ตอนที่ 759 สุสานของนักรบชั้นยอดจำนวนนับไม่ถ้วน

-A A +A

ตอนที่ 759 สุสานของนักรบชั้นยอดจำนวนนับไม่ถ้วน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 759 สุสานของนักรบชั้นยอดจำนวนนับไม่ถ้วน

ศิลาหางฟินิกซ์บินวนรอบแอวริลราวกับภูตสีเขียวตัวน้อย คล้ายกับว่ามันยอมรับหญิงสาวคนนี้เป็นเจ้านายของมันแล้ว

เซี่ยเฟยกับโอโร่รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก เพราะเขาไปเข้าห้องน้ำเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่แอวริลกลับพิชิตศิลาหางฟินิกซ์ได้ในเวลาเพียงแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

หญิงสาวคนนี้มักที่จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้เสมอ เพราะแม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างขนอุยตัวยังไม่เคยกล้าหือกับแอวริลเลยแม้แต่ครั้งเดียว และในตอนนี้แม้กระทั่งศิลาหางฟินิกซ์ก็ยังยอมจำนนต่อหญิงสาวทั้ง ๆ ที่เซี่ยเฟยละสายตาจากเธอไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

เซี่ยเฟยรีบเดินเข้ามาหาแอวริลอย่างรวดเร็ว และเขาก็ได้พบว่าบนหน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ หน้าอกของเธอกระเพื่อมพร้อมกับลมหายใจที่ถูกสูดเข้าออกอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าหญิงสาวเพิ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก

“ทำไมนายถึงหายไปนานขนาดนั้น?” แอวริลกล่าวถามอย่างสงสัย

“หายไปนานอะไร? ฉันแค่ไปไม่กี่นาทีเอง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างสับสน

“ฉันอยู่เล่นกับหินก้อนนั้นมาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้วนะ นายบอกว่านายจะหายไปแค่ไม่กี่นาทีได้ยังไง?” แอวริลกล่าวขึ้นมาอย่างสับสนด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็นึกถึงประสบการณ์ตอนที่เขาพิชิตหงส์คราม ซึ่งมันก็ดูคล้ายกับว่าเขาถูกดึงเข้าไปในมิติลึกลับด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้นหงส์ครามก็พยายามตรวจสอบทุกความทรงจำภายในจิตใจของเขา ก่อนที่มันจะยอมรับเขาให้กลายเป็นเจ้านาย

นี่คือกระบวนการเลือกเจ้านายของอาวุธมายาทุกชนิด ซึ่งพวกมันจะสำรวจลึกลงไปในจิตใจของผู้ทดสอบเพื่อตัดสินใจว่ามันจะติดตามคนคนนั้นไปหรือไม่

“หลังจากที่ฉันไปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซี่ยเฟยกล่าวถามขณะมองไปยังใบหน้าที่เหนื่อยล้าของคนรัก

“หลังจากที่นายไปฉันก็บังเอิญไปเจอหินประหลาดก้อนนี้เข้า ฉันเห็นว่ามันสวยดีฉันเลยหยิบมันขึ้นมาเล่น แต่จู่ ๆ ฉันก็ไปปรากฏตัวที่ทะเลทรายอันรกร้างมีเพียงแค่ก้อนหินก้อนนี้ที่ถูกวางอยู่บนทะเลทรายเพียงแค่ก้อนเดียว”

“ฉันรู้สึกเหมือนก้อนหินก้อนนี้กำลังสิ้นหวัง ฉันเลยนั่งคุยกับมันเผื่อว่ามันจะรู้สึกดีขึ้น” แอวริลกล่าวขณะพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

“เธอนั่งคุยกับมันเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความตกใจ

“อือ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ส่งเสียงแต่มันก็เหมือนกับมีข้อความอะไรบางอย่างถูกส่งตรงมาให้ฉันได้รับรู้ มันพยายามบอกฉันซ้ำ ๆ ว่ามันกลับไปไม่ได้อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ฉันเลยเล่าเรื่องที่เราถูกแยกออกจากกันด้วยระยะทาง และนายก็มักที่จะสร้างปัญหาขึ้นมาบ่อย ๆ แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีอุปสรรคในชีวิตเราอย่างมากมาย แต่พวกเราก็ไม่ควรยอมแพ้และใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีต่อไป”

คำอธิบายของหญิงสาวถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยบ่นกับเขาตรง ๆ แต่เรื่องที่เธอเล่าให้ศิลาหางฟินิกซ์ฟังมันคือการพยายามด่าเขาทางอ้อมชัด ๆ

“แล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?” เซี่ยเฟยถาม

“ฉันคุยกับมันอยู่นานมาก และถึงแม้ว่าฉันจะพยายามเอามันเดินทางไปด้วย แต่มันก็ไม่ยอมลุกไปไหนคล้ายกับว่ามันกำลังยึดติดอยู่กับอะไรบางอย่าง จากนั้นพวกเราก็เริ่มทะเลาะกันจนมันยอมตามฉันมา แล้วพวกเราก็เดินทางออกมาจากทะเลทรายนั่นในที่สุด” แอวริลอธิบายพร้อมกับเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก

“เอาล่ะฉันว่าตอนนี้เธอควรไปอาบน้ำดีกว่า เครื่องสำอางบนหน้าเธอมันเลอะหมดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แอวริลรีบเอามือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความเขินอาย ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปในห้องน้ำโดยมีศิลาหางฟินิกซ์ลอยตามเธอไปเงียบ ๆ

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าแอวริลจะสามารถพิชิตศิลาหางฟินิกซ์ได้อย่างง่ายดาย แต่ในความเป็นจริงเธอก็ใช้ความพยายามไปมากเลยสินะ อย่างน้อยการที่เธอได้อาวุธมายาชิ้นนั้นไปมันก็คงจะช่วยให้นายคลายกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอไปได้เยอะเลย” โอโร่กล่าว

“ถึงยังไงผมก็มีหงส์ครามอยู่แล้วและไม่มีทางที่จะทำพันธสัญญากับศิลาหางฟินิกซ์ได้ การให้เธอได้ครอบครองอาวุธมายาชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

แอวริลคือคนที่เซี่ยเฟยรู้สึกเป็นห่วงมากที่สุด และถึงแม้ว่าเธอจะใจดีเกินไปจนไม่สามารถที่จะใช้ศิลาหางฟินิกซ์ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่อย่างน้อยอาวุธมายาชิ้นนี้มันก็ช่วยปกป้องเธอจากอันตรายที่เข้ามาคุกคามความปลอดภัยของเธอได้ ซึ่งมันก็ช่วยให้เขาคลายความกังวลเรื่องของหญิงสาวไปได้เยอะมากจริง ๆ

“อีก 20 วันนายจะต้องฟื้นฟูร่างกายตัวเองและช่วยสอนแอวริลควบคุมพลัง การทำทั้งสองอย่างนี้ไปพร้อม ๆ กันมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ เลย” โอโร่กล่าว

“ในชีวิตผมมันไม่เคยมีอะไรง่ายอยู่แล้ว ความยากแบบนี้มันถือว่าเป็นเรื่องปกติของผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“แม้ในอดีตนายจะลำบากแต่ตอนนี้นายก็กลายเป็นคุณชายของตระกูลสกายวิงแล้ว อย่างน้อยในอนาคตนายก็คงจะไม่ต้องลำบากเหมือนกับในอดีตอีกต่อไป” โอโร่กล่าว

“ผมจะไม่ยอมหยุดอยู่เฉย ๆ หรอก จนกว่าผมจะได้เห็นประตูจักรวาลด้วยตาของตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย

“ประตูจักรวาลคือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาลเชียวนะ แม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของนายจะค่อนข้างสูงเกินจริงไปหน่อย”

“ตำนานเคยกล่าวเอาไว้ว่าผู้ที่สามารถควบคุมประตูจักรวาลได้จะมีพลังในการปกครองจักรวาลทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าตำนานนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แต่มันก็มีสหายของฉันหลาย ๆ คนพยายามออกเดินทางไปหาประตูจักรวาลอย่างจริงจัง น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดทุกคนต่างก็ล้มเหลวไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ประตูจักรวาลได้เลยสักคน”

“บางทีฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประตูแค่บานเดียวกลายมาเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คนได้ยังไง แค่การก้าวข้ามผ่านประตูบานนั้นไปมันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากจริง ๆ แต่มันก็คุ้มค่ากับการเอาชีวิตไปเสี่ยงเลยหรือยังไง?” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

เซี่ยเฟยรับฟังเรื่องนี้ด้วยความสนใจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่โอโร่พูดถึงเรื่องประตูจักรวาล เขาก็มักจะพยายามรวบรวมข้อมูลจากคำพูดของอดีตจอมมารคนนี้อยู่เสมอ

“อันที่จริงประตูจักรวาลยังมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าประตูเทพมาร และถึงแม้ว่าสองเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาลจะพยายามเรียกตัวเองว่าเผ่าเทพกับเผ่ามาร แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเราก็ยังคงอยู่ห่างไกลจากเทพและมารในตำนาน แม้แต่ตัวฉันที่ดูเหมือนจะเป็นอมตะ แต่แท้ที่จริงแล้วฉันก็ยังคงอยู่ห่างจากคำว่าอมตะที่แท้จริง”

“คนบางคนว่ากันว่าเมื่อใครสามารถก้าวข้ามผ่านประตูบานนี้ไปได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพหรือมารในตำนานและพวกมันก็จะทำให้พวกเขาได้รับชีวิตอมตะมาอย่างแท้จริง”

ในความเป็นจริงแม้แต่โอโร่ก็ยังอยากลองเปิดประตูจักรวาลด้วยตัวเองอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ดีว่าประตูบานนั้นอยู่ไกลเกินกว่ากำลังของเขาเกินไป แม้ว่าเขาจะพอรู้เรื่องประตูจักรวาลมาบ้าง แต่มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าจากตำนานเท่านั้น ท้ายที่สุดข้อเท็จจริงก็มีเพียงแค่หนึ่งเดียวคือประตูจักรวาลเป็นสิ่งที่ลึกลับมากที่สุดของจักรวาลแห่งนี้

“ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก่อนที่ผมจะคิดเรื่องประตูจักรวาล ก่อนอื่นผมก็คงต้องหาทางเข้าสองเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาลให้ได้ซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว

วันเวลา 20 วันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยได้เตรียมน้ำยาเป็นจำนวนมากทั้งเอาไว้ใช้เองและเอาไว้ให้แอวริลใช้ และในที่สุดเธอก็สามารถควบคุมพลังของเธอได้แล้วรวมถึงเธอยังได้ตั้งชื่อศิลาหางฟินิกซ์ว่าวินดี้อีกด้วย

การตั้งชื่อของแอวริลถึงกับทำให้โอโร่พูดไม่ออก ซึ่งถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปมันก็คงจะทำให้นักรบเป็นจำนวนมากกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจอย่างแน่นอน 

ท้ายที่สุดมันก็มีนักรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่พยายามออกตามหาเพื่อครอบครองอาวุธมายา แต่เซี่ยเฟยกลับได้ถือครองอาวุธมายาถึงสามชิ้น และเขาก็ยังมอบศิลาหางฟินิกซ์ให้กับคนรักของเขาอีกด้วย

การสร้างยานไททันยังคงดำเนินต่อไป แล้วมันก็คงจำเป็นจะต้องใช้เวลานานอีกหลายปีพวกเขาจึงจะสามารถสร้างยานลำแรกขึ้นมาได้แล้วเสร็จ

อันธกับโซฟียังคงหมกมุ่นกับการพยายามศึกษาหาวิธีหลอมรวมวิญญาณอมตะเข้ากับเครื่องจักร และในตอนนี้เธอก็ได้ดึงตัวมอร์โรว์ไปช่วยเหลือเธอในการวิจัยด้วย

ปัจจุบันค่าหัวของพวกเขาถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงสามารถพาแอวริลออกเดินทางไปจากดินแดนลับได้อย่างปลอดภัย 

อย่างไรก็ตามในตอนนี้หญิงสาวก็ยังไม่สามารถที่จะกลับบ้านของตัวเองได้ เพราะเธอยังไม่สามารถที่จะควบคุมพลังของเธอได้อย่างสมบูรณ์ ความผิดพลาดเพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถที่จะสร้างหายนะให้กับคนในบ้านของเธอได้เลย

เมื่อไม่สามารถกลับบ้านได้เธอจึงจำเป็นจะต้องวิดีโอคอลกลับไปหาปู่กับพ่อของเธอเท่านั้น โดยเธอได้บอกครอบครัวของเธอว่าเธออาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก ก่อนที่จะเดินทางกลับไปที่บ้านได้

ในระหว่างนี้บริษัทควอนตัมภายใต้การดูแลของชาร์ลีก็พัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของพันธมิตรมนุษย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งอำนาจที่พวกเขาครอบครองอยู่นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีบริษัทไหนทำได้มาก่อน

ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้สูงสุดคือดาวโลกที่ครั้งหนึ่งเป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครเหลียวมอง แต่เนื่องจากความโด่งดังของบริษัทควอนตัมที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากดาวเคราะห์ดวงนี้นี่เอง มันจึงทำให้ดาวโลกกลายเป็นดาวเคราะห์ที่โด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากเก็บสัมภาระแล้วเซี่ยเฟยก็บอกลาแอวริลและโซฟีเพื่อทำการออกเดินทางอีกครั้ง โดยในคราวนี้เป้าหมายของเขาก็คือสนามรบโบราณของเผ่าเทพและเผ่ามาร ที่กลายเป็นสุสานของยอดนักรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

***************

ไปหาสมบัติกัน!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.