บทที่ 100: แผนจับคนทรยศ

ในขณะนั้นหลินเทียนเชวี่ยยืนอยู่ท่ามกลางสายลมที่หนาวเหน็บ พร้อมกับแผ่ไอสังหารออกมาเต็มที่

ไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ทัพมังกรซึ่งควรจะรักษาตัวอยู่ที่เมืองหนานเจียงจะปรากฏตัวขึ้นที่แนวป้องกันในด่านแรก

“จริง ๆ แล้วตอนแรกฉันก็ไม่อยากสงสัยเฝิงเจิ้งกั๋วหรอกนะ” ชายวัยกลางคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่การกระทำของเขามันน่าสงสัยมากจริง ๆ วันนั้นเรามีโอกาสรอดไปได้ แต่เฝิงเจิ้งกั๋วก็ยังบอกให้เราสู้ต่อไปเพื่อรอกำลังเสริม เป็นเพราะคำสั่งนี้เราก็เลยสู้กันถึง 5 ชั่วโมงเต็ม ตอนนั้นไม่มีวี่แววว่ากำลังเสริมจะมาเลยสักนิด 5 ชั่วโมงเต็มที่เราต่อสู้โดยที่ไม่มีใครมาช่วยเหลือ” 

ขณะที่พูดดวงตาของหลินเทียนเชวี่ยเหมือนมีเปลวไฟลุกโชน “ตลอด 5 ชั่วโมงนั้นฉันเฝ้ามองสหายร่วมรบถูกฆ่าตายไปทีละคน พวกไททันใช้วิธีที่โหดร้ายสารพัดทำร้ายพวกเขา หวงเหยียน นายคงคิดถึงภาพน่าสลดใจพวกนั้นออกใช่ไหม? ความสิ้นหวังของคนที่ถูกทอดทิ้ง… ความสิ้นหวังของคนที่เฝ้ารอคอยกำลังเสริม… ความสิ้นหวังที่ถูกทรยศ!”

หลี่หวงเหยียนสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นของชายขาเดียวที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาเม้มปากแน่นก่อนจะพึมพำว่า “ท่านนายพลหลิน เสียใจด้วยครับ”

“ฟืดดด เฮ้อ…” แม่ทัพมังกรสูดอากาศที่เย็นยะเยือกเข้าไปเต็มปอดแล้วพ่นออกมา ในที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ แล้วเขาก็พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก หวงเหยียน นายไม่ต้องปลอบฉันหรอก การที่นายมาหาฉันก็นับว่าเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้ฉันแล้ว ดังนั้นฉันจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่นและทำลายไอ้คนทรยศที่ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพให้สิ้นซาก!”

หลังจากผ่านการต่อสู้ในครั้งนั้น เขาก็ไม่กล้าไว้ใจใครในกองทัพอีกเลย

ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นทหารยศสูงคนไหนก็อาจจะเป็นคนทรยศที่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับเผ่าไททันได้ทั้งนั้น

ดังนั้นก่อนที่จะถึงเวลาอันเหมาะสม หลินเทียนเชวี่ยจึงอดทนรออยู่เงียบ ๆ ในเมืองหนานเจียง แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เหลือพลังในการต่อสู้อีกต่อไป ปล่อยให้ไอ้พวกคนทรยศนิ่งนอนใจไปสักพัก

ในที่สุดการปรากฏตัวของชายผมแดงก็ทำให้โอกาสที่เขารอคอยมาถึง

หลินเทียนเชวี่ยรู้จักหลี่หวงเหยียนมานาน เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทรยศไปเข้าร่วมกับเผ่าไททันแน่นอน

และในฐานะผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS ที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาเป็นนายพล เขาย่อมเข้าถึงข้อมูลสำคัญในกองทัพได้

ดังนั้นแผนการของหลินเทียนเชวี่ยก็คือการร่วมมือกับหลี่หวงเหยียนเปิดเผยตัวคนทรยศที่ซ่อนอยู่ในกองทัพ

ผู้ต้องสงสัยคนแรกของเขาก็คือ ‘เฝิงเจิ้งกั๋ว’ ผู้ที่ออกคำสั่งที่ทำให้ทุกคนต้องเอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์

อันที่จริงหลังจากที่เขาออกคำสั่งที่เกือบจะฆ่าแม่ทัพมังกร อีกฝ่ายก็ถูกสอบสวนจนเกือบจะถูกปลดออกจากกองทัพแล้ว

ทว่าชายคนนั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการทหารมากมาย เขามีสหายสนิทในกองทัพอยู่จำนวนหนึ่งและมีกำลังพลที่แข็งแกร่ง

ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพก็ยังไม่พบเบาะแสว่าเขาเป็นคนทรยศ ดังนั้นกองทัพจึงจำเป็นต้องปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

เพียงเพราะเฝิงเจิ้งกั๋วได้พิสูจน์ตัวเองต่อหน้ากองทัพ มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะพ้นผิดในสายตาของหลินเทียนเชวี่ย

ถึงกระนั้นแม่ทัพมังกรก็ยังเล่นตามกฎ เพราะความสงสัยก็ยังคือความสงสัยจนกว่ามันจะได้รับการพิสูจน์ นั่นถึงจะเป็นความจริง

เพื่อพิสูจน์ว่าเฝิงเจิ้งกั๋วเป็นคนทรยศ เขาจำเป็นจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้!

ด้วยเหตุนี้เองหลินเทียนเชวี่ยกับหลี่หวงเหยียนจึงร่วมมือกันวางแผนนี้ขึ้นมา

ไม่ว่าจิ้งจอกจะเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน แต่เมื่อมีผลประโยชน์มหาศาลมากองอยู่ตรงหน้า สุดท้ายแล้วหางมันก็จะต้องโผล่ออกมาอยู่วันยังค่ำ

แล้วเครื่องต่อรองที่พวกเขาใช้ในแผนการนี้ก็คือฉู่อวี้!

ฉู่อวี้ ผู้สืบทอดมรดกของไททันศักดิ์สิทธิ์!

ถ้าหากเฝิงเจิ้งกั๋วเป็นคนทรยศจริง เขาจะต้องมีผลประโยชน์ร่วมกับเผ่าไททัน

ดังนั้นหลินเทียนเชวี่ยจึงสั่งให้หลี่หวงเหยียนเสนอแผนการนี้ให้กับเฝิงเจิ้งกั๋วโดยตรง

ซึ่งแผนการก็คือการตัดหัวไกอัสในเมืองหย่งเย่

ชายผมแดงเสนอแผนการนี้ให้กับเฝิงเจิ้งกั๋วโดยใช้ข้ออ้างเรื่องมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถยับยั้งพลังความมืดของไกอัสเอาไว้ได้

แถมไม่พอเขายังขันอาสาไปทำภารกิจนี้ด้วยตัวเอง แล้วบอกว่าถ้าเขาพาฉู่อวี้ไปด้วยได้จริง ๆ พวกเขาจะจัดการไททันไกอัสและหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

ที่จริงแล้วแผนการที่เขาเสนอทำให้กองทัพเกิดการปั่นป่วน เพราะมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายค้านจำนวนเท่ากัน

ฝ่ายที่สนับสนุนแผนการโต้แย้งว่าการรุกรานของเผ่าไททันในแนวหน้านั้นตึงเครียดมาก พวกเขาจำเป็นจะต้องโจมตีเชิงรุกเพื่อให้แนวหน้าได้ผ่อนคลายการถูกรุกรานสักเล็กน้อยก็ยังดี

แต่ฝ่ายคัดค้านได้โต้แย้งว่าฉู่อวี้ในฐานะผู้สืบทอดมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์มีความสำคัญเกินกว่าที่จะส่งไปปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงอันตรายก่อนที่จะพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนั่นทำให้กองทัพต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาลเอาไว้

ถ้าหากเธอตาย มันจะเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินค่าได้ของประเทศ

ในตอนนั้นทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้านต่างโต้เถียงกันไม่มีใครยอมใคร

สุดท้ายเฝิงเจิ้งกั๋วก็ลุกขึ้นมาตัดสินใจด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำเขายังใช้ตำแหน่งของตัวเองเป็นหลักประกันว่าแผนการนี้จะสำเร็จราบรื่น

เมื่อทุกคนเห็นว่านายพลเฝิงยังคงยืนกรานอย่างแน่วแน่ เหล่านายทหารจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องอนุมัติแผนการรบนี้

ซึ่งการกระทำของเฝิงเจิ้งกั๋วมันยิ่งทำให้หลินเทียนเชวี่ยกับหลี่หวงเหยียนเกิดความสงสัยในตัวอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากก่อนหน้านี้อีกฝ่ายวางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด เขาแทบไม่เคยสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเต็มที่ขนาดนี้มาก่อน

ครั้งนี้เขากลับแสดงจุดยืนออกมาและตัดสินใจอย่างแน่วแน่จนทำให้ยากที่จะไม่สงสัยในเจตนาของเขา

อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นแบบแต่หลินเทียนเชวี่ยก็ไม่อาจสรุปได้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนอนบ่อนไส้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หลี่หวงเหยียนดำเนินการตามแผนขั้นที่ 2 ทันที

แผนขั้นที่ 2 ก็คือ การแสร้งทำเป็นว่าแผนการไปตัดหัวไกอัสนั้นรั่วไหลออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อแผนการลับสุดยอดนี้หลุดรอดออกไป มันก็แพร่กระจายไปทั่วกองทัพราวกับไฟลามทุ่ง 

ซึ่งนั่นทำให้แม้แต่โจวอวี้หลงที่อยู่ในป้อมปราการสงครามในแนวที่ 3 ก็ยังได้รับข่าวเกี่ยวกับแผนการรบนี้ แถมยังรู้วันที่แน่ชัดด้วย

ตามหลักเหตุผลแล้ว ถ้ามีการรั่วไหลของข้อมูล ถ้าเฝิงเจิ้งกั๋วไม่อยากต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา เขาก็จะออกคำสั่งยกเลิกปฏิบัติการนี้ไปเสีย

แต่สิ่งที่หลี่หวงเหยียนไม่คาดคิดก็คือ นายพลเฝิงยังคงนิ่งเฉยมาโดยตลอด

จนกระทั่งเขาตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับอีกฝ่ายเรื่องนี้ เขาก็ได้รับคำตอบเพียงว่า “แผนได้วางไว้หมดแล้ว เราจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามใจไม่ได้หรอกนะ”

พฤติกรรมนี้ทำให้หลินเทียนเชวี่ยกับหลี่หวงเหยียนเริ่มมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเฝิงเจิ้งกั๋วเป็นคนทรยศที่แฝงตัวอยู่ในทหารยศสูง!

แล้วเป้าหมายที่เขาพยายามผลักดันให้แผนการนี้ยังคงดำเนินต่อไปนั้นก็ชัดเจนมาก

นั่นคือการส่งฉู่อวี้ไปตาย!

เขาย่อมรู้ดียิ่งกว่าใคร ๆ ว่าผู้สืบทอดมรดกทั้ง 8 ของไททันยามที่พัฒนาจนถึงขีดสุดแล้วทรงพลังมากแค่ไหน

ดังนั้นเฝิงเจิ้งกั๋วจึงตั้งใจใช้วิธีนี้เพื่อให้มั่นใจว่าหลี่หวงเหยียนกับฉู่อวี้จะตายอยู่ในเมืองหย่งเย่

และถ้าเขาต้องการให้แผนการนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เขาก็จะต้องเปิดเผยแผนการดังกล่าวให้ฝ่ายไททันทราบด้วย

ต่อให้หลี่หวงเหยียนกับฉู่อวี้จะตายอยู่ที่นั่น เขาก็จะไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

รวมถึงแผนการนี้เป็นชายผมแดงที่เสนอขึ้นมาเองด้วยซ้ำ

แถมเจ้าตัวยังเป็นคนทำข้อมูลรั่วไหลด้วยตัวเอง

ในฐานะคนที่ออกหน้าเป็นหลักประกัน เฝิงเจิ้งกั๋วเพียงแค่จะถูกตำหนิที่ประเมินผิดพลาดไปก็เท่านั้น นอกจากนี้แม้เขาจะถูกไล่ออกจริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนทรยศที่เข้าร่วมกับเผ่าไททันมาตั้งแต่แรก ฝ่ายนั้นย่อมอ้าแขนรับเขาเสมอ

ยิ่งไปกว่านั้น การหยุดยั้งไม่ให้ผู้สืบทอดมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์ไม่มีโอกาสได้เติบโตตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็นับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เฝิงเจิ้งกั๋วผู้เจ้าเล่ห์คนนี้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ได้เป็นอย่างดีมาตลอด

แต่ถ้าแผนการนี้ทำให้เขาถูกจับได้ มันก็ยังนับว่าเป็นผลกำไร

เพราะการกำจัดหลินเทียนเชวี่ย แม่ทัพมังกรนั่นก็ถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นของเขามากอยู่แล้ว

ครั้งนี้ถ้าเขาฆ่าผู้สืบทอดมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะทันได้เติบโต มันจะทำให้เขาได้รับผลตอบแทนที่มหาศาลไม่แพ้กัน!

แต่ก็น่าเสียดาย… ครั้งนี้สิ่งที่รอเฝิงเจิ้งกั๋วไม่ใช่ความสำเร็จที่เขาจะเอาไปร้องขอความดีความชอบจากเผ่าไททันได้อีกต่อไป เพราะนี่เป็นแผนจับคนทรยศของหลินเทียนเชวี่ยกับหลี่หวงเหยียนต่างหาก!

หลังจากชายทั้ง 2 มั่นใจแล้วว่านายพลเฝิงเป็นคนทรยศที่แฝงตัวมาอยู่ท่ามกลางทหารยศสูงในกองทัพ พวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือตามแผนการในขั้นต่อไป

ในขณะนั้นชายผมแดงถามขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเรารู้แล้วว่าเฝิงเจิ้งกั๋วเป็นคนขายข้อมูลของเรา ผมควรจะพาฉู่อวี้ไปที่เมืองหย่งเย่อีกหรือเปล่าครับ? เพราะดูแล้วสิ่งที่รอพวกเราอยู่ก็คือกับดัก”

“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ” หลินเทียนเชวี่ยเหยียดยิ้มเยาะ “ในเมื่อเรารู้ว่ามันเป็นกับดัก งั้นก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะขอแค่เรามีกำลังมากพอ เราก็สามารถทำลายกับดักนั้นได้แล้ว”

“ครั้งนี้นอกจากฉันจะเปิดโปงเฝิงเจิ้งกั๋ว คนทรยศคนนั้นแล้ว ฉันจะทำให้เผ่าไททันเสียหายย่อยยับ! การต่อสู้ในครั้งนั้น สหายร่วมรบทั้งหมด 547 คนต้องตายต่อหน้าต่อตาฉัน หนี้แค้นที่สะสมเอาไว้มานาน ถึงเวลาที่ต้องให้ไอ้พวกไททันชดใช้แล้ว”

หลังจากแม่ทัพมังกรพูดจบ จิตสังหารก็พุ่งออกมาจากตัวเขา แม้แต่หลี่หวงเหยียนที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารนี้ก็ยังรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว

ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้นไม่ต่างจากเจ้านรกที่ตามมาเก็บเกี่ยววิญญาณบนโลกมนุษย์เลยสักนิด

เขาไม่รู้ว่าจะต้องฆ่าไททันไปกี่ตัวถึงจะมีไอสังหารระดับนี้

สมแล้วที่หลินเทียนเชวี่ยเป็นดั่งเทพสงคราม!