บทที่ 387 เตรียมเปิดกล่องแพนดอร่า
บทที่ 387 เตรียมเปิดกล่องแพนดอร่า
เสียงสายลมอัดอากาศดังขึ้นมาอย่างฉับพลันและเมื่อลู่หยางหันไปมองทางด้านหลัง เขาก็ได้พบกับลูกบอลลมที่พึ่งผ่านตำแหน่งที่เขาเพิ่งยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้
ลูกบอลลมของบอสเลเวล 60 ย่อมสามารถสังหารเขาได้ภายในครั้งเดียว ลู่หยางจึงรีบวิ่งหนีออกจากระยะโจมตีของทีเร็กซ์เกราะเหล็กโดยไม่ลังเล
โฮก!
หลังทีเร็กซ์เกราะเหล็กโจมตีไม่โดน มันก็พยายามจะโจมตีต่อไป แต่น่าเสียดายที่ลู่หยางวิ่งออกนอกระยะการโจมตีของมันไปแล้ว มันจึงทำได้เพียงจ้องตาไปยังศัตรูด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโห ขณะที่มังกรไปทั้ง 4 ตัวภายในห้องยังคงโจมตีมันไม่หยุด
-1,011
-1,066
2,132 (คริติคอล)
…
ลูกไฟพุ่งออกมาจากปากของมังกรไฟทั้ง 4 อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้พวกมันจะสร้างความเสียหายได้ค่อนข้างต่ำ แต่พลังชีวิตของทีเร็กซ์เกราะเหล็กก็ยังคงลดลงไปเรื่อย ๆ
“ผมว่าความเสียหายแค่นี้มันยังไม่พอนะครับ” ฮั่นเฟยกล่าว
ทีเร็กซ์เกราะเหล็กมีพลังชีวิต 500,000 หน่วยและความเสียหายจากมังกรไฟทั้ง 4 ตัวนี้ยังไม่มากพอที่จะฆ่าบอสตัวนี้ได้ ท้ายที่สุดมังกรไฟก็พ่นลูกไฟออกมาทุก ๆ 2.5 วินาที ก่อนที่พวกมันจะสังหารทีเร็กซ์เกราะเหล็กได้สำเร็จผลของสกิลมันก็คงจะหมดลงไปเสียก่อน
“รอคูลดาวน์สกิลพี่ฟื้นฟูกลับมาก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยกลับไปปล่อยมังกรไฟเพิ่ม” ลู่หยางกล่าว
30 นาทีต่อมาลู่หยางก็ใช้วิธีการเดิมอีกครั้งทำให้มังกรไฟภายในห้องของทีเร็กซ์เกราะเหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 8 ตัว
หลังจากทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เป็นครั้งที่ 4 ในที่สุดทีเร็กซ์เกราะเหล็กก็ทนการโจมตีของมังกรไฟไม่ไหวและล้มลงไปเสียชีวิต
“เทคนิคการควบคุมของพี่น่ากลัวจริง ๆ อย่างมากผมก็เคลื่อนไหวเลียนแบบพี่ได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น แต่พี่ทำได้ตั้ง 4 ครั้งโดยไม่มีอะไรผิดพลาดเลย” ฮั่นเฟยกล่าว
“ค่อย ๆ ฝึกไป เดี๋ยววันหนึ่งนายก็จะทำได้แบบพี่เอง พวกเราไปดูกันเถอะว่ามันดรอปอะไรลงมาบ้าง” ลู่หยางกล่าว
ฝีมือในปัจจุบันของเขายังคงอยู่ห่างจากจุดสูงสุดอีกมากพอสมควร และมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาฝึกฝนร่างกายอีกประมาณ 1 ปีกว่าที่ร่างกายของเขาจะกลับไปมีความแข็งแกร่งเหมือนเดิม สิ่งที่เขาได้ใช้ในตอนนี้ก็แค่ประสบการณ์ที่เหนือกว่าคนอื่นก็เท่านั้น
ลู่หยางพาทุกคนเดินผ่านประตูไปที่ศพของทีเร็กซ์เกราะเหล็ก และในบรรดาของที่ดรอบลงมามันก็มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
ดีโวเออร์
รายละเอียด นี่คือสกิลที่ทรงพลังมาก ใครก็ตามที่ได้รับมันไปคือผู้โชคดี
“โอ้พระเจ้า! ที่แท้มันก็ดรอปจากที่นี่นี่เอง” ลู่หยางมองไปยังหนังสือสกิลอย่างตกใจ
“มันคืออะไรเหรอคะ?” ฮั่นอิ่งถาม
“นี่คือสกิลที่เหมาะกับเธอมากแล้วมันก็เป็นสกิลที่หายากมากกว่าเฮลไฟร์เป็น 10 เท่า” ลู่หยางกล่าว
“มันคือสกิลอะไรเหรอคะ?” ฮั่นอิ่งถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย
หลังจากที่เธอรู้จักวิธีการเรียกเฮลไฟร์ลอร์ด มันก็ทำให้เธอแทบไม่สนใจเรื่องการเปลี่ยนอาชีพเลย เพราะเฮลไฟร์ลอร์ดแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นในปัจจุบันมาก เมื่อลู่หยางบอกว่ามันมีสกิลที่หาได้ยากกว่าเฮลไฟร์ลอร์ด มันจึงทำให้ฮั่นอิ่งรู้สึกสนใจขึ้นมา
หลังจากอ่านคำอธิบายจากหนังสือสกิลที่ลู่หยางได้ให้มา เด็กสาวก็ตั้งคำถามกลับไปอย่างสงสัย
“มันใช้งานยังไงเหรอคะ? หนูพยายามอ่านแล้วไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย”
ลู่หยางชี้นิ้วไปที่เฮลไฟร์ลอร์ดที่อยู่ใกล้ ๆ และพูดว่า
“ใช้สกิลดีโวเออร์แล้วกินมันเข้าไปซะ”
“หา… เดี๋ยวหนูจะลองดูก็แล้วกัน” ฮั่นอิ่งพูดด้วยสีหน้าอันสับสน หลังจากมองดูร่างอันสูงใหญ่ของเฮลไฟร์ลอร์ดและดูร่างอันบอบบางของตัวเอง
ลู่หยางหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติม
ฮั่นอิ่งมองไปยังเฮลไฟร์ลอร์ดที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่เธอจะเลือกใช้สกิลดีโวเออร์ตามคำแนะนำของลู่หยาง
ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของเฮลไฟร์ลอร์ดก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีม่วง ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพียงแค่ก้อนหินสีเทาในทันที ขณะที่ฮั่นอิ่งก็ได้กลายเป็นปีศาจหญิงที่มีเปลวไฟสีเขียวลุกโชนไปทั่วทั้งร่าง
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกฮั่นเฟยมองไปยังพี่สาวของตัวเองด้วยความตกตะลึง
“ทำไมทุกคนมองฉันแบบนั้นล่ะ?” ฮั่นอิ่งถามอย่างอึดอัดหลังจากถูกคนอื่นจ้องมอง
ฮั่นเฟยอยากจะชมว่าตอนนี้พี่สาวของตัวเองเท่มาก แต่หลังจากเห็นท่าทางของพี่สาวแล้วเขากลับพูดแหย่ขึ้นมาว่า
“ตอนนี้หน้าตาพี่น่าเกลียดมากเลยครับ”
“ไอ้น้องบ้า! มาให้ฉันตีเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ฮั่นอิ่งกล่าวพร้อมกับไล่ตีฮั่นเฟยจอมกะล่อน
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาด้วยความสนุกสนาน
ลู่หยางเคลื่อนตัวออกไปจับร่างของฮั่นเฟยเอาไว้ ก่อนที่จะดีดหน้าผากน้องชายเข้าไป 1 ที
“นายนี่พูดจาไม่มีมารยาทเลย เดี๋ยวลองให้พี่สาวของนายลองกินนกฟีนิกซ์เข้าไปดูตอนนั้นค่อยมาดูว่าเธอจะเท่แค่ไหน”
“มันจะเปลี่ยนไปจากเดิมเหรอครับ?” ฮั่นอวี่ถาม
“แน่นอนสิ การกินสิ่งมีชีวิตต่างกันก็จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปแตกต่างกัน สกิลนี้มีความคล้ายคลึงกับสกิลแปลงร่างของดรูอิด แต่เป็นสกิลที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าดรูอิดมากพอสมควร พวกนายลองเดาดูซิว่าตอนนี้พลังโจมตีเวทของฮั่นอิ่งเพิ่มขึ้นไปเป็นเท่าไหร่แล้ว?” ลู่หยางกล่าว
ทุกคนต่างก็ส่ายหัวเพื่อบอกว่าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ระหว่างนั้นฮั่นอิ่งก็ตรวจสอบพลังโจมตีเวทของตัวเอง ก่อนที่จะอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
“โอ้โห! พลังโจมตีเวทหนูเพิ่มขึ้นมาตั้ง 1,400 กว่า ตอนนี้หนูมีพลังโจมตีมากกว่า 3,600 หน่วยแล้วแถมยังเป็นการโจมตีแบบผสมด้วย”
“การโจมตีแบบผสม?” เสี่ยวเหลียงอุทานอย่างสงสัย
ฮั่นอิ่งพยักหน้ารับเพื่อเป็นการยืนยันว่าตอนนี้การโจมตีของเธอกลายเป็นการโจมตีแบบผสมแล้วจริง ๆ
“เอฟเฟกต์พิเศษของสกิลนี้คือการเพิ่มพลังโจมตีเวทให้กับเธอ 10% ของสิ่งมีชีวิตที่เธอกินเข้าไป และเธอยังสามารถสร้างความเสียหายได้เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่เธอกินเข้าไปด้วย” ลู่หยางกล่าว
ตามหลักแล้วสกิลนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก แต่เนื่องมาจากสิ่งมีชีวิตที่เธอกินเข้าไปคือเฮลไฟร์ลอร์ด มันจึงทำให้ผลของสกิลแสดงออกมาอย่างแข็งแกร่ง เพราะเฮลไฟร์ลอร์ดไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันสมควรจะเรียกออกมาได้
การโจมตีแบบผสมที่ฮั่นอิ่งพูดถึงคือการโจมตีที่สามารถสร้างความเสียหายได้ทั้งความเสียหายเวทและความเสียหายจริง และด้วยความเสียหายจริงที่ไม่สนใจพลังป้องกันนี้ มันก็เทียบเท่าได้กับทีมของลู่หยางมีคนที่สามารถนำทีมเก็บเลเวลที่สปิริตอะคาเดมี่ได้แล้ว 3 คน
“หลังจากออกไปแล้วฮั่นอิ่งกับมู่หยูก็แยกกันไปนำทีมเก็บเลเวลกันคนละทีมนะ ส่วนพี่ก็จะแยกไปพาทีมเก็บเลเวลเพิ่มอีก 1 ทีม” ลู่หยางกล่าว
ฮั่นอิ่งพยักหน้ารับอย่างยินดี เพราะในที่สุดเธอก็มีโอกาสจะได้ช่วยเหลือลู่หยางแล้ว
จุดพักในสปิริตอะคาเดมี่ไม่ได้มีเพียงแค่จุดเดียว แต่มันยังมีบริเวณห้องทดลองหมายเลข 1 และตรงบริเวณหอคอยหมายเลข 2 อีกด้วย
ลู่หยางพาทุกคนออกมาที่ด้านนอกสนามประลองหมายเลข 1 ซึ่งหลังจากที่นั่งพักผ่อนรอคอยไปประมาณครึ่งชั่วโมง พวกฮั่นชาที่ฝึกฝนเสร็จแล้วก็กลับเข้าเกมมาอีกครั้ง
หลังจากแบ่งกลุ่มใหม่ ลู่หยาง, ฮั่นเฟย, ฮั่นชากับอีก 3 คนก็แยกไป 1 ทีม ฮั่นอิ่ง, เสี่ยวเหลียง, ฮั่นหยูกับอีก 3 คนก็แยกไปอีก 1 ทีม ขณะที่มู่หยู, ฮั่นอวี่และฮั่นเมิ่งกับอีก 3 คนก็แยกไปอีก 1 ทีม
เมื่อทั้ง 3 ทีมแยกกันไปเก็บเลเวล มันก็ทำให้ความเร็วในการเก็บเลเวลโดยรวมสูงขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งมันก็ต้องยอมรับว่าผู้เล่นเลเวล 30 กว่า ๆ ที่มาจัดการกับมอนสเตอร์เลเวล 60 ทำให้เลเวลของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจริง ๆ และกว่าเวลาจะล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน ลู่หยางก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็น 40 แล้ว
ขณะเดียวกันสามพี่น้องตระกูลฮั่น, เสี่ยวเหลียงและมู่หยูก็ได้มีเลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 44 ส่วนเด็ก ๆ อีก 12 คนก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นมาเป็น 35 แล้ว
ก่อนออกจากเกมลู่หยางได้ขนของจากกระเป๋าของทุกคนไปยังวิหารเทพอสูร ซึ่งหลังจากทำการสังเคราะห์อัญมณีจนหมด เขาก็ได้รับอัญมณีระดับ 10 มาทั้งสิ้นอีก 112 เม็ด
อย่างไรก็ตามอัญมณีระดับ 10 มันก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของอัญมณี เพราะเท่าที่เขาจำได้ในชาติก่อนมันก็เคยมีผู้เล่นที่ฝังอัญมณีระดับ 15 ขึ้นไปทั่วทั้งตัว
การสังเคราะห์อัญมณีระดับ 15 จำนวน 1 เม็ดจำเป็นจะต้องใช้อัญมณีระดับ 1 ถึง 16,384 เม็ด แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังไม่รวมอัตราการสังเคราะห์อัญมณีว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจินตนาการได้ว่าผู้เล่นที่ทำการฝังอัญมณีระดับ 15 ลงในอุปกรณ์ทั้ง 18 ชิ้น โดยฝังอัญมณีเอาไว้ในอุปกรณ์ชิ้นละ 3 เม็ด มันจำเป็นจะต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมากมายมหาศาลขนาดไหน
แม้อัญมณีที่ลู่หยางได้รับมาดูเหมือนจะเยอะมาก แต่ความจริงแล้วมันเป็นอัญมณีจำนวนแค่เล็กน้อย เพราะในแผนที่ระดับสูง ๆ อัญมณีจะกลายเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่มอนสเตอร์ดรอปลงมาบ่อยที่สุด และหากผู้เล่นคนไหนต้องการที่จะเข้าสู่สนามประลอง พวกเขาก็ต้องพยายามสังเคราะห์อัญมณีให้มีระดับโดยรวมสูงที่สุดด้วยเช่นกัน
ลู่หยางตั้งใจจะเก็บอัญมณีพวกนี้เอาไว้ก่อน รอให้เขามีอุปกรณ์เลเวล 50 ขึ้นไปแล้วค่อยฝังมันลงไปในอุปกรณ์ทีเดียว
ถึงแม้ว่าเขาจะตัดสินใจยังไม่ใช้อัญมณี แต่เขาก็สามารถลองเปิดกล่องแพนดอร่าดูได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ที่เขาได้รับกล่องแพนดอร่ากลับมามากกว่า 500 กล่อง
ลู่หยางกลับไปยังสปิริตอะคาเดมี่อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาเสี่ยวเหลียง
“นายช่วยเปลี่ยนเป็นบัญชีสำรองแล้วมาหาฉันหน่อย”
“ได้ครับ” เสี่ยวเหลียงตอบ
“มีอะไรงั้นเหรอครับ?” ฮั่นเฟยถาม
“พวกนายก็ไปเปลี่ยนเป็นบัญชีสำรองด้วย หลังจากเปลี่ยนเสร็จให้ไปเจอกันในเขตเมืองชั้นในของป้อมปราการคริมสัน พวกเราจะทดลองเปิดกล่องแพนดอร่าด้วยกัน”
ลุ้นอีกแล้ว จะเจอบอสอีกไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 265
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น