มา มาอยู่กับพระเจ้า

เดอะ ดาร์คเนส

-A A +A

มา มาอยู่กับพระเจ้า

จบบริบูรณ์

          “เป็นบ้ารึ?”   เหมือนถูกตัวเองอีกคนด่า   โพเอฟที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะรับแขกในบ้านของเพื่อนเขาที่ชื่อโบสเซน   หลุดขำออกมาเบาๆ   เพราะตัวเองก็เพิ่งจะด่าคู่หูตัวน้อยออกไปหยกๆ

            “แค่คืนเดียวข้าก็แทบเป็นบ้าแล้วนะ   นี่ยังจะให้แลกงานกลางวันต่อ   เจ้านี่มัน...”   โบสเซนทำท่าฟึดฟัดไม่พอ   เดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียง   หนึ่งในสิบเตียงที่ตอนนี้มีคนเก้าคนกำลังนอนอยู่โดยที่แสงไฟก็ยังแยงตาอยู่อย่างงั้น   แต่พอเห็นว่าเพื่อนยังนั่งไม่ยอมลุก   ตัวเองจึงต้องเป็นฝ่ายลุกมานั่นที่เดิมอีกครั้ง

          “นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าถูกใจไอ้เด็กจอมพูดมากนั่น?”   โพเอฟเปลี่ยนสีหน้าเป็นขึงขังในทันที

          “บ้าหรือ?”   โพเอฟลุกขึ้น   “ถือว่าเจ้าตกลงกับข้าแล้วนะ”   ไม่รอฟังเสียงปฏิเสธที่เบาราวกับกระซิบของโบสเซน   โพเอฟเดินออกมาจากบ้าน   พอถึงบ้านก็ล้มตัวนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยแต่เหมือนเสียงคำถามของเพื่อนจะดังกังวานในหัวไม่หายไปไหน

          “ถูกใจ?   ถูกใจบ้าอะไร”   โพเอฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะปิดเปลือกตาลงพร้อมแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

          เช้าวันต่อมา   โพเอฟทำหน้าที่เดิมกับเด็กชายพูดมาก   วันนี้แป็นเขาที่ชวนอีกฝ่ายคุย   แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากกลับมาจากเกาะนั้น   ถามคำตอบคำแต่สุดท้ายก็ได้ชื่อมา   วอปโป  

          หลังจากเสร็จภารกิจ   โพเอฟและวอปโปก็เดินทางกลับไปยังที่พักอาศัย   ดูเหมือนวันนี้อาการของวอปโปจะดีขึ้น   และมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ   ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ทำงานร่วมกัน

 

          เช้าวันหนึ่ง   ในขณะที่กำลังพายเรือไปยังเกาะหลัก   “เมื่อวานข้าเห็นมันอีกแล้ว”   โพเอฟชะงักทุกการกระทำ   เกือบจะลืมหายใจด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำกล่าวลอยๆ   ของวอปโป   เงียบไปอยู่นานก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเย็นๆ   “เห็นอะไร?”   วอปโปไม่ตอบและไม่ถามอะไรอีกเลยเช่นเดียวกับที่โพเอฟเองก็หยุดที่จะยิงคำถามใส่อีกฝ่าย

          เข้าสู่ช่วงบ่าย   ในขณะที่โพเอฟกำลังง่วนกับการเก็บของจนไม่ทันสังเกตคู่หู   พอเก็บของที่เรือเสร็จก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้จูงมือวอปโปมาด้วยจึงเดินกลับไปที่เดิมแต่ยังไม่ทันไร   เขาได้ยินเสียงโวยวายจากทางขวาไม่ไกลมาก   ไม่รู้ทำไมแต่เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกับภาพชาวบ้านที่กำลังมุงที่ชายป่า  

          โพเอฟวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปก็เห็นกับสิ่งที่น่าตกใจอย่างสุดขีด   วอปโปกำลังยืนอยู่ภายในเขตป่าที่โดยปกติแล้วมันจะทึบจนไม่มีช่องลอดเข้าไปภายในแต่ตอนนี้และเวลานี้มันมีเส้นทางแหวกออกอย่างน่าประหลาด  

          ในขณะที่สายตากำลังจับจ้องมองร่างเล็ก   เขาเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวในเงามืดที่อยู่ลึกเข้าไปในจุดที่แสงเข้าไปไม่ถึง   หูจับเสียงตะโกนของใครคนหนึ่งที่กำลังบอกให้วอปโปรีบออกมาก่อนจะโดนฆ่า  

          “เจ้าเองก็เห็นมันใช่ไหม   โพเอฟ”   วอปโปเบนหน้ามองโพเอฟ   ทำให้เขาเป็นจุดสนใจของชาวบ้านที่มุงดู

          “พูดบ้าอะไร....ออกมา....วอปโป!!”   เหมือนมีก้อนอะไรกระจุกที่ปากจนเปล่งเสียงออกมาได้ไม่เต็มกำลัง   รู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวจนต้องเอามือจับที่หลังหัว   ที่แผลหัวแตก

          “เจ้าโกหก   มันบอกว่าเจ้าเห็นมัน!!”   วอปโปตะโกนออกมา   เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีบังเกิดลมกระโชกที่ทะลวงออกมาจากภายในผืนป่า   แต่น่าแปลกที่ตัววอปโปเหมือนไม่โดนกระแสลมเพราะทั้งทรงผมที่ยาวและเสื้อผ้าดูนิ่งจนเหมือนกับข้างหลังของวอปโปมี....!!!

          ท่ามกลางเสียงตะโกนว่ามันมาแล้วกับกลุ่มคนที่แตกกระจายราวกับมด   หนึ่งในนั้นที่ยืนไม่ห่างจากโพเอฟ   ชายวัยกลางคนค่อนไปทางมีอายุพอสมควรง้างมือเปล่าที่ยกขึ้น   ทำท่าเหมือนจะปาบางอย่างออกไปจากมือ  

          อย่า!!!!!   เสียงตะโกนมันจุกที่ลำคออีกแล้ว   ภาพที่เห็นอีกทีคือหัวของวอปโปหลุดออกมาจากลำคอราวกับถูกกระชากอย่างแรง   เลือดกระเซ็นออกไปกลางอากาศที่หัวนั่นลอยผ่าน   และลงมาหยุดที่มือข้างนั้นของชายวัยกลางคนผู้ปาหินแสงอาทิตย์เข้าไปตรงร่างไร้หัวที่กำลังทรุดตัวลง  

          โพเอฟได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในผืนป่าที่ปิดลงราวกับกลไกของประตูก่อนที่ตัวเขาจะล้มลงกับพื้น 

 

          ลืมตาตื่นมาอีกทีก็รีบกระเด้งตัวให้ลุกขึ้นอย่างฉับพลัน   เสียงหอบหายใจดังจนปลุกคนบนเตียงอื่นให้ลุกขึ้น   โพเอฟกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากบ้านไปแต่แค่ประตูเปิดออกมาแค่ชั่วขณก็ถูกหมัดชกเข้าใส่ใบหน้าอย่างเต็มแรงจนหงายหลังไปนอนสลบกับพื้น   ได้ยินแต่เสียงสาปแช่งของชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหูก่อนที่สติจะเลือนราง

          เหมือนฉากเดิมกลับมาฉายอีกครั้ง   โพเอฟลืมตาขึ้นอีกครั้ง   พบว่าอยู่บนเตียงนอนเดิมของตัวเอง   เขาเห็นหญิงวัยใกล้ชราที่ดูแก่ลงจากที่จำความได้กำลังประคบหน้าผากด้วยผ้าขาวที่ชุบน้ำเย็น  

          “แม่   ทำไมมาที่นี่?   วอปโปล่ะ?”   โพเอฟลุกขึ้นนั่งบนเตียง   ตอนนี้ไม่มีใครอื่นภายในบ้านนอกจากเขากับแม่   ใบหน้าที่เขากำลังมองเห็นหวนให้นึกถึงอดีตในวันที่เปลวไฟดับสนิท

          “วอปโปล่ะ?”   โพเอฟย้ำอีกครั้งแต่แม่ของเขากลับทำเพียงส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง   “เจ้าอยากไปเจอวอปโปไหม?”   โพเอฟได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นทันที   “สบายดีใช่ไหม?   อยากเจอ....ข้าอยากเจอวอปโป”  

          ฝันสินะ   ทั้งหมดเป็นแค่ฝัน   โพเอฟถอนหายใจอย่างมีความหวัง

          เพราะความแก่ชราจึงทำให้โพเอฟต้องช่วยพยุงผู้เป็นแม่เดินไปที่กลางหมู่บ้าน   ที่นั่นเขาเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งรายล้อมแท่นหินทรงเครื่องหมายบวก   หนึ่งในนั้นเขาจำได้ดีว่าเป็นเจ้าของหมัด  พอทั้งสองสบตากัน   อีกฝ่ายก็ปรี่จะเข้ามาทำร้ายเขาทันทีแต่ถูกชาวบ้านแถวนั้นล็อกตัวไว้ทัน   แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงสบถแบบไม่เกรงใจคนอื่น

          เสียงแตรดังขึ้นหนึ่งครั้งพลันเสียงสบถด่าเงียบลงและร่างนั้นรวมถึงพวกชาวบ้านที่คอยจับตัวเขาไว้ต่างเดินกลับไปนั่งที่แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตมาที่โพเอฟ   สักพักทั้งหมดก็เห็นชายวัยกลางคนซึ่งโพเอฟจำได้ดีว่าเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในฝันร้าย   กำลังเดินออกมาจากอีกฟากของแท่นหิน   และอ้อมมาที่ด้านหน้าของมันซึ่งมีแท่นหินอีกแท่นวางอยู่ตรงหน้า   ลักษณะคล้ายจานที่ทำจากหินซึ่งตรงกลางบุ๋มลงไปและมีดอกไม้สีขาวประดับโดยรอบด้านล่างของแท่นหินทั้งสอง   ก่อนที่เขาจะนั่งลงกับเก้าอี้ว่างอีกตัว

          โพเอฟใจหวิวในทันทีที่มองเห็นแท่นหินนั่น   สมองสั่งให้เขาลุกขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้าโดยที่เจ้าตัวไม่ได้สั่ง   พอไปถึงพอที่จะเห็นสิ่งที่วางอยู่ในนั้น   ตาค้างไปดื้อๆ   อาการเหมือนกับจะอ้วกออกมาแต่ก็ไม่   เขาล้มทั้งยืน   โห่ร้องออกมาราวกับคนเสียสติ   มันคือหัวของวอปโป   หน้าผากเป็นรูกลวงโบ๋   ดวงตาเบิกกว้างโพลน   และตาดำเหลือบขึ้นจนเกือบจะเห็นแต่ตาขาว   ปากอ้ากว้างเหมือนกำลังร้องให้ช่วยจากความเจ็บปวดฉับพลัน   จนชาวบ้านแถวนั้นต้องพยุงตัวเขาไปนั่งที่เดิมอีกครั้ง

          โพเอฟตั้งสติอยู่นาน   เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่แท่นหินนั้นในขณะที่ผู้ทำพิธีกำลังสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อขอให้อัครเทวทูตรากูเอลเปิดประตูสวรรค์เพื่อรับวิญญาณบริสุทธิ์นี้ไปยังดินแดนแห่งความรักอันเป็นนิรันดร์   “โปรดทรงอย่าให้วิญญาณของเด็กไร้เดียงสาต้องตกเป็นทาสของเจ้าแห่งความมืดด้วยเถิด   พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่”  

 

          แม้จะเสียใจมากแค่ไหนแต่งานก็คืองาน   โพเอฟกลับไปทำงานกลางคืนตามเดิม   ไม่สนใจที่จะตอบคำถามของใคร   คืนนี้ท้องฟ้ามืดบอดไร้แสงจันทร์   ทุกอย่างดูปกติดี   ไม่มีอะไรน่าสนใจนอกจากความจริงที่ว่าวอปโปตายไปแล้ว   ในขณะที่กำลังคิดถึงวอปโป   ใบหน้าที่เห็นในแท่นพิธีนั่นก็เข้าครอบงำจิตใจของโพเอฟจนเขาทรุดตัวลงกับพื้น   ใช้เวลากับตัวเองอยู่พอสมควรจึงค่อยค่อยลุกขึ้นจากพื้น   ทว่าในขณะที่สายตากำลังเปลี่ยนจุดมองไปยังความมืดตรงหน้า   เขาเห็นบางสิ่งเคลื่อนที่   ทำให้หวนนึกถึงคำพูดของวอปโปว่า   “มันบอกว่าเจ้าเห็นมัน”   ประจวบกับคำสวดของบาทหลวงในวันนี้ที่บอกว่ามัน   

            ‘เจ้าแห่งความมืด...’  

          โพเอฟเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงกับร่างที่กำลังมองเห็น   เขาจำได้จากส่วนสูงว่าเป็นวอปโปและเพราะร่างนั้นมันไร้หัว   กำลังยืนอยู่ในเงามืด   ตัวดำสนิทเหมือนเคลือบด้วยโคลนที่ขยับเองได้ทุกส่วนพร้อมกันราวกับกำลังจะหยดลงพื้น   ร่างนั้นไม่พูดอะไรนอกจากกำลังกวักมือ   โพเอฟไม่รอช้าเดินตรงออกไปข้างหน้า   ไม่สนใจเสียงร้องทักของชาวบ้านที่ประจำเวรด้วยกันจนกระทั่งเมื่อเขากำลังจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งความมืด  

          วี๊ดดดด!!   ความเจ็บอย่างแสนสาหัสแล่นเข้าสู่ร่างกาย   แต่ไม่มีโอกาสได้ร้องออกมาเพราะไม่นานความเจ็บก็หายไปเองพร้อมกับภาพสุดท้ายที่ชัดเจน   ภาพของวอปโปไร้หัวก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไปในที่สุด

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.