บทที่ 15 มหันตภัยคลุมอู่ตัง

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 15 มหันตภัยคลุมอู่ตัง

    บทที่ 15 มหันตภัยคลุมอู่ตัง

 

เสียงฝีเท้าม้าระรัว ขบวนผู้คน โกลาหล เรือสินค้าพอเทียบท่า ก็ปรากฏเหล่าชายฉกรรจ์กายบึกบึนหลายคน ขนถ่ายข้าวของขึ้นฝั่ง ดังนั้นเองเสียงแผดด่าร่ำร้อง สภาพวุ่นวายเซ็งแซ่ จึงดำเนินดั่งเช่นปรกติทุกวัน สภาพเยี่ยงนี้ทำให้อู่ฮั่นคล้ายมิมีวันหลับไหล นครเก่าแก่ประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี แหล่งคมนาคมสำคัญ คนสัญจรนักเดินทางต่างคลาคล่ำคึกคัก

 

ฟ้าใสกระจ่างปราศจากเมฆเค้า สายมากแล้วในเหลาสุราร้านรวงสองฟากถนน แขกเหรื่อผู้ดื่มกินทะยอยจับจองโต๊ะเก้าอี้ เซี่ยเคอเชิดหน้ายืดอกก้าวยาวๆเข้าเหลาสุราแห่งหนึ่ง รู้สึกมีคนหลั่งไหลเข้าไปไม่ขาดสาย ทำให้ในชั้นแรกเต็มรวดเร็วอย่างยิ่ง สร้างความสงสัยแก่เขาจนเผยรอยยิ้มมุมปากแค่นเสียงเฮอะติดต่อกัน

 

ผู้รับใช้แลเห็นเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม ทั้งยังรูปเค้าคมคายประดุจหยก กอบบุคลิกอันทะนงยะเยียบ รีบปราดต้อนรับน้อมกายยิ้มประจบหัวร่อฮาๆกล่าวว่า

 

"กงจื่อขอเชิญชั้นบน"

 

ชายหนุ่มยักไหล่มิแยแสขณะเฉียดผ่านอีกฝ่ายสายตาช้อนมองขั้นบันไดตลอดเวลา บนชั้นสองยังมีโต๊ะว่างสองสามโต๊ะ บรรยากาศเงียบสงบเคร่งขรึมอยู่บ้าง ทั้งหมดปรายตาสำรวจพบ ผู้มาเป็นชายหนุ่มอายุเยาว์ชุดคราม หว่างเอวสะพายกระบี่ ฝักกระบี่ประดับไข่มุกแปดเม็ด พู่สีขาวสะดุดตาพัดพลิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาทว่าเย็นชากระด้าง ล้วนเข้าใจตรงกัน อย่างน้อยต้องมีฝีมือไม่ต่ำทราม

 

ผู้รับใช้เข้ามารับรายการอาหาร ชั่วครู่จึงยกถาดเนื้อเปื่อยและผัดผักสองสามอย่างมา เซี่ยเคอโบกมือขับไล่คราหนึ่ง ลงมือดื่มกินอย่างเยือกเย็น

 

หลายวันมานี้ได้คิดอยู่หลายประการ เกี่ยวกับขบวนการสตรีลึกลับนามผีเสื้อหยก จากปากคำชนชาวบู๊ลิ้มตามรายทาง นางเมื่อสามารถคุกคามทำเนียบกระบี่คุณธรรม เป้าหมายอันดับแรกสมควรเป็นอู่ตัง ตนเคยประสบยาพิษชั่วร้าย หนำซ้ำประมือกับขุมกำลังอีกฝ่ายมา รู้แน่แก่ใจหากชะล่าเลินเล่อ น่ากลัวบู๊ลิ้มทั้งแผ่นดิน ต้องตกอยู่ท่ามกลางมรสุมกระหน่ำอิทธิพลพิษจูงสติเบือนประสาท

 

ขบคิดพลางลอบสำรวจโดยรวมเที่ยวหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ทรงฝีมือนักบู๊เข้มแข็ง เซี่ยเคอสายตาแหลมคมปานใด มองปราดเดียวก็พอจำแนกออกมาได้ ประวัติถึงสตรีอาภรณ์ขาวและดรุณีชุดดำ หากพวกนางอยู่ที่นี้ตนมิเพียงถูกจดจำออกเท่านั้น ยังเป็นเป้ากำจัดอันดับแรกอีกด้วย

 

โฉมสะคราญจิตใจไฉนอำมหิตลึกซึ้ง ยิ่งคิดยิ่งบังเกิดความรู้สึกประหลาดพิสดาร สลัดศีรษะขับไล่อาการเหม่อลอย รำพึงแผ่วเบา

 

"เฮอะ!เราต้องทวงของจากพวกนาง ฟุ้งซ่านเหลวไหลนัก"

 

ทันใดบันไดเหลาปรากฏเสียงโครมครามหลายครา นักพรตชราผอมซูบแก้มตอบไว้หนวดยาวระอกผู้หนึ่ง นำพาชายหนุ่มอายุเยาว์สองคนตามหลัง คนทั้งสองหนึ่งสูงใหญ่ราวเจดีย์เหล็กท่าทีสำรวมหนักแน่น หนึ่งสูงโปร่งไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก อาภรณ์ขาวซักฟอกจนสีซีด หน้าเกลี้ยงเกลาคิ้วเรียวตาสุขใส แฝงความองอาจสง่าไม่น้อย นักพรตนำหน้าผายมือพลางทรุดนั่งจับจองโต๊ะขวามือเซี่ยเคอนั่งลง

 

ชายหนุ่มลอบชำเลืองแวบจากนั้นมองออกนอกหน้าต่างมิแยแสอีก ยินนักพรตชราเอื้อนเอ่ยเสียงแหบทุ้ม

 

"ข่าวนี้ได้รับจากหยูอี้แห่งเส้าหลิน มีความเป็นไปได้แปดส่วน ศิษย์พี่เจ้าสำนักพอทราบ ต้องรีบหาทางรับมือด่วน"

 

ชายหนุ่มกายสูงใหญ่ราวเจดีย์เหล็กพลันกล่าวเสริมว่า

 

"อาจารย์กล่าวมีเหตุผล ฟังว่าชายหนุ่มอายุเยาว์ข้างกายพวกนางสามารถโค่นเจ้าอาวาสอวี้เสียงต้าซือพ่ายแพ้ ขุมกำลังผีเสื้อหยกหากมีเจตนาดั่งนั้นจริง อู่ตังเรานับว่าเผชิญศัตรูตึงมือแล้ว"

 

เซี่ยเคอพอเงี่ยหูฟัง อดใจระทึกหวั่นไหวตูมตาม การคาดเดาเปะปะบวกกับรายชื่อบุคคลสำคัญและสำนักใหญ่ของจงหยวนยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้หฤโหดเคยบอกเล่าแก่ตน ทำให้พอจะล่วงรู้แผนขั้นต้นของศัตรู ตั้งใจแน่วแน่อย่างไรต้องเสนอหน้าช่วยเหลืออู่ตังให้ถึงที่สุด ทั้งยังฉวยโอกาสทวงขลุ่ยทองยะเยียบ อาศัยสถานการณ์กอบกู้สังกัดอาจารย์ สร้างเกียรติภูมิหนุนเสริมฐานะตน ประสบการณ์ตลอดหลายวันหล่อหลอมเขาพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง

 

ขณะคิดทิ้งค่าอาหารไว้บนโต๊ะ ยามนั้นผู้คนสี่คนที่นั่งริมผนังในสุด พลันลอบสบตากันวูบ ประดานั้นลักษณะแต่งกายด้วยอาภรณ์สีม่วงรัดกุม หว่างเอวเสียบกระบี่พร้อมฝัก ใบหน้าล้วนกระด้างเยียบเย็นผิดธรรมดา มองปราดเดียวก็แน่แก่ใจ มิใช่ชนชั้นดีงามมีธรรมะ หนึ่งในจำนวนนั้นผุดลุกจากเก้าอี้ ตลอดกายสูงโปร่งแผ่รังสีคุกคามชนิดหนึ่ง เห็นมันสาวเท้าถึงโต๊ะนักพรตชราแค่นเสียงพลางถามว่า

 

"สามท่านมาจากอู่ตังหรือ"

 

ท่าทีเขื่องโขหนำซ้ำน้ำคำมิเห็นนักพรตชราอยู่ในสายตา ชายหนุ่มชุดขาวสำรวมกิริยาตลอดเวลา รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นเล็กน้อย กระแอมไอสะกดกลั้นเลือดลมในอก ประสานมือลุกขึ้นย้อนถามว่า

 

"สหายโปรดประกาศนามบ่งบอกเจตนา"

 

"ฮาๆ!ตาบอดหรือไร กระทั่งสัญลักษณ์อกเสื้อด้านซ้ายเรายังมิสังเกตุพบ"

 

แค่นหัวร่อเฮอะๆ มุมปากประดับรอยยิ้มเย้ยหยัน คนทั้งสามแลเห็นถนัดชัด สัญลักษณ์ผีเสื้อปักลวดลายดั่งมีชีวิต ต้องสะท้านใจอย่างรุนแรง พรตชราหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ระงับอาการเป็นปรกติเอ่ยเสียงเรียบ

 

"ผีเสื้อหยก"

 

คำผีเสื้อหยกพอเปล่งจากปากทั่วบริเวณพลันมีเสียงอุทานระงม ทุกผู้คนแตกตื่นจนหน้าเผือดขาว เบิกตากลมกว้างเหลียวมองระหว่างโต๊ะมุมผนังด้านนั้นและชายฉกรรจ์อาภรณ์ม่วงสลับไปมา พอดีกับทั้งสามพากันผุดลุก สองในสามกายล่ำสันเผยมัดกล้ามใหญ่โต หูกว้างจมูกบี้แบน ริมฝีปากแสยะยิ้มชั่วร้าย กราดตาโปนโตปานกระดิ่งสำรวจตลบหนึ่ง

 

อีกหนึ่งกลับเป็นชายชราเตี้ยเล็ก อาภรณ์แพรต่วนม่วงตัดเย็บด้วยฝีมือประณีต คิ้วเคราเหลืองซีดตาหยีเล็ก คางแหลมริมฝีปากเม้มสนิท หว่างเอวคาดสายรัดหนัง ใบหน้าสี่เหลี่ยมทั้งอัปลักษณ์ทั้งเหลืองซีด ดูท่าไม่เพียงเป็นหัวหน้าเท่านั้น ตำแหน่งในสังกัดย่อมสูงส่งเช่นกัน

 

"กลับมา"

 

ซุ่มเสียงอ่อนล้าระโหย  ทุกถ้อยคำชัดเจนยิ่ง เสียงฮือฮาบนชั้นสอง ถึงกับถูกคำพูดมันกลบสิ้นเชิง บันดาลให้ผู้รับฟังหนาวสะท้านขนลุกเกรียว

 

เซี่ยเคอชูตะเกียบค้าง เหตุการณ์ปัจจุบันเหนือคาดหมายนัก ช้อนมองแวบแทบลืมตัวหัวร่อออกมา รีบยัดชิ้นเนื้อเข้าปากก้มหน้าลง ชายฉกรรจ์ในตอนแรกพอยินเสียงออกคำสั่ง รีบล่าถอยถึงข้างกายมัน ห้อยมือสำรวมเชื่องเชื่อดุจสุนัขซื่อสัตย์

 

เหลาสุราเริ่มบังเกิดความโกลาหล มีไม่น้อยทะยอยปลีกตัวหลบหนี ผู้คนบนชั้นสองส่วนใหญ่เป็นชนชั้นอันเข้มแข็ง จะมากจะน้อยย่อมกระเดื่องเกียรติภูมิอยู่บ้าง คิดใคร่ชมดูสถานการณ์ ระหว่างขบวนการผีเสื้อหยกและสำนักอู่ตัง

 

พรตชราเพ่งตาสำรวจชายชราอาภรณ์แพร ชั่วครู่คล้ายนึกถึงคนผู้หนึ่ง เอ่ยถามเสียงราบเรียบไป

 

"คนทั้งสามเมื่อเป็นบริวารท่าน อย่างนั้นโปรดประกาศนามให้พรตชราได้ทราบไว้บ้าง"

 

"มัจจุราชม่วง"

 

ชายหนุ่มชุดขาวงงงันวูบ มัจจุราชม่วงเป็นบุคคลยากตอแยในบู๊ลิ้ม ปกครองขยายอิทธิพลแถบดินแดนจงลี่ นับเป็นจอมอสูรแห่งยุคผู้หนึ่ง เมื่อเข้าสังกัดผีเสื้อหยก แสดงแน่ชัดสถานการณ์จงหยวนยิ่งนานยิ่งคับขัน ส่งผลคุกคามต่อทำเนียบกระบี่คุณธรรมร้ายแรง

 

ตาหยีเล็กพวยพุ่งประกายเย็นเยียบ กวาดมองชายหนุ่มชุดขาวแวบ จากนั้นเค้นเสียงถามว่า

 

"มีขวัญกล้าไม่น้อย ศิษย์เด่นล้ำของอู่ตังนามจูอันฉี คำนวณจากคำร่ำลือรูปลักษณะคล้ายเด็กน้อยเจ้าอย่างยิ่ง"

 

ชายหนุ่มชุดขาวประสานมือผุดลุกกล่าวว่า

 

"มิกล้ารับ"

 

"ประเศริฐมาก ดูท่าอู่ตังไร้ทายาทสืบทอด ภัยกรายถึงศีรษะสมควรเสนอหน้าออกรับ ยังหาทางบ่ายเบี่ยง...เฮอะ!"

 

วาจาสบประมาทรุนแรง มาตรว่ากล่าวจากปากจอมอสูรอื้อฉาว ยังรู้สึกเป็นน้ำคำอันโอหังลำพอง บุรุษกายสูงใหญ่เลือดลมร้อนแรง รับฟังจนใบหน้าแดงฉาน

 

"พฤติการณ์ของท่าน แสดงแน่ชัด เจาะจงหาเรื่องพวกเราแต่แรก"

 

มัจจุราชม่วงแหงนหน้าหัวร่อเสียงแหบห้าว ซุ่มเสียงระคายหูดุจเหยี่ยวราตรี โบกแขนเสื้อต่อชายฉกรรจ์กายสูงโปร่งด้านข้างสั่งว่า

 

"อันดับหนึ่งเข้าไปประลองกระบี่"

 

ทั่วบริเวณถูกบรรยากาศเขม็งเกร็งกดทับใส่ เงียบงันปราศจากซุ่มเสียง กระทั่งชั้นล่างเหลาเวลานี้ พลอยร้างผู้คนดั่งหวาดกลัวต่อชื่อมัจจุราชม่วงและขบวนการผีเสื้อหยก สายตาหลายคู่ต่างเพ่งมองกึ่งกลางราวนัดแนะ เจตนาชัดแจ้งยิ่ง หนำซ้ำบีบบังคับหนึ่งนักพรตสองฆราวาสต่อสู้โดยมิมีทางหลีกเลี่ยง เกียรติภูมิสำนักศักดิ์ศรีส่วนตัว ไหนเลยย่อยยับในลมปากผู้บังอาจสามหาว

 

คนชุดม่วงผู้นั้นขานรับแข็งขัน ก้าวถึงพื้นที่ว่างแถบหนึ่ง ยกมือชี้หน้าบุรุษร่างสูงใหญ่กล่าวเสียงเย็นชา

 

"สหายขอเชิญ"

 

นักพรตชราสีหน้าเคร่งเครียด พริ้มตาเล็กน้อยกำชับต่อศิษย์หลายประโยค บุรุษร่างสูงใหญ่นามเฉินเลี่ยงหรงผงกศีรษะ เดินถึงเบื้องหน้าชายฉกรรจ์อันดับหนึ่ง สายตาสำรวจอีกฝ่ายไม่คลาดเคลื่อน ผู้นี้ถึงกับเป็นอันดับแรกในบริวารมัจจุราชม่วง พลังฝีมือตลอดจนเพลงกระบี่ย่อมเหนือธรรมดา

 

คนชุดม่วงนิ้วทั้งห้าแตะด้ามกระบี่ ท่าร่างมั่นคงดุจโขดหินหลักศิลา ในตาทอประกายโหดเหี้ยมแวววับ จับนิ่งยังคู่ต่อสู้เบื้องหน้าเขม็ง ทันใดกระบี่ถูกชักจากฝัก พร้อมกับกรีดขึ้นเบื้องสูงอย่างรวดเร็ว ปลายกระบี่จ่อจี้ใส่หว่างคิ้วอีกฝ่าย เพียงท่าแรกก็ส่อเจตนาประหารฆ่า หนำซ้ำอำมหิตชั่วร้ายยิ่ง

 

เฉินเลี่ยงหรงง๋ายร่างท่อนบนหลบเลี่ยง มือขวากระชากกระบี่ที่หว่างเอว ใช้ท่าธูปเดียวชี้ฟ้าปัดป่ายอาวุธคู่ต่อสู้เบนเบือน คนชุดม่วงถอยกายครึ่งก้าว ไม่ปล่อยโอกาสให้ตีโต้ซ้ำสอง เฉินเลี่ยงหรงควงข้อมือรอบหนึ่งสะอึกกายคุกคาม ปลายกระบี่เสือกแทงด้านตรง กระบวนท่าทื่อด้านปราศจากการพลิกแพลง

 

นักบู๊ชุดม่วงรู้สึกข้อมือชาด้านเล็กน้อย สำนึกว่าอีกฝ่ายมีกำลังข้อเข้มแข็ง เมื่อถดถอยตั้งหลักมั่น ปลายกระบี่เฉินเลี่ยงหรงก็ใช้ถึงกลางคัน ท่าสะพานเดี่ยวข้ามแม่น้ำ แหวกพุ่งใส่คอหอยมันอย่างว่องไว คนชุดม่วงแค่นเสียงเย็นชา ขวางกระบี่ต้านรับตรงๆ

 

เหล็กโลหะกระทบเสียดแก้วหู พลังสองขุมต่างเข้มแข็งมิใช่ชั่ว คนชุดม่วงลดข้อมือวูบ ตัวกระบี่สั่นพลิ้วไม่หยุดยั้ง กระบวนท่างูดำคดเคี้ยวแยกย้ายจ่อจี้ใส่หว่างคิ้วคอหอยและสองไหล่ พริบตานั้นเงากระบี่พร่างพรายยากจำแนกตำแหน่ง

 

เฉินเลี่ยงหรงถือดีที่มีรากฐานมั่นคงลมปราณลึกล้ำ อาศัยจุดเด่นนี้สามารถสะกดข่มวิชากระบี่คนชุดม่วง พื้นที่บนเหลาจำกัดยิ่ง ไม่อนุญาตให้เคลื่อนกายได้ตามใจนึก ก้าวขวางทางซ้ายสองก้าว ควงกระบี่เป็นรูปวงกลมหลายวงที่เบื้องหน้า วงกระบี่ยิ่งมายิ่งหนาแน่น ผสานร้อยรวมราวตาข่ายมหึมา คุ้มครองจุดสำคัญทั่วร่างไว้...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.