สายน้ำบรรจบ

หมากสามโลก ภาค ความทรงจำจากน้ำหมึกเรืองแสง

-A A +A
อ่านต่อ

สายน้ำบรรจบ

          “แกมาทำอะไรที่นี่?”   บิลเลี่ยมไม่กลัวที่จะถามออกไปในขณะที่คนอื่นถ้าไม่ทำหน้านิ่งเงียบก็มีอาการหวาดกลัว   “ฉันก็มาฟังคำประกาศจากผู้นำกลุ่มรีโวลูชันนารี เคนซิลเหมือนพวกแกยังไงล่ะ”   วินเซนต์ตอบอย่างไม่แสดงอาการเดือดร้อน   “ไม่คิดว่ามันน่าแปลกหรือครับที่สมาชิกระดับสูงของกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสและเป็นคู่แข่งในพิธีการเลือกตั้งสภานักเรียนจะมาร่วมในงานแบบนี้?”   จอร์จฝืนยิ้ม   เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาวินเซนต์   เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาจากริมฝีปากนั้นกระตุกความสนใจของผู้นั่งร่วมโต๊ะให้หันไปมอง   มือขาวเกือบซีดเลื่อนลงไปด้านล่างที่สายตาจากฝั่งตรงข้ามไม่อาจมองเห็น   “ดูเหมือนฉันจะไม่มีทางเลือกเหลือแล้ว”    ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่เดวิดถือโอกาสที่ทุกคนกำลังสงสัยโพล่งขึ้นมาอย่างร้อนใจ   “ไม่เป็นไรครับ   ในฐานะของเจ้าของโรงอาหารตะวันตก   ผมให้คุณเป็นแขกพิเศษของพวกเราครับ”   “พูดบ้าอะไรของแก   เป็นบ้าไปแล้วรึไง?”   บิลเลี่ยมรีบแย้งขึ้นทันควันแต่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไร

          “เรามาเริ่มประชุมกันเลยนะครับ”   ซาคาเรียสกล่าวเสียงขรึม   เขาเป็น   1   ใน   2   ที่สามารถจ้องมองหน้าวินเซนต์ได้โดยไม่แสดงอาการหวาดกลัว   “เช่นนั้นผมในฐานะของผู้นำกลุ่มแอสโซซิเอชัน ออฟ นิวทรอลิตีขออาสาเป็นโฆษกของการประชุมนะครับ”   จอร์จถือผลึกคริสทัลใสที่ถูกเจียระไนจนมีลักษณะคล้ายไม้พลอง   เสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่การตะโกนแต่ดังพอให้นักเรียนทั้งหมดได้ยินอย่างทั่วถึง   “คุณโทมัส   รบกวนเริ่มได้เลยครับ”   จอร์จยื่นไอเทมพลังจิตให้ซาคาเรียสก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นจ่อปาก   หันมองใบหน้าของนักเรียนที่ไม่คุ้นตาที่กำลังสบตามาที่เขา

          “ผมชื่อโทมัส   ผู้นำกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิล   มีความต้องการที่จะล้มสภานักเรียนกลุ่มปัจจุบัน   กลุ่มฟอร์เทร็ซเซส....”   ซาคาเรียสสูดหายใจเข้าเต็มปอดด้วยความประหม่า   “ผมชอบวาดรูป   มันช่วยให้จิตใจของผมสงบ”   หลายคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย   “การวาดรูปหนึ่งรูปใช้เวลานานหลายสัปดาห์เพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพและความหมายลึกซึ้ง   ก็เหมือนการต่อสู้ครั้งนี้ที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการที่จะได้มาซึ่งภาพวาดที่สมบูรณ์แบบทว่า   สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ไม่ใช่การวาดรูปแต่เป็นการปฏิวัติครับ”   ซาคาเรียสกล่าว   “การปฏิวัติจะไม่สำเร็จหากขาดกุญแจสำคัญ   ผู้คน   ผู้คนที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติและลุกขึ้นต่อต้านความอยุติธรรม   นั่นแหละคือกุญแจสำคัญที่จะนำความยุติธรรมกลับมาสู่โรงเรียนอีกครั้งครับ”   น้ำเสียงที่เปล่งออกมาทำให้รับรู้ได้ถึงความมั่นคงในวาจา   ใบหน้าคมเข้มและบุคลิกอันโดดเด่นดูมีราศีของความเป็นผู้นำมากกว่า   3   ผู้นำที่มารวมตัวกันในวันนี้เสียอีก

          “นโยบายที่ผมกำลังจะกล่าวต่อจากนี้ไปจะเป็นนโยบายสุดท้ายที่จะนำไปใช้จริงหลังจากที่กลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลได้เป็นสภาโรงเรียนครับ”   ซาคาเรียสกล่าวอย่างมั่นใจ   เขาแอบมองโทมัสผู้แสดงรอยยิ้มออกมา   มีความลับบางอย่างเกี่ยวกับลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไปของเขาและการที่เขาสามารถกล่าวได้เหมือนกับโทมัสเป็นเพราะความช่วยเหลือจากตรา   2   วิญญาณที่มาเรียเสกไว้บนหน้าอกของซาคาเรียสและโทมัส   ด้วยอำนาจเวทมนต์ที่คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งสามารถทำให้ซาคาเรียสกลายเป็นตุ๊กตาให้โทมัสชักใยได้อย่างอิสระโดยที่เจ้าตัวผู้ขับเคลื่อนเส้นเอ็นไม่จำเป็นต้องทำอะไรนอกจากนั่งจ้องหน้าวินเซนต์ที่ดูจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกมองอยู่  

          “นโยบายแรกคือการยกเลิกสิทธิประโยชน์เฉพาะกลุ่มที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยสภานักเรียนปัจจุบันเช่นสิทธิประโยชน์ที่เอื้ออำนวยให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีอำนาจเหนือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่น   รวมถึงการมีสิทธิ์ในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของนักเรียนที่เป็นสมาชิกกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสไม่ว่าจะเป็นสวนพฤกษชาติในโรงอาหารตะวันออก   ลานอเนกประสงค์   หอสมุดโรงเรียนและอื่นๆ ที่อนุญาตให้เพียงสมาชิกกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสได้ใช้งานแต่ไม่ให้นักเรียนกลุ่มอื่นมีสิทธิ์ใช้งานทั้งที่ชำระค่าเทอมอย่างเท่าเทียมครับ”   ซาคาเรียสประกาศนโยบายแรกเหมือนการยิงปืนใหญ่อัดวินเซนต์ผู้เป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มฟอร์เทร็ซเซสแต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ใบหน้าของเขาคนนั้นไม่ได้แสดงออกว่าเป็นเดือดเป็นร้อน   ซ้ำยังปรากฏรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์อีก  

          “แล้วพวกนักเรียนทุนที่ไม่ได้เสียเงินสักเหรียญเดียวจะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างที่ว่ามาไหมล่ะ   คุณหัวหน้ากลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิล?”   บิลเลี่ยมยิงคำถามที่แสนหนักหน่วงใส่ซาคาเรียสแต่เขากลับแสดงความเยือกเย็นและสงบนิ่ง   “บิลเลี่ยม   มารยาทในการฟังของนายไม่มีหรือ?   ทำไมไม่รอให้เขาประกาศนโยบายให้หมดก่อนแล้วค่อย...”   “รบกวนรอฟังคำตอบในนโยบายที่   3   ครับ   นโยบายที่   2   ว่าด้วยเครื่องแต่งกายเพราะเป็นอีกสิ่งสำคัญสำหรับความเท่าเทียมที่เห็นได้   นักเรียนที่นี่ทุกคนต้องสวมชุดเครื่องแบบโรงเรียนที่มีลายถักมังกรที่เป็นตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน   และต้องไม่มีการดัดแปลงเครื่องแบบนักเรียนในทุกกรณีครับ”   ซาคาเรียสเหมือนจะแอบกัดวินเซนต์ด้วยคำพูด   เขาแสดงสัญลักษณ์   หันไปรอบตัวจากนั้นถอดมันออก   เผยให้เห็นเสื้อและกางเกงที่มีลักษณะถูกต้องตามระเบียบโรงเรียน

          “นโยบายที่   3   และเป็นนโยบายสุดท้ายของกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิล   คือการลบนักเรียนทุนทั้งหมดออกจากโรงเรียนครับ”   สิ้นเสียงของซาคาเรียสก่อให้เกิดคำถามมากมาย   “ท่านทรงหมายความว่าอย่างไรหรือครับ   การลบนักเรียนทุนทั้งหมดออกจากโรงเรียน?”   เดวิดเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่ยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน   “น่าจะได้ยินชัดแล้วไม่ใช่รึไง   เดวิด   เจ้าชายของพวกเราต้องการทำลายนักเรียนทุนให้หมดไปจากโรงเรียน   ฮึ่ม!!   คลื่นลูกใหม่น่ากลัวกว่าลูกเก่าเสียจริง   เนี่ยน่ะหรือการแก้ปัญหาขององค์รัชทายาทผู้ที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป”   บิลเลี่ยมบ่นงุบงิบ   “พวกคุณได้ยินไม่ผิดหรอกครับ   กลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลต้องการลบนักเรียนทุนทั้งหมดออกจากโรงเรียน...”   เสียงโห่ร้องดังในทันทีที่ประโยคเดิมถูกย้ำเป็นครั้งที่   2  

          นักเรียนหลายพันคนลุกขึ้นยืน   ทั้งปาสิ่งของขึ้นไปที่โต๊ะประชุมและตะเบ็งเสียงว่าพวกเขาไม่เอากลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิล   จอร์จและบิลเลี่ยมจะพยายามห้ามสมาชิกในอาณัติแต่กลับโดนลูกหลงไปด้วย   ซาคาเรียสยกมือปัดป้องสิ่งที่ปาเข้าใส่ตน   ปากพยายามจะพูดต่อแต่เพราะเสียงรอบตัวจึงทำไม่ได้   ‘เดี๋ยวก่อนเรายัง!!’   ในความโกลาหล   ไฟสีแดงลุกโชติโดยรอบเขตโต๊ะ   ปรับรูปร่างเป็นดงดอกไม้นานาชนิดที่ทำหน้าที่เป็นกำแพง   ดักจับวัตถุที่ลอยเข้าหาและบรรเทาการประท้วงเริ่มคลี่คลายและเงียบลงไปในที่สุด   วินเซนต์ลุกขึ้นและหันมองกลับไปที่สุดทางของโรงอาหารตะวันตก   ร่างที่ยืนอยู่เพียงลำพัง   กำลังเดินมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและไฟที่ลุกไหม้รอบแผ่นหลัง   ก่อรูปร่างเสมือนดอกกุหลาบที่กำลังเลื้อยอยู่รอบกาย

          แฟรงก์ลินหยุดยืนที่ด้านหน้าของวินเซนต์   สายตาของพวกเขาเหมือนกำลังแลกเปลี่ยนข้อความที่มีแต่พวกเขาที่เข้าใจ   “ไม่น่ารักเลยนะครับที่ทำกับแขกชั้นสูงแบบนี้”   แฟรงก์ลินแสดงรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ในขณะที่พุ่มไม้ไฟสลายหายไปในที่สุด   “แกมาทำอะไรที่นี่?”   วินเซนต์เอ่ยถาม   “มาตามนายยังไงล่ะ   ฉันนึกว่านายกำลังปิดบังความสนุกจากฉันเสียอีก   นี่อะไรกัน?”   แฟรงก์ลินมองไปโดยรอบก่อนจะหยุดที่วินเซนต์และแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

          เหตุการณ์ที่ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ   หัวหน้ากลุ่มทั้ง   3   ในที่สุดก็ปัดเป่าบรรยากาศตีงเครียดออกไปจากลูกบ้านของตนได้จนหมด   ทำให้ซาคาเรียสได้มีโอกาสกล่าวในสิ่งที่เขายังทำมันไม่สมบูรณ์ดี   “….ผมต้องขออภัยที่ทำให้พวกคุณเข้าใจผิดแต่สิ่งที่ผมจะสื่อผ่านนโยบายข้อ   3   ยังไม่จบเพียงเท่านั้นครับ   การลบนักเรียนทุนไม่ใช่การกำจัดทิ้งแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงนักเรียนทุนให้มีฐานะเป็นนักเรียนหลวงครับ”   นักเรียนกำลังยืนดูท่าทีต่างทยอยนั่งลงและรอฟังสิ่งที่ซาคาเรียสจะอธิบายเพิ่มเติม   “ต้องยอมรับว่าการมีอยู่ของนักเรียนทุนเป็นปัญหาเรื้อรังของการเดินหมากที่พลาดพลั้งของผู้สานต่อเจตนารมณ์ของกลุ่มจัสติคเก่าที่เพิ่มจำนวนนักเรียนทุนให้สูงขึ้นทุกปี   ทำให้เกิดช่องโหว่ของงบประมาณโรงเรียนที่ถูกดึงมาทดแทนจำนวนเงินค่าเล่าเรียนของนักเรียนทุนเพื่อให้พวกเขาได้เล่าเรียนต่อครับ”   เริ่มมีเสียงโวยวายดังขึ้นอีกครั้งแต่ในครั้งนี้แยกออกเป็น   2   เสียงอย่างชัดเจนระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่

          “ลำพังงบประมาณของทางรัฐบาลเป็นเพียงจำนวนเงินสำหรับการปรับปรุงและบูรณะโครงสร้างอาคารเรียนเท่านั้น   ส่วนเงินที่ใช้หมุนเวียนในโรงเรียนนอกเหนือจากนี้ล้วนมาจากค่าเทอมของนักเรียนหลวงซึ่งด้วยปริมาณเงินที่เรียกเก็บจึงไม่มีทางพอสำหรับการขับเคลื่อนบุคลากรครูในโรงเรียนรวมถึงอุปกรณ์ประกอบการเรียน   ส่งผลให้เกิดการเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียนจากนักเรียนหลวงมากขึ้นตามกำลังเงินที่ใช้ในการช่วยเหลือนักเรียนทุนครับ”   ซาคาเรียสอธิบาย   “นโยบายที่   3   ของผมจึงเป็นการสร้างโอกาสให้นักเรียนทุนได้กลายเป็นนักเรียนหลวงผู้ที่จะมีเงินพอที่จะชำระค่าเล่าเรียนได้ด้วยตัวเองครับ”  

          “ทางออกที่สัมฤทธิผลที่สุดคือผมจะสร้างตลาดนักเรียนทุนขึ้นมา”   ซาคาเรียสเงียบไปครู่หนึ่ง   “จากการรวบรวมข้อมูลทำให้ผมได้รู้ว่าจุดแข็งของนักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจนคือการเกษตร   การเลี้ยงสัตว์และการทำอาหารรวมถึงงานฝีมือต่างๆ   มันเป็นของที่สามารถขายให้ชาวเยนอมในราคาสูงดังนั้นผมจะใช้ลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน   เปิดตลาดขายสินค้าในการนำร่องและในขณะเดียวกันกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลจะขออาสาเป็นผู้กระจายข่าวเกี่ยวกับตลาดนักเรียนทุนให้ประชาชนทราบและจะช่วยในการลำเลียงสินค้าจากต้นทางมายังปลายทางโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ”  

          “หากรายได้เป็นไปได้ด้วยดี   พวกเราอาจจะใช้เงินเก็บบางส่วนที่หาได้นำไปซื้อพื้นที่ในตลาดเอคเนลูโปในการเดินหน้ากิจการอย่างเต็มรูปแบบและยั่งยืนครับ”   เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่ซาคาเรียสกล่าวจบ   “ผมต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินทุกสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน....มิลเลอร์ เดวิด   ในฐานะของหัวหน้ากลุ่มลีก ออฟ ลิเบอรัลไลเซชัน   ขอเข้าร่วมพันธมิตรกับกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลในพิธีการเลือกตั้งสภานักเรียนที่จะมาถึงครับ”   เดวิดจับมือกับซาคาเรียสอนึ่งว่าเขาคือโทมัสจริงๆ พร้อมเสียงสรรเสริญจากนักเรียนทุน

          “...ฮึ่ม!   วัตสัน บิลเลี่ยม   หัวหน้ากลุ่มแอนตี้ สกอลาชิป สติวเดนท์ยอมรับการเชิญชวนเป็นพันธมิตรกับกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการลบนักเรียนทุนออกจากโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้”   บิลเลี่ยมจ้องซาคาเรียสด้วยแววตาไม่เป็นมิตร   “ถ้าหากหัวหน้ากลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลไม่สามารถทำตามที่พูดไว้ได้จะต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มรวมถึงตำแหน่งหัวหน้าสภานักเรียน   ตกลงไหมครับ??”   ซาคาเรียสไม่ได้แสดงความหวั่นวิตกออกมาแต่อย่างใด   “ผม   ฟรานซิสโก้ โทมัส   ขอปฏิญาณต่อหน้าของหัวหน้ากลุ่มทั้ง   3   ว่าผมจะทำตามนโยบายทุกข้ออย่างเคร่งครัด   ถ้าผมบกพร่องในการทำหน้าที่ให้ลุล่วง   ผมจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลและสภานักเรียนและจะลาออกจากการเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ด้วยครับ”   บิลเลี่ยมอึ้งอยู่ชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติ   “หึ!!   พูดแล้วไม่คืนคำนะครับ”   บิลเลี่ยมเดินกลับไปนั่งที่โดยไม่ยอมจับมือกับซาคาเรียส

          บัดนี้กลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลมีสหพันธมิตรเพิ่มมาอีก   2   กลุ่มแล้ว   เหลือก็แต่กลุ่มแอสโซซิเอชัน ออฟ นิวทรอลิตีเท่านั้น   ซาคาเรียสหันไปมองจอร์จผู้กำลังแสดงสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร   “ผมแอนเดอร์สัน จอร์จ   หัวหน้ากลุ่มแอสโซซิเอชัน ออฟ นิวทรอลิตี   ขอเข้าร่วมเป็นสหพันธมิตรกับกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลที่นำโดยคุณฟรานซิสโก้ โทมัสครับ”   ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศจนรู้สึกประหลาด   เมื่อทั้ง   3   กลุ่มตกลงเป็นพันธมิตรกับกลุ่มรีโวลูชันนารี เคานซิลเรียบร้อยแล้วจึงทำให้มีจำนวนสมาชิกนักเรียนรวมคิดเป็น   13,000   หรือประมาณ   40%   ของนักเรียนทั้งหมดในโรงเรียน   แสงแห่งความหวังที่เคยริบหรี่บัดนี้กำลังส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง   อีกไม่ไกลเกินเอื้อมมือ

          แฟรงก์ลินและวินเซนต์แยกตัวไปก่อนใคร   การมาเยือนของพวกเขาเป็นเรื่องเหนือการคาดเดาและเหตุผลของพวกเขาก็ยังเป็นปริศนา   อาจจะอยากเก็บข้อมูลคู่แข่งแบบหน้าด้านๆ   คิดแบบนั้นก็อาจจะดูตลกมากกว่ามีเหตุผลแต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน   ไม่ว่ายังไงก็ตามทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คาดหวังในวันนี้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.