แล้วความจริงตรงหน้าก็ทำให้เธอพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

เซียวถังถังไม่ได้เป็นเด็กที่ว่าง่ายเท่ากับมู่ไป๋ไป่หรืออาจจะเป็นเพราะนางคุ้นเคยกับหน้ากากเงินของเซียวถังอี้มาตั้งแต่เด็ก นางจึงไม่กลัวเขาเลย อีกทั้งยังพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของเขา “ข้าหยาบคายกับองค์หญิงตรงไหน!” 

 “ท่านพี่ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าจะไปคุยกับองค์หญิง!” 

 “ข้าอยากพบองค์หญิงหกมานานแล้ว!” 

 “ชิงหาน” เด็กหนุ่มรู้สึกปวดหัวมากจนไม่อยากทะเลาะกับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงโยนนางไปให้องครักษ์เงาจัดการ “พาตัวนางออกไป” 

 “ไม่นะ! ม่ายยยย!” เซียวถังถังพยายามเอื้อมมือไปทางมู่ไป๋ไป่สุดแขนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “องค์หญิงหก! หลังจากที่พระองค์คุยกับท่านพี่เสร็จแล้ว พระองค์อย่ารีบเพิ่งกลับไปนะ ข้าจะรอพระองค์อยู่ข้างนอก!” 

ชิงหานรับตัวเด็กน้อยไปแล้วเดินออกจากห้อง ทำให้ภายในห้องค่อย ๆ เงียบสงบลง

จากนั้นมู่ไป๋ไป่ก็หันกลับมามองเซียวถังอี้ด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “นั่นน้องสาวของท่านหรือ?” 

ฝ่ายที่ถูกถามยังคงเงียบไม่ตอบ

คนตัวเล็กจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “เฮอะ ๆ เป็นคนที่มีชีวิตชีวาดีเสียจริง ว่าแต่เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ?” 

 “ข้าจะหาวิธีตรวจสอบฝ่ายราชครูกับลี่เฟย” เซียวถังอี้กอดอกจ้องมู่ไป๋ไป่ในขณะที่คิ้วเข้มขมวดแน่น “เจ้ากลับไปก่อน และในวันนี้พยายามอย่าอยู่คนเดียว” 

เด็กหญิงเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ในขณะที่ถามว่า “ท่านคิดว่ากำลังมีใครคิดจะปองร้ายข้าอย่างนั้นหรือ?” 

 “ความเป็นไปได้นี้ยังไม่สามารถตัดออกไปได้” เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบ

 “...” เธอนิ่งเงียบไปเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเขา 

หลังจากที่ทั้งคู่พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่ไป๋ไป่ก็ขอตัวกลับตำหนักอิ๋งชุน 

พอเธอออกจากตำหนักของอีกฝ่าย ในหัวของเธอก็คิดวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เขาพูดจนทำให้ใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

หากลี่เฟยกับราชครูมีความสัมพันธ์บางอย่างกันจริง ๆ ถ้าเธอเปิดโปง 2 คนนั้นในครั้งนี้ ทุกอย่างจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแน่นอน

 “เจ้าส้ม เหตุใดในวังหลวงคนถึงต้องวางกลอุบายมากมายเช่นนี้” คนตัวเล็กเม้มปากแน่นด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ “มันน่ารำคาญชะมัด” 

 “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” แมวอ้วนเงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงแล้วพูดว่า “ที่นี่คือวังหลวง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและความมั่งคั่ง ความยิ่งใหญ่ที่เป็นรองเพียงคนคนเดียว อยู่สูงกว่าคนนับหมื่น มนุษย์ที่โง่เขลาจะทำอะไรได้อีก” 

 “แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้…” มู่ไป๋ไป่พึมพำเบา ๆ ในตอนแรกถึงแม้ว่าเธอจะพยายามวางแผนทำให้มู่เทียนฉงผู้โหดเหี้ยมพึงพอใจ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะเธอพยายามเอาชีวิตรอดเท่านั้น

เธอไม่รู้เลยว่าหากเกิดความผิดพลาดขึ้น เธอไม่อาจรับประกันได้เลยว่าจะยังเป็นลูกสาวสุดที่รักของฮ่องเต้คนนั้นอยู่หรือไม่

 “ข้ายังคิดถึงตอนอยู่ที่ชายแดนอยู่เลย…” เด็กหญิงพูดพลางถอนหายใจ “นี่ก็ใกล้วันเกิดของข้าแล้ว ข้าขอให้ท่านพ่อส่งข้าไปชายแดนเป็นของขวัญดีหรือไม่?” 

 “ถ้าราชครูพูดเรื่องที่ข้าเป็นตัวต้นเหตุของหายนะต่อหน้าเขา ข้าควรจะไปอยู่ให้ไกลจากที่นี่ แล้วก็พาท่านแม่ เซียวเซียวและจื่อเฟิงไปด้วย” 

 “ความคิดของเจ้าเยี่ยมมาก แต่คนในวังหลวงอาจจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ” เจ้าส้มอ้าปากหาวพร้อมกับเหยียดตัวอย่างเกียจคร้าน “มู่ไป๋ไป่ เจ้ารู้วิธีเขียนอักษรที่ว่า ‘มู่ไป๋ไป่ไม่ยอมแพ้’ หรือไม่?” 

 “...” 

 “องค์หญิงหก!” ระหว่างที่ทั้ง 2 พูดคุยกัน ทันใดนั้นเซียวถังถังก็ปรากฏตัวออกมาจากมุมหนึ่งและวิ่งเข้าไปหามู่ไป๋ไป่อย่างมีความสุข “องค์หญิงหก พระองค์ออกมาเร็วมากเลย!” 

 “คุณหนูเซียว…” เธอมองดูเด็กผู้หญิงที่ดูกระตือรือร้นผิดปกติตรงหน้า 

 “พระองค์เรียกข้าว่าเซียวถังถังก็ได้” เด็กหญิงตัวเล็กยิ้มสดใสขณะที่มองอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม “นี่องค์หญิงหก พระองค์จะไปไหนหรือ? ข้าขอไปกับพระองค์ได้หรือไม่?” 

 “หา?” มู่ไป๋ไป่ตกตะลึง เดิมทีเธอคิดว่าเธอน่าจะคุ้นเคยกับวังหลวงแห่งนี้แล้ว แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเซียวถังถัง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่กล้าปฏิเสธออกมา เธอจึงพยักหน้ารับพลางตอบว่า “ข้ากำลังจะกลับตำหนักอิ๋งชุน” 

 “ตำหนักอิ๋งชุน? ข้ารู้จัก!” เด็กน้อยตีมือเข้าที่ต้นขาตัวเองอย่างมีความสุข “ที่นั่นคือตำหนักของหว่านผิน ข้าเคยไปเยือนที่นั่นตอนที่ข้ากลับมาถึงวังเมื่อเดือนที่แล้ว” 

 “น่าเสียดายที่ตอนนั้นพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่” 

 “แต่ข้าได้ยินหว่านผินพูดถึงพระองค์เยอะเลย” 

 “องค์หญิงหก พระองค์รับข้าเป็นลูกศิษย์ของพระองค์ได้หรือไม่?” 

 “!!!” 

 “ทำไมเจ้ามนุษย์คนนี้ถึงได้เอะอะเสียงดังขนาดนี้?” เจ้าส้มพูดขึ้นมาอย่างหมดความอดทนหลังจากทนฟังเด็กนั้นพูดไม่ไหว “นางเป็นน้องสาวของเซียวถังอี้จริง ๆ หรือ นางไม่ใช่ลูกของเขาใช่หรือไม่?” 

แม้ว่าคำพูดของเจ้าแมวอ้วนจะดูรุนแรงไปสักหน่อย แต่มู่ไป๋ไป่ก็เห็นด้วย

มันไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นใด เป็นเพราะนิสัยของเซียวถังถังกับเซียวถังอี้นั้นดูจะแตกต่างกันคนละขั้วเกินไปสักหน่อย

 “องค์หญิงหก พระองค์ตกลงหรือไม่?” เมื่อเซียวถังถังเห็นว่ามู่ไป๋ไป่ไม่ยอมตอบ นางก็คิดว่าคนตรงหน้าไม่พอใจ นางจึงรีบคว้าแขนของอีกฝ่ายมากอดและออดอ้อน “พระองค์ยอมรับข้าเป็นลูกศิษย์ของพระองค์เถอะนะ ข้าเป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง แล้วข้ายังสามารถสั่งให้คนของท่านพี่ช่วยพระองค์ได้” 

 “แล้วอีกอย่าง ข้ายังสามารถขอให้ท่านพี่ช่วยพระองค์ต่อสู้ได้ด้วย!” 

 “แต่ว่า… ขอเพียงเป็นสิ่งที่พระองค์ต้องการ ข้าก็สามารถขอให้ท่านพี่ช่วยท่านได้เช่นกัน!” 

 “...” มุมปากของมู่ไป๋ไป่กระตุกหลังจากที่ยืนฟังเด็กหญิงร่ายความสามารถของตนยาวเหยียด ก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับนาง “ที่เจ้าพูดถึงก็คือการใช้ความสามารถของพี่ชายของเจ้า…” 

เซียวถังถังเกาหัวอย่างงุนงง “จริงหรือ?” 

 “อะแฮ่ม… ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าไม่คิดที่จะรับลูกศิษย์หรอกนะ” มู่ไป๋ไป่ปฏิเสธคำขอของนาง เมื่อเห็นว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของคนตรงหน้าเริ่มเหี่ยวเฉาลง เธอก็พูดขึ้นมาว่า “เรามาเป็นสหายกันเถอะ” 

 “สหาย?” เซียวถังถังกะพริบตาปริบ ๆ มององค์หญิงหกด้วยความตกใจ

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หืออออ ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายเซียวจะมีน้องสาวกับเขาด้วย แล้วนิสัยคนละขั้วเลย 555555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.