บทที่ 428 เวทมนตร์ต้องห้ามที่แท้จริง
บทที่ 428 เวทมนตร์ต้องห้ามที่แท้จริง
ในระหว่างที่ลู่หยางกำลังจะเดินไปเปิดเส้นทางลัด ทหารยามวิญญาณ 10 ตนก็ปรากฏตัวขึ้นมาเสียก่อน
“ยอมจำนนซะเจ้าผู้บุกรุก” หัวหน้าทหารยามตะโกนพร้อมกับปาหอกไปทางลู่หยาง
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ได้ทำการท่องคาถาก่อให้เกิดคลื่นสีดำปรากฏขึ้นบริเวณใต้ฝ่าเท้าของทหารยามในรัศมี 15 เมตร
เฟลมสตอร์ม!
เปลวไฟพุ่งขึ้นสูงกลายเป็นพายุอย่างรุนแรงและมันก็ทำให้ทหารยามทั้ง 10 ตนติดสถานะสตั๊นเป็นเวลา 2 วินาที
ลู่หยางได้ฉวยโอกาสนี้เดินไปยังภาพวาดก่อนจะใช้ไม้คทาเป็นกุญแจเสียบเข้าไปภายในช่องที่อยู่ด้านข้าง
แสงสว่าง 9 สีปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมกับร่างของลู่หยางที่หายตัวไปจากห้องโถง
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากห้องโถงบริเวณยอดหอคอยกลายเป็นห้องใต้ดินที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา
บนพื้นมีเหรียญทองกระจัดกระจายอยู่อย่างมากมาย แม้แต่โคมไฟทางด้านบนก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากคริสตัลอันล้ำค่า
ชายหนุ่มทำการเก็บเงินทั้งหมดเข้าใส่ถุงแล้วหลังจากที่เขาเก็บเงินทั้งหมดแล้วเขาก็ได้พบว่ามันมีมูลค่าถึง 10,000 เหรียญทอง
เงิน 10,000 เหรียญทองมีมูลค่าเท่ากับ 3 ล้านเครดิต ซึ่งถ้าหากว่าผู้เล่นไม่นำเงินจำนวนนี้ไปส่งภารกิจแต่เอาไปขายแล้วออกไปใช้ชีวิตนอกเกม เงินจำนวน 3 ล้านเครดิตก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ไปได้อีกนาน
อย่างไรก็ตามนี่ก็คือกับดักที่ทางตัวเกมได้วางเอาไว้ เพราะถ้าหากผู้เล่นคิดจะเก็บเหรียญทองกลับไปโดยไม่ส่งภารกิจหรือแอบเก็บเงินเอาไว้บางส่วน ทางระบบก็จะถือว่าภารกิจล้มเหลวในทันทีและพวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้รับภารกิจนี้อีกตลอดไป
อย่าลืมว่าภารกิจนี้คือภารกิจยูนิคซึ่งมีเพียงผู้เล่นคนแรกที่ทำภารกิจสำเร็จคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับของรางวัลจากภารกิจไป หรือมันก็อาจจะสามารถกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าผู้เล่นคนหนึ่งสามารถรับภารกิจของอ้ายหมี่ได้เพียงแค่ครั้งเดียว
หากไม่ใช่เพราะในชาติก่อนทางตัวเกมได้เปิดเผยภารกิจนี้ในงานเกมประจำปี ผู้เล่นก็คงจะไม่รู้ว่ามันมีภารกิจลับแบบนี้ซุกซ่อนอยู่ด้วย
ลู่หยางรู้เรื่องภารกิจนี้จากข่าวงานเกมด้วยเช่นกัน เขาจึงรู้จักรายละเอียดของภารกิจเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากที่เขาทำการเก็บสมบัติทั้งหมดเข้ากระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทำการเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์และมุ่งหน้าตรงไปยังสถาบันเวทมนตร์
ขณะเดียวกันอ้ายหมี่ก็กำลังยืนมองแท่นเทเลพอร์ตอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเขาได้เห็นลู่หยางเดินกลับมาแววตาของเขาจึงเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
“คุณเก็บสมบัติกลับมาได้แล้วงั้นเหรอ?” อ้ายหมี่รีบโบกมือเรียก
ลู่หยางยื่นถุงเก็บสมบัติให้กับอ้ายหมี่พร้อมกับพูดว่า
“นี่คือสมบัติทั้งหมดที่ผมเก็บมาได้”
อ้ายหมี่รับถุงสมบัติมาทำการตรวจนับสมบัติทีละชิ้น ซึ่งหลังจากที่เขาแน่ใจว่าภายในถุงมีสมบัติทุกชิ้นอยู่อย่างครบถ้วน เขาก็มอบม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ให้กับลู่หยางพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“คุณเป็นคนดีและเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริง ๆ ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนให้นอกจากม้วนคัมภีร์เล่มนี้ น่าเสียดายที่ผมไม่มีพรสวรรค์มากพอที่จะฝึกฝนมัน ดังนั้นผมขอมอบมันเป็นของตอบแทนให้กับคุณก็แล้วกัน”
ระบบ: คุณได้รับเวทมนตร์ต้องห้ามเดโมนิคเฟลม
เดโมนิคเฟลม
ประเภท เวทมนตร์ธาตุไฟ
มานาที่ต้องใช้ 3,000
ระยะ 1,000 เมตร
รายละเอียด ปลดปล่อยเปลวเพลิงอันร้อนแรงไปยังพื้นที่ที่กำหนดทำให้เป้าหมายในรัศมี 800 เมตรได้รับความเสียหายเวท 1,000 + พลังโจมตีเวท/ 10 ต่อวินาที
หลังจากได้รับม้วนคัมภีร์เวทมนตร์มาชายหนุ่มก็ทำการเรียนรู้เวทมนตร์นี้อย่างตื่นเต้น เพราะในที่สุดเขาก็ได้รับเวทมนตร์ต้องห้ามแท้จริงมาไว้ในการครอบครองแล้ว
ด้วยเวทมนตร์นี้มันก็ทำให้เขามีความมั่นใจในการต่อสู้ครั้งต่อไปมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาได้เห็นเวลาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน เขาจึงตัดสินใจล็อกเอาท์ออกไปจากเกม
—
พวกฮั่นอิ่งออกมาพักผ่อนก่อนลู่หยางแล้วและในตอนนี้ทุกคนก็กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?” ลู่หยางถามขณะเดินเข้ามาหาทุกคน
“สถานการณ์ของเผ่าอสูรตอนนี้กำลังวุ่นวายกันไปหมดแล้วครับ กิลด์ของทั้ง 5 เมืองหลักต่างก็ทำสงครามกันทั่วไปหมด” มู่ยี่กล่าว
“ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยสิ” ลู่หยางถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ในเมืองหลักแต่ละเมืองของเผ่าอสูรมีกิลด์ขนาดใหญ่อยู่ประมาณ 10 กว่ากิลด์ แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้พวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงป้อมปราการกันอย่างหนัก” มู่ยี่กล่าว
อาจจะเป็นเพราะรูปลักษณ์อันดุดันและน่ารักของเผ่าอสูร มันจึงทำให้กลุ่มทุนชื่นชอบเข้าไปลงทุนในภาวะอสูรมากกว่าเผ่ามนุษย์ โดยในปัจจุบันในเซิฟเวอร์จีนเข้ามีกลุ่มทุนเข้ามาลงทุนแล้ว 31 กลุ่ม แต่ในบรรดากลุ่มทุนทั้งหมดกลับมีผู้ที่ไปลงทุนในเผ่าอสูรถึง 22 กลุ่ม ซึ่งนับเป็น 2 ใน 3 ของกลุ่มทุนทั้งหมด
นอกจากนี้เพื่อทำการช่วงชิงป้อมปราการมาเป็นของตัวเองให้ได้ กลุ่มทุนแต่ละแห่งจึงทำการลงทุนเติมเงินเข้าไปภายในเกมไม่น้อยกว่า 500 ล้านเครดิต ทำให้ 22 กิลด์ยักษ์ใหญ่ภายในเผ่าอสูรมีกองกำลังผู้เล่นเลเวล 30 ชุดทองมากกว่า 80,000 คนและกลุ่มทุนแต่ละกลุ่มยังคงทำการสนับสนุนเติมเงินทุนเข้าไปภายในเกมอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ลู่หยางสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ก็เพราะว่าทางฝั่งเผ่ามนุษย์มีการแข่งขันอยู่ค่อนข้างน้อย ในทางกลับกันถ้าหากเขาเลือกสร้างบลัดบราเธอร์ขึ้นมาในเผ่าสัตว์อสูร มันก็ไม่มีทางที่เขาจะทำให้บลัดบราเธอร์กลายเป็นกิลด์ที่ยิ่งใหญ่อย่างในปัจจุบันนี้ได้เลย
“แล้วทางสกายวูฟล่ะเป็นยังไงบ้าง?” ลู่หยางถาม
“สกายวูฟได้ครอบครองป้อมปราการแห่งหนึ่งเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อนครับ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้หลัวเฉิงได้นำกำลังกิลด์ไบรท์สตาร์ 200,000 คนโจมตีป้อมปราการไซแอนวูฟของสกายวูฟอย่างหนัก หากผมคาดเดาไม่ผิดสกายวูฟน่าจะทนต่อไปได้อีกไม่เกิน 3 วัน” มู่ยี่กล่าว
กลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังกิลด์ไบรท์สตาร์นั่นก็คือกลุ่มทุนของลิ่วเจีย ส่วนทางด้านหลัวเฉิงซึ่งเป็นผู้นำกิลด์นี้ก็คือลูกพี่ลูกน้องของลิ่วเจียด้วยเหมือนกัน
“ช่วยหาช่องทางติดต่อสกายวูฟให้หน่อยได้ไหม? ฉันอยากจะคุยกับเขา” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมบอกเขาให้ ผมสนิทกับเขามากพอสมควร สาเหตุที่เขายังทนได้จนถึงวันนี้นั่นก็เพราะร้านขายยาของเรา” มู่ยี่กล่าว
“ดีเลย ช่วยบอกเขาด้วยว่าฉันต้องการจะคุยกับเขาด้วยตัวเอง” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ”
ในบรรดาป้อมปราการทั้งหมดลู่หยางให้ความสำคัญกับป้อมปราการไซแอนวูฟของสกายวูฟมากที่สุด เพราะมันคือป้อมปราการที่อยู่ใกล้กับป้อมปราการคริมสัน ดังนั้นถ้าหากเขาต้องการจะยืนหยัดให้ได้อย่างมั่นคง เขาก็จำเป็นจะต้องซื้อป้อมปราการนี้มาให้ได้
หลังจากลู่หยางนั่งคุยเล่นกับทุกคนอีกสักพัก พวกเขาก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
—
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากลู่หยางออกกำลังกายอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วถูเฟิงก็ติดต่อเขาเข้ามา
“มีเรื่องสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ฉันไม่รู้ว่าควรจะบอกนายดีหรือเปล่า?” ถูเฟิงกล่าว
“เรื่องอะไร พูดไปได้เลย” ลู่หยางกล่าว
“ฉันเพิ่งได้รับการติดต่อจากหลี่ยี่ ลูกชายคนโตของกลุ่มทุนฉางเจียง เขาอยากจะลงทุนในกิลด์ของเรา 1,000 ล้านเครดิตแลกกับหุ้นจำนวน 20%” ถูเฟิงกล่าว
ลู่หยางค่อนข้างตกใจกับคำพูดของสหายมากพอสมควร เพราะการลงทุนในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงมาก ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะพึ่งยึดป้อมปราการทั้ง 3 แห่งของเมืองซีเอ็มเพอเรอร์มาได้ แต่พูดตามตรงก็คือสถานการณ์ของป้อมปราการเหล่านี้ยังไม่มั่นคงนัก
“นายแน่ใจนะว่าเขาติดต่อมาด้วยตัวเอง?” ลู่หยางถาม
“ฉันแน่ใจ ก่อนหน้านี้เขาส่งอีเมลจากบริษัทมาก่อนแล้วค่อยโทรมาด้วยตัวเอง เขาบอกว่าเขาอยากจะพูดคุยกับนายเป็นการส่วนตัว” ถูเฟิงกล่าว
“ข้อเสนอครั้งนี้ไม่เลวเลยนะ ฉันกำลังต้องการเงินอยู่พอดี แต่นายบอกเขาไปก่อนว่านายติดต่อฉันไม่ได้ เพราะฉันต้องไปคุยกับพ่อของพวกเซี่ยหยู่เว่ยก่อน ถ้าการเจรจาไม่ลงตัวแล้วเราค่อยไปพูดคุยกับเขา” ลู่หยางกล่าว
“โอเค” ถูเฟิงตอบ
หลังจากวางสายลู่หยางก็โทรหาเจียงเจ๋อให้สหายขับรถมารับเพื่อมุ่งหน้าไปยังเชิงเขาบลูซี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 157
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น