บทที่ 3...1/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 3...1/3

ผลึกกาลกลับสู่สภาวะปกติที่ไม่เป็นอันตรายต่อหัวใจของธามิณีแล้ว ศนิลดมือลงแล้วห่มผ้าให้เด็กสาวซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่เขาพามายังบ้านหลังนี้ การพาเธอกลับไปยังบ้านของรัดเกล้าคงไม่สะดวกที่เขาจะรักษา ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียง สายตาของเขามองดวงหน้าที่กำลังหลับใหล เรียวปากหนาเม้มปิด คิ้มเข้มขมวดเมื่อกำลังใช้ความคิด ทว่าสามารถรับรู้ได้ว่าถูกมองจากธำรงค์ที่เพิ่งเข้ามาในห้อง

“มันไม่ใช่เรื่องลึกซึ้งประโลมโลกอย่างที่มนุษย์ทำหรือคิดกันหรอก” ศนิเอ่ยเมื่อล่วงรู้ว่าพ่อบ้านที่ดูแลเขามานานคิดอย่างไร

เมื่อ 200 กว่าปีก่อนบรรพบุรุษของธำรงค์เคยดูแลเขาอย่างนี้ จนกระทั่งตอนนี้ลูกชายของธำรงค์กำลังทำงานอยู่ต่างประเทศ แต่อีกไม่นานจะเดินทางกลับมาเพื่อทำหน้าที่ต่อจากพ่อ เป็นอย่างนี้มาหลายรุ่นและอาจจะตลอดไป

“ผมก็แค่ยิ้ม แล้วท่านมองแม่หนูคนนี้ ทำไมหรือครับ” ธำรงค์ถามพลางมายืนใกล้ๆ แต่เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย

“มนุษย์คนนี้กำลังเป็นปริศนาของผม” สำหรับธำรงค์ ศนิสามารถพูดตรงๆ โดยไม่ต้องกังวลใดๆ “ผมสามารถสยบผลึกกาลในตัวเด็กคนนี้ได้ แต่ผมไม่สามารถแทรกแซงความทรงจำในสมองของมนุษย์คนนี้ ร่างกายของผมจะพุ่งมาหามนุษย์คนนี้ โดยที่ผมไม่สามารถสั่งให้ตัวเองหยุดได้ มันเป็นเพราะอะไร”

นับเป็นเรื่องแปลกประหลาด การที่ศนิเหลือพลังจากผลึกกาลเพียงครึ่งเดียวก็ใช่ว่าใครจะสามารถทำร้ายหรือบงการเขาได้ แต่ว่ามนุษย์คนนี้ทำไมถึงทำได้

“หรือว่าเป็นเพราะผลึกกาล”

“อาจมีส่วน แต่ไม่ทั้งหมด” ตอนแรกศนิก็คิดว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ “ผมเป็นนายของผลึกกาล แต่ธามิณีไม่ใช่นายของผลึกกาล ธามิณีเพียงต้องใช้มันเพื่อทำให้ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น”

“น่าจะเกือบฟื้นแล้ว” ธำรงค์เห็นเปลือกตาของธามิณีขยับยุกยิก แล้วตามมาด้วยเสียงถอนใจจากเจ้าตัว

ศนิยื่นแขนไปช้อนร่างของธามิณีมาไว้ในอ้อมอก ประตูล่องหนได้เปิดออกเพื่อไปยังปลายทางที่เขาคิดไว้ เขาพาเธอกลับไปยังห้องนอนในบ้านของรัดเกล้า ส่วนกระเป๋าและถุงผ้าที่เธอสะพายวางอยู่ที่ปลายเตียง เขาช่วยเธอได้เพียงเท่านี้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเธอได้

 

ธามิณีลืมตามองเพดานห้องที่คุ้นเคย ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมานั่งแล้วมองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัว ชายสามคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วใช่ไหม เธอยกมือขึ้นมาลูบแก้มกับริมฝีปากที่เคยแตกของตัวเอง

ทำไมถึงไม่เจ็บแล้วล่ะ?

ปากของเธอราวกับไม่เคยแตก แก้มของเธออยู่ในสภาพเดิมเหมือนกับไม่เคยถูกตบ แล้วใครอีกคนที่มาช่วยเธอไว้ ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว พอเด็กสาวก้าวลงจากเตียงจึงเห็นกระเป๋านักเรียนและถุงผ้า เธอเปิดไฟในห้องแล้วเปิดประตูทำให้ได้ยินเสียงรัดเกล้ากำลังต่อว่ากาญเกล้า

“ทำไมเรียนหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ ไปมีเรื่องมีราวจนแม่ต้องไปขอโทษแม่ของรุ่นน้องคนนั้น ทำตัวดีๆ ให้พ่อกับแม่สบายใจบ้างไม่ได้หรือไง”

ธามิณีปิดประตูห้องพอจะรู้แล้วว่ามีเรื่องอะไร เธอถอนใจคิดว่าไม่ควรเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพราะตอนนี้ไม่มีหลักฐานว่ามันเกิดขึ้นอีกแล้ว สงสัยเพียงแต่ว่ากาญเกล้าวางแผนให้เธอไปเจอไอ้สามคนนั้นหรือว่ามันเป็นความบังเอิญกันแน่ พอมานึกๆ ดูเธอเคยเห็นไอ้สามคนนั้นมาก่อน พวกมันมักนั่งกินเหล้าอยู่ในร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ป้ารัดเกล้าเคยบอกเธอว่าอย่าไปแถวนั้น แต่วันนี้ทำไมพวกมันถึงตั้งใจมาคุกคามเธอ

ธามิณีหยิบเสื้อผ้าแล้วไปอาบน้ำ พอกลับมาในห้องจึงเห็นว่ากาญเกล้ากำลังนั่งร้องไห้อยู่ แต่กาญเกล้ากลับรีบมองเมินไปทางอื่น ธามิณีก็เหนื่อยเกินกว่าจะถามไถ่ถึงเรื่องเมื่อหัวค่ำ แม้จะมั่นใจว่าการที่ชายสามคนมาคุกคามเธอแบบนั้น อาจเกี่ยวข้องกับกาญเกล้าก็ได้ เธอไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้กาญเกล้าเกลียดจนคิดทำร้ายกัน แต่ที่ไม่รู้ยิ่งกว่านั่นคือหากเธอไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับรัดเกล้า รัดเกล้าจะเชื่อเธอหรือว่าเข้าข้างลูกสาวของตัวเอง

 

ธามิณีเดินไปโรงเรียนในเวลาเดิม แม้จะใจเต้นแรงเพราะความกลัวเมื่อต้องผ่านซอยเล็กๆ นั้น ทว่าในเช้าวันนี้กลับมีชาวบ้านมุงกันอยู่ที่ปากซอยหลายสิบคน ด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ธามิณีจึงรวบรวมความกล้าเดินไปทางนั้นเพื่อถามชาวบ้านที่กำลังยืนคุยกัน บางทีอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ได้

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณป้า” ธามิณีถามพลางมองเข้าไปด้านใน เธอเห็นหญ้าราบไปกับพื้น ต้นไม้หักโค่นราวกับเจอพายุซัดเข้าไปเต็มๆ ในความทรงจำอันเลือนราง เธอหรือเขาคนนั้นที่ทำให้เป็นแบบนี้กันนะ

“ไอ้สามคนนั้นมันเสพยาจนหลอน แถมคงโค่นต้นไม้จนหัก พอฟื้นมาก็เอาแต่บอกว่าเห็นผี ตำรวจเลยมารวบตัวไปเพราะมียาเสพติดอยู่เต็มกระเป๋าน่ะสิหนู”

แม้จะเป็นความทุกข์ของคนกลุ่มนั้น แต่ช่วยไม่ได้เลยที่ธามิณีรู้สึกว่ามันสาสมแล้วเพราะเธอจำได้ขึ้นใจว่าตัวเองได้พบกับอะไร 

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะ”

ธามิณีเดินออกมาจากปากซอย หากสิ่งที่ชายคนนั้นบอกเป็นเรื่องจริงอย่างการลบความทรงจำ ย่อมแสดงว่าชายสามคนนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน แต่ว่าเรื่องการหลอนเพราะเสพยาก็พออ้างได้ เธอจำได้ว่าชายคนนั้นทำบางอย่าง สายตาสาแก่ใจของชายคนนั้นคงเพราะเรื่องนี้กระมัง ลบความจำแล้วใส่บางอย่างลงไปแทน ถ้าเขาทำให้ชายทั้งสามคนหลอนแบบนี้ได้ เธอคงต้องถามซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำอะไรได้มากมายเหลือเกิน

 

ตลอดหลายเดือนต่อมาจนกระทั่งธามิณีขึ้นมัธยม 6 แล้ว เธอคิดว่าชีวิตคงกลับสู่เส้นทางที่เคยเป็นอย่างการเรียนหนังสือ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของการอ่านนิยายที่ชอบ ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะโดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องชีวิตตัวเอง นัดกัลยามาเที่ยวด้วยกันนานๆ ที แม้จะอยู่คนละโรงเรียน แต่เธอกับกัลยายังคงติดต่อกันเพราะสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก

ธามิณีวางแผนสำหรับอนาคตว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ หลังจากนั้นเธอจะขอทุนเรียน ทำงานพิเศษด้วย หรือไม่ก็ขายรถของพ่อเพื่อใช้เป็นทุนการศึกษา เพราะเธอรู้แล้วว่าคงอยู่กับป้ารัดเกล้าไปตลอดไม่ได้

ลุงเตชิตได้เลื่อนตำแหน่งและต้องไปทำงานที่สาขาประเทศญี่ปุ่น ธามิณีบังเอิญได้ยินลุงกับป้าคุยกันเรื่องนี้ แน่นอนว่าการเดินทางไปทำงานไกลถึงขนาดนั้น ครอบครัวย่อมต้องตามไปด้วย ยกเว้นเธอที่แทบจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในครอบครัวนี้ไม่ได้

“แล้วธามจะอยู่ได้ยังไง น้องสะใภ้ของพี่เตมีลูกตั้งหลายคน ถ้าธามไปอยู่ด้วยอีกคนคงไม่ยอมหรอก” น้ำเสียงของรัดเกล้าเต็มไปด้วยความกลุ้มใจ

เตชิตถอนใจ “เดี๋ยวพี่พูดให้เอง ถ้ารัดจะเอาธามไปอยู่ด้วย พี่คงไม่ไหวเหมือนกัน รัดเข้าใจพี่ใช่ไหมล่ะ”

ธามิณีได้ยินแล้วก็ใจหาย เธอไม่ได้คิดว่าจะถูกชวนให้ไปด้วยกัน แต่การที่กลายเป็นภาระของรัดเกล้ากับเตชิต ทำให้เธอรู้สึกแย่ เธออยากย้ายไปอยู่คนเดียว แต่ทำอย่างไรได้หากเธอไม่มีเงินจะซื้อชุดนักเรียนใหม่ด้วยซ้ำ

“ถ้างั้นให้ธามอยู่บ้านหลังนี้ไปก่อนก็ได้นี่นา เอาไว้ธามสอบเข้ามหา’ลัยได้แล้ว รัดค่อยตามพี่เตไป” รัดเกล้าเสนออีกวิธี

“ทำแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า” เสียงของเตชิตดังขึ้นมาทันที “พี่ไปทำงานจะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลบ้าน ดูแลลูกๆ บ้านหลังนี้พี่ก็จะปล่อยเช่า เอาตามนี้แหละ เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องของธามเอง”

ธามิณีได้ยินเสียงเดินจึงรีบเข้าห้องของตัวเอง เตชิตออกมาจากห้องในวินาทีต่อมาเพื่อไปทำงาน ธามิณีถอนใจพลางนั่งลงราวกับคนหมดแรง แผนในอนาคตที่เธอวางไว้คงไปถึงไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว แต่เธอจะไม่ท้อขอเวลาอีกแค่ 1 ปี เพียงแค่เข้ามหา’ลัยได้ ถึงตอนนั้นเธอจะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย การเป็นคนไม่มีพ่อไม่มีแม่ ทำให้เธอรู้แล้วว่าการมีชีวิตในแต่ละวันช่างขมขื่น จนเธอต้องพยายามบอกให้ตัวเองอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เธอต้องเป็นคนที่มีความสุขและดูแลตัวเองได้

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.