ว่าที่เจ้าตำหนัก
“คารวะท่านตา ท่านยายเจ้าค่ะ” ชิวเพ่ยเพ่ยย่อกายคารวะผู้อาวุโสอย่างสวยงามตามแบบที่อาจารย์สอนมารยาทที่ท่านพ่อเสียเงินจ้างมาสอนนาง
“ไฮ้ เจ้าจะมากพิธีไปไยเพ่ยเพ่ย มาให้ตาดูสิว่าเจ้าสูงแค่ไหนแล้ว” เตียวหย่งไจ้ผู้คลั่งไคล้หลานสาวมากกว่าบุตรสาวรีบเรียกนางเข้ามาใกล้ในทันใด
“มาให้ยายกอดให้หายคิดถึงด้วยซิเพ่ยเพ่ย” เจียวไฉ่หลานเองก็คิดถึงหลานสาวที่มีกิริยามารยาทเรียบร้อยในตอนกลางวันคนนี้ไม่น้อย
ชิวเพ่ยเพ่ยเดินก้าวเล็กไปให้ท่านตามองดูไม่นาน นางก็เดินเข้าไปสวมกอดท่านยายอย่างรักใคร่ สองผู้ชรารีบจับมือหลานสาวเข้าไปนั่งพักด้านใน ส่วนของฝากที่ท่านพ่อฝากมานั้นนางให้คนขับรถม้านำไปให้พ่อบ้านเก็บเรียบร้อยแล้ว
สองผู้ชราและหนึ่งเด็กสาวคุยกัันไม่นานนัก พวกเขากลัวหลานสาวจะเหนื่อยจากการเดินทางจึงรีบให้นางไปพักผ่อนก่อนทานมื้อค่ำสักหน่อย ชิวเพ่ยเพ่ยที่อึดอัดอยู่ในรถม้ามานานมีหรือจะขัดใจเรื่องดี ๆ ที่ท่านตาท่านยายส่งมาให้ นางเดินตามบ่าวรับใช้ที่พ่อบ้านจัดไว้ให้ไปที่ห้องรับรอง
อาหารค่ำมื้อนี้ล้วนแต่มีอาหารที่ชิวเพ่ยเพ่ยชอบเป็นหลัก สองผู้เฒ่าเอาอกเอาใจหลานสาวเสียจนบ่าวรับใช้แปลกใจ ปกติแล้วพวกท่านมักจะเย็นชากับคนอื่นมาโดยตลอด แม้แต่บุตรสาวก็ยังไม่ได้รับการเอาใจมากถึงขนาดนี้ หลังอาหารค่ำจึงเกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วตำหนัก ว่าหลานสาวท่านเจ้าตำหนักน่าจะเป็นว่าที่เจ้าตำหนักคนต่อไปแทนที่คุณหนูของพวกเขาเสียแล้ว
วันต่อมาชิวเพ่ยเพ่ยยังคงนั่งทานอาหารเช้ากับท่านตาท่านยายดังเช่นปกติ นางขออนุญาตพวกท่านเดินเล่นภายในตำหนักระหว่างพักที่นี่ สองเฒ่าชรามีหรือจะขัดใจนาง พวกเขายังอยากจะพานางไปเดินเองเสียด้วยซ้ำ เสียดายที่หลานสาวชอบเดินเล่นคนเดียวเสียจนชินชา พวกเขาจึงต้องปล่อยนางไปตามใจ โดยสั่งพ่อบ้านให้บอกทุกคนในตำหนักว่าให้เคารพนางเหมือนเคารพพวกเขา รวมทั้งอนุญาตให้นางเข้าไปสำรวจได้ในทุกพื้นที่อย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะภายในตำหนักเมฆาดับนี้มีสถานที่สำคัญที่ห้ามคนภายนอกเข้าอยู่ด้วย พวกเขาจึงต้องเตือนคนเฝ้าประตูเหล่านั้นเสียก่อนจะทำให้หลานสาวสุดที่รักโกรธเคือง
พ่อบ้านรีบออกไปส่งข่าวให้ทุกคนในตำหนักทันที เขากลัวว่าคนพวกนั้นที่ไม่รู้จักตายจะแสดงอำนาจต่อหน้านายหญิงน้อยของเขาน่ะสิ ช่วงหลังมานี้ มีกลุ่มคนที่อยู่กับนายท่านมานานจนกลายเป็นผู้อาวุโสเริ่มกระด้างกระเดื่องกันจำนวนไม่น้อย ทำให้นายท่านกับนายหญิงผู้เฒ่าไม่มีเวลาไปเยี่ยมนายหญิงน้อยเกือบปีแล้ว แต่ด้วยทนความคิดถึงหลานสาวสุดเก่งไม่ไหว สองผู้เฒ่าจึงได้แต่ส่งจดหมายไปให้นางมาหานั่นแล หากไม่ใช่พวกมักใหญ่ใฝ่สูงพวกนั้น มีหรือพวกเขาจะต้องมาคอยแก้ปัญหายิบย่อยที่พวกมันก่อเอาไว้แบบนี้ คิดแล้วมันน่าฆ่าให้ตายนัก ถ้าไม่ติดว่านายท่านเห็นแก่อดีตที่คนพวกนั้นอยู่ร่วมกันมาล่ะก็ พวกมันคงตายไปเป็นร้อยครั้งแล้ว
ชิวเพ่ยเพ่ยผู้ไม่รู้เรื่องราวภายในตำหนัก นางเดินทอดน่องเหมือนคุณหนูที่ได้รับการสั่งสอนมาอย่างดีไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ภายในตำหนักเมฆาดับ โดยมีองครักษ์ลับคอยตามอยู่ห่าง ๆ ขณะเดินไปในทิศทางหนึ่ง นางได้ยินเสียงคนคุยกันดังมากจึงนึกว่ามีคนทะเลาะกันใหญ่โต ชิวเพ่ยเพ่ยรีบเปิดประสาทสัมผัสปราณฟังเรื่องชาวบ้านในทันใด นางชอบนักเรื่องคนอื่นเนี่ย มันช่างทำให้นางตื่นเต้นไม่แพ้การออกไปฆ่าคนแม้แต่นิดเดียว ฮิ ฮิ
ชิวเพ่ยเพ่ยหลังยืนฟังด้วยรอยยิ้มสมใจว่าจะได้เผือกเรื่องชาวบ้าน ไม่ถึงหนึ่งเค่อใบหน้านางกลับกลายเป็นเย็นชาพร้อมแววตาที่มักจะใช้ตอนทำภารกิจ องครักษ์ลับที่ติดตามนางมารู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาเปิดสัมผัสปราณฟังดังเช่นนางทันที กลายเป็นว่าลูกชายผู้อาวุโสใหญ่ที่ใฝ่สูง ต้องการแต่งงานกับนายหญิงน้อยของพวกเขาและพยายามบังคับให้นายท่านหมั้นหมายให้เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง แหม ไอ้หน้าปลาจวดไม่รู้จักตาย แค่หน้าตาไม่ดีไม่พอยังมีความคิดชั่วกับนายหญิงน้อยของพวกเขาเสียอีก ไม่น่าแปลกใจที่คุณหนูจะโกรธถึงขนาดนี้กับสองพ่อลูกสุดเลวในตำหนัก
องครักษ์ลับรีบกระซิบบอกเพื่อนให้ไปตามนายท่านกับนายหญิงผู้เฒ่ามาด่วน ก่อนที่พวกเขาจะต้องเก็บศพสองพ่อลูกสารเลวจากฝีมือนายหญิงน้อยของพวกเขา หลังสั่งความแล้วหันหน้ากลับมาอีกที อ้าว นายหญิงน้อยของเขาหายไปไหนเสียแล้ว แบบนี้แย่แน่ แถมเรื่องการซ่อนตัวเขายังสู้นายหญิงน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้เขาจะไปตามหานางได้ที่ไหน ฮือʕ´• ᴥ•̥`ʔ เขาอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตานี่สิ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 148
- 👍 ถูกใจ

แสดงความคิดเห็น