บทที่ 355 ของรางวัลที่ไม่คาดคิด
บทที่ 355 ของรางวัลที่ไม่คาดคิด
เทคโนโลยีอันทรงพลังของเซคคัลเวิลด์สามารถจำลองความกลัวภายในจิตใจของผู้คนและเปลี่ยนมันให้กลายมาเป็นบททดสอบในลักษณะเช่นนี้ได้
แม้จะไม่รู้หลักการว่าเทคโนโลยีนี้ทำงานยังไง แต่มันก็เป็นเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับสภาวะจิตใจของผู้เล่นได้จริง ๆ ซึ่งในระหว่างการทดสอบหากผู้เล่นไม่สามารถทนรับความกลัวไหวหรือต้องการจะถอนตัว ในเวลานั้นการทดสอบก็จะจบลงพร้อมกับภารกิจที่ล้มเหลว
ในทางกลับกันหากผู้เล่นสามารถเผชิญหน้ากับอดีตอันเลวร้ายของตัวเองและยอมรับอดีตเหล่านั้นได้ พวกเขาก็จะทำภารกิจได้สำเร็จพร้อมกับได้รับของรางวัล
ความกลัวในจิตใจของลู่หยางเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็คงจะไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ เพราะในชาติก่อนเขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ต้องเจอกับความโหดร้ายอย่างมากมาย และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นในเด็กวัยนี้เลย
โชคดีที่เขาได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันจึงทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับอดีตอันเลวร้ายได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่กล้ามาทำภารกิจนี้แน่ ๆ
จุดประสงค์ที่เขานำหลานอวี่เดินทางมาด้วยในครั้งนี้ นั่นก็เพราะเขาต้องการจะกระตุ้นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือบททดสอบทะเลรัก ซึ่งมันมีเพียงแต่คนที่มีประสบการณ์เรื่องความรักจริง ๆ เท่านั้นถึงจะกระตุ้นบททดสอบนี้ขึ้นมาได้
การที่ลู่หยางยังคงอดทนมาได้จนถึงปัจจุบัน มันก็หมายความว่าเขาสามารถผ่านพ้นบททดสอบนี้ไปได้แล้ว ซึ่งในชาติก่อนมันก็มีผู้เล่นมากมายอยากเข้ามาทดลอง แต่ท้ายที่สุดผู้เล่นเหล่านั้นก็มักจะต้องยอมแพ้ขึ้นมากลางคัน
ผู้ที่พ่ายแพ้ต่างก็กลับไปด้วยสภาวะจิตใจอันย่ำแย่หรือบางคนอาจจะเป็นโรคประสาทไปเลยก็มี ด้วยเหตุนี้ภารกิจทดสอบสภาวะจิตใจของเซคคัลเวิลด์จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อในประเทศต่าง ๆ กันอย่างหนัก
หลานอวี่ยืนมองลู่หยางที่กำลังหลับตาและกำลังมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย สีหน้าของชายหนุ่มบิดเบี้ยวไปมาทั้งความโกรธและความเสียใจ เธอจึงรีบถามนักเวทชราอย่างร้อนใจว่า
“ท่านนักเวท เขาเป็นอะไรไปงั้นเหรอคะ?”
“ความกลัวภายในจิตใจของเขาค่อนข้างพิเศษ ถึงแม้ฉันจะมองเห็นแต่ฉันก็พูดเรื่องนี้ออกไปไม่ได้ สิ่งที่ฉันพูดได้มีเพียงว่าตอนนี้เขาสามารถก้าวข้ามผ่านความหวาดกลัวพวกนั้นมาได้แล้ว” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากภาพทั้งหมดได้หายไปลู่หยางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และทันทีที่เขาได้เห็นหลานอวี่อยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มก็พุ่งตัวออกไปกอดหญิงสาวเอาไว้แน่น
ตอนแรกหลานอวี่ตั้งใจจะปฏิเสธเนื่องมาจากการกอดต่อหน้านักเวทชรามันเป็นสถานที่ที่ไม่สมควร แต่เมื่อเธอได้นึกถึงสีหน้าของลู่หยางในก่อนหน้านี้ เธอก็กอดตอบรับเขากลับไปพร้อมกับลูบหลังของชายหนุ่มไปเบา ๆ
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พี่อย่าเศร้าไปเลยนะคะ”
“เฮ้! ไอ้หนุ่มจะมากอดสาวต่อหน้าคนแก่มันก็ดูจะเกินไปหน่อยนะ สรุปจะเอาของรางวัลไหม? ถ้าไม่เอาของรางวัลฉันจะไปแล้ว” นักเวทชราเคาะไม้เท้าลงกับพื้น
ลู่หยางปล่อยหลานอวี่อย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่เขาจะมองไปยังนักเวทชราอย่างตกตะลึง
“คุณลุงเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่ NPC ใช่ไหมครับ?”
“เอ่อ…” ชายชราสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ว่าเขาไม่ใช่ NPC ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็คือนักพัฒนาคนเดียวกับที่เคยให้ของรางวัลพิเศษกับเสี่ยวเหลียงนั่นเอง
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอมองออกฉันก็จะไม่ปิดบังหรอกนะ ใช่แล้ว ฉันคือหนึ่งในผู้พัฒนาของเกมนี้ ยินดีด้วยที่เธอผ่านบททดสอบนี้ได้สำเร็จ เอาล่ะ เชิญนายขออะไรก็ได้ 1 อย่างเป็นของรางวัล” นักเวทชรากลับมาพูดด้วยท่าทางที่สง่างามอีกครั้ง
หลานอวี่อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“คุณลุงคือนักเวทจักรกลในตำนานคนนั้นงั้นเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว ฉันเอง” ชายชรากล่าวอย่างพึงพอใจ
“คุณลุง หนูขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม? หนูเป็นแฟนคลับของคุณมานานแล้ว” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับวิ่งไปตรงหน้าชายชราอย่างตื่นเต้น
“เอ่อ…” โดยปกติโปรแกรมเมอร์เป็นอาชีพสันโดษที่ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมมากนัก เขาจึงไม่ถนัดรับมือกับสาวสวยที่กระตือรือร้นแบบนี้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหยิบกระดาษขึ้นมาเซ็นชื่อของตัวเองลงไปและมอบมันให้กับหลานอวี่
“เอาไปสิ ฉันให้”
หลานอวี่รับกระดาษลายเซ็นมาอย่างดีใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เยี่ยมไปเลย! แบบนี้ทุกคนจะต้องอิจฉาหนูแน่นอน”
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่นึกเลยนะว่าคนแก่อายุ 50 อย่างฉันยังจะมีคนรู้จักกันแบบนี้” นักเวทชรายกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เขิน
ขณะเดียวกันลู่หยางก็แอบกรอกตาภายในใจและคิดว่ามันคงมีเพียงโปรแกรมเมอร์โรคจิตเท่านั้นถึงจะสามารถออกแบบภารกิจโรคจิตแบบนี้ขึ้นมาได้
“อะแฮ่ม! เอาล่ะเจ้าหนุ่มเชิญเลือกของรางวัลมาได้แล้ว” ชายชราเริ่มกลับมาพูดอย่างจริงจังหลังจากตระหนักได้ว่าตัวเองเริ่มออกนอกลู่นอกทางแล้ว
ทันใดนั้นเองมันก็มีหน้าต่างของรางวัลขึ้นมาให้เลือกสรรอย่างมากมาย ซึ่งภายในนั้นก็มีทั้งบลูปริ้น, อุปกรณ์, วัตถุดิบและไอเท็มพิเศษ
“ผมขอเลือกอันนี้ครับ” ลู่หยางกล่าวขณะชี้ไปยังหยดน้ำสีแดงเพลิง
“น้ำตาแห่งเปลวเพลิง? ฉลาดดีนี่ เอาไปสิ หลังจากนี้มันเป็นของเธอแล้ว” นักเวทชรากล่าวพร้อมกับพิจารณาลู่หยางอย่างละเอียดอีกครั้ง
น้ำตาแห่งเปลวเพลิง: อัญมณีรูปหยดน้ำตาภายในบรรจุพลังเวทเพลิงมหาศาล
คำอธิบายของไอเท็มมีอยู่เพียงแค่เท่านี้ แต่ลู่หยางก็รู้ดีว่ามันคือหนึ่งในวัตถุดิบสำหรับการอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูร
เขาได้ทำการอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูรเป็นระดับ 2 มาพักใหญ่แล้ว และเขาก็ต้องการที่จะพัฒนาให้มันไปได้ไกลกว่านี้ แต่การพยายามอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูรเป็นระดับ 3 จำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากับบอสเลเวล 80 แน่นอนว่ากำลังของเขาในปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับบอสเลเวล 80 ได้
ด้วยเหตุนี้เองชายหนุ่มจึงคิดมาโดยตลอดว่าเขาจะต้องรอจนกว่าตัวเองจะมีเลเวล 50 ถึงจะมีโอกาสเอาชนะบอสเลเวล 80 ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าการมาทำภารกิจกับหลานอวี่ในครั้งนี้ มันจะทำให้เขาได้รับวัตถุดิบสำหรับการอัปเกรดหัวใจแห่งเทพอสูรกลับไปด้วย
“ขอบคุณมากครับ พวกผมขอตัวลาก่อน” ลู่หยางกล่าวหลังจากเก็บน้ำตาแห่งเปลวเพลิงเอาไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง
“ลาก่อนค่ะคุณลุง” หลานอวี่กล่าวอย่างอาวรณ์
“ลาก่อน ๆ” ชายชรากล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
หลังจากลู่หยางและหลานอวี่จากไป ชายชราก็หันกลับมาจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าฉันจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นขนาดนี้ คราวหน้าฉันคงจะต้องเตรียมรูปพร้อมลายเซ็นเอาไว้แจกแฟนคลับบ้างแล้วสินะ”
หลังจากพูดจบชายชราก็เปิดกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้เห็นว่าใบเปลี่ยนอาชีพ “มิสติก” ได้หายไปจากกระเป๋าอย่างไร้ร่องรอย
“โอ้พระเจ้า! นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ไม่ได้การล่ะฉันคงจะต้องหลบหน้าไปสักพัก ถ้าพวกคณะกรรมการรู้เข้าฉันจะต้องซวยมากแน่ ๆ” ชายชราพึมพำกับตัวเองก่อนที่เขาจะรีบออฟไลน์หนีไปในทันที
—
อีกด้านหนึ่ง
หลานอวี่กำลังถือกระดาษลายเซ็นพร้อมกับฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“ชอบเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
“เขาคือคนสร้างเซคคัลเวิลด์ขึ้นมาเลยนะ ฉันถือว่าเขาเป็นไอดอลสำหรับฉันเลย พี่ลองดูสิลายเซ็นของเขาเท่จะตาย!” หลานอวี่กล่าวอย่างภูมิใจพร้อมกับส่งกระดาษลายเซ็นไปให้ลู่หยาง
ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมาก่อนจะขมวดคิ้วอย่างฉับพลัน ซึ่งในขณะที่เขากำลังสงสัยกระดาษแผ่นนี้อยู่นั้น เขาก็เริ่มพลิกกระดาษก่อนจะได้เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ทางด้านบน
“ใบเปลี่ยนอาชีพมิสติก!” ชายหนุ่มอุทานอย่างตกใจ
“อาชีพมิสติก มันคืออาชีพอะไรเหรอคะ?” หลานอวี่ถามอย่างสงสัย
“สาวน้อยเธอโชคดีมากเลยนะ อาชีพมิสติกคืออาชีพที่อยู่ในระดับเดียวกันกับนักรบหมอกโลหิตเลย” ลู่หยางกล่าวอย่างตื่นเต้น
“หา?” หลานอวี่อุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เพราะท้ายที่สุดเธอก็เคยได้เห็นความแข็งแกร่งของนักรบหมอกโลหิตด้วยตาของตัวเองมาแล้ว คำพูดของลู่หยางจึงทำให้เธอตกใจมาก
“ดูเหมือนคราวหน้าฉันคงจะต้องบอกว่าฉันเป็นแฟนคลับเขาบ้างแล้วล่ะ” ลู่หยางกล่าว
“สรุปอาชีพมิสติกมันเป็นอาชีพยังไงคะ?” หลานอวี่ถามอีกครั้ง
“อาชีพนี้คือนักบวชระยะประชิด ซึ่งมันจะทำให้เธอได้มีโอกาสเรียนรู้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถโจมตีโดยไม่สนใจพลังป้องกันทางเวทมนตร์ได้” ลู่หยางกล่าว
“คุณลุงใจดีจังเลย” หลานอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ทั้งสองคนจะชื่นชมนักเวทชราต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่ถ้าหากพวกเขารู้ว่าต้นเหตุของเรื่องนี้แอบออฟไลน์หนีออกไปแล้วพวกเขาก็คงจะต้องหัวเราะขึ้นมาอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็พาหลานอวี่ไปยังหน้าประตูวิหารเมืองเซนต์กอลล์เพื่อให้เธอได้เข้าไปเปลี่ยนอาชีพเป็นมิสติก
“ฉันเสียดายลายเซ็นแผ่นนี้จังเลย หลังจากเปลี่ยนอาชีพเสร็จแล้วฉันจะขอลายเซ็นคืนมาได้ไหม?” หลานอวี่ถาม
“เธอเก็บลายเซ็นแผ่นนั้นเอาไว้ได้ตามสบายเลย มันเป็นเพียงแค่ใบผ่านทางให้เธอเข้าออกวิหารได้เท่านั้นเอง” ลู่หยางกล่าว
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ระหว่างนั้นลู่หยางก็เดินไปยังร้านขายยาเพลิงโลหิตเพื่อจะพบกับจินปู้ฮวน
“ช่วงนี้มียาพิเศษอะไรบ้างไหม?”
“ผมเตรียมยาพิเศษเอาไว้ให้หัวหน้าเรียบร้อยแล้วครับ มีทั้งน้ำยาย่อขนาด, น้ำยาขยายขนาด, น้ำยาหายใจใต้น้ำ, น้ำยาป้องกันเวทมนตร์…” จินปู้ฮวนกล่าวอย่างภูมิใจ โดยน้ำยาพิเศษเหล่านี้มันก็มีจำนวนอยู่มากกว่า 50 ชนิด
“ดีมาก” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเลือกหยิบยาย่อขนาด, ยาป้องกันเวทมนตร์และยาป้องกันกายภาพไป
“หัวหน้าที่คุณพูดไว้มันถูกทุกอย่างเลยครับ หลังจากผู้เล่นเข้ามาในเกมมากขึ้นเรื่อย ๆ ความต้องการของยาก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ตอนนี้ผมแทบจะผลิตน้ำยาออกมาขายไม่ทันแล้วครับ” จินปู้ฮวนกล่าวอย่างตื่นเต้น
“พยายามเข้าล่ะ ตราบใดก็ตามที่ในเกมยังมีกิลด์อยู่ ธุรกิจร้านขายยาก็จะยิ่งทวีความรุ่งเรืองมากขึ้นไปเรื่อย ๆ” ลู่หยางกล่าว
จินปู้ฮวนพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ เพราะใครจะไปคิดว่าคนที่เคยตกอับจะกลายเป็นเศรษฐีได้แบบนี้ ซึ่งมันก็นับว่าเขาเป็นคนที่โชคดีที่ได้มาเจอกับลู่หยาง
“หัวหน้าช่วงนี้กิลด์ต้องการเงินไหมครับ? ผลกำไรของร้านขายยาดีมากจนผมไม่รู้จะเอาเงินพวกนั้นไปทำอะไรแล้ว” จินปู้ฮวนกล่าว
“ไอ้เด็กโง่! ถ้ามีเงินเหลือก็ไปซื้อที่ดินในบ้านเกิดของนายซะ อีกไม่นานพื้นที่แถวนั้นมันจะเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอครับ?! แถวบ้านผมมันบ้านนอกมากเลยนะ มันจะมีอะไรเข้ามาพัฒนาได้ยังไง?” จินปู้ฮวนกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หากจะให้พูดไปมันก็คงจะไม่มีใครเชื่อว่าที่ดินติดประเทศเพื่อนบ้านจะเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ลู่หยางได้ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ เขาจึงรู้ดีว่าในอีกไม่กี่เดือนพื้นที่ในบริเวณนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่จำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้เลย
“เชื่อฉันสิ ฉันจะโกหกนายไปทำไม ถ้าเป็นไปได้ให้ซื้ออาคารติดแม่น้ำไม่ว่ามันจะแพงแค่ไหนแต่นายก็ต้องซื้อ” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ ผมจะทำตามคำแนะนำที่หัวหน้าบอก” จินปู้ฮวนกล่าว
“โอเค ฉันไปแล้วนะ” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะกลับไปรอหลานอวี่ที่หน้าประตูวิหาร
ไม่นานหลานอวี่ก็เดินออกมาก่อนที่เธอจะวิ่งเข้ามาหาลู่หยางด้วยความดีใจ
“พี่ชาย ฉันได้เรียนรู้เวทมนตร์ระดับสูงมาด้วยล่ะ”
“ไหน? ได้เรียนสกิลอะไรมาบ้าง?” ลู่หยางถาม
“มีสกิลเรดโลตัสแดนซ์กับอะไนฮิเลชั่นค่ะ” หลานอวี่ตอบ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 126
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น