ตอนที่ 791 หน้ากากโบราณ

-A A +A

ตอนที่ 791 หน้ากากโบราณ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 791 หน้ากากโบราณ

เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น ในที่สุดมันก็ได้มีร่างที่คุ้นเคย 3 ร่างปรากฏขึ้นท่ามกลางแขกที่เดินทางมาภายในงาน แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็คือชายร่างสูง, ชายอ้วนและเฮเลนที่เซี่ยเฟยได้พบในสนามรบโบราณนั้นเอง

ภายในกลุ่มของพวกเขานอกเหนือจากเฟอร์นันและมู่เสียวเต๋าแล้ว มันยังมีแฮนโดผู้ซึ่งเป็นหลานชายของเฟอร์นันร่วมอยู่ด้วย โดยชายคนนี้มีอายุประมาณ 30 ปีและทำงานในโลกแห่งความมืดมาเป็นเวลานานกว่า 18 ปีแล้ว น่าเสียดายที่ระดับพลังของเขาไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก แม้แต่ช่วงเวลาปัจจุบันเขาก็ยังมีพลังอยู่ในระดับอัศวินกฎขั้นที่ 2 เท่านั้นเอง

“คนพวกนั้นเป็นใคร? ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคนจากเผ่ามนุษย์ของพวกเราใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามขณะพยักหน้าไปทางชายชรา 2 คนที่เดินนำพวกเฮเลน

แม้ว่าปัจจุบันใบหน้าของเฮเลนจะถูกผ้าคลุมปกปิดเอาไว้ แต่เซี่ยเฟยก็สามารถจดจำหญิงสาวคนนี้ได้ภายในพริบตา ท้ายที่สุดลักษณะท่าทางของคนคนหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะซุกซ่อนได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเดิน, ความกว้างของการก้าวเท้าในแต่ละครั้ง หรือแม้แต่อารมณ์ที่คนคนนั้นได้ปลดปล่อยออกมา

“คุณคิดผิดแล้ว พวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นพวกเมอร์แมน ว่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่ใต้น้ำ พวกเขาจึงมีเหงือกเหมือนปลาติดตัวมาแม้ว่าปัจจุบันจะใช้ชีวิตอยู่บนบก” แฮนโดกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว

เซี่ยเฟยไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ ออกมามากนัก เพราะท้ายที่สุดแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตนเอง ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีเผ่าพันธุ์ที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ยอมรับความหลากหลายของจักรวาลมาได้ตั้งนานแล้ว

“พวกเขาเป็นใคร? ทำไมทุกคนถึงดูพยายามหลบเลี่ยงพวกเขาแบบนั้น?” เซี่ยเฟยยังคงถามต่อไป

“ใครจะอยากไปยุ่งเกี่ยวกับพวกลัทธิเทพโบราณล่ะ คนที่มีจมูกเหมือนตะขอคนนั้นคือผู้นำลัทธิโบราณตัวเป็น ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อที่แท้จริงของพวกเขา ทุกคนรู้แค่ว่าปัจจุบันเขาใช้ชื่อว่าฮาเดส” แฮนโดกล่าวตอบ

หลังจากถามข้อมูลจากแฮนโดมาสักพัก เซี่ยเฟยก็ได้รู้ว่าลัทธิเทพโบราณแต่เดิมเป็นเพียงแค่ลัทธิเล็ก ๆ ของเผ่าเมอร์แมนเท่านั้น แต่ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาลัทธินี้ก็ขยายความเชื่อออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ดึงดูดหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้เข้าร่วมลัทธิเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังได้เรียนรู้จากแฮนโดอีกว่าในดินแดนกฎมีลัทธิศาสนาต่าง ๆ อยู่อีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่ลัทธิพวกนี้ก็สร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดเงินจากสาวกของตัวเอง แน่นอนว่ามันย่อมมีลัทธิที่ดีและมีประโยชน์อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยเทียนที่ถูกบังคับให้ทำสมาธิตามศาสนาพุทธเพื่อพยายามระงับความบ้าคลั่งภายในจิตใจของเขาเอาไว้

ยิ่งเซี่ยเฟยได้อยู่ภายในดินแดนกฎนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้พบกับความหลากหลายทางสังคมมากขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันเขาก็ได้พบว่าแม้แต่ภายในดินแดนสูงสุดของจักรวาล ก็ยังคงมีเรื่องความเชื่อของลัทธิและศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนถึงหัวค่ำ แขกที่เดินทางเข้ามาภายในงานก็เพิ่มขึ้นจนอยู่ราว ๆ 5,000 คน ทันใดนั้นฝูงชนก็เริ่มถูกต้อนเข้าไปในอาคารจัดแสดงสินค้า เพราะลานกว้างแห่งนี้ไม่สามารถรองรับผู้คนมากกว่านี้ได้อีกต่อไป

เซี่ยเฟยเดินตามเฟอร์นันไปอย่างแนบเนียน ก่อนที่เขาจะเห็นประตูแคบ ๆ ที่มีคนลอดผ่านไปได้แค่ทีละคน

“งานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนี้มีสินค้าระดับสูงอยู่เยอะมาก และเพื่อเป็นการรักษาความลับมันจึงมีเพียงแต่เจ้าภาพเท่านั้นที่รู้ว่าสถานที่จัดงานที่แท้จริงอยู่ตรงไหน สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำก็คือการเดินผ่านประตูบานนี้ไปเท่านั้น แล้วเราก็จะเดินทางไปจนถึงสถานที่จัดงานที่แท้จริง” เฟอร์นันกล่าวอธิบายให้เซี่ยเฟยฟังด้วยความตื่นเต้น เพราะปัจจุบันชายหนุ่มอยู่ในฐานะผู้ติดตามของเขา พวกเขาจึงต้องสนทนากันอย่างเงียบ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ

หลังจากเดินผ่านประตูมิติเซี่ยเฟยก็ได้พบกับพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ โดยมีฝาครอบแก้วคริสตัลขนาดใหญ่เรียงกันเป็นวงกลม แต่ในปัจจุบันภายในฝาครอบพวกนั้นยังไม่มีอะไรอยู่ด้านใน

เฟอร์นันนำเซี่ยเฟยไปยังด้านหน้าฝาครอบคริสตัล 2-3 อัน ก่อนที่เขาจะกดนิ้วลงบนตัวเครื่องเพื่อบังคับให้ฝาครอบถูกเปิดออก

“หากใครต้องการที่จะขายอะไรก็ให้เอาสินค้าวางเอาไว้ในฝาครอบพวกนี้ และเขียนราคาหรือสิ่งที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนเอาไว้ เมื่อมีคนสนใจพวกเขาจะทิ้งชื่อเอาไว้เอง” เฟอร์นันกล่าวอธิบาย

วิธีการซื้อขายในลักษณะนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับเซี่ยเฟยมากนัก เขาจึงมุ่งเน้นความสนใจไปที่เฮเลนซึ่งอยู่กับพวกฮาเดส

ในเวลาเพียงแค่ไม่นานมันก็ได้มีสินค้าถูกนำมาใส่ไว้ในฝาครอบคริสตัลมากขึ้นเรื่อย ๆ 

เซี่ยเฟยเดินไปรอบ ๆ งานเพื่อดูสินค้าที่ถูกนำมาจัดแสดง ก่อนจะได้พบว่าพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนี้ถูกจัดขึ้นบนยานรบขนาดใหญ่ที่มีความคล้ายคลึงกับยานรบของตระกูลหยูมาก

“งานแลกเปลี่ยนสินค้าจะถูกจัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน ถ้าหากนายน้อยเฟยชอบสินค้าชิ้นไหนขอให้บอกฉันมาได้เลย ฉันคนนี้จะซื้อของสิ่งนั้นเป็นของขวัญให้กับคุณเอง” เฟอร์นันยังคงกล่าวคำเดิมอย่างหนักแน่น

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมตอบรับข้อเสนอของเฟอร์นันอย่างไม่คัดค้าน แต่น่าเสียดายที่หลังจากเขาเดินดูสินค้ามาสักพัก มันก็ยังไม่มีสินค้าตัวไหนที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย

ท้ายที่สุดอาวุธในปัจจุบันของเขาก็คือบลัดบิวเทียสและหงส์คราม ชุดเกราะต่อสู้ของเขาคือชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นจากบริษัทฟิกส์ นอกจากนี้เขายังมีอสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นอสูรคู่กาย สินค้าธรรมดาเหล่านี้จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นดักแด้จักจั่นทองแดงที่เขาพยายามค้นหาก็ยังไม่ปรากฏขึ้นมาในสายตาของเขาเลยสักชิ้น

พวกฮาเดสยังคงเดินดูสินค้าตามปกติ แต่เฮเลนกลับไม่ได้ส่งเสียงฮัมเพลงขึ้นมาเหมือนเดิม

เซี่ยเฟยถือได้ว่ามีทักษะทางด้านการแพทย์ที่ค่อนข้างดี ในระหว่างการเดินดูสินค้าเขาจึงพยายามเดินผ่านเฮเลนอยู่หลายครั้ง แล้วเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าสภาพจิตใจของเธอไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ คล้ายกับว่าเธอกำลังถูกควบคุมโดยอะไรบางอย่าง เธอจึงไม่สนใจที่จะทำอะไรเลยนอกเหนือจากส่งเสียงฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ เป็นบางครั้ง

ชายหนุ่มคิดว่าวิธีการนี้อาจจะเป็นวิธีการที่ลัทธิเทพโบราณใช้เพื่อควบคุมผู้ศรัทธาในลัทธิของตัวเอง ซึ่งหลังจากเซี่ยเฟยได้ใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย เขาก็ได้พบวิธีมากกว่า 10 วิธีในการดึงสติของเฮเลนกลับคืนมา

ในระหว่างงานแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งสามวันไม่อนุญาตให้ใครเดินทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งนั้น เพราะท้ายที่สุดสินค้าส่วนใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าที่ได้รับมาด้วยการแย่งชิง หากว่ามันมีใครเผยแพร่สถานที่จัดงานแห่งนี้ออกไป มันคงจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุก ๆ คนอย่างแน่นอน เซี่ยเฟยจึงได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการเฝ้าสังเกตดูพวกฮาเดสอย่างระมัดระวัง

ยิ่งไปกว่านั้นลานด้านหลังของร้านพวกวิหคดำก็ยังดูเหมือนไม่ใช่สถานที่รวมตัวกันเพียงแค่แห่งเดียว เพราะผู้คนภายในงานมีจำนวนเกินกว่า 20,000 คน ซึ่งมันก็หมายความว่าแขกหลาย ๆ คนได้เดินทางมาจากประตูมิติบานอื่นที่ไม่ใช่ประตูมิติบานเดียวกันกับเขา

ระหว่างนั้นเฟอร์นันก็ยังคงเดินตามสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง เพราะเขาหวังอยากจะซื้อของขวัญแทนคำขอโทษให้เซี่ยเฟยติดไม้ติดมือกลับไป แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยยังไม่แสดงความสนใจต่อสินค้าชิ้นไหนเลย เขาจึงทำได้เพียงแต่เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ต่อไปเท่านั้น

“หือ?” จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะมองไปยังหน้ากากโบราณที่อยู่ภายในฝาครอบคริสตัลโปร่งใส

หน้ากากชิ้นนี้เป็นหน้ากากเก่า ๆ ที่เปื้อนสนิมด้วย คำอธิบายบนแผ่นกระดาษเขียนเอาไว้เพียงว่ามันเป็นหน้ากากโบราณไม่มีคำอธิบายอื่น ๆ เขียนเอาไว้เพิ่มเติมเลย

“นายน้อยเฟยคุณสนใจหน้ากากชิ้นนี้งั้นเหรอ?” เฟอร์นันถามอย่างระมัดระวัง เพราะหน้ากากเก่า ๆ ชิ้นนี้ไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงเขากำลังรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะสัญชาตญาณอันเฉียบคมกำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมาว่าให้เขาพยายามอยู่ห่างจากหน้ากากชิ้นนี้ให้ไกลที่สุด

“คุณรู้สึกไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามโอโร่

“รู้สึกอะไร? มันก็แค่หน้ากากที่ให้ความเย็นออกมามากกว่าปกตินิดหน่อย บางทีมันอาจจะถูกขุดขึ้นมาจากหลุมศพของใครสักคน นอกเหนือจากบรรยากาศแปลก ๆ ที่มันปล่อยออกมาแล้ว มันก็ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษนะ” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว

สัญชาตญาณของเซี่ยเฟยทำให้เขารอดพ้นอันตรายมาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มจึงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองมาโดยตลอด และถึงแม้โอโร่จะบอกว่าหน้ากากชิ้นนี้ไม่ได้ดูมีอะไรพิเศษ แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตรายจากมันอย่างอธิบายไม่ถูก

“หน้ากากนี้ถูกปิดตาไว้แล้วดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในดวงตาของหน้ากากด้วย คุณพอจะมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหน้ากากโบราณ

“มันก็แค่ผ้าปิดตาเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ?” เฟอร์นันกล่าวขึ้นมาอย่างสับสน

“ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นพวกระบบที่ช่วยในการมองเห็นมากกว่า ตรงจมูกของหน้ากากก็ยืดยาวออกมาคล้ายกับว่ามันมีไว้เชื่อมต่อกับระบบช่วยหายใจ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“นายน้อยช่างมีจินตนาการที่ดีจริง ๆ” เฟอร์นันพยายามกล่าวยกยอชายหนุ่ม

“ถึงยังไงมันก็เป็นของร้าน พวกเราไม่มีทางรู้หรอกว่าความจริงแล้วของพวกนั้นมันมีเอาไว้ทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่ จากนั้นเขาก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่หันหน้ากลับมามองหน้ากากโบราณชิ้นนี้อีก

แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเดินหน้าต่อไปแล้วแต่เฟอร์นันก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างสับสน เพราะเขาวางแผนที่จะซื้อของขวัญมอบให้เซี่ยเฟย เขาจึงพยายามมองหาสิ่งที่ชายหนุ่มให้ความสนใจมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นราคาชายชราก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาเท่านั้น เพราะหน้ากากเก่า ๆ ชิ้นเดียวกลับมีราคาถึง 1 ล้านคริสตัลเหลือง นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังไม่ได้แสดงท่าทีสนใจหน้ากากชิ้นนี้มากนัก ซึ่งมันก็มีโอกาสที่ชายหนุ่มจะไม่ได้รู้สึกชื่นชอบหน้ากากชิ้นนี้จริง ๆ

แม้ว่าเฟอร์นันจะเป็นหัวหน้าคนที่ 3 ของสมาคมอาชาดำ แต่เขาก็เป็นคนที่มีนิสัยขี้เหนียวมาก ถ้าหากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะซื้อของขวัญให้เซี่ยเฟยในมูลค่าที่สูงมากนัก

หลังจากยืนคิดทบทวนอยู่นาน เฟอร์นันก็ตัดสินใจเขียนราคาลงไปในกระดาษจำนวน 100,000 คริสตัลเหลือง ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่ผู้ขายได้ระบุเอาไว้

การค้าขายลักษณะนี้เป็นการค้าขายในลักษณะที่ดูคล้ายกับการประมูล โดยผู้ขายจะเขียนราคาเริ่มต้นและราคาสุดท้ายเอาไว้ แน่นอนว่าถ้าหากใครยอมจ่ายราคาสุดท้าย พวกเขาก็สามารถที่จะนำสินค้าชิ้นนั้นกลับไปเป็นของตัวเองได้เลย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เฟอร์นันเดินจากไป สมาชิกของลัทธิเทพโบราณก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหน้ากากโบราณด้วยเหมือนกัน

หลังจากพิจารณาหน้ากากโบราณอยู่สักพัก ฮาเดสก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ซื้อมันมาซะ”

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.