ตอนที่ 872 ค้นหาวัตถุโบราณ
ตอนที่ 872 ค้นหาวัตถุโบราณ
คฤหาสน์อีวิลวิงถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาที่ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำแข็งหลายพันกิโลเมตร และพื้นที่ในบริเวณนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีหน้าผาอันสูงชัน ไม่ว่าฤดูกาลภายนอกจะเป็นยังไงแต่ฐานทัพของตระกูลสกายวิงในเผ่าเทพแห่งนี้ก็ยังคงตกอยู่ในความหนาวเย็นอยู่เสมอ
เซี่ยเฟยยังไม่เคยเดินทางมายังฐานทัพแห่งนี้มาก่อน และเขาก็คงยังไม่รู้ว่าเหล่าบรรดานักรบชั้นยอดของตระกูลจะอาศัยอยู่ในสถานที่อันหนาวเย็นแห่งนี้ คล้ายกับว่าผู้เลือกสร้างคฤหาสน์ขึ้นมาจะพยายามเลือกสถานที่ที่อันตรายที่สุด เพื่อเตือนตัวเองว่ามนุษย์ไม่ควรจะอยู่อย่างสบายมากเกินไป
ภายในห้องประชุมมีแผ่นโลหะแนวนอนตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องและมีตัวอักษรประดับไว้ด้วยคำว่า
ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมาร หากใครเป็นศัตรูก็ต้องถูกสังหารทั้งหมด!!
เพียงแค่ตัวอักษรก็แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่ง และผู้ที่เขียนคติประจำใจของสกายวิงในข้อนี้ขึ้นมานั่นก็คือ เซี่ยกู่เฉิงบรรพบุรุษของสกายวิงนั่นเอง
สกายวิงแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนว่าถึงแม้พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นดาบให้กับเผ่าเทพ แต่ถ้าหากใครกล้ามาแตะต้องสมาชิกภายในตระกูลของพวกเขา แม้แต่คนของเผ่าเทพก็จะถูกสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น
นี่คือสกายวิง!
การไม่อยู่ในกฎคือกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสกายวิง!!
—
หลังจากเซี่ยกวงไห่กลับจากการไปพบกับเซี่ยเฟย เขาก็เดินตรงเข้าไปยังห้องทำงานของบรรพบุรุษภายในคฤหาสน์อีวิลวิง
เซี่ยกู่เฉิงผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสกายวิงนั้นเป็นคนที่ทำตัวติดดินมาก มันจึงทำให้แม้แต่สมาชิกที่ธรรมดาที่สุดของตระกูลก็สามารถขอเข้าพบกับเขาได้ตามต้องการ เพียงแต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่ค่อยอยู่บ้าน การได้พบกับบรรพบุรุษสกายวิงจึงค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ดี
เมื่อได้เห็นแผ่นโลหะจารึกคติประจำใจของตระกูล เซี่ยกวงไห่ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ว่ายังไงบรรพบุรุษก็คือกระดูกสันหลังของตระกูล และสมาชิกในตระกูลทุกคนต่างก็ล้วนแต่ชื่นชอบคติประจำใจข้อนี้เหมือนกันทุกคน
ภายในห้องมีชายชรา 2 คนนั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยชายชรา 2 คนนี้เป็นมือขวาและมือซ้ายที่คอยทำงานให้กับบรรพบุรุษ เมื่อไหร่ก็ตามที่บรรพบุรุษไม่อยู่บ้าน พวกเขาทั้งสองคนก็จะทำหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ แทนบรรพบุรุษ โดยชายชราคนหนึ่งมีชื่อว่าเซี่ยเหลียนหนิง ขณะที่ชายชราคนมีชื่อว่าเซี่ยเค่อ
“บรรพบุรุษไม่อยู่อีกแล้วเหรอครับ? ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งมากเลย” เซี่ยกวงไห่กล่าวขึ้นมาอย่างผิดหวัง ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้
“บรรพบุรุษมีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย แค่เขากลับมาที่นี่ได้เดือนละครั้งมันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ว่าแต่นายไปจัดการเรื่องนั้นเสร็จแล้วหรือยัง?” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว
“ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เซี่ยเฟยเป็นเพียงพ่อครัวธรรมดา ๆ พวกคุณรู้หรือเปล่าว่าสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากเข้ามาในเผ่าเทพคืออะไร?” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ทำอะไร?” เซี่ยเค่อถามอย่างสงสัย
“ทันทีที่เจ้าเด็กนั่นเข้ามาทางประตูหมายเลข 7 เขาก็จัดการกับพวกเจ้าชายที่เฝ้าประตูโดยไม่พูดอะไรสักคำ ที่สำคัญเขายังปล้นแหวนมิติไปจากคนเฝ้าประตูพวกนั้นด้วย” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้แต่เซี่ยเหลียนหนิงกับเซี่ยเค่อที่เพิ่งได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน
เจ้าชายที่เซี่ยกวงไห่หมายถึงคือลูกหลานของนักรบในเผ่าเทพ ท้ายที่สุดไม่ว่านักรบจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังต้องแต่งงานและมีลูกเพื่อสืบสกุลอยู่ดี อย่างไรก็ตามทางเผ่าเทพก็ยังมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับเหล่าบรรดาลูกหลานที่ถูกเรียกว่าเจ้าหญิงหรือเจ้าชาย
ข้อกำหนดที่เข้มงวดที่สุดสำหรับเจ้าหญิงหรือเจ้าชายคือพวกเขาจะต้องฝึกพลังจนถึงจักรพรรดิให้ได้ก่อนอายุ 30 ปี ซึ่งกฎข้อนี้ถือว่าเป็นกฎที่เมตตาทุกคนมากที่สุดแล้ว ไม่ว่ายังไงเผ่าเทพก็คือสถานที่รวมตัวผู้มีพรสวรรค์จากทุกสาขาอาชีพ และอย่างน้อยนักรบที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ก็จะต้องมีพลังขั้นต่ำอยู่ในระดับจักรพรรดิ
คนที่เซี่ยเฟยฆ่าไปเป็นเพียงแค่พวกเจ้าชายที่หาพบได้ทั่ว ๆ ไปเท่านั้น คนพวกนี้เป็นเพียงแค่อันธพาลเสเพล พวกเขาจึงแทบไม่มีความสำคัญใด ๆ ภายในเผ่าเทพแห่งนี้เลย
“ทำไมผมถึงคิดว่าเซี่ยเฟยกับบรรพบุรุษดูคล้าย ๆ กันเลย ช่วงเวลาปกติทั้งคู่ต่างก็ดูไม่มีพิษมีภัย แต่เมื่อไหร่ที่มีศัตรูพวกเขาจะจัดการกับศัตรูได้โดยไม่กระพริบตา ถ้าหากว่าในตระกูลของเรามีสัตว์ประหลาดแบบนี้เพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย ผมคิดว่าเผ่าเทพคงจะต้องล่มสลายลงไปแล้วล่ะ” เซี่ยกวงไห่กล่าว
เมื่อเซี่ยกวงไห่พูดจบประโยคเซี่ยเหลียนหนิงกับเซี่ยเค่อต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กันราวกับว่าการล่มสลายของเผ่าเทพเป็นเพียงแค่เรื่องตลกสำหรับพวกเขาเท่านั้น
“จากนี้ไปไม่ต้องจับตามองเซี่ยเฟยอีกแล้ว นี่เป็นคำสั่งจากบรรพบุรุษ” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างเคร่งครัด
“เซี่ยเฟยยังไม่รู้กฎระเบียบอะไรในเผ่าเทพเลยนะครับ การปล่อยเขาไปแบบนี้มันจะไม่โหดร้ายจนเกินไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยกวงไห่กล่าวอย่างกังวล
“โหดร้าย!? เขาคืออีวิลวิงคนที่ 2 นอกเหนือจากบรรพบุรุษของเรานะ สักวันหนึ่งเขาจะต้องขึ้นมาค่อยจัดการเรื่องทุกอย่างในตระกูล นี่คือโชคชะตาที่เขาไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ” เซี่ยเค่อกล่าว
“ผมไม่ได้กลัวว่าเซี่ยเฟยจะเป็นอะไรสักหน่อย แต่ผมแค่รู้สึกว่ามันโหดร้ายสำหรับคนอื่นเกินไป ถ้าหากว่าเราปล่อยให้สัตว์ประหลาดแบบนั้นเดินเล่นในเผ่าเทพโดยไม่มีคนคอยควบคุม” เซี่ยกวงไห่ยังคงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“เออ…” เรื่องนี้ช่างเป็นคำตอบที่ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกอย่างแท้จริง
“นายไม่จำเป็นจะต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก บรรพบุรุษหวังให้เซี่ยเฟยสร้างความวุ่นวายในเผ่าเทพขึ้นมาอยู่แล้ว” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว
เซี่ยกวงไห่ยักไหล่โดยไม่พูดอะไรตอบกลับกลับไป
“เซี่ยซีเพิ่งจะมารายงานว่าอาวุธมายาในทะเลเดทซีเป็นอาวุธมายาธาตุไฟ ไม่ใช่อาวุธมายาธาตุพืช” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกังวล
เมื่อบทสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เคร่งเครียด ทั้งเซี่ยกวงไห่และเซี่ยเค่อต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“ธาตุไฟงั้นเหรอ!? พวกเราจะซวยเกินไปหน่อยแล้ว ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถหลอมรวมอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดได้สำเร็จ…”
เมื่อประโยคถัดไปเป็นเรื่องเกี่ยวกับความลับ เซี่ยกวงไห่ก็กัดฟันและไม่ได้พูดอะไรต่อไป
“เฮ้อ! อาวุธมายาธาตุพืชมีอยู่ตั้ง 7 ชิ้น ยิ่งพวกมันมีจำนวนมากเท่าไหร่โอกาสรวบรวมพวกมันได้ก็ยิ่งยากลำบากมากเท่านั้น” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“แค่เซี่ยเฟยหลอมรวมอาวุธมายาได้ 3 ชิ้นมันก็สร้างโอกาสให้กับพวกเราดีแค่ไหนแล้ว หากเราไม่ได้ความพยายามของเขา บางทีสกายวิงก็อาจจะไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ” เซี่ยเหลียนหนิงพยายามให้กำลังใจทุกคน
“เฮ้อ!” เซี่ยเค่อถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าอย่างอับอายเล็กน้อย
ความเป็นจริงสกายวิงพยายามแอบช่วยเซี่ยเฟยค้นหาอาวุธมายาธาตุพืชอีก 4 ชิ้นที่เหลือเป็นเวลานานแล้ว และดูเหมือนกับว่าพวกเขาจะรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการค้นหาอาวุธมายาในส่วนที่เหลือมาก
“ในเมื่อตอนนี้เป็นช่วงฉุกเฉิน พวกเราก็ควรจะต้องใช้มาตรการพิเศษ จากนี้ไปนายไม่จำเป็นจะต้องมาทำธุระในตระกูลอีกแล้ว นายเอาตัวเซี่ยเกิงไปตามหาอาวุธมายาพวกนั้นเต็มที่ได้เลย” เซี่ยเหลียนหนิงเอามือทุบโต๊ะพร้อมกับหันไปออกคำสั่งเซี่ยกวงไห่
“ไม่ให้ผมกลับมาที่ตระกูลอีกแล้วเหรอครับ?” เซี่ยกวงไห่อุทานขึ้นมาด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดก็ตามที่พวกเราอยู่ที่นี่ คฤหาสน์อีวิลวิงย่อมปลอดภัย” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
“ก่อนบรรพบุรุษจะจากไปเขาพูดเรื่อง 2 เรื่องซ้ำ ๆ อยู่ 9 ครั้ง ฉันขอบอกเลยว่าฉันไม่เคยเห็นเขากังวลเรื่องอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอีกครั้งหลังจากหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
คำพูดนี้ถึงกับทำให้เซี่ยกวงไห่ตกตะลึง เพราะการที่บรรพบุรุษสามารถพูดเรื่อง 2 เรื่องซ้ำ ๆ ถึง 9 ครั้งได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเรื่อง ๆ นั้นจะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงถึงกับทำให้บรรพบุรุษนอนไม่หลับ
“บรรพบุรุษพูดว่าอะไรเหรอครับ?”
“เรื่องแรกคือเรื่องดาร์คไนท์ ส่วนเรื่องที่ 2 คือพวกเราจะต้องทำยังไงก็ได้เพื่อรวบรวมสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณโดยเฉพาะอาวุธมายา” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เฮ้อ”
ทั้งสามคนต่างก็ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ซึ่งแรงกดดันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมันก็ทำให้พวกเขาเริ่มหายใจไม่ค่อยออก
เซี่ยเฟยไม่รู้ตัวเลยว่าสกายวิงกำลังพยายามทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาอาวุธมายาธาตุพืชที่เหลืออีก 4 ชิ้น มันจึงทำให้แม้แต่คฤหาสน์อีวิลวิงก็แทบจะไม่เหลือคนคอยเฝ้าฐานทัพสกายวิงแห่งนี้แล้ว
อย่างไรก็ตามเซี่ยกู่เฉิงผู้ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสกายวิงก็ไม่รู้เลยว่า นอกเหนือจากอาวุธมายาทั้งสามชิ้นที่ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว เซี่ยเฟยยังได้ครอบครองวัตถุโบราณอีกชิ้นอยู่ในมือด้วย
แน่นอนว่าวัตถุนั้นย่อมไม่ใช่อะไรอื่นใดเลยนอกเสียจากวิชามนตราอสูรฉบับดั้งเดิมที่เขาเพิ่งได้รับมาจากธนาคารนั่นเอง
—
ใช้ชีวิตคนเดียวเพียง 3 เดือนไม่ใช่บททดสอบที่ยากลำบากมากนัก และนี่ก็ยังเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เพื่อสืบหาข่าวเกี่ยวกับโถงวีรบุรุษ, บริษัทฟิกส์และเรื่องของลินนิจ
ตอนแรกเซี่ยเฟยวางแผนจะใช้ช่วงเวลา 3 เดือนนี้จัดการสืบหาเรื่องทุกเรื่องให้จบในคราวเดียว อย่างไรก็ตามปัญหาแรกที่เขาได้พบหลังจากเข้ามาสู่เผ่าเทพกลับเป็นปัญหาที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบในชีวิตนั้นก็คือปัญหาเรื่องระยะทาง
พื้นที่ภายในเผ่าเทพถูกแบ่งออกเป็น 19 ส่วนไล่ตามระดับจากสูงลงมาต่ำ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเผ่าเทพใช้กฎเกณฑ์อะไรในการแบ่งพื้นที่ออกจากกัน แต่ที่แน่ ๆ หลังจากที่เขาออกวิ่งมามากกว่า 40 นาที แต่เขาก็ยังไม่ออกจากพื้นที่เขตที่ 19 ซึ่งเป็นพื้นที่เขตระดับต่ำที่สุดเลย
สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจมากกว่านั้นคือความจริงที่ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ในเผ่าเทพต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ราบด้วยกันทั้งหมด
ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงมันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าดาวดวงใหญ่ขนาดไหนถึงจะมีพื้นที่ราบขนาดใหญ่ได้แบบนี้ และเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเผ่าเทพถึงไม่กระจายตัวกันอยู่ในกลุ่มดาวต่าง ๆ เหมือนกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนกฎ
เซี่ยเฟยวิ่งไปตามริมแม่น้ำขณะหาสถานที่พักผ่อนในวันนี้ เพราะเขาต้องการที่จะเริ่มฝึกวิชามนตราอสูรฉบับดั้งเดิมที่เขาเพิ่งได้รับมาใหม่
ทันใดนั้นมันก็มีร่างของหญิงเปลือยกายปรากฏในสายตาของชายหนุ่ม โดยเธอคนนี้กำลังอาบน้ำและใช้ผ้าไหมเช็ดหลัง ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวของเธอต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความยั่วยวน
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับมุ่งหน้าตรงต่อไป เพราะการที่พื้นที่ทุรกันดารแห่งนี้มีผู้หญิงมาอาบน้ำอยู่คนเดียว มันก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อผู้หญิงในแม่น้ำเห็นเซี่ยเฟยกำลังมุ่งหน้าเข้ามา เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับว่าเธอกำลังตกใจที่จู่ ๆ มีผู้ชายได้มาเห็นเธอกำลังเปลือยกายอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มกลับยืนนิ่งจ้องมองไปยังผู้หญิงในแม่น้ำอย่างไร้อารมณ์ และถึงแม้ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะไม่ได้มีเสื้อผ้าปกปิดส่วนสำคัญใด ๆ แต่ชายหนุ่มก็กำลังรู้สึกคล้ายกับว่าเขากำลังจ้องมองไปยังก้อนเนื้อสีขาว
“มองอะไร?! ไม่เคยเห็นผู้หญิงงั้นเหรอ” ผู้หญิงในแม่น้ำส่งเสียงตะโกนราวกับว่าเธอกำลังรู้สึกไม่พอใจ
“ผู้หญิงบางคนไม่ได้มีเอาไว้มอง แต่มันมีไว้สำหรับฆ่าต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
***************
เขาก็เตือนแล้วว่าพี่เฟยไม่มองหญิงงงงงง


แสดงความคิดเห็น