บทที่ 101: สังหารศัตรูในดาบเดียว!
ยามราตรีอันมืดมิดในคืนหนึ่ง
จู่ ๆ ก็มีสายฟ้าพุ่งผ่านท้องฟ้าไปด้วยความเร็วสูง
สายฟ้าที่มีความเร็วเหนือเสียงนั้นได้ฉีกกระชากความมืดเบื้องหน้าออกจากกัน
และร่างที่ควบม้าฝ่าความมืดมิดนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินหยวน!
หลังจากเด็กหนุ่มอธิบายสถานการณ์ให้โจวอวี้หลงฟัง เขาก็เดินทางออกจากป้อมปราการสงครามโดยไม่ลังเล
เพราะภายใน 7 วันนี้ เขาจะต้องเร่งเดินทางจากแนวป้องกันที่ 3 ไปยังเมืองหย่งเย่ที่อยู่ในแนวหลังของเผ่าไททัน
เขาจะต้องไปช่วยฉู่อวี้ให้ได้!
“เจี๊ยกกก!” ในตอนนั้นเอง ไททันอสูรวานรที่ร่างสูงใหญ่เท่ากับภูเขาก็สังเกตเห็นหลินหยวน
ยิ่งไปกว่านั้น ออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวไททันอสูรวานรตัวนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเพียงไททันมหาวิบัติ
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าที่นี่อยู่นอกป้อมปราการสงคราม มันจึงไม่มีทางเทียบได้กับแนวหลังของประเทศ
ที่นี่พบเจอไททันมหาวิบัติได้ทั่วไปตามท้องถนน
ถึงแม้ว่าจำนวนไททันมหาวิบัติจะค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง
แล้วระหว่างทางหลินหยวนก็ได้หลงเข้าไปในอาณาเขตของไททันอสูรวานร
เนื่องจากกลิ่นเลือดเนื้อของมนุษย์ที่กระจายออกมาจากร่างกายของเขามันไปดึงดูดความสนใจของไททันอสูรวานรเข้าเสียแล้ว
ในสายตาของไททันทุกตัว เลือดเนื้อของมนุษย์นั้นเป็นสารอาหารชั้นเลิศที่ช่วยในการเติบโตของพวกมัน
แม้แต่ไททันมหาวิบัติก็ไม่เว้น
ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวของหลินหยวนก็ยิ่งเร้าความปรารถนาของไททันอสูรวานรมากขึ้น
เด็กหนุ่มที่เผชิญหน้ากับไททันมหาวิบัติที่กำลังพุ่งเข้ามา จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็มีแสงเย็นแล่นผ่าน
“อย่ามาขวางทางฉัน!!” หลินหยวนคำรามก้องราวกับสัตว์ป่า
วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทอง
เนื่องจากผลของฉงถงระดับสูง เขาจึงมองเห็นจุดอ่อนของไททันอสูรวานรได้ในทันที
จากนั้นจังหวะการหายใจของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมกับลวดลายสายฟ้าปรากฏขึ้นข้างแก้ม
ลมหายใจสายฟ้า!
ในตอนที่หลินหยวนใช้สกิลลมหายใจสายฟ้า พลังรอบตัวเขาก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน สายฟ้าก็พุ่งออกมาจากดาบปราบมังกร
“ฮว้ากกกก!!” ในที่สุดไททันอสูรวานรก็มาอยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่ม มันอ้าปากคำรามเสียงดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน
จากนั้นมันก็ใช้หมัดหนัก ๆ ทุบลงมาประหนึ่งค้อนขนาดใหญ่
หลินหยวนเห็นได้ชัดเจนว่ามันตั้งใจจะทุบเขาให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
แต่สิ่งที่ไททันอสูรวานรไม่ทันสังเกตก็คือ
ในตอนนี้ดวงตาของเด็กหนุ่มเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง
“สุสานน้ำแข็ง!”
ขณะที่หลินหยวนเผชิญหน้ากับไททันที่ตัวใหญ่เหมือนภูเขา เขาใช้สกิลสุสานน้ำแข็งของพลังน้ำแข็งโดยไม่ลังเล
วินาทีถัดมา น้ำแข็งที่เย็นยะเยือกก็พุ่งออกมาจากร่างของไททันอสูรวานรก่อนจะครอบคลุมร่างมหึมาของมัน เปลี่ยนกลายเป็นโลงน้ำแข็งกักขังมันเอาไว้
หลังจากเด็กหนุ่มใช้สกิลสุสานน้ำแข็ง ร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุดจนไปประชิดตัวของฝ่ายตรงข้ามในพริบตา
จากนั้นเขาก็ฟันดาบปราบมังกรออกไป
อสนีพิฆาต!
ฉัวะ!
ไม่นานหัวของไททันอสูรวานรก็กลิ้งไปตามพื้น
บัดนี้ไททันมหาวิบัติไม่อาจต้านทานการโจมตีของหลินหยวนได้เลย
สังหารศัตรูในดาบเดียว!
พลังของหลินหยวนในปัจจุบันพุ่งมาถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวมาก
เขายังไม่ทันได้ใช้ร่างเทพสายฟ้าด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเข้าสู่สถานะระเบิดโลหิตที่ยังไม่ได้ใช้ แต่เขากลับโค่นไททันมหาวิบัติลงได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
สำหรับเขาตอนนี้การสังหารไททันระดับ 7 นั้นนับว่าง่ายมาก
หลังจากร่างของไททันอสูรวานรล้มลงกระแทกพื้น เด็กหนุ่มก็ไม่มีเวลามาสนใจเก็บศพเข้าช่องเก็บอันเด็ดด้วยซ้ำ เขายังคงพุ่งทะยานไปยังเมืองหย่งเย่ต่อไป
แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าภายในเวลาไม่ถึงปี พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดไปหลายขั้น
แม้ว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนทิศทางการต่อสู้ในสนามรบได้จริง ๆ แต่เขาก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญที่น่าจับตามองคนหนึ่ง
แต่… ถ้าเขาปกป้องคนที่อยากจะปกป้องไม่ได้ แบบนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไร?
พอคิดถึงเรื่องนี้หลินหยวนก็กำหมัดแน่น
ทันใดนั้นภาพของฉู่อวี้ก็ปรากฏขึ้นในความคิดอีกครั้ง เขายังคงจำวันที่เขาปฏิเสธไม่เข้าร่วมกองทัพจนทำให้ทุกคนผิดหวังได้ขึ้นใจ
วันนั้นมีเพียงฉู่อวี้ที่มายืนอยู่ตรงหน้าเขา
เธอพูดกับเขาว่า
หลินหยวน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อนายอยากอยู่อย่างปลอดภัยในแนวหลัง ดังนั้นครั้งนี้… ฉันจะปกป้องนายเอง
ตอนนั้นน้ำเสียงของเด็กสาวทั้งอ่อนโยนและหนักแน่น
และขณะนี้ผู้หญิงที่บอกว่าจะปกป้องเขาอาจจะต้องตายอยู่ในเมืองหย่งเย่ในอีก 7 วันข้างหน้า
ทหารในกองทัพกินหญ้าแทนข้าวกันไปหมดแล้วหรือไง?!
ฉู่อวี้เป็นถึงผู้สืบทอดมรดกไททันศักดิ์สิทธิ์ที่ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ แต่กองทัพกลับส่งเธอไปปฏิบัติภารกิจที่อันตรายแบบนี้
และถึงแม้ว่าแผนการลับจะรั่วไหลออกมาแล้ว แต่กองทัพก็ยังไม่ยอมล้มเลิกปฏิบัติการอยู่ดี
พอคิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของหลินหยวนก็เหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ด้านใน
ในเมื่อกองทัพไม่สนใจความเป็นความตายของฉู่อวี้
ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไปช่วยเธอเอง!!
…
แนวป้องกันในด่านแรก
ในห้องประชุมกองบัญชาการทหาร
ขณะนี้เหล่านายพลระดับสูงของกองทัพทั้งหมดได้มารวมตัวกันอยู่ภายในห้องนี้
แน่นอนว่ารวมถึงเฝิงเจิ้งกั๋วด้วย
“ปฏิบัติการบุกเมืองหย่งเย่เริ่มต้นขึ้นแล้วเหรอ?” ชายผมขาวคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เฝิงเจิ้งกั๋วรีบตอบทันทีว่า “หลี่หวงเหยียนกับฉู่อวี้พร้อมที่จะเดินทางไปยังเมืองหย่งเย่แล้ว”
ทันใดนั้นชายสูงวัยอีกคนในชุดทหารก็พูดขึ้นว่า “แต่แผนปฏิบัติการเมืองหย่งเย่รั่วไหลจนแพร่ไปทั่วกองทัพแล้วนะ!”
“เฝิงเจิ้งกั๋ว คุณมีอะไรมารับประกันได้ว่าข่าวนี้จะไม่ไปถึงหูพวกไททัน?!” สิ้นเสียงพูด ทุกคนบนโต๊ะประชุมก็จับจ้องไปที่นายพลเฝิงพร้อมกัน
แต่เฝิงเจิ้งกั๋วกลับย้ำหนักแน่นว่า “ผมยอมรับว่าเหตุการณ์ที่มีข้อมูลรั่วไหลออกไปแบบนี้เป็นความผิดของผมเอง เป็นเพราะผมไม่ควบคุมดูแลหลี่หวงเหยียนให้ดีจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” เขาใช้คำพูดชี้นำอย่างชาญฉลาด
ในตอนแรกเขายอมรับว่านั่นเป็นความผิดของตัวเองจนทำให้ทุกคนยอมเงียบเสียง จากนั้นเขาก็โยนความผิดให้กับหลี่หวงเหยียนโดยชี้แจงให้ทุกคนในที่นี้ทราบว่าชายผมแดงเป็นคนปล่อยข่าวให้หลุดรอดออกไปเอง
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ชายผมหงอกกลับพูดว่า “ในเมื่อคุณยอมรับว่านี่เป็นความผิดของคุณ ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับไปพิจารณาตัวเองก่อนเถอะ สำหรับการปฏิบัติการในครั้งนี้ ผมคิดว่าเราควรยกเลิกไปก่อนดีกว่า”
“ในสถานการณ์ปัจจุบันเราจะรับความเสี่ยงแบบนั้นได้ยังไงกัน ถ้าเผ่าไททันรู้แผนการของเราแล้ว พวกมันคงจะเตรียมตั้งรับอย่างเต็มที่”
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่คงรู้ดีว่าผู้สืบทอดมรดกของไททันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความหมายต่อเรายังไงบ้าง ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่มีทางปล่อยให้ฉู่อวี้ไปตายฟรีได้หรอก!” หลังจากชายคนนั้นพูดจบ ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็พากันปิดปากเงียบ
ในขณะนั้นไม่มีใครแสดงความคิดเห็นออกมาเลยสักคน ชายชราผมขาวจึงกวาดตาคมกริบมองไปรอบ ๆ
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีใครคัดค้านอะไร ก็เอาตามที่ผมสั่งก็แล้วกัน จัดการยกเลิกแผนโจมตีเมืองหย่งเย่ทันที อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดเด็ดขาด!”
ทันทีที่ชายผมหงอกกล่าวจบ เสียงของเฝิงเจิ้งกั๋วก็ดังขึ้น “ผมขอคัดค้าน!”
ในขณะนั้นนายพลเฝิงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “แผนโจมตีเมืองหย่งเย่ยกเลิกไม่ได้เด็ดขาด ทุกท่านคงรู้ว่าสถานการณ์ในแนวหน้าตอนนี้เลวร้ายมากแค่ไหน ในทุกวินาทีมีทหารหลายร้อยคนต้องจบชีวิตลง ตอนนี้แนวป้องกันชั้นแรกได้มาถึงทางตันแล้ว มันพร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ”
“ทุกท่าน ลองคิดดูนะว่าถ้าแนวป้องกันชั้นแรกพังลง ฝ่ายเราจะมีคนตายกี่คนกัน หลายล้านคน? หรือหลาย 10 ล้านคน?! แต่ตอนนี้ในที่สุดเราก็หาทางออกได้แล้ว เรามีโอกาสบุกเข้าไปยังดินแดนของศัตรูภายใต้แรงกดดันมหาศาลแบบนี้ได้จริง ๆ ในเมื่อมีโอกาสทำไมเราไม่คิดจะลองกันล่ะ?”
“เป็นเพราะความเสี่ยงที่แผนการรั่วไหลออกไปงั้นเหรอ? ถ้าถามผม พวกคุณมันก็แค่ไอ้พวกขี้ขลาดที่ไม่กล้าเสี่ยง ในเมื่อทุกคนกลัวว่าแผนการนี้จะล้มเหลว ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง! ผมจะเดินทางไปกับพวกหลี่หวงเหยียนเพื่อต่อสู้กับไททันไกอัส!”
“ถึงแม้ว่าพวกไททันจะล่วงรู้แผนการของเราจริง ๆ แล้วล้อมรั้วเมืองหย่งเย่เอาไว้ ผมก็จะไปช่วย 2 คนนั้นออกมาให้ได้! ต่อให้ผมต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่เมืองหย่งเย่ ผมขอรับประกันเลยว่าผมจะพาทั้ง 2 คนกลับมาอย่างปลอดภัย!”
ขณะนี้ดวงตาของเฝิงเจิ้งกั๋วแข็งกร้าวราวกับสัตว์ป่าที่กำลังล่าเหยื่อ ร่างกายผอมบางของเขาโน้มไปข้างหน้าพร้อมกับพูดเสียงหนักแน่น “ตอนนี้ผมเชื่อว่าแผนการบุกโจมตีเมืองหย่งเย่ควรจะดำเนินการต่อไป มีใครคัดค้านหรือเปล่า!”
ทุกคนในที่ประชุมต่างมีแววตาสั่นไหวขณะกำลังพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของแผนการนี้
แม้แต่ชายผมขาวที่เคยคัดค้านความคิดของเขาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่แสดงความคิดเห็นของตัวเองในทันที
เพราะขณะนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าเฝิงเจิ้งกั๋วจะเสนอตัวไปปฏิบัติการที่เมืองหย่งเย่ด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS ก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่คนที่มียศสูงอย่างเขามักจะนั่งตำแหน่งผู้มีอำนาจตัดสินใจในกองทัพมากกว่าจะเป็นผู้นำทหารออกไปต่อสู้กับไททันด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเฝิงเจิ้งกั๋วจะยืนยันจุดยืนของตัวเองอย่างแน่วแน่เช่นนี้
สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ในการประชุมในวันนี้คือการหารือว่าควรจะดำเนินตามแผนต่อไปหรือไม่
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้หารือกันให้ดี เฝิงเจิ้งกั๋วก็ได้ประกาศจุดยืนของตัวเองด้วยท่าทางหนักแน่น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 96
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น