บทที่ 14...3/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 14...3/3

          เวลากำลังเดินไปเรื่อยๆ เรียวนิ้วยาวเคาะพวงมาลัยรถในระหว่างที่รอ เสียงเพลงที่เขาไม่ได้ฟังบ่อยนักดังคลอไปกับยามเช้าที่สดใสกว่าทุกวัน แม้จะรู้ว่าเวลากำลังเดินถอยหลังเพื่อจบที่เลขศูนย์ หากตอนนี้เขาไม่ได้สารภาพความในใจออกไป กาลข้างหน้าจะเสียใจไหม จะนึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหรือเปล่า

เขามีคำตอบให้ตัวเองแล้วถึงได้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป ไม่ขัดขืน ไม่ใจร้ายกับธามิณีและตัวเอง ความสุขที่หวานและขม เขาเพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก มนุษย์ที่เปราะปรางกลับรับมือกับความรู้สึกแบบนี้ได้ ในขณะที่เขาเริ่มเห็นตัวเองในยามที่ใจแตกสลาย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะผ่านไปได้อย่างไร

          7 โมงตรงแล้ว ศนิกดโทรออกแล้วรอสัญญาณเพียงครู่เดียว ปลายสายก็รับ เขาได้ยินเสียงกุกกัก เจ้าของโทรศัพท์คงยังงัวเงียไม่ค่อยตื่นเท่าไหร่เผลอๆ ตอนที่รับโทรศัพท์เธอยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ

          “สวัสดีค่ะ ใครคะ”

          “แฟนของธามไงล่ะ” ศนิตอบพร้อมๆ กับเหมือนได้ยินของตก ธามิณีคงอ่านหนังสือแล้ววางไว้ข้างหมอนอย่างเคย อารามตกใจมือคงไปปัดจนตก “ตื่นหรือยัง วันนี้ฉันจะไปส่งธามที่มหา’ลัยเอง รีบลงมานะ”

          ธามิณีรีบลงมาจากเตียง แล้ววิ่งมาที่หน้าต่าง เธอมองหาไปทั่วจนกระทั่งเห็นศนิที่ยืนรออยู่ข้างรถพร้อมกับโบกมือให้ เธอโบกมือกลับแล้วยิ้มกว้าง เขาเหมือนผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถ้าชีวิตของเราสองคนง่ายดายแบบนี้คงจะดีจนเธอพร้อมจะแลกด้วยทุกอย่างที่มี

          “ดีจัง ธามเคยคิดว่าอยากไปนั่งรถเล่นกับคุณสักวัน อย่างกับฝันที่เป็นจริงเลยค่ะ”

          ศนิผ่านมนุษย์หญิงสาวที่เขาเคยเห็นยามหลับมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ตื่นมาแล้วหน้าเหมือนแมวขี้เซากำลังเกาะหน้าต่าง เขาเพิ่งเคยเห็น

          “ผมยุ่งเชียว คอเสื้อก็ย้วย ไปอาบน้ำได้แล้ว”

          ธามิณีหัวเราะเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อที่ชอบใส่เป็นประจำนั้นย้วยจนแทบยุ่ยแล้ว แต่เพราะมันใส่แล้วสบาย ศนิรอจนเห็นว่าธามิณีกลับเข้าห้องไปแล้วจึงกลับเข้ามานั่งในรถ รอยยิ้มหายวับใบหน้ากลับมาเคร่งขรึมดังเดิมเมื่อเกิดคำถาม ถ้าธามิณีถูกส่งมาเกิดเพราะตอนนั้นเธอเป็นเทพธิดาที่ช่วยเปิดประตูที่กักบริเวณเขา ทำให้เขาได้ไปสะสางความแค้นกับพระยม จนถูกลงโทษในเวลาต่อมา ถ้าความผิดเพียงแค่นั้น แต่ทำไมเธอถึงต้องมาเกี่ยวพันกับเขา มีเหตุผลอะไรที่เขายังไม่รู้อีก ผลึกกาลเลือกธามิณีเพราะเขากับเธอมีอนาคตร่วมกันงั้นหรือ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อมนุษย์ไม่อาจหนีพ้นอายุขัยของตัวเอง

 

          เรียวปากหนายิ้มบางเมื่อเห็นธามิณีเดินแกมวิ่งมาที่รถของเขา ผมหวีมาพอเรียบ หน้าแต่งเท่าที่เคยคือแทบไม่รู้ว่าแต่งหน้ามา เธอไม่ชอบแต่งหน้าอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเธอก็เป็นแบบนี้ เขาจึงชอบที่เธอเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเวลาของเธอจะเหลืออีกเท่าไหร่ การทำให้ทุกวินาทีมีค่าต่างหากที่สำคัญสำหรับเขา

          “ขอพูดอะไรตรงๆ ได้ไหมคะ”

ธามิณียิ้มจนตาหยีเมื่อเข้ามานั่งในรถ วันนี้ศนิใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ดูแปลกตาต่างจากที่เคยทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเชียวล่ะ

“วันนี้คุณหล่อมาก เท่มากด้วย อย่ายิ้มแบบนี้ให้ใครนะคะ”

          “ฉันไม่ใช่คนที่ยิ้มกับใครง่ายๆ” ศนิยิ้มกว้างพลางสตาร์ตรถ “วันนี้ตอนเย็นอยากทำอะไรไหม อาทิตย์หน้าธามถึงจะกลับไปทำงานพิเศษใช่หรือเปล่า”

          “ค่ะ” ธามิณียิ้มดีใจเพราะศนิรู้เรื่องงานของเธอ นั่นเพราะจริงๆ แล้วเขาใส่ใจ เพียงแต่ที่ผ่านมาแสร้งเมินเฉยใส่จนเธอเกือบถอดใจ “ธามเขียนลิสต์เอาไว้ค่ะ ถ้ามีแฟนแล้ว ธามอยากจะทำอะไรบ้าง”

          “ฉันตามใจธาม ถ้างั้นเย็นนี้ฉันมารับนะ”

          น้ำเสียงอ่อนโยน การมารับมาส่ง ความยอมตามใจ ศนิช่างเรียนรู้การเป็นแฟนได้เร็วเพียงชั่วข้ามคืน

          “มันรู้สึกเหมือนฝันเลยนะที่คุณทำแบบนี้” เพราะเธออยู่กับการสูญเสียและทอดทิ้งทำให้กลัวว่าหากมีความสุขเกินไป เพียงพริบตาสิ่งเหล่านั้นจะพังทลาย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ธามแค่มีความสุขจนกลัวว่ามันจะหายไปเท่านั้นเองค่ะ”

          “ฉันไม่หายไปไหนหรอก”

          มือหนายื่นไปลูบผมนุ่มของธามิณีก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ แม้เขาจะไม่ได้ขับรถบ่อยนัก แต่ก็มีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมาย ธามิณีมองทางที่เหมือนกับทุกวัน แต่กลับไม่เหมือนเดิมเพราะศนิเป็นคนขับรถให้เธอในวันนี้ ก็ได้ เธอจะมีความสุขแล้วลืมทุกอย่างไป ขอแค่มีเขาอยู่ตรงนี้ อย่าได้คิดอะไรอีก

 

          โปสเตอร์ในป้ายล้อมด้วยกรอบไฟ เสียงเพลงจากหนังที่มีคิวกำลังเข้าฉาย พื้นพรมและกลิ่นหอมๆ ของป๊อปคอร์น บรรยากาศแบบนี้เองที่ธามิณีเลือกเป็นลิสต์แรกสำหรับมากับแฟน ศนิเคยมาที่โรงหนังเพื่อตามหาวิญญาณร้าย แต่ไม่เคยมาเพื่อดูหนังเลยสักครั้งจึงชอบสิ่งที่ธามิณีเลือกสำหรับการมากับแฟนเป็นครั้งแรกอยู่ไม่น้อย

          “ที่นี่เหรอที่ธามอยากมา”

          “ค่ะ ธามอยากดูหนังกับคุณ” ธามิณีกอดแขนของศนิไว้เผื่อเขาเปลี่ยนใจไม่เข้าโรงหนังไปกับเธอ “ครั้งสุดท้ายที่ธามเข้ามาในโรงหนังก็นานมากแล้ว สำหรับคนที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่มีเวลามาหาความสุขที่มีราคาแบบนี้สักเท่าไหร่หรอกค่ะ”

          ความสุขของธามิณีเรียบง่ายแบบนี้เอง ศนิสามารถทำอะไรได้มากมาย  ธามิณีย่อมรู้อยู่แล้ว แต่เธอเลือกจะขอแค่มาดูหนังด้วยกัน

          “ถ้างั้นฉันเลี้ยงหนังธามเอง”

          “ไม่เอาค่ะ ธามอยากเลี้ยงหนังคุณ แล้วคุณเลี้ยงไอติมธาม” ธามิณีเห็นแววตาที่สงสัยจากศนิ น่าดีใจที่เวลาอยู่กับเธอ เขาไม่ต้องซ่อนความรู้สึกอีกแล้ว แค่นี้แหละที่เธอต้องการ “ความรู้สึกเวลาที่ได้กินไอติมหลังจากดูหนังจบกับคนที่รัก ธามจำได้ว่ามันรู้สึกดีมากๆ เลย”

          คนที่รัก...งั้นหรือ? พอมาคิดดู คนที่สารภาพความในใจดูเหมือนจะเป็นเขาคนเดียว ธามิณีกำลังบอกรักเขาทางอ้อมหรือว่าเธอหมายถึงแค่พ่อกับแม่กันนะ

          “คนที่ธามรักหมายถึงใครบ้างหรือ” ศนิถาม

          ธามิณียิ้มใส่ตาเจ้าของคำถาม นี่เขาไม่รู้ตัวเลยหรือว่าเป็นใครสำหรับเธอ

          “พ่อกับแม่ของธามไงคะ ตอนนี้คือคุณค่ะ”

          แม้ธามิณีจะไม่ได้พูดคำว่าเธอรักเขาตรงๆ แต่ความหมายคือรักนั่นเอง ศนิยิ้มกว้างเท่าที่เคยมีตลอดการเป็นเทพกึ่งมนุษย์ เอาไว้เขาจะทวงคำว่ารักจากเธอใหม่  

          หนังที่ธามิณีเลือกเป็นแนวต่อสู้ไม่ใช่แนวรักหวานโรแมนติก ฉากต่อสู้เธอไม่มีสะดุ้งด้วยซ้ำ แต่กลับหันมายิ้มให้เขาอย่างรู้กันว่าที่เราสองคนได้พบเจอมาอาจหนักหนากว่าในหนังเสียด้วยซ้ำ พอดูหนังจบศนิก็เลี้ยงไอติมธามิณีตามที่ตกลงกันไว้ รอยยิ้มและสายตาของเธอยามที่มองไอติมกับมองเขาช่างเหมือนกัน หวานละมุนและมีความสุข เดทแรกของเขากับมนุษย์ในรอบ 754 ปีเป็นแบบนี้เอง      

 

          รวิชญ์จอดรถแล้วกำลังจะก้าวลงไปก็พอดีเห็นว่ามีรถอีกคันกำลังจอดแต่ไม่ดับเครื่อง เขามองไปเพราะผู้หญิงที่ลงจากรถคือธามิณี ส่วนผู้ชายที่ขับรถมาเขาเห็นใบหน้าไม่ถนัดนัก ใจของเขาหายวาบเพราะมีใครอีกคนที่เข้ามาในชีวิตของธามิณีอย่างนั้นหรือ เขาพยายามทำตัวปกติ เข้าไปคุยในแชทกลุ่มอย่างเคย เพียงแต่ไม่ได้มากินข้าวที่โรงอาหารของมหา’ลัยเพราะยังต้องการเวลาสำหรับทำสีหน้าให้ปกติ หลังจากผ่านมาทั้งสัปดาห์ เขาคิดว่าน่าจะทำใจได้มากแล้ว แต่พอเห็นว่าธามิณีมีคนมาส่งในวันนี้ เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็รีบปัดออกไปเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังเดินมาทางนี้พอดี

          “ใครมาส่งธามงั้นเหรอ พักนี้วิชญ์ยุ่งๆ ก็เลยไม่ได้ไปหาธามหลังเลิกเรียนเลย” รวิชญ์ห้ามตัวเองไม่ทัน อย่างน้อยให้เขาได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เป็นคนดีไหมก็ยังดี

          “ขอโทษนะวิชญ์ หลายๆ อย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก” ธามิณีคิดแล้วว่าจะไม่ปิดบังเพื่อน รวิชญ์ไม่ได้ผิดอะไรเลย เราสองคนยังคงเป็นเพื่อนกัน “ธามตกลงเป็นแฟนกับคนคนนึงแล้วน่ะ”

          “ใครเหรอธาม วิชญ์เคยเจอมาก่อนไหม เขาเป็นคนดีใช่หรือเปล่า” รวิชญ์พยายามหายใจให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ธามิณีกังวลว่าเขาจะเสียใจ อย่างน้อยธามิณีก็เปิดเผยต่อเขา ในฐานะเพื่อนเขามีสิทธิ์ทำได้แค่ห่วงเท่านั้น “ขอโทษนะ วิชญ์แค่เป็นห่วงธามน่ะ”

          “ขอบใจนะวิชญ์ที่ยอมรับในการตัดสินใจของธาม” ตอนที่บอกรวิชญ์ไป มีวูบหนึ่งที่ธามิณีกลัวว่าเขาจะเสียใจแล้วเดินหันหลังให้เธอ “เขาเป็นคนดี ธามรู้จักเขามานานแล้วล่ะ เขาช่วยธามไว้หลายๆ อย่าง จนวันหนึ่งเขามาขอธามเป็นแฟนน่ะ”

          รวิชญ์พยักหน้าพลางมองรอยยิ้มของธามิณี การที่เธอมีความสุขย่อมดีแล้ว เขาควรดีใจกับเพื่อน เขาต้องทำให้ได้

          “อย่ามองวิชญ์แบบนั้นสิ วิชญ์ไม่เป็นไร ตอนนี้ดีใจกับธามที่สมหวังในความรัก”

          ธามิณีถอนใจเบาๆ ค่อยโล่งอก “กัลกับพี่รดีคงไปรอที่ร้านแล้ว เราไปกันเถอะ”

          กัลยามารอที่ร้านปิ้งย่างแล้ว แต่เพียงไม่นานธามิณีกับรวิชญ์ก็มาสมทบ เธอรู้เรื่องที่ธามิณีขอเป็นเพื่อนกับรวชิญ์แล้ว แต่พอเห็นทั้งสองคนยังคุยกันเหมือนเป็นปกติก็ค่อยเบาใจว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความเป็นเพื่อนได้

ภารดีเดินเข้ามาในร้านพอดีกับพนักงานยกถาดของสดที่สั่งไว้มา งานเมาท์มอยครบคนเป็นอันว่าเริ่มประเด็นได้

          “มีแฟนแล้วเพิ่งจะมาบอกเพื่อน ขอดูหน่อยสิหน้าตาแฟนของธามน่ะ กัลเคยเจอมาก่อนไหม” กัลยาแซวธามิณีเพราะเพื่อนเพิ่งบอกเธอเมื่อวานนี้

          ภารดีรู้พร้อมๆ กับกัลยาและรวิชญ์เพราะได้อ่านแชทมาเหมือนกัน

          “ไม่มีรูปเลย พอกัลพูดขึ้นมา ธามก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เคยถ่ายรูปกับศนิเลยนี่นา” อาจเพราะเขามีชีวิตที่ยาวนานไม่รู้วันสิ้นสุด เขาต้องย้ายที่อยู่เพราะอาจมีคนที่จำได้ว่าเขาไม่แก่ลงเลย เธอจึงไม่คิดที่จะถ่ายรูปเขา

          “ชื่อศนิเสียด้วย” กัลยาดูตื่นเต้นดีใจกว่าใคร

          “จริงๆ แล้วพี่เพิ่งเห็นแฟนของธามนะ ตอนที่มาส่งธามน่ะ” ภารดียิ้มกว้างพอจะมีวิธีแล้วว่าทำอย่างไรทุกคนจะได้เห็นว่าแฟนของธามิณีมีหน้าตาอย่างไร “เอาอย่างนี้พี่วาดรูปคุณศนิให้ธามแล้วกัน รอเดี๋ยวเดียว”

          ตอนที่รวิชญ์กับธามิณีเดินไปแล้ว ในขณะที่ภารดีกำลังจะจอดรถ เธอทันเห็นว่าธามิณีลงมาจากรถคันไหน ช่วงที่กำลังจอดรถ ชายหนุ่มคนที่ขับรถมาส่งธามิณีกำลังจะขับรถออกไป เธอเห็นเขาในวินาทีนั้น แต่น่าแปลกที่เธอรู้สึกคุ้นๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าที่ไหนและเมื่อไหร่

          รวิชญ์กับกัลยาพากันโหย่งตัวมาดูใบหน้าแฟนของเพื่อนด้วยความสนใจ ธามิณีมองอยู่ห่างๆ พลางยิ้มกว้างกับภารดีที่ยักคิ้วให้เพราะแฟนน้องสาวทั้งที เธอย่อมรีบวาดสุดฝีมือ

          “ขนาดเห็นแวบเดียวนะคะ วาดได้เหมือนมากเลยค่ะพี่รดี” แม้จะเป็นการวาดจากดินสอแบบรีบๆ ไม่ได้ประณีตนัก แต่เหมือนศนิมาก เธอเพิ่งรู้ว่าภารดีมีฝีมือด้านวาดรูปด้วย

          “จะว่าไปแฟนของธามก็หน้าตาคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนพี่เคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออก”

          ธามิณียิ้มแต่ไม่ตอบอะไรเพราะการที่ภารดีจะเคยเห็นศนิแล้วจำได้ คงมีแค่เหตุผลเดียว ภารดีไม่ได้ถูกลบความทรงจำ สิ่งนี้จะเป็นปัญหาในอนาคตของศนิหรือเปล่านะ

          “เล่าหน่อยสิธาม คุณศนิเป็นคนยังไง ไปเจอกันนานแล้วหรือยัง แล้วเขามาขอธามเป็นแฟนยังไง บอกรักธามแล้วใช่ไหม” นอกจากอยากฟังเรื่องราวความรักของธามิณีแล้ว กัลยาก็เป็นห่วงเพื่อนด้วย

          “ศนิเป็นคนดี ปกป้องธามได้ เราเจอกันตอนธามอายุ 16 ก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ แล้วศนิมาขอธามเป็นแฟนยังไง เขาก็บอกตรงๆ ว่าชอบธาม ประมาณนี้แหละ” ธามิณีเล่ารวบๆ ข้ามรายละเอียดที่คงบอกใครไม่ได้ว่าเรื่องราวความรักของเธอกับศนิไม่ได้มีส่วนไหนที่เรียกว่าปกติธรรมดาแบบมนุษย์ ยกเว้นตอนที่เขายอมบอกความในใจกับเธอ นอกเหนือจากนั้นมีแต่เรื่องเหนือธรรมชาติ

          รวิชญ์คิดว่าธามิณีคงเขินที่ถูกกัลยาถามละเอียดยิบแบบนั้น อีกทั้งภารดีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจที่น้องสาวร่วมโลกมีแฟนแล้ว แต่เขาห่วงเรื่องอื่นมากกว่า

          “แฟนของธามทำงานอะไรเหรอ”

          กัลยามองรวิชญ์พลางยื่นมือไปโต๊ะแล้วตีขาเขาเบาๆ เธอเองก็อยากรู้ แต่คิดว่าเอาไว้ถามวันหลังดีกว่า ธามิณีคงไม่คิดว่าถูกพวกเธอซักพร้อมๆ กับกินปิ้งย่างไปด้วยหรอกนะ

          ธามิณีนิ่งคิดไม่ใช่สงสัยว่าศนิทำงานทำการอะไร เขาคงมีงานรองรับอยู่แล้วไม่อย่างนั้นคงอดตายไม่อยู่เป็นร้อยๆ ปีได้หรอก

          “ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ธามจะถามเขานะ”

          กัลยาขมวดคิ้วจากที่คิดว่ารวิชญ์ไม่น่ารีบถาม ตอนนี้เห็นด้วยกับเพื่อนแล้วที่รีบถามเสียวันนี้เลย ภารดียังปิ้งหมูสบายใจเพราะบางอย่างคนนอกก็คือคนนอก รวิชญ์คิดล่วงหน้าแล้วว่าต้องทำยังไงเพื่อให้แน่ใจว่าธามิณีพบคนดีจริงๆ

          “ไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นะ กัลควรเป็นห่วงธามไหม”

          ธามิณียิ้มกว้างเข้าใจเพื่อน หากเป็นเธอคงถามแบบที่กัลยาถามนี่แหละ

          “เขาเป็นคนดี ไม่ใช่มิจฉาชีพหรอก สบายใจได้นะทุกคน”

          แต่ธามิณีคิดว่าไม่มีใครสบายใจสักคน แต่เธอก็จนใจที่จะอธิบายความเป็นมาของศนิไปมากกว่านี้ กัลยาเลื่อนปลายเท้าไปสะกิดรวิชญ์เป็นเชิงรู้กันว่าเดี๋ยวมีเรื่องจะคุย ภารดีเป็นคนเดียวที่มั่นใจในการตัดสินใจของธามิณีจึงช่วยเปลี่ยนบทสนทนาไปเรื่องอื่นแทน เพียงครู่เดียวเสียงหัวเราะก็กลับมาเป็นการคุยกันสนุกสนามตามประสาเพื่อนดังเดิม แม้ว่าสายตาของกัลยาที่มองเพื่อนยังคงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างจากรวิชญ์

 

 

ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB หมวด นิยายรัก โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ

        ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

        อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.