บทที่ 426: เจ้าทำได้ดีมาก

-A A +A

บทที่ 426: เจ้าทำได้ดีมาก

“จอมยุทธ์จวง… ทำไมท่านถึง…” มู่ไป๋ไป่หันไปมองเซียวถังอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็หันไปมองจวงอี้หรานที่เดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

เซียวถังอี้ไม่ได้แสร้งทำเป็น ‘จวงอี้หราน’ หรอกหรือ?

เหตุใดทั้ง 2 คนถึงมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอพร้อมกันได้?

หรือก่อนหน้านี้เธอเดาผิด?

“หืม?” จวงอี้หรานดูเหมือนจะไม่รู้ว่ามู่ไป๋ไป่กำลังสื่อถึงอะไร เขาจึงเอียงคอตั้งใจฟังคำพูดของเธอ

ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอทำเพียงแค่จ้องชายหนุ่ม 2 คนที่อยู่ตรงหน้าสลับไปมา 

“พี่จวง ไม่ได้เจอกันนาน” เซียวถังอี้ก้าวออกไปทักทายจวงอี้หรานอย่างใจเย็น “ข้าได้ยินมาว่าพิษในร่างกายของท่านเกือบจะถูกขจัดไปจนหมดแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย”

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพี่เซียว” จวงอี้หรานโค้งคำนับตอบว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เซียวออกหน้าช่วยให้ข้าได้รับการช่วยเหลือจากหุบเขาหมอเทวดาอย่างราบรื่น ไม่เช่นนั้นข้าคงตายไปนานแล้ว”

เมื่อมู่ไป๋ไป่มองดูท่าทางที่สนิทสนมของชายหนุ่มทั้ง 2 คิ้วเรียวสวยก็ขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น

“ไป๋ไป่?” เซียวถังถังที่รออยู่นานพอเห็นว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่ยอมขยับตัว นางจึงเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านเอาแต่มองหน้าคนแซ่จวงกับท่านพี่แบบนั้นล่ะ?”

“อ๋อ~ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเองก็อยากให้พี่ชายของข้าช่วยระบายความโกรธแทนเหมือนกันใช่หรือไม่?”

“ท่านไม่ต้องกังวล ถ้าคนแซ่จวงคนนั้นกลับไปแล้ว ข้าจะรีบไปฟ้องท่านพี่ ให้เขารู้ถึงนิสัยที่แท้จริงของคนแซ่จวง”

ทางด้านมู่ไป๋ไป่เปิดปากอยากจะถามศิษย์น้องว่าจวงอี้หรานได้ออกจากห้องไปหรือไม่ตั้งแต่ที่พวกเธอมุ่งหน้าไปจวนตระกูลเฉิน แต่เมื่อคำพูดนั้นมาจ่ออยู่ที่ปาก เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเซียวถังถังก็ไปที่จวนตระกูลเฉินกับเธอ

 ในเวลานั้นมีเพียงเจียงเหยา อวี้เซิ่ง และอวี้หวานหว่านเท่านั้นที่อยู่โรงเตี๊ยม ดังนั้นการที่เธอถามอีกฝ่ายมันจึงไม่มีประโยชน์

“ไม่มีอะไร” มู่ไป๋ไป่เก็บคำพูดทั้งหมดไว้ในใจและตัดสินใจที่จะรอดูสถานการณ์ไปก่อน “ข้าแค่รู้สึกเวียนหัว เราไปกันเถอะ”

พอเซียวถังถังได้ยินศิษย์พี่ใหญ่พูดว่ารู้สึกเวียนหัว นางก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไปและตะโกนบอกเซียวถังอี้ว่า “ท่านพี่ มาช่วยข้าพยุงไป๋ไป่หน่อย นางเวียนหัว”

“วันนี้นางเสียเลือดไปมากเพราะช่วยคนแซ่จวงล้างพิษ ร่างกายนางอ่อนแอมาก!”

ทันใดนั้นความกังวลก็ฉายผ่านดวงตาดุจเหยี่ยวที่อยู่ภายใต้หน้ากาก เขาพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองที่อยากจะยื่นมือไปช่วยหญิงสาว ก่อนจะสั่งซั่วเยว่กับชิงหานว่า “พวกเจ้า 2 คนไปช่วยถังถังส่งองค์หญิงหกกลับไปพักผ่อนที่ห้อง”

มู่ไป๋ไป่เหลือบมองชายหนุ่มแล้วปฏิเสธ “ไม่ต้อง ข้าเดินเองได้”

หลังจากพูดจบเธอก็พาเซียวถังถังที่กำลังสับสนเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง 

ทันทีที่หญิงสาวมาถึงห้อง เธอก็เอนหลังพักผ่อนอยู่บนเตียง ยามนี้เธอสัมผัสได้ว่าร่างกายตัวเองอ่อนแออย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวจริง ๆ อาการเวียนหัวระลอกใหญ่ทำให้เธอเหมือนลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางอากาศที่ไม่มั่นคง

มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นนวดหน้าผากที่ปวดร้าว พอยิ่งนึกถึงเซียวถังอี้กับจวงอี้หรานที่ปรากฏตัวออกมาในเวลาเดียวกัน มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขัดแย้งในใจ

“ไป๋ไป่ ท่านทะเลาะกับพี่ชายข้าหรือ?” เซียวถังถังรับรู้ได้ถึงท่าทางผิดปกติของอีกฝ่าย นางจึงเอื้อมมือไปนวดขมับให้คนตรงหน้าพลางกระซิบถามเสียงเบา

มู่ไป๋ไป่เม้มปากแน่น ก่อนจะตอบออกไปเสียงทุ้มว่า “ไม่ใช่”

“ท่านอย่ามาโกหกข้า” คนเป็นศิษย์น้องหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าไม่รู้จักท่านหรือ เวลาโกรธท่านชอบพูดตรงข้ามกับความจริงเสมอ แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าท่านกับพี่ชายข้าทะเลาะกัน ไม่ว่าท่านจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ”

หลังจากมู่ไป๋ไป่ได้ยินคำพูดที่ฟังดูซาบซึ้งใจของเซียวถังถัง อารมณ์ของเธอก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ในใจเธอก็มีแผนการอื่นด้วย

เธอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าจวงอี้หรานจะต้องเป็นเซียวถังอี้แน่นอน

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมทั้งคู่จึงมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอพร้อมกันได้นั้นมีเพียงคำตอบเดียว

นั่นก็คือคนหนึ่งเป็นตัวปลอม!

ในตอนที่เธออายุเพียง 4 ขวบ เซียวถังอี้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพนันใต้ดิน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะรู้วิชาอย่างเช่นการแปลงโฉม

นอกจากนี้เขายังเก็บคนแปลก ๆ หลายคนเอาไว้เป็นองครักษ์เงาด้วย

บางทีจวงอี้หรานที่มายืนอยู่ต่อหน้าเธอตรงทางเดินเมื่อครู่นี้อาจเป็น 1 ในองครักษ์เงาที่ปลอมตัวมาเป็นเขาก็ได้

หากเซียวถังอี้อยากจะทำการแสดง เธอก็จะร่วมแสดงไปกับเขาด้วย เธออยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอเห็นอะไร

อีกห้องหนึ่งในเวลาเดียวกัน

จวงอี้หรานสวมชุดสีฟ้ายืนก้มหน้าลงด้วยท่าทางนอบน้อมและรายงานสถานการณ์ให้เซียวถังอี้ที่กำลังดื่มชาอยู่บนโต๊ะฟังอย่างระมัดระวัง “หลังจากที่นายท่านออกไป ข้าน้อยก็อยู่ที่นี่มาโดยตลอดตามที่ท่านสั่ง ข้าน้อยไม่มีทางออกจากห้องแน่นอนขอรับ”

“ในช่วงเวลานั้นมีแต่เสี่ยวเอ้อร์ที่นำอาหารเข้ามาให้ครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีใครมาเคาะประตูอีกเลยขอรับ”

เซียวถังอี้วางถ้วยชาลงแล้วมองใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยด้วยสายตาจริงจัง 

แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่

ทางด้านจวงอี้หรานที่รอภายใต้ความเงียบอยู่นานอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองและเรียกผู้เป็นนาย “นายท่าน?”

“อืม” เซียวถังอี้หลุบตาลงขณะพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ดีมาก”

“เจ้าออกไปเถอะ”

จวงอี้หรานโค้งคำนับให้เจ้านาย ก่อนจะก้าวถอยหลังไปจนถึงประตู แล้วเขาก็พูดราวกับว่าเขาเพิ่งนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “นายท่าน… ข้าน้อยเห็นว่าองค์หญิงหกดูเหมือนจะไม่พอใจที่พบข้าน้อยเมื่อสักครู่…”

องครักษ์เงาที่แอบอ้างตัวว่าเป็นจวงอี้หรานมีนามว่า ‘เชียนเหยียน’ และเขาเป็นปรมาจารย์ในด้านการแปลงโฉม

โดยปกติแล้วเซียวถังอี้มักจะส่งเขาไปทำภารกิจสืบข่าวเสียมากกว่า

สิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็คือการปลอมตัวเป็นคนอื่น ฝีมือของเขานั้นล้ำหน้ามากจนยากที่จะแยกแยะได้ว่าคนไหนคือตัวจริงหรือตัวปลอม

ดังนั้นเมื่อเชียนเหยียนได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย เขาก็รีบมาที่โรงเตี๊ยมทันที แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าภารกิจที่ได้รับจะยากถึงเพียงนี้

จนกระทั่งเขาเปลี่ยนเป็นชุดของจวงอี้หรานและไปปรากฏตัวต่อหน้ามู่ไป๋ไป่

ที่ผ่านมาเขาสวมบทบาทเป็นคนอื่นมาเยอะมาก และเขารู้ว่าองค์หญิงหกจับเขาได้จากแววตาที่นางมองมา

ในตอนนั้นเขารู้สึกประหม่ามากเพราะกลัวว่าตนจะเผยพิรุธออกมา แต่อย่างน้อยมู่ไป๋ไป่ก็ไม่ได้เปิดโปงเขาในทันใด

“นายท่าน หากแม่นางไป๋เดาว่าข้าปลอมตัวเป็นจวงอี้หราน…” เชียนเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรกันดีขอรับ?” 

เซียวถังอี้ลูบถ้วยชาในมือโดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็มีรอยยิ้มฉายผ่านดวงตาของเขาซึ่งมันทำให้เหล่าองครักษ์เงาในห้องตะลึงงัน

“เจ้าอย่ากังวลเรื่องนี้ไปเลย” ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นท่าทางประหลาดใจขององครักษ์เงาและออกคำสั่งว่า “แค่ทำตามคำสั่งของข้าและแกล้งทำเป็นจวงอี้หรานต่อไป หลังจากกลับไปถึงเมืองหลวง เจ้าค่อยหาข้ออ้างปลีกตัวออกไป”

จวงอี้หรานไม่สามารถเข้าเมืองหลวงได้

เชียนเหยียนที่รู้ดังนั้นก็ไม่กล้าถามคำถามอะไรต่อไปอีก เขาจึงตอบรับคำสั่งของเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงชิงหานกับซั่วเยว่เท่านั้น เนื่องจากชิงหานไม่ได้อยู่ข้างกายเซียวถังอี้มาสักพักแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และด้วยความสงสัยใคร่รู้ทำให้เขาต้องส่งสายตาตั้งคำถามให้กับซั่วเยว่

“พวกเจ้า 2 คนก็ออกไปเถอะ” เซียวถังอี้แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาของพวกเขาขณะพูดออกไปอย่างใจเย็น “ซั่วเยว่ พวกเจ้าไปที่ห้องของจวงอี้หราน ถ้าไป๋— องค์หญิงหกไปพบเขา เจ้าจะต้องคอยจับตาดูนางเอาไว้ให้ดี”

“ชิงหาน เจ้าเฝ้าประตูเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ตาม…”

“นอกจากองค์หญิงหกกับท่านหญิง ห้ามให้ใครเข้ามาแม้แต่คนเดียว”

ซั่วเยว่กับชิงหานมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็โค้งคำนับแล้วถอยออกไปจากห้องด้วยท่าทางนอบน้อม

ทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบสงบลง ไม่กี่อึดใจต่อมา เซียวถังอี้ก็เดินไปที่หน้าต่างก่อนจะเปิดมันออก

ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงกระพือปีกดังขึ้น ชางหลานที่รออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานก็บินเข้ามาเกาะอยู่บนไหล่ของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.