บทที่ 189 ยินดีทั้งน้ำตา
ครืน ~~ ครืน ~~
เสียงโทรศัพท์ฉันดังขึ้น พร้อมกับหน้าจอที่บ่งบอกว่าใครโทรมา
หน้าจอมือถือโชว์รายชื่อผู้ที่ติดต่อเข้ามา ~~~ (ปีศาจเซฟ) (ฮ่ะ...นี่ฉันยังไม่เปลี่ยนชื่อเขาอีกหรอเนี้ย ถ้าเขาเห็นคงงอนฉันแน่เลย...หึหึ)
ติ๊ด ~~
‘ค่ะเฮีย...’ ฉันเอ่ยทักทาย
‘คิดถึงจังเลยค่ะ ทำอะไรอยู่ค่ะ’ เขาเอ่ยถาม
‘พอดีเอลิซมาเดินเล่นอยู่ห้างใกล้ ๆ บ้านอ่ะค่ะ’ ฉันตอบกลับ
‘อ๋อเหรอ...’
ฉันที่ไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของเขาเลย เพราะมันเหมือนกับว่าเขารู้ทันฉันทุกอย่าง
‘คะ...ค่ะ’ ฉันที่พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้มีพิรุธตอนตอบเขา
‘ถ้างั้นก็เดินเล่นให้สนุกนะคะ เฮียไม่กวนแล้ว’ เขาที่ตอบกลับมาด้วยเสียงที่นุ่มนวลเช่นเดิม แต่ทว่า...มันทำให้ฉันอดแปลกใจไม่ได้เนื่องจากปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยยอมวางสายง่ายขนาดนี้
‘ค่ะ’ ^-^ ฉันตอบกลับเขาไปสั้น ๆ โดยที่พยายามสลัดความคิดระแวงเกี่ยวกับพฤติกรรมเขาออกไป
‘อ่อ...แล้วก็เฮียขอให้เอลิซรู้เอาไว้อย่างหนึ่งนะคะว่า...ไม่ว่ายังไง...เฮียก็รักและเชื่อใจเอลิซเสมอ...รู้ไหมค่ะ...สุดที่รักของเฮีย ~~’ น้ำเสียงที่ดูจะหนักแน่นและจริงจัง จนทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ถึงขนาดที่แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอด้วยความยากลำบาก
แม้ว่าในตอนนี้ฉันยังบอกอะไรกับเขาไม่ได้ แต่ฉันรับรองได้เลยว่า ถ้าเขารู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไร เขาจะเป็นคนที่ดีใจที่สุดแน่นอน (ก็แหม...บรรจงฉีดใส่ทุกหยาดหยดซะขนาดนั้น...ไม่ติดก็ให้มันรู้ไปสิ...คริคริ)
ผ่านไปสักพัก ~~
“ผลตรวจออกแล้วนะคะ เชิญพบคุณหมอที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ” ^-^ เสียงพยาบาลสาวผู้ดูแลฉันมาตั้งแต่ต้นเอ่ยบอก
ฉันเดินตามมายังห้องตรวจขนาดใหญ่สีขาว แม้ว่าภาพตรงหน้าจะทำให้ความรู้สึกดูสบายตา แต่ทว่า...ตอนนี้ข้างในหัวใจของฉันกำลังเต้นโครมครามไม่หยุด...
ก๊อก!...ก๊อก!...ก๊อก!
“เชิญครับ”
(เอ๊ะ...เสียงผู้ชาย คุณหมอเป็นผู้ชายหรอเนี้ย ไอ้เราก็ลืมแจ้งไปว่าขอเป็นหมอผู้หญิง ซะด้วย...อ่ะ...ไม่เป็นไร ตอนนี้แค่ตรวจภายนอก เอาไว้เปลี่ยนคราวหน้าก็ได้...) ฉันบ่นกับตัวเองนิดหน่อยหลังจากได้ยินเสียงคุณหมอ
“สวัสดีค่ะ...คุณหมอ” ฉันเอ่ยทักทายคุณหมอที่นั่งหันหลังให้ฉันอยู่
“สวัสดีครับ...คุณเอลิซ” คุณหมอที่ตอนแรกนั่งหันหลัง ก็ค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมาให้ฉันได้เห็นใบหน้าชัด ๆ ว่าเป็นใคร
หมอหล่อมากกกกก!!....แต่!!....เอ๊ะ!!...เดี๋ยวนะ!!!
“อะ...อ้าว...คุณมาร์ค สวัสดีค่ะ...ไม่ยักกะรู้ว่า...” ฉันถึงกับอึ้งที่ได้เห็นว่าหมอที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร
“ไม่คิดว่าผมเป็นหมอใช่ไหมครับ...ถ้างั้นผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยนะครับ ผม...นายแพทย์มาคินทร์ วงศ์เวชรุ่งเรือง...ครับ” เขาที่ลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาที่ฉัน เพื่อแสดงการทักทาย
“คะ...ค่ะ...สวัสดีอีกครั้งนะคะ” ฉันที่ยังดูงง ๆ สับสนอยู่ ก่อนจะยื่นมือตัวเองออกไปจับทักทายเช่นกัน
“เชิญนั่งครับ” ใบหน้าขาวสไตล์หนุ่มตี๋ ยกยิ้มกว้างขึ้นมาจนออร่าความหล่อแผ่กระจาย
“ไม่นึกว่าเป็นคุณหมอ นึกว่าเป็นแค่เภสัชเฉย ๆ หนะค่ะ” ฉันเอ่ยพูดในสิ่งที่ฉันคิด
“อ๋อ...พอดีผมเรียนหลากหลายทางน่ะครับ...ก็อย่างว่าคนเราก็ต้องมีทางเลือกกันบ้าง” เขาเอ่ยอธิบาย
เมื่อคนตรงหน้าเป็นคนที่คุ้นเคยกันดี ฉันก็แสดงท่าทีที่ประหม่าลง ก่อนที่เราสองคนจะพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปตามประสาคนรู้จักกัน โดยที่คุณมาร์คเขาก็ได้หยิบเอกสารขึ้นมาพิจารณาไปพร้อมกัน จากนั้น...เขาที่มองฉันสลับไปมากับกระดาษที่อยู่ในมือของเขา...
การกระทำของคุณมาร์คยิ่งกระตุ้นให้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งกว่าตอนที่ฉันลุ้นผลประกาศดาวเดือนประจำมหาลัยเสียอีก มือของฉันที่กำลังประสานกันอยู่ที่ตรงหน้าตัก ทำได้แค่บีบรัดจับกันเอาไว้แน่น พร้อมกับสายตาที่เพ่งไปยังใบหน้าของคุณหมอสุดหล่อด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก
“ยะ...ยินดีด้วยนะครับ...คุณเอลิซ ผลการตรวจบอกว่า...คุณตั้งครรภ์ครับ...” คุณมาร์คบอกถึงข่าวดีกับฉัน แต่ทว่า...ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าในน้ำเสียงของเขามันมีความรู้สึกผิดหวังซ่อนอยู่
และในขณะที่ฉันกำลังปลื้มปริ่มกับผลตรวจที่ได้ยินอยู่นั้น ฉันก็เลยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าภายใต้แว่นสีใสที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาได้มีสายตาเศร้าที่มองทอดออกมาอยู่...
--- มาร์ค Talk---
หลังจากที่ผมได้ยื่นข้อเสนอกับเรน่า เกี่ยวกับความต้องการที่จะแยกเอลิซกับไอ้เซบาสเธียให้ออกจากกัน หลังจากวันนั้นผมเองก็ไม่ได้เจอเธอผู้หญิงผมแดง ดวงตาสีฟ้า รูปร่างเซ็กซี่คนนั้นอีกเลย
ผมยังคงดำเนินชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่ในแต่ละวันมันช่างผ่านไปอย่างช้า ๆ นั่นคงเป็นเพราะว่าผมเองยังไม่สามารถที่จะลืมรักแรกของตัวเองไปได้
ผู้หญิงใบหน้าสวยหวาน น่ารักจนมองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ดวงตากลมโตสุกใสที่มีเสน่ห์เหลือล้น จมูกโด่งพองามรับเข้ากับใบหน้าเนียน อีกทั้งปากอวบอิ่มที่เวลาขยับเขยื้อนเสมือนมนต์ขลังให้ผมตกอยู่ในภวังค์...มันทำให้ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน...คิดถึงในขณะที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเธอมีเขาคนนั้นอยู่ข้างกาย...เขาที่ดูจะรักเธอมาเสียเหลือเกิน...
และข่าวสุดท้ายเกี่ยวกับเธอที่ผมได้รับมาก็คือ...เธอไปยังเกาะส่วนตัวของไอ้เซบาสเธีย เธอไปหลายวัน และการที่เธอไปยู่บนเกาะแบบนั้น มันก็ทำให้ผมเองไม่สามารถสืบข่าวคราวอะไรได้เลย
จนกระทั่งเมื่อผมได้รู้ว่าเธอกลับมา แม้ว่าผมจะอยากเข้าใกล้เธอมากแค่ไหน อยากจะเข้าไปทักทายและพูดคุยมากเท่าไหร่ แต่ทว่า...รอบตัวเธอยังมีบอดี้การ์ดที่ไอ้เซบาสเธียส่งมาตามติดตัวไม่ห่าง และไหนจะพวกมือดีที่ท่านผู้นำพ่อของผมให้มาดูความเคลื่อนไหวของเธอ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เพราะว่าตั้งแต่ที่ผมเข้าบ้านไปรายงานวันนั้น ทั้งฝั่งผมและ ฝั่งท่านผู้นำ ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย
และด้วยสถานการณ์ที่นิ่งแบบนี้ ผมก็จะทำอะไรกระโตกกระตากไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นคนที่จะเป็นอันตรายที่สุดก็คงจะไม่พ้นคนที่ผมรัก...
แต่แล้วพรหมลิขิตของผมก็เริ่มทำงาน เมื่อผม...
‘ตาฝาดไปหรือเปล่าว่ะ หรือว่าเราจะคิดถึงเขาจนเห็นภาพหลอนกัน’ ผมที่พึมพำกับตัวเอง เมื่อได้เห็นผู้หญิงที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เดินผ่านประตูโรงพยาบาลที่เป็นทั้งที่ทำงานของผมและยังเป็นโรงพยาบาลที่ผมถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย
หัวใจที่เคยแห้งเหือดเหมือนแค่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ กลับเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที ก่อนที่ตัวผมจะขยี้ตาอีกหลายรอบเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าดวงตาคู่นี้ไม่ได้ฝาดแต่อย่างใด
ความดีใจที่แทบจะทำให้ผมรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาเธอด้วยความคิดถึง กลับต้องหยุดชะงักลง นั่นก็เพราะว่าความคิดบางอย่างที่แล่นเข้ามาให้โสตประสาท...
‘ถ้าเกิดเราเข้าไปตอนนี้ เธออาจจะเปลี่ยนโรงพยาบาลก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะไม่รู้เลยว่าเธอเป็นอะไร มาทำอะไรที่โรงพยาบาลแห่งนี้’
ผมที่คิดถี่ถ้วนแล้วจึงปล่อยให้เธอทำตามระเบียบของโรงพยาบาลโดยที่ผมไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอะไร แม้ในใจอยากจะเข้าไปดูแลเธอมากเหลือเกิน...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 59
แสดงความคิดเห็น