ตอนที่23:ความเข้าใจผิด

The Regressed Demon Lord is Kind จอมมารผู้ถ่อมตนและเมตตา

-A A +A

ตอนที่23:ความเข้าใจผิด

หมวดหนังสือ: 

“ โอ้ดีเลย ถ้างั้นบ้านเจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน นำทางพวกข้าไปหน่อยสิ "

“ ไปตายซะไอ้เวร! แกต้องการจะทำอะไรน้องชายข้าอีก! ” 

ชายหนุ่มขัดขืนอย่างสิ้นหวัง แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดจากอ้อมแขนทรงพลังของซีคได้ ตัวชายหนุ่มพยายามจะชกหน้าซีคให้โดนเท่าที่ตัวเองขยับถึงแต่ก็ถูกซีคหลบหรือใช้มืออีกข้างบล็อคอย่างง่ายดาย

การกลั่นแกล้งนี้ดำเนินไปสักพักสุดท้ายชายหนุ่มก็หมดแรงหายใจหอบ ลูเบลล่าที่เห็นจึงออกตัวพูดโดยที่เธอยังคุกเข่าอยู่บนพื้น

“ ได้โปรดฟังพวกเราก่อนได้ไหม พวกเราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครค่ะ ฉันอยากช่วยรักษาเขาพร้อมหยุดเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ ”

“ แล้วจะให้ข้า เชื่อพวกเจ้าได้ยังไง ”

ทั้งเมืองตอนนี้พูดถึงแต่เรื่องของซีคและแม่มดลูเบลล่า ยิ่งเหตุการณ์ตอนที่เขาได้เจอทั้งสองครั้งแรกจึงทำให้เขาไม่อยากฟังคำพูดของลูเบลล่า

ซีคพูดเสริม “ ก็เข้าใจหรอกนะทำไมถึงสงสัยคำพูดยัยนี่ แต่แกช่วยมองข้อเท็จจริงหน่อยเป็นไง ” “น้องชายแกอยู่จุดที่ให้รอตัวเลือกมากรึไง ถ้าข้าพูดไม่ผิดละนะ ไม่มีอาการบาดเจ็บ ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่กำลังอ่อนแอลงจนเข้าใกล้ความตาย ”

รูม่านตาของชายหนุ่มสั่นสะท้าน

“ ไม่ว่าเขาจะกินมากแค่ไหนน้ำหนักก็ลดและเดินลำบาก ท้ายที่สุดทำได้แค่นอนบนเตียงเท่านั้น “” ซึ่งมันใช่เวลาไม่นานหรอกก่อนจะตายไป " 

“…”

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กำปั้นที่แน่นของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าคำพูดของซีคนั้นถูกต้องแล้ว

“ จะบอกให้ถ้าแกยังอวดดีไม่นำทางเราไปน้องชายแกไม่รอดแน่ ต่อให้แกจะพยายามยื้อชีวิตเขาเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น “ ” ในความสิ้นหวังนี้แกยังมองไม่เห็นหนทางที่ควรเลือกงั้นหรือ นำทางพวกข้าไปแล้วจะรักษาให้ ตอบมาซะ! ”

คำพูดของซีคไม่ต่างกับการล่อลวงของปีศาจ ชายหนุ่มเหมือนกดดันหนักจนกัดริมฝีปาก

 * * *

ชายหนุ่มนำทางซีคและลูเบลล่าเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งในสลัม มันเป็นแบบเดียวกับสภาพโดยรอบ ที่เสื่อมโทรมปะปนไปกับกลิ่นเหม็น

“ คงเป็นเขาสินะค่ะ”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนบนเตียงที่ทำจากกองฟางเก่าๆและเสื่อฟางราคาถูกปกคลุมตัว ผิวไม่ได้ซีดหรือหมอง การหายใจดูปกติ ลักษณะไม่ได้ดูเหมือนคนป่วยใดใด ที่ผิดปกติแค่ร่างกายที่ผอมแห้งมากเหมือนมัมมี่ต่อให้เทียบกับคนขาดสารอาหารในสลัมตัวเด็กหนุ่มคนนี่ดูอาการรุนแรงกว่ามาก

“ ครับ..ท่านหญิง ” 

ทิมมี่ตอบคำถามของลูเบลล่า ถึงเขาจะยังระมัดระวังในตัวทั้งสอง แต่ในตอนนี้มันคือความหวังเดียวเพื่อน้องชาย น้ำเสียงและคำพูดจึงพยายามรักษาความสุภาพเรียบร้อย

ลูเบลล่าตรงไปหาเด็กชายพร้อมวางมือบนอกโดยไม่มีความลังเล ทิมมี่สะดุ้งแต่ไม่ได้หยุดเธอ

“ อาการเขาเป็นยังไง ”

“ ไม่ผิดแน่เหมือนที่พวกเราคิดไว้ ” ลูเบลล่าดึงมือออกจากเด็กชายแล้วตอบซีค

“ฉันแทบไม่รู้สึกถึงพลังชีวิตของเด็กคนนี่เลย มีพลังสกปรกของเบลลูเข้ามาปกคลุม เขากลายเป็นผู้เสียสละ "

" เสียสละ?! หมายความว่าไงครับ..น้องชายข้า ”

ทิมมี่ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจแล้วเดินเข้ามาจับต้นแขนลูเบลล่าเพื่อให้เธอบอกกับเขา แต่เธอลังเลที่จะต้องเล่าปัญหาในตอนนี้ให้เขาฟัง ซีคจึงเป็นคนที่จะบอกทิมมี่แทน 

“ ข้าจะบอกให้ฟังโดยคร่าวๆนะ มีพวกหนึ่งที่กำลังแพร่กระจายคำสาปกับทั้งเมืองโดยโยนความผิดให้พวกข้ากลายเป็นต้นเหตุ เจ้าคงเคยได้ยินชื่อพวกเบลลิดอยู่ใช่ไหม ”" ตอนนี้พวกมันดึงพลังชีวิตน้องชายแกและคนอื่นเป็นพลังงานให้กับพิธีกรรม ตอนนี้พวกมันยังไม่ดึงพลังไปจนถึงตายหรอก แต่บอกได้เลยว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น "

เหตุการณ์ใหญ่และความน่ากลัวถูกเปิดเผยให้เขาฟัง แต่ความคิดทิมมี่ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้เลย

“ จะ-จะเป็นยังไงต่อ น้องชายข้าจะมีทางดีขึ้นไหม ”

" ใช่ แน่นอน "

ลูเบลล่าที่ตอนนี้ก้มหน้าอยู่ร้องถามออกมาด้วยความตื่นตัว " จริงเหรอ! นายมีวิธีให้เขาดีขึ้นได้แล้วงั้นหรอ” ในใจเธออยากรักษาเด็กคนนี้ในทันที กลายเป็นว่าแม้แต่เธอก็ไม่รู้วิธีรักษาคนที่ถูกพรากพลังชีวิตไปจนเข้าใกล้ความตายขนาดนี้

“ ใช่ มีแน่นอน”

“ ย-ยังไง…? ” ทิมมี่ถามซีคอย่างอ้อนวอน ราวกับตอนนี้เขาละทิ้งความหวาดระแวงทั้งสองไปแล้ว

“ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน พลังชีวิตถูกดึงไปที่ไหนก็ต้องเอาคืนจากที่นั่น เป็นวิธีการที่ได้ผลที่สุดแล้ว ” 

เสียงของซีคเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะยิงคำถามเพิ่ม

“ เพราะงั้นเวลานี้ต้องรู้ก่อนว่า..ได้รับผลของพิธีกรรมตอนไหน มีอะไรที่นึกอะไรออก เขาไปที่ไหนหรือพบเจอใครก่อนที่จะล้มลง ”

“ มีหนึ่งคนครับ ต้องเป็นมันแน่! ”

ทิมมี่ดูมั่นใจ ทั้งซีคและลูเบลล่าต่างคาดหวังในคำตอบ

“ ดีมากเพื่อนรัก เจ้ากำลังเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของเด็กคนนี่ ที่ไหนและใครบอกพวกข้ามา ”

“ ไอ้สารเลวนั่น ซูเดะ ”

" ใครนะ? "

“ ไอ้สารเลวซูเดะ ท่านจำได้ไหมชายที่ท่านช่วยพวกเราทุบตีเขา ไอ้เวรนั่นแหละ! "

“ เป็นไปได้ยังไง? ” ลูเบลล่าเผลอพูดขึ้นโดยไม่ตั้งใจตอนฟังซีคและทิมมี่พูดกัน

ทิมมี่มองไปที่ลูเบลล่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ลูเบลล่าตกใจเธอสับสนกับคำตอบและอารมณ์ของทิมมี่

“ ไอ้พ่อค้าคนนั้นแหละ ที่ท่านช่วยชีวิตมัน! ” ทิ่มมี่พูดออกมาด้วยความเสียงดัง

ซีครีบมาอุดปากทิมมี่อย่างรวดเร็ว ความวุ่นวายเสียงดังไม่ดีกับซีคและลูเบลล่าที่ต้องซ่อนตัว โชคดีที่ทิมมี่ไม่ได้อยากตะโกนอะไรออกมาอีก ถึงจะถูกปิดปากไว้แต่สายตาทิมมี่ยังจ้องตรงไปที่ลูเบลล่า 

“ เฮ้ไอ้สหาย ช่วยใจเย็นก่อนพวกเราต้องเคลื่อนไหวโดยไม่สะดุดตาจำไว้ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตน้องชายนาย ระมัดระวังหน่อย ” 

ทิมมี่พยักหน้าและซีคก็เอามือออกจากปากชายหนุ่ม

“ เล่าให้พวกเราฟังมากกว่านี้ เรื่องนี้สำคัญยิ่งรายละเอียดชัดเจนแค่ไหนโอกาสรอดของเด็กคนนี้ก็มากขึ้นเท่านั้น ”

“…มันเกิดขึ้นเมื่อสิบวันหรือน้อยกว่านั้น ข้ากลับมาจากทำงานหาเงิน ข้าไม่เหมือนพวกท่านการหยุดพักผ่อนสักวันอาจทำให้เราอดตายได้ แม้น้องชายข้าจะไม่สบายข้ายังไม่สามารถอยู่ดูแลเขาได้เลย"

ทิมมี่ยกมือมาลูบหน้าผากน้องชายเขา อาจจะเพราะเด็กชายสัมผัสถึงมืออันคุ้นเคย ใบหน้าของเขายิ้มขึ้นเล็กน้อยหลังจากพลิกตัวไปมา ที่จริงควรเป็นฉากประทับใจแต่ร่างกายเด็กหนุ่มบนเตียงฟางดูย้ำแย่จนคนที่เห็นเจ็บปวดแทน

“ วันนั้นข้ากลับมาช้ากว่าวันอื่น เพราะมีงานให้ค่าตอบแทนสูง ”

ทิ่มมี่กลับมาที่บ้านพร้อมกระสอบที่เต็มกว่าปกติ แต่ความยินดีและเต็มอิ่มก็อยู่ได้ไม่นาน

“ ตอนข้ากลับมาถึงเด็กน้อยคนนี่ก็ไม่อยู่ ที่ผ่านมาเขาจะรอข้ากลับถึงบ้านไม่เคยไปไหน เพราะข้าสอนเขาเสมอว่าเมื่อเริ่มมืดนอกบ้านมันอันตราย ”

แน่นอนว่าเมื่อไม่เห็นน้องชายที่แรกที่เขาตามหาคือเขตสลัม มันเป็นพื้นที่คำว่ากฎหมายและระเบียบเป็นเรื่องตลก ความกังวลหลายอย่างเกิดขึ้นในหัว แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เด็กคนนี่เป็นคนเดียวในครอบครัวที่เขาเหลือ

“ ข้าเดินตระเวณไปทั่วสลัมนานจนเจอเขาตรงพื้นที่โล่ง บริเวณนั้นไกลจากถนน ”

แต่ว่าที่เขาเจอไม่ใช่มีแค่น้องชายเขา ยังมีชายอีกคนสวมหน้ากาก “ น้องชายของข้านอนอยู่บนพื้น ไอ้ห่านั้นหมอบอยู่เหนือตัวเขา ”

ชายสวมหน้ากากเอาบางอย่างมาติดที่แขนเด็กชาย ทิมมี่ยังจำภาพได้ชัดเจนเขาเห็นมันถือมีดที่ดูเยือกเย็นส่องประกายใต้แสงจันทร์ 

“ ข้าไม่มีเวลาให้คิดด้วยซ้ำ รีบพุ่งเข้าไปหามันแล้วร้องตวาดใส่ให้มันตกใจ ถึงมันจะผงะแล้วเตรียมจะตั้งรับแต่ข้าเร็วกว่าก่อนจะซัดกับมันหลายหมัด ”

การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปถึงทิมมี่จะต่อสู้เก่งกว่าแต่ก็ต้องคอยระวังอาวุธในมือศัตรู—ยืดเยื้อสักพักชายคนนั้นก็หลบหนีไปได้ “ แต่ว่าข้าถอดหน้ากากมันได้สำเร็จและจำมันได้ชัดเจน ”

“ เพราะต้องหาเงินอยู่ตลอด แม้ต้องขอทานข้าก็ยอมทำจึงเคยไปแถวเขตการค้าหลายครั้ง ข้าจดจำไอ้สารเลวนั้นได้เป็นมันไม่ผิดแน่”

“ ผู้ชายสวมหน้ากากคนนั้นคือซูเดะสินะ ” ซีคพูดขึ้น

ทิมมี่เวลานั้นห่วงแต่อาการน้องชายตัวเองเลยไม่มีเวลาไล่ตามซูเดะไป เขาตรวจดูตรงแขนที่น่าจะถูกซูเดะกรีด แต่มันก็แปลก

“ มันไม่มีรอยแผลตรงที่น่าจะถูกกรีด ไม่มีรอยถลอกเลยด้วยซ้ำ ไม่นานเด็กคนนี่ก็ได้สติเลยโล่งใจ ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันต้องการลักพาตัวเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่ายในสลัม "

" ที่นึกออกได้ก็หลังจากตอนนั้นแหละที่น้องชายข้าไม่มีเรี่ยวแรงหมดสติจนเริ่มมีอาการแบบที่เห็น ” 

ทิมมี่มองน้องชายเขาด้วยสายตาสงสารและเป็นห่วงมาก

“ แม้ข้าจะนำอาหารให้เขากินแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ จนข้าแทบบ้า! เขาไม่ได้ป่วยแต่อ่อนแอลงเรื่อยๆเหมือนที่พวกท่านพูดราวกับว่าพลังชีวิตเขาค่อยๆถูกดึงไป ”

จากนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น

“ กริชที่ไม่ทิ้งรอยแผล ข้าสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่ข้ารู้ เพราะเป็นเหตุการณ์ผิดปกติเดียวที่เกิดขึ้น " 

แน่นอนอยู่แล้วว่าทิมมี่ต้องตรงไปหาซูเดะ เขารู้อยู่แล้วว่าหาตัวได้ที่ไหน แต่ก็ลงมือไม่ได้มากทางการไม่ให้ความสำคัญกับตัวตนน่ารังเกียจแบบพวกเขาเลย เพราะถึงซูเดะจะไม่ใช่คนมีฐานะแต่ก็ยังมีตัวคนขึ้นทะเบียนในสังคม

“ แต่ข้าทนอยู่เฉยๆไม่ได้เมื่อนึกถึงเด็กคนนี่ จึงเลือกทางแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง…แม้มันจะเสี่ยง ” 

“ ทำให้พวกเราได้เจอกันตอนนั้นสินะ ”

“ ใช่ครับ ตอนนั้นข้าวางแผนจะเอากริชเล่มนั้นมาให้ได้ก่อน เพื่อต่อรองแลกวิธีการมารักษาเด็กคนนี่ต่อให้ไอ้ห่านัั่นไม่ยอมพูดแต่ถ้ามีหลักฐานไปแจ้งอาจจะทำให้เรื่องน่าเชื่อถือมากขึ้น ”

ทิมมี่หยุดพูดไปช่วงหนึ่งแล้วจ้องไปทางลูเบลล่าอีกครั้ง

“ แต่มันก็ถูกทำลายด้วยคนดีมีคุณธรรมไปหมดสิ้น ”

" ฉันขอโทษ มันเป็นฉันเข้าใจผิด…"

“ เข้าใจผิด? ”

เสียงของทิมมี่นั้นแหลมสูงขึ้น

“ ทำไมละ? เพราะเราเป็นฝ่ายเดียวที่ทุบตีเขา เพราะเราเป็นคนในเขตสลัม หรือเพราะพวกเราถูกสังคมตราหน้าว่าอันธพาลตามชาติกำเนิด ในสายตาคุณผู้หญิงเราคือคนแข็งกร้าวและชายคนนั้นอ่อนแอ "

" เลยตัดสินว่าเราต้องทำผิดใช่มั้ย! ” เสียงของทิมมี่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

“ บอกว่าเข้าใจผิดๆๆ แล้วน้องชายของข้าละ…! ”

ซีคตบไหล่ของทิมมี่

“ พวกข้าเข้าใจแล้วสหาย " 

“ ดุด่าเธอเท่านี้ก็พอ ที่เจ้ากล่าวมาไม่ผิด ยัยยี่เติบโตมาในโลกที่สวยงามถูกปกป้องมาตลอดเธอยังขาดประสบการณ์ภายนอก ”

" เธอรู้ตัวแล้วและกำลังพยายามแก้ไข ตอนนี้เธอก็เผชิญหน้ากับพวกมัน ถึงมันจะยากแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ "

ทิมมี่ระงับความโกรธของเขาได้แล้ว

ลูเบลล่าตอบอะไรกลับไม่ได้เลยเพราะเธอรู้สึกผิดจริงๆ คำพูดที่เปิดเผยของทิมมี่มันเสียดแทงเข้าใจเธอ

* * *

ซีคและลูเบลล่ากำลังเดินออกนอกบ้านของทิมมี่ พร้อมเบาะแสที่ชี้ทางไปหาซูเดะ

ทิมมี่เมื่อเห็นพวกเขาเดินกำลังจะพ้นประตูพูดขึ้น “ ได้โปรดนะครับ ช่วยรักษาชีวิตของน้องชายข้า ”

 ราวกับว่าอารมณ์เขาเย็นลงแล้ว ทิมมี่ก็พูดอย่างสุภาพอีกครั้ง

“ ค่ะ แม้ต้องสาบานด้วยชีวิตเราก็จะทำให้สำเร็จ ”

ลูเบลล่าที่รู้สึกผิดและอยากแก้ไขมันเพื่อทิมมี่ เธอยิ่งมุ่งมั่นมากกว่าเดิม 

ทิมมี่โค้งหัวทางพวกเขาและทั้งสองก็พยักหน้ารับ

“ เฮ้สหาย ขอบคุณที่ร่วมมือ อย่าสติแตกมากไปน้องชายนายจะดีขึ้นในไม่่ช้า ”

“ ครับ ขอให้ท่านทำมันสำเร็จได้โปรด ”

“ แน่นอน แต่ข้าอยากรู้อยู่เรื่องหนึ่งทำไมดูเจ้าไม่ได้โกรธเคืองข้าเลย ข้าก็ทำผิดต่อเจ้าเช่นกันมันเพราะอะไร ”

ในตรอกนั้นตอนลูเบลล่าปรากฏตัวซีคก็ไม่ได้สนใจทิมมี่เลย จะพูดว่าเขาไม่ต่างกับทรยศความหวังทิมมี่เหมือนกัน แต่ทิมมี่ก็ไม่ได้มองเขาอย่างแค้นๆ เหมือนทิมมี่มองซีคและลูเบลล่าต่างกันชัดเจนมาก

“ เอ่อ คำถามนั้นคงเพราะว่า ” ทิมมี่ลังเลเล็กน้อยพูดอย่างเกร็งๆว่า “ ผู้คนทั้งหมดที่ข้าร้องขอยกเว้นเพื่อนๆข้า…ก็มีแค่ท่านที่ยื่นมือเข้าช่วยโดยไม่ถามเหตุผล ตัวตนอย่างพวกข้าที่แม้แต่พ่อแม่ก็ทิ้งไป คงเป็นเหตุผลนี่แหละครับ ”

เพราะเรื่องนี้? ใบหน้าของซีคนิ่งแข็งค้างไป

“ ข้าพูดอะไรผิดไปครับ ”

“ ไม่ มันไม่มีอะไร ” 

ทิมมี่มองอย่างงุนงงแต่ซีคก็ไม่พูดอะไรเพิ่ม ทิมมี่จึงไม่ถามเรื่องนี่ต่อ

“ แล้วเรืื่องที่พวกท่านลงมือกับท่านเจ้าเมืองและรองเจ้าเมือง มันเกิดขึ้นจริงหรอครับ หรือมันเกี่ยวกับคำสาปครั้งใหญ่นี้กัน ”

ถึงที่ผ่านมาเขาจะสนใจแค่เรื่องน้องชายเท่านั้น แต่เมื่อเขาใจเย็นลงก็มีเวลาคิดถึงปัญหานี่ ที่ทิ่มมี่ถามก็แปลกๆตรงที่เรียกเจ้าเมืองว่าท่านแต่รองเจ้าเมืองเขาไม่เติมคำนี่ แต่ซีคก็ตอบแค่ว่า

“ ถ้าเจ้ารู้มากไปมันก็เพิ่มความอันตรายให้ตัวเอง ไม่รู้นั่นแหละดีแล้ว ”

“ งั้นบอกข้าแค่เรื่องเจ้าเมืองก็ได้ครับ เขาตายแล้วหรือ มีชิวิตอยู่ ”

" เขาตายแล้ว "

ซีคคิดว่าเรื่องนี่บอกทิมมี่ไปก็ดี แต่ลูเบลล่าสงสัยว่าทำไมทิมมี่ถึงให้ความสนใจแค่เจ้าเมือง อาจจะเพราะรู้สึกดีก็ได้ที่เจ้าเมืองตายไปเพราะความเลวทรามที่เขาทำ

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของทิมมี่นั้นคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“ น่าเสียดายครับ เขาเป็นคนดี ”

“ เป็นไปได้ไงค่ะ ” ลูเบลล่าตกใจในข้อมูลเรื่องนี่ “ คนดี? เจ้าเมืองปอร์ติ? "

“ ใช่ครับ เขาเป็นคนดีเกินไป ข้ายังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเติบโตมาจากเมืองแห่งความโลภเช่นนี้ "

“แต่ข่าวลือเกี่ยวกับเขาไม่ค่อยดีนั้นละ…” 

ทิมมี่ทำหน้าบึ้ง

“ พวกท่านฟังจากพวกพ่อค้าหรือคนที่มีอันจะกินสินะครับ พวกนั้นไม่ชอบตัวท่านเจ้าเมืองเลย เขาพยายามเอาภาษีเมืองช่วยคนไร้ค่าคนยากไร้ ทำให้พ่อค้าและคนมีอำนาจหลายคนไม่พอใจ ”

“ เสียก็ตรงที่คำพูดพวกชั่วนั้นมีน้ำหนักมากภายในเมือง ข่าวต่างๆมากมายของท่านเจ้าเมืองจึงกลายเป็นเลวทรามไป ”

“ แต่ที่ฉันเห็นการใช้ชีวิตของเขาฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองมากเลยนะ คฤหาสน์ที่โหญ่โตหรูหรา เป็นไปได้ไงกันที่เขาเป็น-เขาดูโลภมาก ”

“ ท่านเข้าใจผิดอีกแล้ว ” ทิมมี่สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ลูเบลล่าปิดปากเธออย่างสับสน จิตใจเธอเหมือนต้นไม้ใกล้ตายพยายามทำลำต้นให้ตรง

“ เขาดูฟุ่มเฟือย คฤหาสน์หลังใหญ่แล้วสิ้นเปลืองงั้นหรอ ท่านเจ้าเมืองเขาทำมาทั้งหมดโดยไม่ใช่ตำแหน่งสักหน่อยตัวเขาหนะด้านการค้าขายเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีคนมากมายที่ไม่เห็นเขาเป็นศัตรู แต่ทุกอย่างเขาใช้เงินตัวเองเป็นสิทธิ์ของเขา ”

“ ท่านเจ้าเมืองบริจาคเงินมาโดยตลอด พ่อค้าทั้งหมดภายในเมืองมีแค่ท่านคนเดียวที่ใช้เงินและห่วงใยคนจนแบบพวกเรา นิสัยคนๆหนึ่งมันเกี่ยวอะไรกับรูปลักษณ์ถึงบอกว่าท่านดูโลภ ”

“…”

ลูเบลล่าไม่สามารถพูดอะไรเพื่อตอบกลับ

 

.

.

.

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.