Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 8 ฝูงซอมบี้หมวกเหล็กรุกราน

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU)

-A A +A

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 8 ฝูงซอมบี้หมวกเหล็กรุกราน

หมวดหนังสือ: 

เรื่องที่ 2 : บุกรุก

 

        “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตายนะเจ้านาย” แจ้ทิ้งท้าย

        “คตินี้เกี่ยวอะไรด้วย?” ลีถามขณะที่เขาพายเรือนำลุงพีอยู่ “จบไปแล้วเรื่องหนึ่ง เดินทางมาไกลเหมือนกัน เล่ายาวด้วย ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”

        “ผมไม่เหนื่อย ผมสู้” แจ้ตอบ

        “ใกล้จะถึงบ้านแล้ว เห็นบ้านฉันไหม โน่น!” ลีบอกแจ้แล้วชี้บ้านของเขาให้แจ้เห็น “หวังว่าทุกคนคงรอเราอยู่นะ”

        เมื่อเรือทั้งสองเทียบท่าแล้ว ลี แจ้ และลุงพีก็ลงจากเรือ

        “บ้านเจ้านายนี่สวยจริง ๆ เลย” แจ้ว่า

        “เพิ่งเคยเห็นละสิ” ลีพูด

        “ใช่ แต่ก่อนอยู่ห้องเช่า” แจ้พูด

        “งั้นนายอยู่แถวนี้ก่อนนะ” ลีพูดแล้วล่ามแจ้ไว้กับเสา

        “รีบไปรีบมานะเจ้านาย” แจ้พูด

        “ลุงพีครับ ดูแลแจ้ด้วยนะครับ” ลีบอกลุงของเขา

        “ได้เลย” ลุงพีพูด

        “แปลกจังแฮะทำไมทุกคนหายไปไหนหมด” ลีพึมพำ แล้วจากนั้นก็เข้าไปในบ้านเพื่อทักทายและเรียกคนในครอบครัวของเขา แต่ก็ไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่ง...

        “เจ้านายออกมาดูนี่เร็ว!!!” แจ้ร้องจากข้างนอก

        ลีไม่รอช้ารีบมาหาแจ้กับลุงพีที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

        “มีอะไร?” ลีถาม

        “ผมเห็นอะไรไม่รู้” แจ้ตอบ

        “มันตกไปอยู่ตรงโน้นน่ะ” ลุงพีตอบแล้วชี้ไปที่ข้างหลังลี เมื่อหลานชายหันตาม เขาพบว่าอุกกาบาตตกลงมาจากฟากข้างนอกนั่นแล้ว

        “เฮ้ยโอ้โห!!!” ลีอุทาน “โอ้โห! งานเข้าแล้ว!”

        ลีไม่รอช้ารีบพาแจ้กับลุงพีออกไปดูที่เกิดเหตุทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

        “ตรงมาตรงนั้นเลยเหรอ” ลีถาม

        “ใช่แล้ว” ลุงพีตอบ

        “แต่แปลกมากเลย คนหายไปไหนหมดเนี่ย?” ลีบอก

 

        และจุดที่อุกกาบาตตกนั้น มีรูโหว่ขนาดยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนหลุมดำ แต่จริง ๆ แล้วมันคือประตูมิติที่ลอยอยู่เหนือแท่นพิระมิดหัวทู่ โดยมันจะส่งพวกปีศาจออกมายังโลกนี้

        “แจ้เห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม?” ลีถามแจ้และลุงพี “ลุงเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม?”

        “เห็นสิ” แจ้กับลุงพีตอบ

        “เรางานเข้าแล้ว” ลีคร่ำครวญ “ลุงพีครับ เตรียมอาวุธไว้ให้ดีเลยครับ”

        “อย่างนั้นเหรอ?” ลุงพีถามแล้วชักดาบเอ็นเดอไรต์รอ

        “ชัดเลย” ลีพูด และเมื่อทั้งสามเข้าไปใกล้มากขึ้น พวกเขาก็เห็นพวกซอมบี้สวมหมวกเหล็กถืออาวุธ (ดาบและอีเต้อเหล็ก (Iron Sword and Iron Pickaxe)) ออกมาไล่ล่าทั้งสามแล้ว

        “แจ้...ลุงพี...” ลีเรียกทั้งสอง “หนี!!!

 

        ที่ทางรถไฟใต้ดิน...

        “แจ้!! เร็ว!” ลีร้องและดึงแจ้ออกมา

        “เจ้านาย ผมเหนื่อยแล้ว!” แจ้ร้อง

        “มันตามมาอยู่เลย! แจ้ หนีเร็ว!” ลีบอกแล้วรีบนำแจ้และลุงพีไป “โหย จะตามอีกไปไหนเนี่ย เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ลุงพีล่ะ?”

        “ฉันสู้กับพวกมันอยู่ได้คนเดียว จะไม่ให้ฉันเหนื่อยเหมือนกันได้ยังไงล่ะไอ้เด็กโง่!” ลุงพีว่า

        “โห ไม่ต้องมาว่าผม มันยังตามมาอยู่เลย” ลีบอกและหันมามองข้างหลังเพื่อดูว่าซอมบี้หมวกเหล็ก “หยุดพักหายใจก่อน”

        “ดื่มน้ำก่อนดีกว่านะ” ลุงพีพูดแล้วยื่นขวดน้ำให้ลียกดื่ม

        “ขอบคุณครับลุง” ลีพูด “มันคงไม่มาแล้วล่ะ แต่ยังไงเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ก่อนนะ”

        “แล้วจะออกทางไหนล่ะเจ้านาย” แจ้ถาม

        “ออกทางนู้นน่ะสิ” ลีตอบแล้วชี้ไปยังทางข้างหน้า “ฝั่งตรงโน้นน่าจะเป็นสถานี เราต้องไปทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ฉันยังมีอีกหนึ่งคำถามคือ ทำไมคนหายไปจากที่นี่หมดล่ะ?”

        “เรื่องนี้ผมก็ยังให้คำตอบไม่ได้” แจ้ตอบ

        “ฉันพอจะจับพิรุธตั้งแต่เรือเราล่มได้แล้วล่ะ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลระหว่างที่เราติดเกาะแน่ ๆ เลย” ลุงพีตอบ

        ลีหันไปมองข้างหลังพบว่าซอมบี้หมวกเหล็กถืออีเต้อเริ่มไล่ตามมาเรื่อย ๆ แล้ว จึงตัดบทว่า “ลุงไม่ต้องสืบสวนตอนนี้ก็ได้ มันมานู่นแล้ว”

        ระหว่างทางเจอกับแมงมุมซะด้วย ลีแวะทักทายแมงมุม

        “อ้าว ไอ้น้องไปไหนเหรอ?” แมงมุมถาม

        “คือผมหนีจากซอมบี้หมวกเหล็กจากตรงโน้นมาน่ะครับ ถ้าเกิดว่ามันมาเจอพี่ ฝากทักทาย แล้วฝากกันไว้ด้วยนะครับ” ลีตอบ “มันมาแล้ว งั้นผมไปละครับ”

        จากนั้นลี แจ้ และลุงพีก็วิ่งอ้าวไปเรื่อย ๆ

        “เร็ว ๆ แจ้!” ลีเรียกแจ้

        “ใจเย็น ๆ สิเจ้านาย ผมนี่ขาสลับพันกันไปมั่วหมดแล้ว” แจ้พูด

        และเหมือนว่าเจ้าซอมบี้ตัวนี้จะวิ่งตามทันแล้วด้วยสิ

        “ไอ้ตัวนี้มันเคยไปวิ่งสี่คูณร้อยมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย?” ลุงพีวิจารณ์ซอมบี้หมวกเหล็กถืออีเต้อตัวนี้ที่วิ่งเร็วมาก

        “แจ้” ลีเรียกแจ้ “ข้างหลังนายน่ะ”

        “ว้าก!! มันตามทันแล้ว!!!” แจ้ร้องโหยหวน

        เมื่อทั้งสามวิ่งมาถึงสถานี ซอมบี้ตัวนี้ก็ตามทันจนได้ ลุงพีจึงเข้าไปจัดการกับซอมบี้ตัวนี้ให้ได้ และพลังลึกลับที่ลุงพีมีอยู่ ทำให้ซอมบี้ตัวนั้นถูกลุงพีถีบกระเด็นไปไกล ส่วนลีนั้นเปิดหีบที่อยู่ในสถานีดู กลับไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลยสักหีบ

        “ลุงพีครับ!!” ลีเรียกลุงของเขา

        “ฉันกำลังจัดการกับไอ้ซอมบี้นั่นอยู่! พาแจ้หนีไปเร็ว!!” ลุงพีบอกหลานชาย

        “ผมติด!!” แจ้ร้อง

        ลีเลยอุ้มแจ้ออกมาแล้วออกไปทันที ส่วนลุงพี หลังจากถีบครั้งที่สามแล้ว เขาก็ใช้โอกาสนี้วิ่งตามหลานชายด้วยความเร็วสูงและกระโดดข้ามประตูรั้วมาได้

        “ขึ้นไปเร็ว ๆ” ลุงพีพูดแล้วนำลีออกไปทันที และตอนนั้นแกะเดินผ่านมาก็ไม่รู้ว่าข้างล่างเกิดอะไรขึ้น ลีจึงขอให้มันช่วยจัดการกับซอมบี้หมวกเหล็กข้างล่างให้ด้วย ก่อนที่จะตามลุงพีขึ้นไปทันที

        ปรากฏว่าเข้าตำราหนีเสือปะจระเข้ เมื่อออกมาข้างนอกฝนก็ตกแล้ว แถมหนีจากตัวข้างล่างปุ๊บ ตัวเดียวกันจากข้างนอกก็มาดักทั้งสามอีก

        “ทำไมแกฉลาดอย่างนี้วะเนี่ย?” ลีรำพัน และต่อสู้กับซอมบี้ตัวนั้นถ่วงเวลา แต่ลุงพีเหมือนจะจับแพตเทิร์นได้ว่า ซอมบี้หมวกเหล็กที่ถืออีเต้อเหล็กจะผลัดกันไล่ล่า โดยเมื่อตัวใหม่เข้ามา ตัวเก่าต้องหลบให้ตัวใหม่บุกมา

        ระหว่างนั้น ลีกับลุงพีต่อสู้กับเจ้าหมวกเหล็กและยืดเยื้ออยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งมันวิ่งจากไป

        “เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว” ลีพูดแล้วรีบพาแจ้กับลุงพีหนีไป

        “เจ้านาย ดีใจด้วยนะ” แจ้พูด

        “อย่าเพิ่งมาดีใจตอนนี้” ลีบอก “ตอนแรกเรากำลังมีความสุขกับการเล่าเรื่องระหว่างที่เรามาที่นี่ แต่แล้วก็มาเจอกับอะไรก็ไม่รู้อีก”

        “เจ้านาย” แจ้บอก “มันมีความสุขและความทุกข์ปะปนกันไป”

        “ฉันไม่ได้ขออย่างนี้สักหน่อย” ลีพูด

        “และอีกอย่างมันก็มีพิรุธด้วย” ลุงพีพูด “มันแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่เรือล่มแล้วล่ะ”

        “โธ่ มันยังตามมาอีก” ลีพูดเมื่อเห็นซอมบี้ตัวใหม่วิ่งอ้าวตามทั้งสามมา “ขอให้เป็นตัวสุดท้ายที่ตามมานะ เราจะเล่นมันตรงนี้แหละ เราต้องอยู่ห่างจากตัวเมืองไว้นะ”

        “ใช่ ฉันก็ว่างั้น” ลุงพีเสริม “เพราะดูท่ามันจะมาเยอะมาก”

        “มันไม่ปล่อยเราแน่นอน” ลีพูด และเมื่อขึ้นไปบนเนินเขาขนาดเล็ก ๆ ปรากฏว่าแจ้กลับติดและไม่ไปสักที ส่วนลุงพีก็เข้าไปจัดการกับซอมบี้หมวกเหล็กถ่วงเวลาไว้ก่อน ซึ่งมันก็วิ่งหมุนวนไปโดยไม่สนว่ามันจะมึนหัวหรือจะสะดุดล้มบ้างหรือไม่

        “ลุงพีครับ ผมว่ามันจนมุมแล้วล่ะ” ลีบอกลุงของเขา

        “จัดการตอนนี้เลยดีไหม?” ลุงพีว่า

        “เล่นมันเลยครับลุง สอยมันให้ร่วง” แจ้ตอบ

        “ใจเย็น ๆ” ลีปรามแจ้ “เราหนีก่อน ลุงพี ถ่วงเวลามันไว้ก่อนนะครับ”

        “ได้” ลุงพีพูด “ฉันจะสู้แบบน้ำจิ้ม ๆ ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยเอาจริงเมื่อเธอพร้อมสู้แล้วกัน”

        “ครับ” ลีบอก แล้วพาแจ้ออกมา แต่เหมือนจะยากลำบากตรงที่ว่าแจ้ก็ยังติดแถมเชือกหลุดอีกต่างหาก ซอมบี้ไม่รอช้าหาโอกาสที่จะเข้าถึงลีให้ได้ แต่ลุงพีมาขวางไว้และจัดการไว้ทันเสียก่อน ซึ่ง “น้ำจิ้ม” ของลุงพีคือการผลักหรือถีบกระเด็นไปสักสิบกว่าเมตร (ถือว่าโหดเอาเรื่องนะเนี่ย ไม่เหมือนไซตามะจากวันพันช์แมนที่น้ำจิ้มของเขาคือต่อยทีเดียวตาย อันนั้นโหดเกินไป)

        ลีกระตุกเชือกเพื่อจะให้ดึงแจ้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของเนินเขา (ซึ่งก็ยากลำบากเอาเรื่อง) แถมต้องให้ลุงพีถ่วงเวลาอีก ดังนั้น ลีจึงมีเวลาไม่มาก ตัดต้นไม้ใกล้ ๆ เพื่อทำเป็นโต๊ะคราฟติ้ง จากนั้นเขาก็สร้างดาบไม้ (Wooden Sword) ออกมา แล้วเข้าไปตะลุมบอนกับซอมบี้หมวกเหล็กทันที

        ลุงพีที่ได้เห็นลีเข้าไปต่อกรกับซอมบี้โดยมืออีกข้างหนึ่งยังล่ามแจ้อยู่อย่างนี้ จึงเข้าสู่โหมดเอาจริงอย่างเต็มรูปแบบ และเมื่อลุงพีเอาจริง พลังมนตร์ดำบางอย่างในตัวของลุงพีก็ได้ทำให้ซอมบี้หมวกเหล็กอ่อนแอลง จนในที่สุดมันก็ตายคาคมดาบไม้ของลี

        “สุดยอดมาก” ลีหอบหายใจ “เหนื่อยจริง ๆ”

        “เจ้านายทำใจดี ๆ ไว้นะ” แจ้พูด

        “ฉันก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน” ลุงพีบอก “โหมดเอาจริงของฉันมันผลาญสตามิน่าไปเยอะเลย”

 

        คืนนั้น

        “แล้วเรื่องที่สองต่อจากขวดแก้วนี่คือเรื่องอะไรเหรอ?” ลีถาม

        “ถ้าจะให้ฉันเล่า น่าจะมีสองเรื่องที่ฉันเลือกที่จะเล่า” ลุงพีตอบ “อันแรกคือ โปรเจกต์ซีซีซี : ทีมผู้ทำลายชะตากรรม (Project CCC : The Team That Destroy Fate) กับ ฟิกชั่นวอร์ มหาสงครามเรื่องแต่ง (Fiction War) พวกเธอจะฟังเรื่องไหนก่อน?”

        “ส่วนของผมเนี่ยถ้าจะให้ผมเล่า คงจะเป็นลูกหมูสามตัว” แจ้ตอบ

        เกิดความเงียบไปครู่หนึ่ง

        “เวลานี้สองเรื่องของลุงพียังพอได้ แต่นี่ยังจะมาลูกหมูสามตัวอีกเหรอ?” ลีถามแจ้

        “ไม่หรอก เห็นว่าเจ้านายเครียดไง เลยอยากจะเล่าอะไรตลก ๆ” แจ้ตอบ

        “มันไม่ตลกด้วยนะแจ้นะ” ลีพูด “คือนิทานของแจ้น่ะหยุดไว้เท่านี้ก่อน เล่าแค่ขวดแก้วที่จบไปแล้วก็พอ ฉันว่า เราหยุดเล่าเรื่องราวแล้วมาเอาชีวิตรอดตรงนี้ก่อนดีกว่า ถ้าเราเอาชีวิตรอดตรงนี้ ผ่านจุดนี้กลับไปได้นะ รู้ไหมว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเล่าต่อรุ่นต่อ ๆ ไป ฉันจะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า...ที่เราอยู่ในเรื่องนะ ชื่อว่า ‘บุกรุก’”

        “เข้าท่าเลยเจ้านาย อย่างน้อยเราก็มีนิทานเป็นของตัวเองแล้วสิ” แจ้พูด

        “ใช่ ๆ นี่คือนิทานของเราเลยล่ะ” ลีบอก “แต่เราต้องผ่านที่นี่ไปให้ได้นะแจ้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เราต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกลูกหลานของเราให้ได้”

        “เจ้านายจะมีลูกหลานแล้วจริงดิ คนรักยังหาไม่ได้เลย” แจ้ถาม

        “อย่าพูดแบบนั้นนะแจ้ เดี๋ยวมีเคือง” ลีตอบเสียงขุ่นเคือง

 

        ไม่ทันไร หางตาของลีก็แอบเห็นตัวอะไรบางอย่างอยู่ในเมืองที่เขาจากมา เขาบอกว่า “ชัดเจนเลย คุยกันนานเกิน เข้ามาเร็ว!”

        แจ้กับลุงพียอมเข้าไปในบ้านชั่วคราวที่ลีทำขึ้นไว้ ส่วนลีได้มาสังเกตการณ์ดูความเคลื่อนไหว

        “นั่นไง มันอยู่ตรงนั้นน่ะ” ลุงพีชี้ไปที่ตึกแห่งนั้นที่ลีเห็นว่ามีอะไรเคลื่อนไหว

        “งั้นผมขอตัดไม้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน” ลีบอก “เราต้องกลับไปอยู่ในเมืองดีไหมครับลุง?”

        “จะดีเหรอ?” ลุงพีถาม

        “คือมันก็เป็นอีกทางหนึ่งที่เราจะสามารถเอาตัวรอดไปได้วันหนึ่งเลยนะครับ” ลีบอก “เพราะในตัวเมืองก็มีของอะไรให้เราเก็บเยอะแยะ ถ้าเกิดว่าเราอยู่ตรงนี้ต่อไปแล้วไม่มีของมาสร้างกำลังที่บ้าน ที่นั่นอาจจะมีอะไรบางอย่างก็ได้นะ จะลองกลับไปในเมืองดูไหม”

        “ก็แล้วแต่นะ” ลุงพีตอบ

 

        เช้ามืดวันรุ่งขึ้น

        “ดีนะเนี่ยที่เจอแอปเปิ้ลใกล้ ๆ กินได้เต็มอิ่มเลย” ลีพูดแล้วหยิบแอปเปิ้ลที่เก็บได้มากินอีกสักลูกแล้วค่อยจัดการต่อ “เดี๋ยวรอเช้าค่อยออกไปอีกทีแล้วกัน ถ้าเกิดว่าเรากลับเข้าเมืองตอนนี้มีแต่ตายกับตายเปล่า ๆ”

        “ใช่” ลุงพีเสริม

        “แจ้ เราต้องผ่านไปให้ได้นะ” ลีบอกแจ้ “ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

        “รับทราบ” แจ้ตอบ “แต่ถ้าเกิดว่าเจ้านายฟังขวดแก้วจบแล้ว เจ้านายจะฟังเรื่องอะไรต่อ?”

        “ไม่รู้สิ” ลีตอบ “เพราะตอนนี้ฉันคงได้แต่ฟังเรื่องของลุงพีอย่างเดียว เพราะเราต้องเอาตัวรอดจากวันนี้ไปให้ได้เสียก่อน”

 

        “เช้าแล้ว” ลุงพีพูด “แล้วยังไงล่ะ?”

        “ออกเดินทางต่อเลย” ลีพูด จากนั้นเขาก็รื้อโครงสร้างบ้านชั่วคราวออกไปจนหมดแล้วจากนั้นก็พาแจ้กับลุงพีออกไป

        “เราต้องห่างจากตัวเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ลีพูด “ว่าแต่แจ้ ถ้าเกิดว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ฟังแล้วนายทำยังไง?”

        “ผมก็ใช้ชีวิตอยู่กับเจ้านายตามปกติสิ” แจ้ตอบ

        “แต่ก็นั่นแหละ ฉันอุตส่าห์จะกลับมาที่นี่จะได้เจอทุก ๆ คนแล้วแท้ ๆ แต่ไหงทุกคนหายไปไหนหมดเลย” ลีว่า

        “ก็นั่นแหละ ฉันสงสัยว่ามันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน” ลุงพีตอบ

 

        ระหว่างทางเจอแกะ

        “ลุงพีครับ” ลีเรียกลุงของเขา “ขอกรรไกรเมื่อกี๊หน่อย ผมจะตัดขนแกะ”

        “ได้” ลุงพีบอกแล้วให้กรรไกรตัดขนให้ลีไปใช้งาน

 

        นอกจากแกะแล้ว ยังมีทั้งวัว หมู แล้วก็ไก่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกมากเลย

        “เดี๋ยวผมคุยกับเพื่อน ๆ ของผมก่อนแล้วกัน” แจ้พูด “เขาอาจจะรู้อะไรก็ได้”

        “เอ้า งั้นก็คุยเลย” ลีบอก

        จากนั้น แจ้ก็ได้พูดภาษาอะไรบางอย่างที่ลีไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว

        “คุยภาษาอะไรเนี่ย?” ลีถาม

        ไก่ตัวนี้ตอบเป็นภาษาเดียวกับที่แจ้คุย

        “สาบานว่านี่คือคุย?” ลีถาม

        “เจ้านายไม่เข้าใจหรอก นี่มันภาษาของไก่เชียวนะ” แจ้พูด

        “เออ ฉันยอมไม่เข้าใจดีกว่า” ลีบอกอย่างเคอะเขิน “แปลให้ฉันด้วยนะว่าคุยกันว่าอะไร”

        “ได้” แจ้ตอบ “ผมถามไปว่า แถวนี้มีอะไรน่าอยู่บ้างนอกจากตัวเมืองเพราะเกิดเหตุการณ์ซอมบี้หมวกเหล็กบุก เลยต้องอพยพมาที่นี่”

        “แล้วเขาว่าไง?” ลุงพีถาม

        “เขาบอกว่าให้ตรงไป จะเจอที่ดี ๆ ที่สุดเลย” แจ้ตอบ

 

        ในที่สุด ลี ลุงพี และแจ้ก็เจอทำเลที่ดีอย่างที่ว่าจริง ๆ ด้วย มันอยู่ใกล้กับแอ่งน้ำ รวมถึงติดกับป่าฝนย่อม ๆ ด้วย แถม...

        “อะฮ้า มีหมูด้วย!” ลีร้องเมื่อได้เห็นหมูตัวหนึ่ง “แจ้ คุยกับเขาซิ”

        “ทำไมต้องให้ผมคุย?” แจ้ถาม

        “ก็คุยเลย” ลีตอบ “ดูสิเขามองหน้านายแล้ว”

        “ผมไม่คุยหรอก” แจ้ตอบ “คนละชนิดกับผม”

        “ไม่คุยก็ตามใจ” หมูตัวนั้นบอก

        “ทำไมเสียงเหมือนมิกกี้เมาส์” ลุงพีทักทาย

        “ดูสิ เขาเล่นตัว” แจ้บอกลี

        “นายเล่นตัวมากกว่า” ลีบอกแจ้ “คุยซะ”

        “ไม่ ผมเขิน” แจ้บอก

        หลังจากลีได้ตั้งเสาล่ามเสร็จแล้ว ลีก็ได้สั่งให้แจ้คุยกับมิกกี้ ซึ่งก็ไม่สำเร็จจนสุดท้ายลีเป็นฝ่ายคุยแทน

        “สวัสดีครับ” ลีทักทายหมูตัวนั้น “ชื่ออะไรครับ?”

        “สวัสดี ผมชื่อมิกกี้” (Mickey The Pig) หมูตอบ

        “เสียงเหมือนแล้ว ชื่อยิ่งเหมือนกว่าอีกแฮะ” ลุงพีบอก

        “ทำไมเหรอ?” มิกกี้หันไปถามลุงพี

        “เปล่า ไม่มีอะไร” ลุงพีบอกหมู

        “ผมอายุห้าขวบ” มิกกี้พูด

        “เท่าแจ้เลย!” ลีร้อง

        “ใครคือแจ้เหรอ?” มิกกี้ถาม “คุณหมายถึงไก่ตัวนั้นหรือเปล่า”

        “ใช่” ลีตอบ “เขาชื่อแจ้ เป็นไก่ของฉัน ส่วนฉันชื่อว่าลี และคนข้างหลังนายที่สวมผ้าปิดตาคือลุงพีนะ”

        “สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักลี” มิกกี้บอก

        “ก็ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” ลีพูด “แล้วก็ขอต้อนรับสู่ครอบครัวนะ”

        “ผมยังไม่ได้สมัครใจจะเป็นครอบครัวเลย” มิกกี้บอก

        “เออ นั่นสิ ก่อนจะมาเป็นครอบครัวได้ต้องมีการทำความรู้จักกันก่อน” ลีพูด “แต่ช่างเถอะ ถ้าฉันสร้างบ้านตรงนี้ได้นายก็มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้วล่ะ เพราะนายอยู่พื้นที่ของฉัน”

        ไม่นาน มิกกี้ก็เริ่มเดินออกไป โดยบอกว่า “ผมจะออกไปหาอะไรกิน” ทิ้งให้ลี แจ้ และลุงพีอยู่ที่นี่เพียงสามคน

        “เอาเถอะ แล้วเราจะทำยังไงต่อ?” ลุงพีว่า

        “แจ้ทำอะไร?” ลีถามเมื่อเห็นแจ้อยู่บนแอ่งน้ำ

        “ล้างเนื้อล้างตัว หนีซอมบี้หมวกเหล็กจากเมื่อกี๊นี้มอมแมมไปหมดแล้ว” แจ้ตอบ

        “ลุงพีครับ ผมรอฟังอยู่นะสองเรื่องที่ติดค้างไว้อยู่” ลีบอกลุงพี

        “โอย ไม่ต้องติดค้างก็ได้” ลุงพีพูด

        “ว่าแต่ ลุงได้ยินเสียงอะไรไหม?” ลีถาม

        “ได้ยินอะไรเหรอ?” ลุงพีถามกลับ

        “ผมนี่ก็ยิ่งตงิด ๆ อยู่ด้วย” ลีบอก จากนั้นก็แบ่งบล็อกส่วนหนึ่งให้ลุงพีช่วยสร้างด้วย

        “เราต้องทำกระจกซะแล้วล่ะ” ลีพึมพำระหว่างสร้าง “จะได้รู้ว่าใครมาทางไหนบ้าง”

        ในที่สุด ลีก็ได้วางโครงให้ออกทางแอ่งน้ำ

        “ทำไมออกทางน้ำล่ะเจ้านาย?” แจ้ถาม

        “เท่าที่ฉันศึกษามานะ พวกนี้จะว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง” ลีตอบ “เพราะฉะนั้นฉันอาจจะสร้างบ้านใต้น้ำก็ได้นะ”

        “จริงสิ?” แจ้ถาม “ตั้งแต่ผมเกิดมาผมไม่เคยมีบ้านใต้น้ำมาก่อนเลยนะ”

        “ก็จริง นายมีแต่บ้านบนบก ถ้ามีบ้านใต้น้ำนี่นายตายแน่นอน” ลีบอก “เพราะฉะนั้นฉันต้องทำทางให้นายหายใจได้”

        แต่ตอนนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้ว ดังนั้นลีจึงรีบทำบ้านให้ปลอดภัยที่สุด จากนั้นเขาก็ทำพลั่วไม้ (Wooden Shovel) และอีเต้อไม้ (Wooden Pickaxe) เพื่อลงไปขุดใต้ดิน

        “ทำไมต้องลงไปด้านล่าง?” แจ้ถาม

        “คือเดี๋ยวนี้มันอันตรายไง” ลีตอบ “ถ้าฉันออกไปไกลฉันอาจจะแย่ ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะขุดใต้บ้านไปเลย”

        “ล้ำยุคนะเนี่ย” แจ้พูด

        “วิธีนี้ก็มีมานานแล้วนะ” ลุงพีพูด “สมัยก่อนลุงก็เคยใช้วิธีนี้”

        “จริงเหรอ ผมเพิ่งรู้” แจ้พูด

        แม้โครงบ้านจะแคบมาก ๆ แต่ลีก็เน้นให้ปลอดภัยไว้ก่อน เขาทำหีบไม้

        “อาจจะแคบนิดนึงนะ” ลีพูด

        “ไม่เป็นไร คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากนะ” ลุงพีพูด

        “โอ้โห! มาคมเลยนะเนี่ย!” ลีบอกลุงพี

 

        แม้จะรู้ว่าบ้านที่เขาสร้างมันไม่มีหลังคา ลีก็ยังต้องขุดใต้บ้านต่อไป เพราะเขากลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาหวังว่าจะทำบ้านให้เป็นบังเกอร์ที่ดี เพื่อรับมือกับพวกซอมบี้หมวกเหล็กเหล่านั้น เขายังติดใจกับพวกถืออีเต้อที่พวกมันขุดทุกอย่างได้ เขาระแวงว่ามันจะมีอะไรมาขุดร่วมกับลีด้วย ดังนั้น ลีจึงตัดสินใจว่าจะเอาหินมาทำเป็นเตาเฟอร์แนนซ์ จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนไม้ให้เป็นถ่านไม้ชาร์โคล (Charcoal)

        “มีไฟแล้ว!” แจ้ร้อง

        “อย่าอยู่ใกล้เตานะ เดี๋ยวไฟไหม้ไม่รู้ด้วยนะ” ลีพูด

        “ผมไม่อยากเป็นไก่ย่างหรอก ถ้าเจ้านายตายไปเจ้านายจะอยู่กับใคร?”

        “ก็จริง ฉันได้รู้แล้วล่ะว่าถ้านายตาย ฉันก็ต้องอยู่คนเดียว” ลีตอบ “ไม่มีใครมาแทนที่แจ้ได้หรอกนะ”

        “เจ้านาย จำเรื่องที่ผมเล่าขวดแก้วไม่ได้เหรอ?” แจ้ถาม

        “ทำไม?” ลีถาม

        “ก็ตอนที่นักเดินทางไปจัดการกับพวกขวดหิน อยู่ดี ๆ เจ้าไอออนโกเล็มก็หายตัวไป นักเดินทางบอกว่าจะไม่มีตัวไหนมาแทนที่ไอออนโกเล็มของเขาได้ นักเดินทางก็ดันไปขวดแก้วหมู่บ้านเพื่อไปเอาไอออนโกเล็มตัวใหม่ซะงั้น” แจ้ตอบ

        “ก็จริงนะ” ลีบอกอย่างเคอะเขิน “มันก็เป็นฟิลลิ่งน่ะ คือแบบว่ามันไม่มี เลยอยากจะตามหา อยากจะเจอ อยากมาแทนที่ให้อุ่นใจไง”

        “ผมเข้าใจเจ้านายนะ” แจ้บอก

 

        ในที่สุด ลีกับลุงพีก็ตัดสินใจนอนด้วยกัน แต่ลีกลับตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ข้างนอกบ้าน! ดังนั้น ลีจึงคิดว่าต้องขยายบ้านให้กว้างขึ้นแล้วล่ะ

        “ว่าแต่เจ้ามิกกี้หายไปไหนเนี่ย?” ลีถาม

        “ไม่รู้เหมือนกัน” ลุงพีตอบ

        “ผมว่านะ” ลีบอกลุงพี “เราต้องกลับไปในเมืองเพื่อไปหาของ ไม่แน่อาจจะมีคนเหลือรอดก็ได้นะ”

        “คิดยังไงกลับไปเมืองเนี่ย?” ลุงพีถาม

        “ไม่รู้สิ อารมณ์มันพาไป” ลีตอบ

        “อย่าปล่อยให้อารมณ์มันผลักให้เราทำอะไรบ้า ๆ เกินไป เดี๋ยวซวยขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ” ลุงพีพูด

 

        ในที่สุด บ้านของทั้งสามก็ได้มีหลังคาเสียที เพราะลีต่อหลังคาให้แล้วเรียบร้อย แต่ลีเห็นว่าบ้านติดกับน้ำเป็นไม่ได้ เขาเลยคิดไอเดียที่เพี้ยนสุด ๆ นั่นก็คือการขุดพื้นที่ให้น้ำไหลแล้วขุดใต้ดินอีกทางเพื่อทำเป็นแปลงปลูกข้าว แต่มันดันทำให้แจ้ตกลงไปในทางน้ำเสียก่อน ลุงพีจึงช่วยอุดกั้นน้ำไว้

        “คิดอะไรกันถึงได้ขุดแบบนั้น?” ลุงพีพูด

        “เปล่า พอดีว่าผมจะทำเป็นแหล่งอาหารให้แจ้กิน” ลีตอบ “ว่าแต่ แจ้ นายพร้อมไหม?”

        “พร้อมอะไร?” แจ้ถาม

        “พร้อมที่จะไปบุกเมืองกับฉัน” ลีตอบ

        “ของมันแน่นอนอยู่แล้ว!” แจ้พูด

        “ฉันเองก็อยากจะไปด้วยเหมือนกัน” ลุงพีตอบ “ฉันมีอุปกรณ์เตรียมตัวมาพร้อม”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.