บทที่ 408: คันไม้คันมืออยากจะตีแมว

-A A +A

บทที่ 408: คันไม้คันมืออยากจะตีแมว

“ไม่!” เมื่ออวี้หวานหว่านรู้ว่าตนจะต้องแยกจากมู่ไป๋ไป่ นางก็รีบพุ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น “ข้าอยากอยู่กับศิษย์พี่ที่นี่”

พออวี้เซิ่งเห็นว่าลูกสาวหันไปพึ่งองค์หญิงหก เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโห “ศิษย์พี่ของเจ้าอยากให้เจ้าอยู่ด้วยหรือไม่ล่ะ? นางกำลังรักษาคนไข้อยู่ นางไม่มีเวลาสนใจเจ้าหรอก”

“หวานหว่าน เจ้าอย่าก่อเรื่อง ทำตัวดี ๆ แล้วกลับไปกับพ่อ” 

“ไม่! ไม่เอา ไม่อาววว!” อวี้หวานหว่านส่ายหัวอย่างดื้อรั้น “ข้าจะอยู่ที่นี่กับศิษย์พี่ นางยังไม่สบายอยู่ต้องมีคนคอยดูแลนางตลอดเวลา”

“ถ้าเกิดว่านางเป็นลมไปอีกครั้งล่ะ… โอ๊ย ท่านพ่อ! ปล่อยข้านะ ท่านจะดึงข้าแบบนี้ไม่ด้ายยย!”

อวี้เซิ่งดึงคอเสื้อของลูกสาวโดยไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยถึงแม้ว่านางจะดิ้นรนและตะโกนเสียงดังมากเพียงใด

ไม่นานภายในห้องก็เงียบสงบลง ยามนี้ซั่วเยว่มองไปที่ชายหญิง 2 คนที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่บนเตียง แล้วเขาก็รีบเดินตาม 2 พ่อลูกออกไปติด ๆ เพราะตนไม่ต้องการรบกวนพวกเขา

“ดูเหมือนว่าแม่นางหวานหว่านจะตัวสูงกว่าตอนที่นางอยู่ในหุบเขาก่อนหน้านี้” เซียวถังอี้เหลือบมองมู่ไป๋ไป่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกขณะถามว่า “แม่นางไป๋กับแม่นางหวานหว่านสนิทกันมากหรือ?”

“ก็นับว่าสนิทกันทีเดียว” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นตอบเสียงเรียบ “ปกติข้าต้องคอยดูแลเด็กคนหนึ่งอยู่แล้ว ดูแลนางเพิ่มอีกสักคนหนึ่งก็ไม่นับว่าเป็นอะไร”

สาเหตุที่เซียวถังอี้ได้มอบเซียวถังถังให้นางดูแล เป็นเพราะว่านางเป็นคนที่ไว้วางใจได้เช่นนี้ แม้ว่าตอนนั้นนางจะยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ก็ตาม

ท้ายที่สุดมู่ไป๋ไป่ก็ดูแลน้องสาวของเขามาเป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้น พอมีอวี้หวานหว่านเพิ่มเข้ามาในหุบเขาหมอเทวดา จากที่หญิงสาวเคยต้องเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง นางก็ต้องดูแลเด็กเพิ่มอีกคน ถึงกระนั้นนางก็ยินดีที่จะดูแลอวี้หวานหว่านด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คนที่คอยตามหลังนางก็มีเพิ่มขึ้นจาก 1 คนเป็น 2 คน

เซียวถังอี้เข้าใจความหมายที่มู่ไป๋ไป่พูดเป็นอย่างดี พอคิดถึงความรู้สึกไว้วางใจที่เขามอบให้นางในวันที่หิมะตกวันนั้น มันก็มีความรู้สึกซับซ้อนแทรกซึมเข้ามาในหัวใจ

ไม่นานเขาก็รู้สึกเสียใจ

ตอนนั้นเขาลืมไปได้อย่างไรว่ามู่ไป๋ไป่เป็นเพียงแค่เด็ก 5 ขวบ

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วท่านก็พักผ่อนก่อนเถอะ” มู่ไป๋ไป่ปัดชายกระโปรงตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวว่า “ช่วงนี้ท่านก็อย่าได้หักโหมเกินไป แล้วก็ระวังอย่าให้ตัวเองถูกลมหนาวจนเป็นหวัด”

“ถ้าเหตุการณ์เหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนมันเกิดขึ้นอีกครั้ง ข้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้”

เป็นเรื่องปกติที่หญิงสาวจะพูดเช่นนี้เพื่อให้ชายหนุ่มตระหนักถึงสุขภาพร่างกายของตัวเอง

เพราะหากเขาเป็นหวัดขึ้นมาอีกครั้ง มันก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายเขามากมาย

“แม่นางไป๋ช้าก่อน ข้ามีคำถามอยากถามเจ้า หวังว่าแม่นางไป๋จะช่วยชี้แนะข้าได้” เซียวถังอี้มองตามแผ่นหลังบาง แล้วเอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

ฝ่ายที่ถูกเรียกจึงหันกลับมา “ท่านมีคำถามอยากจะถามอย่างนั้นหรือ?”

พอมู่ไป๋ไป่เห็นจวงอี้หรานพยักหน้า เธอก็หัวเราะเบา ๆ “หาได้ยากยิ่งนัก”

ผู้ชายคนนี้ทำตัวลึกลับมาก อีกทั้งเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้ทุกเรื่องเสียด้วย

แล้วเหตุใดจู่ ๆ เขาถึงมีเรื่องอยากจะถามเธอหลังจากผ่านเคราะห์ร้ายมาเช่นนี้? 

มู่ไป๋ไป่เกิดความสงสัยใคร่รู้ เธอจึงหันหลังเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียงดังเดิมก่อนจะเอ่ยปากว่า “เชิญท่านถามมาได้เลย หากเป็นเรื่องที่ข้าตอบได้ ข้าจะลองดูว่าข้าจะสามารถช่วยไขข้อสงสัยของท่านได้หรือไม่”

“สิ่งที่ข้าอยากถามก็คือ…” เซียวถังอี้มองตรงเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว และค่อย ๆ ถามออกมาว่า “วันนั้นตอนที่ชีวิตของข้าแขวนอยู่บนเส้นด้าย แม่นางไป๋พลิกสถานการณ์ได้อย่างไร?”

จากคำพูดของอวี้เซิ่งก่อนหน้านี้ เขาพอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว

แต่เขาต้องการคำยืนยันจากมู่ไป๋ไป่

ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าจะมีใครยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของมู่ไป๋ไป่ ทั้งคู่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่รู้จักกันได้ไม่นาน อีกทั้งเขาก็ยังเป็นคนที่น่าสงสัยมากในสายตาของนาง

“หา? นี่คือสิ่งที่ท่านอยากถามเช่นนั้นหรือ?” หญิงสาวกลอกตามองบน ก่อนจะหลบสายตาของจวงอี้หรานที่กำลังจ้องมองมา “ถึงแม้ว่าข้าจะบอกท่านไป ท่านก็คงไม่เข้าใจหรอก”

“หรือว่าท่านต้องการขโมยวิชาจากอาจารย์ของข้า? ต้องบอกไว้เลยว่าเคล็ดวิชาของหุบเขาหมอเทวดานั้นไม่ได้ขโมยกันได้ง่าย ๆ หรอกนะ”

“แม่นางไป๋ ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจว่าทำไมข้าถึงถามคำถามนี้” เซียวถังอี้ไม่ได้สนใจคำพูดของคนตรงหน้าขณะมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

นั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ไป๋ไป่ค่อย ๆ จางหายไป จากนั้นไม่นานเธอก็ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าเป็นหมอ ข้าแค่อยากจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตคนเอาไว้”

“ส่วนท่านเป็นผู้ป่วย ท่านแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ท่านไม่จำเป็นจะต้องสนใจเรื่องอื่น”

“และข้าไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของท่าน”

หลังจากพูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปโดยไม่รอให้ชายหนุ่มพูดอะไร แล้วเธอก็ทิ้งให้คนไข้มองตามหลังของตนไปเพียงเท่านั้น

“นายท่าน… ท่านอยากให้ข้าน้อยไปตรวจสอบหรือไม่ขอรับ?” ซั่วเยว่ที่รออยู่นอกประตูได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้ง 2 พอเดินเข้ามาเขาจึงถามออกไปเช่นนี้ 

เขาเองก็เห็นชัดเจนว่าท่าทีขององค์หญิงหกในช่วงนี้ผิดปกติมาก แต่เขากลับไม่สนใจ มิฉะนั้นตอนที่ผู้เป็นนายเอ่ยปากถาม เขาคงจะสามารถตอบคำถามนี้ได้แล้ว

ทางด้านเซียวถังอี้เอนตัวลงนอนแล้วหลับตาเบา ๆ

ซั่วเยว่ไม่รู้ว่าเจ้านายของตนกำลังคิดอะไรอยู่ และเขาก็ไม่กล้าคาดเดาความคิดของอีกฝ่าย เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนรอคำสั่งของนายท่านเงียบ ๆ

องครักษ์หนุ่มไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ตอนที่เขากำลังคิดว่าผู้เป็นนายคงหลับไปแล้ว เขาก็ได้ยินคำสั่งที่เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า “ตรวจสอบ”

ในวันนี้บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมคึกคักมากเป็นพิเศษ

เนื่องจากเซียวถังอี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ทุกคนจึงมีความสุขมาก และในตอนเย็นก็มีอาหารถูกจัดขึ้นบนโต๊ะมากกว่าปกติ

ทางด้านมู่ไป๋ไป่ที่กินเยอะอยู่แล้ว ถ้าเซียวถังถังกับอวี้หวานหว่านไม่เอาแต่จ้องเธอ เธอคงจะกินมากจนเกินไป

“อึก! ถ้าจวงอี้หรานแช่สมุนไพรอีกครั้ง พิษในร่างกายของเขาจะถูกขจัดออกไป 5 ส่วน” หญิงสาวที่นั่งอาบแสงจันทร์อยู่ที่โต๊ะหินในลานบ้านพูดขึ้น

“หลังจากนั้นเราก็จะสามารถเดินทางกลับเมืองหลวงต่อไปได้ โชคดีที่ยังเหลือระยะทางอีกไม่ไกล ไม่อย่างนั้นเราคงจะพลาดวันฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทเฮาเสียแล้ว”

ขณะนั้นเซียวถังถังหยิบซานจา*ออกมาจากถุงกระดาษแล้วป้อนให้ศิษย์พี่พลางกล่าวว่า “ถ้าเดินทางจากที่นี่จะใช้เวลาเพียง 3 วันก็จะกลับไปถึงเมืองหลวง”

*ซานจา เป็นผลไม้ประเภทเบอร์รี่ชนิดหนึ่ง

ไม่นานรสหวานอมเปรี้ยวก็แพร่กระจายไปทั่วปาก ทำให้มู่ไป๋ไป่หรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว “เอาเถอะ ตอนนี้ยังพอมีเวลา”

“แต่ว่าไป๋ไป่ ทำไมเจ้าส้มถึงยังไม่กลับมาอีกล่ะ?” เซียวถังถังนึกถึงแมวตัวอ้วนจอมตะกละตัวนั้นที่หายหน้าหายตาไปนาน และไม่มีแมวมาคอยแย่งอาหารกับนางเลย นางจึงกินอาหารไม่ค่อยอร่อยเหมือนแต่ก่อน

“หรือว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับมันเข้าแล้ว?”

มู่ไป๋ไป่หยุดเคี้ยวซานจาแล้วเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะหินขณะใช้ความคิด “นี่ก็นานมากแล้ว…”

ถ้าคำนวณเวลาแล้ว เจ้าส้มน่าจะตามพวกเธอมาทันตั้งแต่ไม่กี่วันก่อน

“หรือว่ามันไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน?” เซียวถังถังคาดเดาถึงความเป็นไปได้ “บางทีแมวพวกนั้นอาจจะไม่ได้ทำตามคำสั่งของท่าน”

มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวทันทีโดยไม่ต้องคิด “เป็นไปไม่ได้ แมวพวกนั้นจะทำตามสัญญาอย่างแน่นอน”

ที่เจ้าส้มยังมาไม่ถึงมีเหตุผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เจ้าแมวอ้วนจอมตะกละจะต้องเสียเวลาวิ่งตามกลิ่นอาหารไปที่ไหนสักแห่งแน่นอนจึงทำให้มันล่าช้าเช่นนี้

พอมู่ไป๋ไป่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา เธอก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตีแมวสักทีสองที

ขณะเดียวกัน ในห้องโถงรับแขกของโรงเตี๊ยม

เซียวถังอี้เพิ่งดื่มยาหมดในตอนที่เขาได้ยินเสียงกระพือปีกดังมาจากนอกหน้าต่าง ขณะเดียวกันก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น

“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”

ชายหนุ่มยืดตัวตรงเกือบจะในทันที จังหวะนั้นเขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมารวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขากำลังจะโจมตีไปทางต้นกำเนิดเสียง เขาก็ต้องตกตะลึง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.