บทที่ 16 วาโยที่คุ้มคลั่งตอนที่ 3

มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 16 วาโยที่คุ้มคลั่งตอนที่ 3

 

บทที่ 16 วาโยที่คุ้มคลั่งตอนที่ 3

อาสึนะจ้องมองชายที่กำลังเคลื่อนร่างมาอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเขาก็ถึงพื้นชายหนุ่มกวาดมองรอบๆก่อนที่จะยิ้มอย่างชั่วร้าย 

เขาจ้องมองมายังอาสึนะ ก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปมองยังมายด์ “ในที่สุดก็เจอ ในที่สุดก็เจอลูกสาวของหมอนั่น เท่านี้การรวบรวมสิ่งนั้นก็ทำได้อย่างง่ายดาย”

อาสึนะไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เธอก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า ชายที่มาใหม่นั้นคงไม่มีจุดประสงค์ที่ดีเป็นแน่ เธอตัดสินใจเรียกคทาเวทมนตร์ขึ้นมาบนมือ ก่อนที่จะเตรียมตัวตวัดคทาเพื่อต่อสู้

“คุณเป็นใคร มีเป้าหมายอะไร”

สิ้นคำถาม เธอก็พบว่าชายตรงหน้ากำลังแสยะยิ้ม ก่อนที่จะพินิจพิจารณาใบหน้าของเธอ ใช่ตรงหน้าทำท่าทางเหมือนกับว่าเขากำลังนึกคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะทุบกำปั้นลงกับฝ่ามือและพูดขึ้น 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เธอคงเป็นลูกสาวของหมอนั่นสินะ หน้าตาของเธอคล้ายกับแม่มากกว่าพ่อนะ”

อาสึนะได้ยินดังนั้น เธอก็เตรียมตัวที่จะลดคทาเวทมนตร์ลง แต่ว่าคำพูดของชายตรงหน้าทำให้เธอต้องกำคทาเวทมนตร์แน่นอีกครั้ง

“แววตากับท่าทางที่ดูมั่นใจนั่น ช่างคล้ายพ่อของเธอจริงๆ  แต่ว่าถ้าทางแบบนั้นน่ะ ทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน ถ้าพ่อของเธอไม่ตายซะก่อนมันก็คงเป็นหนึ่งในเหยื่อของฉัน”

“คุณรู้จักพ่อแม่ของฉันด้วยอย่างนั้นหรอ”

ชายแปลกหน้าพยักหน้ารับ “แน่นอน ฉันรู้จักปู่ของเธอด้วย ปู่ของเธอคือหนึ่งในสามที่ก่อตั้งโรงเรียนเวทย์มนต์ แต่ว่าปู่ของเธอก็คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ทรยศแนวทางของพวกเรา”

เขาหยุดกล่าวก่อนที่จะเพ่งมองใบหน้าของอาสึนะอีกครั้ง “แต่ว่า มันก็ดีเหมือนกันที่ฉันได้เจอกับเธอวันนี้ มันอาจจะเป็นโชคชะตา หรือไม่ก็เป็นคำสาปส่งของพระผู้เป็นเจ้า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เขาหยุดมองฟ้าก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ”แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากที่ฉันได้ออกจากคุก ฉันก็มีโอกาสที่จะนำตัวของศัตรูคู่แค้นไปทำการทดลอง ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าถ้ามันรู้ว่าหลานของมันต้องตกเป็นเหยื่อของฉัน มันจะทำหน้ายังไง”

อาสึนะกำคทาเวทมนตร์ เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างสัมผัสแก้มของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ ร่างกายของเด็กสาวก็ค่อยๆอ่อนแรงไปอย่างช้า ๆ ดึกสาวเหลือบมองยังแก้มของตนเองที่มีบางสิ่งบางอย่างเฉือน รอยเลือดเล็ก ๆ ค่อยๆปรากฏ 

“นี่มันอะไร” อาสึนะพึมพำกับตนเองเบาๆ 

ชายหนุ่มยิ้ม “ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกสาวน้อย การเคลื่อนไหวของฉันเป็นอันดับ 1 ของโลกเวทมนตร์ มันไม่แปลกที่เธอจะไม่รู้สึกว่าโดนโจมตี ถ้าเธอเป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทมนต์ ตอนที่เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างสัมผัสโดนตัวเธอ แค่ความรู้สึกแบบนั้นฉันก็คิดว่าเธอคงเก่งแล้ล่ะ”

ชายตรงหน้าสแสยะยิ้ม ก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปมองยังเด็กสาวผมทอง “เด็กน้อยเธอคือลูกของเมฆาใช่หรือไม่ ก่อนที่เด็กน้อยจะกล่าว ชายตรงหน้าก็ค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปหา เขาไม่คิดที่จะสนใจกับท่าทางสั่นกลัวของเด็กน้อย สำหรับเขาการทำให้เด็กน้อยหายหวาดกลัวมันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย เขาใช้ยาบางชนิด เด็กน้อยที่หวาดกลัวก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนเชื่อง เมื่อเป็นดังนั้นเขาจะได้นำ DNA ของเด็กน้อยตรงหน้าไปตรวจสอบ 

อาสึนะปลายตาไปมองยังมายด์ ท่าทางสั่นกลัวของเด็กน้อยผมทอง ทำให้เธอรู้สึกอยากจะปกป้อง มายด์มองสถานการณ์ตรงหน้า เด็กน้อยเม้มปากในขณะที่ดวงตาก็ค่อยๆมีน้ำใสๆเอ่อล้น ก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา อาสึนะก็กั้นใจก่อนที่จะกล่าว โดยที่ไม่หันไปมองยังน้องสาวไม่แท้ของตนเอง 

“มายด์ ฟังพี่นะ หลับตาลงจนกว่าพี่จะบอกให้ลืมตา ต่อให้จะได้ยินเสียงอะไร ก็ห้ามลืมตาเด็ดขาด”

อาสึนะขยับร่างกายด้วยความยากลำบาก ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะก้าวขาเลยตัวของเธอไป เด็กสาวก็นำมือไปจับแขนของชายตรงหน้าไว้อย่างแน่น

“ต่อให้ฉันจะต้องตาย ฉันก็ไม่ยอมให้แก่ก้าวขาไปหาน้องสาวของฉันอย่างเด็ดขาด”

เธอเห็นท่าทางประหลาดใจของชายตรงหน้า ก่อนที่ชายตรงหน้าจะมองยังเธออย่างพินิจพิเคราะห์ “ทำไมถึงพูดว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องสาวของเธอ ทั้งที่จริงแล้วเธอก็เป็นลูกคนเดียวไม่ใช่หรือไง เด็กคนนั้นเป็นลูกของอดีตผู้ก่อการร้ายของโลกเวทมนต์เชียวนะ”

“แล้วมันจะทำไม ฉันไม่สนหรอกว่าอดีตพ่อของมายด์จะเป็นผู้ก่อการร้าย จะเป็นคนที่ทำสิ่งที่ผิดบาปมหันต์กับผู้คนบนโลกใบนี้ ถึงพ่อของมายด์จะทำสิ่งที่ผิดบาปแค่ไหน แต่ว่าเด็กคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรผิดเลยสักครั้ง ฉันอยู่กับเด็กคนนี้ไม่ถึง 1 วันฉันก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าน้องเขาเป็นเด็กที่มีจิตใจงดงาม”

ชายหนุ่มสบัดมือออกจากการเกาะกุมของอาสึนะ “แล้วมึงจะทำไม ฉันไม่ต้องการรู้ข้อมูลคนที่สักหน่อย ต่อให้เด็กนี่จะมีจิตใจที่ดีหรือไม่ สิ่งที่ฉันต้องการก็คือ”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ อาสึนะก็ตะโกน พร้อมกับวาดวงเวทย์ “ต่อให้แกจะต้องการอะไร ฉันก็ไม่มีทางให้แกทำสำเร็จ ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่แกก็อย่าหวังว่าจะทำอะไรน้องสาวของฉันได้”

อาสึนะหันมามองยังมายด์ ก่อนที่่เธอจะกล่าวย้ำ “หลับตาลง ไม่เกิน 10 นาทีเรื่องนี้จะต้องเจาะแล้วพวกเราก็จะวิ่งเล่นกันเหมือนเดิม พี่สัญญา”

สำหรับเด็กสาวเมื่อเห็นท่าทางของพี่สาว เธอจึงตัดสินใจเชื่อโดยที่ไม่คิดสงสัย มายด์หลับตาลงอย่างว่าง่าย เมื่ออาสึนะเห็นดังนั้นเด็กสาวจึงเปลี่ยนสายตามามองยังชายหนุ่ม 

“ฉันจะไม่มีทางให้แกแตะต้องน้องสาวของฉันเด็ดขาด”

รอบ ๆ ตัวของเด็กสาวเกิดวงเวทสีเขียวสลับฟ้า ไม่ถึงสองวิอาสึนะก็เงื้อหมักก่อนที่จะต่อยเข้าไปยังร่างของชายตรงหน้า ถึงแม้เธอจะไม่เก่งทางด้านเวทมนต์ แต่ด้านกำลังกายเธอนั้นมีความสามารถสูง แค่หมัดเดียวของเธอก็ทำให้ร่างกายของชายแปลกหน้ากระเด็นไปถึง 3 เมตร 

เด็กสาวไม่หยุด เธอพุ่งร่างตามติดอย่างกระชั้นชิด มือซ้ายกำหมัดแน่น มือขวาวาดวงเวทย์ไปบนอากาศ ส่วนปากนั้นก็ท่องบทสวดรวดเร็ว 

“ข้าขอวิงวอนกับเทพแห่งวาโย จงเป็นเกราะคุ้มกันร่างกายค่า จงเป็นอาวุธเพื่อใช้สังหารศัตรูของข้า จงเป็นกำแพงเพื่อปกป้องคุ้มครองสหายของข้า เวทมนตร์อนาเขต กำแพงวาโย”

สิ้นคำสั่ง กำแพงขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กก็ล้อมรอบร่างกายของมายด์ ในขณะที่มือของอาสึนะก็กำแน่น ก่อนที่จะระดมต่อยไปยังร่างกายของชายตรงหน้า เธอกูร้องดังลั่น ในขนาดที่มือขวาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยน จากเดิมที่มีคทาเวทมนตร์ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นมีดสั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก

 ใบมีดมีความแหลมคม เพียงแค่มันสัมผัสผิวก็คงเกิดเลือดกระเซ็นได้อย่างง่ายดาย เด็กสาวไม่คิดลังเลเธอตัดสินใจฟันมีดเป็นแนวเฉียงลงไปยังเส้นเลือดใหญ่ เลือดสีแดงกระเซ็นสาดเข้าที่ใบหน้าของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ไม่คิดที่จะหยุดมือ หากถามว่าทำไมเด็กสาวถึงไม่คิดจะหยุดนั่นก็เป็นเพราะว่าหากเด็กสาวหยุดมือตอนนี้เธอก็คงมีเส้นทางเดียวที่รออยู่  นั่นก็คือเส้นทางแห่งความพ่ายแพ้ 

 

หนึ่งหญิงหนึ่งชายมองท่าทางของเด็กน้อยตรงหน้าอย่างตระหนกตกใจ ตอนแรกพวกเขาทั้งสองคิดว่าเด็กที่มีท่าทางและวาจาที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะไม่สามารถร่ายเวทย์มนต์อัญเชิญภูตแห่งวาโยได้ แต่เมื่อต่อสู้กันไปเพียงไม่นานเด็กตรงหน้ากับตัดสินใจร่ายเวทย์อัญเชิญ 

หากเวทนี้ล้มเหลวทุกสิ่งทุกอย่างก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาทั้งสองคงได้เปรียบเด็กตรงหน้า แต่ถ้าหากเวทมนต์บทนี้สำเร็จขึ้นมา สถานการณ์คงเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าใจหาย

 หนึ่งหญิงหนึ่งชายต่างจ้องมองการร่ายของเด็กน้อย เขาอยากจะเข้าไปขัดขวางแต่มันกลับช้าเกินไป อาณาเขตแฮมรมล้อมรอบตัวของเด็กตรงหน้า ถึงแม้มันจะมีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก แต่นักเวทย์ที่เจนสนามก็รู้ได้ทันที เมื่อผู้ร่ายเวทย์มนต์อัญเชิญ เริ่มท่องบทสวดมนต์ตรา ไปครึ่งหนึ่งแล้วการที่จะเข้าไปหยุดการร่ายมันก็เป็นไปไม่ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าการร่ายเวทย์อัญเชิญแต่ละครั้งนั้นจะมีมิติบางอย่างล้อมรอบ นักเวทย์เอาไว้ 

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดกับนักเวทย์ที่กำลังสวดบทอัญเชิญเทพหรือมารทุกคน แต่ว่าสำหรับเด็กตรงหน้ามันกลับเกิดขึ้น พวกเขาทั้งสองไม่รู้เลยว่าเด็กตรงหน้าได้ฝึกเวทอัญเชิญมาหรือไม่ แต่จากการคาดเดาด้วยสายตา และประสบการณ์ที่ได้ต่อสู้กับผู้ใช้เวทย์ประเภทนี้ เขาก็คิดได้ในทันทีว่าเด็กชายคนที่คงจะได้ร่ำเรียนเวทมนต์อัญเชิญมาเป็นแน่ 

โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่เกิดจนถึงอายุเท่านี้ไบรท์ไม่เคยเรียนเวทอัญเชิญอย่างจริงจัง ถึงแม้ตอนเด็กๆเขาจะเคยร่ำเรียนเวทย์ประเภทนี้มาบ้าง แต่ว่าด้วยความที่เวทมนต์บทนี้มันไม่เหมาะสมกับเขา ปู่ของเด็กน้อยจึงไม่ค่อยสั่งสอนเวทประเภทนี้ให้มากนัก 

หากไม่ใช่สถานการณ์ตรงหน้ามันเกี่ยวกับความเป็นความตาย เขาก็คงไม่คิดที่จะใช้เวทย์มนต์ที่ควบคุมไม่ได้ เด็กหนุ่มย้อนนึกถึงคำของพี่สาวของตนเอง การที่จะเอาชนะนักเวทย์ที่มีระดับต่างชั้นกัน นั่นก็คือการอัญเชิญอสูรจากต่างมิติ ถ้าสู้คนเดียววิธีที่จะชนะนักเวทย์ที่มีระดับชั้นต่างกันมันก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าหากอัญเชิญผู้ที่มีพลังเวทย์สูงกว่าได้ การเอาชนะก็มีทางเป็นไปได้ 

ถึงแม้ว่าการอัญเชิญจะมีเปอร์เซ็นต์ที่จะล้มเหลวมากกว่า ผู้ที่มีพลังเวทย์น้อยจะไม่สามารถอัญเชิญผู้ที่มีพลังเวทย์มากกว่าตนเองได้ แต่ว่ามันก็คงไม่มีวิธีอื่นที่จะสามารถเอาชนะได้ 

สายลมหมุนรอบๆตัวของเด็กหนุ่ม เส้นผมสีดำปลิวไสวกระแสลมค่อยๆพัดพากิ่งไม้ใบหญ้ารอบๆบริเวณ เขามองตรงไปเบื้องหน้า ในขณะที่ปากก็รีบท่องบทสวดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ในหัวของเด็กน้อยนั้นเต็มเรื่องบทสวดจำนวนมาก ที่เขานั้นได้อ่านพบในหนังสือโบราณ เขาไม่รู้เลยว่าการไล่บทสวดแบบนี้จะอัญเชิญตัวอะไรออกมา แต่ว่าเขาก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง 

แสงสีเขียวล้อมรอบร่าง ของไบรท์ ก่อนที่มันจะกระจายไปรอบๆตัว หลังจากนั้นแซมพวกนั้นก็ค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่จะกลับกลายเป็นมิติขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนัก มิตินั้นค่อยๆเปิดออกพร้อมกับเส้นผมสีเขียวที่ปลิวไสว หลังจากนั้นใบหน้าของเด็กสาวก็ค่อยๆปรากฏ ดวงตาสีอำพัน ค่อยๆกวาดมองไปรอบๆ 

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เด็กสาวที่มาใหม่ก็กรีดร้องก่อนที่จะตะโกนด้วยความหวาดกลัว 

“ใครก็ได้ช่วยด้วย”

ทางฝั่งของไอ 

ก่อนที่การต่อสู้จะได้เริ่มขึ้น ชายหนุ่มก็ว่าตัวอักษรบางอย่าง ทำให้หญิงสาวมองด้วยความตกตะลึง ก่อนที่เธอจะเม้มปาก 

"นี่เองใช่ไหมคือเป้าหมายของพวกนาย เป้าหมายของพวกนายก็คือ”

 รหัสตรงหน้าของเธอนั้นเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เป็นตัวอักษรโบราณ ซึ่งณปัจจุบันนี้ไม่มีใครใช้แล้ว แต่ด้วยความที่เธอเป็นอัจฉริยะทำให้เธอสามารถอ่านมันออกได้อย่างง่ายดาย 

“อย่างนี้นี่เอง เป็นเพราะสิ่งนี้พวกนายถึงถูกใช้ให้มาถ่วงเวลาฉันสินะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ใช่แล้วครับ เป็นเพราะเจ้าสิ่งนี้ผมเลยถูกส่งมาถ่วงเวลาคนอย่างคุณ เดิมทีผมก็ไม่อยากปะทะกับพวกคุณตั้งแต่ แรกแล้ว แต่คุณก็โปรดเข้าใจด้วย ถ้าคุณต้องการต่อสู้พวกผมก็มีทางเลือก ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกตอนนี้การต่อสู้มันเริ่มไปแล้ว 

“ถึงขนาดนี้ยังต้องมาพูดอะไรอีก คนที่กล้าเล่นกับน้องสาวของฉันกับพรรคพวกของฉันฉันคงไม่สามารถปล่อยให้มันกลับไปนอนกินข้าวกินน้ำได้อย่างสบาย ดังนั้นพวกแกต้องชดใช้”

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.