บทที่ 20 จากลาและกลับมา 1
เสียงระเบิดดังสนั่นกลางเช้า ทำให้เด็กหญิงผมสีน้ำตาลต้องลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาแตะที่ใบหน้าของอาสึนะ อากาศยามเช้ากรุ่นกลิ่นหญ้าเปียกชื้นจากหยดน้ำค้าง เธอขยี้ตาพร้อมกับบิดขี้เกียจ ส่งเสียงครางเบา ๆ พลางหาว มือเล็ก ๆ ยกขึ้นป้องแสงอย่างเชื่องช้า ร่างของเธอยังเต็มไปด้วยความง่วงงุนจากคืนก่อน
กลิ่นควันบาง ๆ ลอยเข้ามาทางหน้าต่างทันทีที่เธอเปิดมันออก ลมหายใจของอาสึนะสะดุดเล็กน้อยก่อนจะเบิกตากว้าง มองไปยังลานด้านนอกที่มีกลุ่มควันลอยขึ้นสูงจากหุ่นยนต์สีดำขนาดใหญ่ที่เกือบจะไหม้เกรียม มันสั่นคลอนเล็กน้อยราวกับยังไม่ยอมแพ้ต่อแรงระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“นี่นายทำอะไรอีกเนี่ย!” เสียงของเธอแหวกอากาศยามเช้า ดังก้องไปทั่วลานกว้าง
รูรุที่ยืนอยู่ข้างหุ่นยนต์สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันมามองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำมันและเขม่าควัน เสื้อกล้ามยับย่นเผยให้เห็นรอยแผลเล็ก ๆ จากแรงระเบิดบางส่วน แต่ในดวงตากลับมีแววของความมุ่งมั่นไม่ลดละ
“ทดลองหุ่นยนต์ไง เผื่อจะใช้ข้ามมิติได้” เขาตอบพลางยิ้มเจื่อน ยกมือขึ้นเกาหลังคอด้วยท่าทางเคอะเขิน
อาสึนะเท้าเอวทันที คิ้วทั้งสองขมวดแน่นจนแทบจะเป็นปม “จะบ้าหรอ หมอนั่นก็บอกไม่ใช่หรอว่าอีกห้าปีจะกลับมา แล้วนี่ก็ห้าปีแล้ว!”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เพราะโกรธ แต่เพราะความคิดถึงที่กัดกินใจมานาน
“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นาพี่อาสึนะ เผื่อพี่ไบรท์ผิดสัญญา พวกเราจะได้ไปตามกลับมาได้” เสียงของมายดังขึ้นจากด้านหลังเธอ เด็กชายร่างเล็กแต่แววตาเฉียบคม เขายืนถือสมุดบันทึกและปากกาอยู่ มองสถานการณ์อย่างใจเย็น
คำพูดนั้นทำให้อาสึนะชะงัก ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยโทสะค่อย ๆ อ่อนลง ความทรงจำที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจเริ่มผุดขึ้นมาทีละภาพ
‘นั่นสินะ… เผื่อหมอนั่นผิดสัญญา พวกเราจะได้ไปตามกลับมา’
ห้าปีก่อน
แสงสีขาวที่เคยเจิดจ้า ค่อย ๆ จางหายไปจากสนามรบ กลายเป็นความเงียบสงัดที่แทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคน ท้องฟ้ามืดมน ไร้ดวงดาว มีเพียงเมฆครึ้มลอยผ่านช้า ๆ
อาสึนะเดินเข้าไปช้า ๆ ท่ามกลางบาดแผลของสงครามที่ยังอวลอยู่ในอากาศ ดวงตาของเธอกวาดมองหาใครบางคน และในที่สุดก็มองเห็น... ไบรท์
เขายืนอยู่ท่ามกลางศพของศัตรู เลือดเปรอะเปื้อนไปทั่วร่าง เสื้อคลุมที่เคยขาวสะอาดเปลี่ยนเป็นสีแดงหม่น สีหน้าของเขาอ่อนล้า แต่แววตายังคงเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็น
เธออยากจะตะโกน อยากจะด่า อยากจะถามว่าทำไมถึงทิ้งพวกเธอไว้ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นจริง ๆ เธอกลับพูดไม่ออก
คาเสะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เช่นกัน สายตาเขาหลุบต่ำ มีบางสิ่งบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในอกแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
“พูดอะไรสักหน่อยสิ...” อาสึนะกระซิบกับเพื่อนสาว
คาเสะส่ายหน้าเบา ๆ “ก่อนจะมาที่นี่ ฉันก็มีเรื่องอยากจะพูดหลายเรื่อง แต่ตอนนี้... ฉันกลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน”
บรรยากาศเงียบงัน ราวกับโลกทั้งใบหยุดหายใจ
“ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่อีก?” เสียงของไบรท์เยือกเย็นแต่ก็แฝงด้วยความสั่นไหว
อาสึนะก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว สูดหายใจลึก “นายน่ะ ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ได้หรือไม่ ต่อให้เผ่าเทพและเผ่ามารจะเป็นอย่างไร แต่ว่านายน่ะ...”
เธอหยุด หันไปสบตากับคาเสะ ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ช่วยกลับมาหาพวกเราได้ไหม…”
เสียงของพวกเธอดังก้องในหัวใจของไบรท์
กลิ่นของดิน กลิ่นของเพื่อน... กลิ่นของบ้าน มันค่อย ๆ ปลดล็อกบางอย่างในจิตใจของเขา
แล้วเมฆาก็เดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ
“สิ่งที่นายมีเหมือนกับชายผู้นั้น รู้ไหมว่าคืออะไร?” เขาถาม พลางยิ้ม
“นายยังมีที่ให้กลับมาไงล่ะ”
มือของเขาวางลงบนไหล่ของไบรท์อย่างมั่นคง “ทั้งปู่ ย่า ตา และเพื่อนยังรอนายอยู่ ดังนั้นต่อให้โลกนี้จะโหดร้ายแค่ไหน นายก็ยังมีเหตุผลที่จะกลับมาอยู่ดี…”
ไบรท์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเริ่มเปียกชื้น เสียงของเขาแผ่วเบา
“ต่อให้โลกใบนี้จะไม่ต้องการผมน่ะหรอ…”
เมฆาพยักหน้า “ใช่ ต่อให้โลกนี้จะไม่ต้องการนายก็ตาม สิ่งที่นายต้องการคือคนที่ยังต้องการนายอยู่”
ทันใดนั้น เงาร่างของสามผู้คุมกฎปรากฏขึ้นในอากาศ เหมือนถูกดึงมาจากอีกมิติ พลังของพวกเขายังไม่อาจเทียบเท่าไบรท์ในตอนนี้ แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเคารพ
“ใกล้เวลาออกเดินทางแล้ว” หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
ไบรท์หันไปมองหน้าของอาสึนะและคาเสะอีกครั้ง แววตาเขาเต็มไปด้วยความลังเล
“เรื่องที่ฉันจะกลับมาน่ะ ฉันคงจะ...”
เขานิ่งไปชั่วครู่ ความเงียบชวนให้อะดรีนาลีนของทุกคนเพิ่มขึ้น
สุดท้ายเขาส่ายหน้า ถอนหายใจ “ถ้าฉันเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์แล้วฉันจะกลับมา”
แต่คาเสะและอาสึนะก็ไม่ยอม
“ไม่เอา ถ้านายจะให้พวกฉันรอนายแบบนั้นก็แย่น่ะสิ!” คาเสะขึ้นเสียง
“ใช่! กำหนดเวลามา!” อาสึนะเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไบรท์ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “ยุ่งยากจริง… ห้าปี ฉันขอเวลาห้าปี พอห้าปีแล้วฉันจะกลับมา”
สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านสนามรบ พาเอากลิ่นเลือดจาง ๆ และเศษฝุ่นจากการต่อสู้ออกไปจากพื้นดินที่ย่ำแย่ ดวงตาของไบรท์ทอดมองเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
แม้จะไม่ได้กล่าวคำอำลาออกมาเป็นคำพูดมากมาย แต่สายตาของเขากลับสื่อความหมายได้ดีกว่าถ้อยคำใด
“...ขอบคุณ” เขาพูดเบา ๆ
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง ชายหญิงในชุดสีดำและแดงเข้มเดินเรียงแถวเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย แต่ละคนมีเขา โชว์ลักษณะของเผ่าเดมอนอย่างชัดเจน พวกเขาทุกคนคุกเข่าลงทันทีเมื่อมาถึงตัวไบรท์
“จักรพรรดิของพวกเราพร้อมแล้ว” ผู้นำของกลุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
ไบรท์พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองอาสึนะ คาเสะ และรูรุ อีกครั้ง
“พวกนาย… อย่าลืมฉันก็พอ”
มือข้างขวาของไบรท์ยกขึ้น ท่ามกลางอากาศที่เริ่มสั่นไหว ความมืดแผ่ขยายออกจากฝ่ามืออย่างช้า ๆ เหมือนหมึกที่หยดลงในน้ำ ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีม่วงเข้ม พลังเวทวนรอบตัวราวกับพายุหมุน
“จงเปิดออก—”
เสียงท่องเวทในภาษาของเผ่าปีศาจดังก้องไปทั่วบริเวณ แรงสั่นสะเทือนเริ่มเกิดขึ้นจากพื้นดิน รอยแยกสีดำลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นประตูมิติขนาดใหญ่ที่หมุนวนด้วยเวทมนตร์สีดำแดง ดูน่ากลัวและงดงามในเวลาเดียวกัน
เสียงหวีดหวิวของลมจากอีกโลกหนึ่งลอดผ่านประตูออกมา พร้อมกลิ่นของภูเขาไฟ ทะเลทราย และพลังงานลี้ลับที่ไม่คุ้นเคย
“ไบรท์!” อาสึนะเรียกเสียงสั่น ดวงตาของเธอเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำตา แต่เธอก็ยังพยายามยิ้ม
“จำไว้นะ... ห้าปี” คาเสะพูดเสียงเข้ม “ห้ามผิดสัญญา”
ไบรท์ยิ้มบาง ๆ แล้วก้าวเข้าสู่ประตูมิติ ร่างของเขาค่อย ๆ ละลายไปกับพลังเวทมนตร์ราวกับละอองแสง จนหายไปในความมืดมิดของอีกโลกหนึ่ง เหลือไว้เพียงเสียงกระซิบสุดท้ายที่ลอยมาตามลม
“ฉันจะกลับมา…”
ปัง!
ประตูมิติปิดตัวลงอย่างรุนแรง เสียงสะท้อนกระแทกไปทั่วพื้นที่ และเมื่อทุกอย่างสงบลง ก็เหลือเพียงความเงียบ ความว่างเปล่า และหัวใจที่หนักอึ้งของผู้ที่ยังอยู่เบื้องหลัง
อาสึนะยืนนิ่ง น้ำตาหยดแรกไหลลงแก้มอย่างเงียบงัน เธอกระชับสร้อยคอที่ไบรท์เคยให้ไว้แน่นในมือ แล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ถ้าผิดสัญญา ฉันจะไปลากกลับมาด้วยมือของฉันเอง…”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 183
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น