รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 103 เมื่อวานก็รัก...วันนี้รักเธอ...พรุ่งนี้ก็รักเธอ...

-A A +A

รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 103 เมื่อวานก็รัก...วันนี้รักเธอ...พรุ่งนี้ก็รักเธอ...

รับคำท้าฯ

 

ตอนที่ 103

 

 

 

                นายแพทย์ใหญ่นิ่งไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำถามของบุตรชายคนเดียวที่เดินเข้ามายืนประจันหน้ากับเขา

 

                “ผมถามว่า พ่อพูดอะไรกับปริม!” คนถามเค้นเสียงอย่างคาดคั้น นัยน์ตานั้นแดงก่ำด้วยความโกรธ เคยคิดว่าพ่ออาจจะยอมรับคนที่เขารักได้ แต่เปล่าเลย เขาเข้าใจผิดมันตรงกันข้ามตลอด

 

                “ทำไมพ่อไม่ตอบ!” เขาถามย้ำด้วยเสียงดังขึ้นอีก

 

                “แก! อย่ามาขึ้นเสียงดังกับฉันนะ!” ศัลยแพทย์โรคหัวใจตวาดลูกชายดังลั่น

 

                “ฉันเป็นใคร! ฉันเป็นพ่อของแกนะ”                                                                                                                              

 

                “แล้วทำไมพ่อไม่ตอบผมล่ะ ว่าพ่อพูดอะไรกับปริมา” บุตรชายกระแทกเสียงถามต่อไปไม่ลดละ

 

                “ฉันบอกก็ได้ ฉันขอให้ปริมาหยุดติดต่อกับแก! พอใจรึยัง” นายแพทย์ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงเครียดจัด

 

                คำตอบของคนเป็นพ่อทำให้คนฟังยิ่งโกรธหนักขึ้นเป็นทวีคูณแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกำหมัดและกัดฟันกรามแน่น ไม่เข้าใจทำไมพ่อทำแบบนี้ ปริมาทำผิดอะไร ทำไมพ่อถึงไม่ชอบเธอ

 

                “ทำไมครับ! ปริมไม่ดีตรงไหน! ผมขอเหตุผล!” คนเป็นลูกพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ออกยาว ๆ เพื่อสะกดความโกรธ

 

                “ก็เพราะ ปริมาเป็นลูกสาวของคนที่แย่งแม่ของแกไปจากพวกเรายังไงล่ะ แกไม่โกรธไม่แค้นอะไรบ้างเลยรึไง ที่เขาทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้” ปัณณวัตร์พูดรัว ๆ ด้วยความโกรธเช่นกัน

 

                “ฉันไม่อยากดองกับพ่อของมัน ฉันไม่อยากได้ลูกของมันเป็นลูกสะใภ้! ฉันไม่อยากยุ่งไม่อยากเกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้นอีก แกเข้าใจมั้ย?”

 

                “นั่นมันเรื่องของพ่อ! ไม่เกี่ยวกับผม!” ปากของเขาสั่นระริก เขาอยากจะพูดต่อไปอีกว่า มันเป็นความผิดของพ่อตั้งแต่แรกที่ไปแย่งแม่มาจากคนรัก แต่ยั้งปากไว้ได้ทันไม่อยากจะตอกย้ำความผิดที่มันผ่านไปแล้วอีก

 

                ปัถยารีบเดินลงมาจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงพ่อลูกทะเลาะกันเสียงดัง

 

                “การ! ใจเย็น ๆ” เธอรีบเดินไปโอบตัวบุตรชายของสามีเอาไว้ แล้วพยายามดึงตัวเขาให้ถอยห่างออกมา

 

                “พ่อคงพอใจแล้วใช่มั้ย?” เขาจ้องหน้าบิดานิ่ง น้ำตารื้นขึ้นมาคลอปริ่มอยู่ในดวงตาร้าวรานคู่นั้น

 

                “ตอนนี้ปริมไม่คุยกับผมแล้ว พ่อรู้สึกดีขึ้นรึยัง? พ่อดีใจมากใช่มั้ย?” เขาถามพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และรู้ดีว่าเมื่อปริมารับปากตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ยากที่จะเปลี่ยนได้ หากไปหาเธอคงไม่ยอมพบเขาอีกแล้ว ทำไมเหตุการณ์ถึงต้องลงเอยแบบนี้ เขาจะเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้เลยหรือ? ทำไม? การที่เขารักปริมามันผิดตรงไหน? ทำไมพ่อไม่เคยเข้าใจเขาบ้าง ทำไมพ่อถึงจงเกลียดจงชังเธอได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย คำว่าทำไมผุดขึ้นเต็มหัวสมองไปหมด

 

                “การ...ไปพักก่อนนะ” เธอประคองร่างที่เหมือนจะหมดแรงเดินขึ้นไปบนห้องนอนด้วยความสงสารจับใจ

 

                “ทำไมพ่อถึงใจร้ายกับผมขนาดนี้ครับ” เขาโผเข้ากอดภรรยาของพ่อเอาไว้

 

                “พ่อแค่กลัวจะเสียการไปอีกคน หลังจากที่เสียแม่ของการไปแล้ว ให้เวลาพ่อหน่อยนะ น้าเชื่อว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้” เธอตบหลังปฏิการเบา ๆ 

 

                “เหมือนตอนที่พ่อยอมให้การไม่ต้องเรียนหมอ เหมือนตอนที่พ่อยอมให้การไปประกวดร้องเพลงไงจ๊ะ สักวันพ่อต้องเข้าใจและใจอ่อนแน่นอน” เธอพยายามปลอบโยนคนกำลังเสียใจ

 

                ชายหนุ่มขยับตัวถอยออกมาจากอ้อมกอดของเธอ แล้วมองหน้าภรรยาของพ่อด้วยคำถาม

 

                “ผมต้องรอนานแค่ไหนครับ...” 

 

                “รอแบบไม่ต้องรอ...น้าเชื่อว่า ความดีของการจะทำให้พ่อใจอ่อนได้แน่นอนจ้ะ วันนี้นอนพักเอาแรงก่อนนะ” เธอประคองตัวชายหนุ่มให้นอนลงบนเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา

 

                “ทำไมคุณน้าถึงรอพ่อได้นานขนาดนี้ครับ” เขารู้สึกสงสัยความรักของคนปลอบโยนที่รอคอยพ่อของเขามาตลอด ต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่มองเห็นพ่อของเขาแต่งงานกับอื่น

 

                “น้าไม่ได้รอจ้ะ น้ามีพ่อของการอยู่ในใจเสมอ แม้ว่าเราจะได้เจอกันหรือไม่ได้เจอกัน มีพ่อของการอยู่ในความทรงจำที่ดี แค่ได้เห็นเขามีชีวิตที่มีความสุขน้าก็ดีใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองตัวเขาหรือไม่ก็ได้ การยังโชคดีกว่าน้าอีกนะ”

 

                “โชคดียังไงครับ...” เขารู้สึกสงสัยมาก

 

                “เพราะการมีวันเวลาที่อยู่ด้วยกันหนูปริมมากกว่า และหนูปริมก็รู้สึกดีกับการด้วย แต่น้าแอบรักพ่อเราข้างเดียวนะ” เธอแอบหลงรักเขาตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก ตอนที่ไปรับน้องของคณะขณะที่วิ่งอยู่แล้วสะดุดหกล้ม เขาคือคนที่เข้ามาช่วยมาดูแลเป็นคนแรก ได้แต่แอบมองมาตลอดตั้งแต่นั้นมา

 

                เจ้าของห้องมองหน้าเธอด้วยความทึ่งและขอบคุณ รักแบบไม่ต้องครอบครองหรือ? เปลือกตาทิ้งตัวลงมาปิดดวงตาอันเหนื่อยล้าจนสนิท

 

                เธอมองหน้าคนหลับช่างน่าเอ็นดูเหมือนเด็กน้อย ก่อนจะปิดไฟเดินออกจากห้องไป พบนายแพทย์ใหญ่ยืนอยู่หน้าห้องของบุตรชาย สีหน้าและแววตานั้นเป็นห่วงลูกชายตัวดีไม่น้อย

 

                “ขอบคุณมากที่เข้าใจผมเสมอ” เขาได้ยินหมดทุกถ้อยคำที่เธอพูดกับลูกชายของเขา พลางเข้าไปสวมกอดภรรยาเอาไว้ ไม่มีอะไรมีค่ามากเท่าความรักความเข้าใจที่เธอมีให้เขามาตลอดไม่ว่าในฐานะเพื่อนที่แสนดี ไม่ว่าฐานะไหนก็ตาม และเวลานี้ในฐานะคนรักเป็นภรรยาของเขา จะได้รับความรู้สึกดีจากผู้หญิงคนนี้เสมอ ทำให้อดรู้สึกผิดต่อเธอไม่ได้ ที่เขายังไม่เคยลืมภรรยาเก่า

 

 

 

                *********************

 

                ปฏิการยกขวดน้ำขึ้นจิบช้า ๆ เพื่อรอถ่ายฉากต่อไป ช่างแต่งหน้ารีบเข้ามาซับหน้าและเติมแป้งให้ ดูแลความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมให้อีกครั้ง

 

                “คุณการหล่อมากค่ะ” ช่างแต่งหน้าอดชมเขาไม่ได้ มองเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทา ผมใส่น้ำมันเรียบแปล้แบบยุคสมัย ร.5 เข้ากับเขามาก ทำให้หล่อแบบคลาสสิค

 

                ไปรยายืนมองหนุ่มหน้าหวานยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ขนาดแค่ดื่มน้ำยังน่ารักน่ามองเลย แล้วเดินเข้าไปหาพลางยื่นแก้วน้ำส้มไปให้

 

                “ทานน้ำส้มค่ะ คุณการ”

 

                “น้ำส้มนั้นดีต่อสุขภาพครับ แต่ว่า การดื่มเป็นแก้วขนาดนี้จะทำให้เรารับปริมาณน้ำตาลมากเกินความต้องการของร่างกายนะครับ การทานส้มเป็นผลจะดีกว่าเพราะจะได้ไฟเบอร์ด้วย ไฟเบอร์จะทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือดได้ช้าลง วันหนึ่งไม่ควรทานเกิน 1-2 ลูกนะครับ” เขายื่นมือไปรับแก้วน้ำส้มอย่างไม่อยากให้เสียน้ำใจ

 

                “รู้รึเปล่าครับ น้ำส้มแก้วนี้เท่ากับการทานส้มกี่ลูก สี่ถึงห้าลูกเลยนะครับ” เขามองแก้วน้ำชาเย็นในมือของหญิงสาว เขาแทบไม่เคยเห็นเธอดื่มน้ำเปล่าเลย เห็นดื่มแต่น้ำหวานตลอด ไม่ก็น้ำอัดลม แล้ววัน ๆ เธอจะรับน้ำตาลเข้ากระแสเลือดเท่าไหร่ ตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินมาขจัดน้ำตาลออกจากกระแสเลือดมากแค่ไหน

 

                “ทราบแล้วค่ะ” เธอทำหน้างอเล็กน้อย แต่ก็แอบดีใจหมายถึงเขาเป็นห่วงเธอใช่ไหม...

 

                “รู้รึเปล่าครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาออกรายการ วัน ๆ เธอไม่ทานน้ำเปล่าเลย ทานแต่น้ำหวานตลอด 8 ปี ตอนอายุ 25 เกิดเป็นอัมพาตครึ่งตัว”

 

                “ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนฟังอดสะดุ้งไม่ได้ เพราะเธอก็ไม่ชอบทานน้ำเปล่าเลย ทานแต่แต่น้ำหวานตลอด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ ชา กาแฟ โกโก้ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ นมเปรี้ยว แต่ทานน้ำเปล่าน้อยมาก ๆ

 

                “ใช่ครับ คลิปนี้ไงครับ” เขาเปิดคลิปให้ดาราสาวดูเพื่อยืนยันว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

 

                คนฟังจึงยื่นหน้ามาดูคลิปจากโทรศัพท์ในมือของเขา ถือโอกาสเอียงตัวเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม

 

                “ขนาดกินยายังต้องกินกับนมเปรี้ยวเลย ตอนท้องลูกคนที่ 2 ยิ่งทานหวานมากขึ้น กินอาหารหวาน แล้วเริ่มมีอาการปวดหัวมาก ปวดหัวจี๊ดครึ่งหัว มีอาการมือชา ตอนแรกนึกว่าพักผ่อนน้อย เพราะต้องเลี้ยงลูก เป็นวันเว้นวัน คิดว่าปวดไมเกรนกินยาก็หาย เป็นอยู่ 2 เดือน อยู่ ๆ เหมือนร่างกายช็อต พอลุกขึ้นยืนตัวเอียงแล้วล้มทั้งยืน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ลิ้นเริ่มแข็งพูดไม่ได้ พอส่ง รพ. พบว่ามีลิ่มเลือดอุดตันตรงสมองซีกขวา ทำให้สมองบวม หมอบอกว่าเป็นสโตก และหาสาเหตุ การไม่ทานน้ำเปล่าเลยทำให้เลือดหนืด” เสียงจากคลิปอธิบาย

 

                “น่ากลัวจังเลยค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ต่อไปจะทานน้ำเปล่าให้มากขึ้นค่ะ” เธอพูดพลางส่งยิ้มหวานและสบตากับเขา

 

                หนุ่มหน้าหวานรีบขยับตัวถอยออกห่าง เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว

 

                การถ่ายทำฉากจบของหนังที่ปฏิการแสดงนั้นเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งเป็นฉากคนรักในเรื่องของเขาเสียชีวิต เขาทำได้ดีมากผ่านฉลุยในฉากของการสูญเสียคนรัก เศร้าจนน้ำตาท่วมจอเลยทีเดียว ผู้กำกับมองหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นจนค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้มของชายหนุ่มอย่างพอใจ ภาพร้องไห้ของเขาออกมาสวยงามมาก

 

                เมื่อผู้กำกับสั่งคัทแล้ว แต่น้ำตานั้นยังไม่ยอมหยุดไหล ในใจเขาคิดถึงแต่ปริมา สามวันมาแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าเธอเลย ไม่ได้คุยกันสักคำ เหมือนบางอย่างในชีวิตขาดหายไป แค่คิดถึงเธอน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอย่างง่ายดาย ยังทำใจไม่ได้เลยชีวิตต่อไปที่ไม่มีเธออีกแล้ว อยากได้ยินเสียงยัยตัวแสบเหลือเกินเขายังพยายามโทรหาเธอทุกวัน แม้ว่า...คนรับจะไม่ยอมรับสาย อยากเห็นหน้าเธอ ทำได้เพียงเปิดกล้องวงจรปิดเผื่อจะได้เห็นหน้าของคนที่เขาแสนคิดถึงเดินผ่านกล้องไปมาบ้าง แต่เหมือนเธอจะรู้จึงเปลี่ยนรหัสผ่านการเข้ากล้องวงจรปิดไปแล้ว

 

                “คุณการ...ไม่เป็นไรนะคะ” ไปรยากอดเขาเอาไว้อย่างปลอบโยน ทุกคนต่างเข้าใจว่า เขาอินจนออกจากฉากเศร้านี้ไม่ได้

 

                “ผม...ไม่เป็นไรแล้วครับ...” หนุ่มหน้าหวานขยับตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว มองเธอกำลังบรรจงเช็ดน้ำตาข้างแก้มให้อย่างเบามือ

 

                “ขอบคุณครับ”

 

                “คุณการอินจัดเหรอคะ” ดาราสาวแอบถามด้วยสีหน้าอมยิ้ม

 

                “ผม...คิดถึง...ปริมาครับ...ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว” น้ำเสียงนั้นเศร้ามาก

 

                สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของพี่สาวของเธอ มือที่กำลังซับน้ำตาอยู่บนแก้มของชายหนุ่มลดลงทันที

 

                “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ”

 

                ไปรยามองเขาเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย เธอรู้สึกเหมือนกันว่า ช่วงนี้เขาแทบไม่ยิ้มและดูซึมไปถนัดตา ไม่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของเขานานแล้ว วันก่อนที่ออกงานโปรโมทหนังด้วยกัน ซึ่งเป็นหนังในตอนปลายสมัย ร.5 เขาแต่งชุดสูททักซิโด้สีดำหล่อเหลาสง่ามากดุจคุณชายน้อยผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ปานเข้ากับโทนของหนังทีเดียว แต่แทนที่เขาจะเดินคู่ไปด้วยกันกับเธอ หรือเดินควงแขนกับเขา หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะอีกฝ่ายเดินเร็วมากจนเธอเดินตามไม่ทัน เพราะชุดราตรียาวทำให้เดินค่อนข้างลำบาก คู่ของเธอกลับเดินทิ้งห่างไปหน้าตาเฉย ยังดีที่ไปหยุดรอตรงจุดที่ต้องถ่ายรูปร่วมกัน

 

                ทุกครั้งที่คุยกับหนุ่มหน้าหวานมีแต่เรื่องการทำงาน หรือไม่เขาจะเอาแต่ถามชีวิตวัยเด็กของปริมาว่าเป็นอย่างไรจนเธอเบื่อที่จะตอบ อย่างดีก็โดนเขาแกล้งจนต่อบทไม่ถูก ได้แต่แอบน้อยใจบ่อย ๆ เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย

 

 

 

                *************************** 

 

 

 

                ปฏิการจอดมอเตอร์ไซค์คู่ใจไว้แล้วเดินเล่นอยู่ริมทะเล คิดถึงวันที่เขาได้เดินจูงมือกับปริมาครั้งแรก คิดถึงอ้อมกอดของเธอ คิดถึงถ้อยคำที่เธอบอกคิดถึง คำบอกรักเขาครั้งสุดท้าย และริมฝีปากอันอ่อนหวานที่เขาได้จูบเธอ เธอรู้ว่าจะต้องจากกันตั้งแต่ตอนนั้นใช่ไหมถึงยอมบอกรักเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพูดมาก่อนเลย ที่เธอบอกให้เขาดูแลตัวเองด้วย...ตอนที่เธอไม่อยู่... มันคงเป็นคำบอกลาของเธอใช่ไหม...เขาเปิดอีเมลฉบับสุดท้ายของยัยตัวแสบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา เขายังมาที่รีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝัน เพียงอยากจะได้เห็นหน้าของคนที่เขารักและแสนคิดถึง

 

                “การ...”

 

                เสียงเรียกชื่อของเขา ทำให้ต้องหันไปมองเจ้าของเสียงเรียกนั้น

 

                “แม่...” เขารีบเดินเข้าไปกอดมารดา

 

                “แม่ยังไม่กลับหรือครับ” อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นแม่ยังอยู่ที่รีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝัน

 

                “ยังจ้ะ น้อง ๆ ปิดเทอมเลยอยู่หลายวันหน่อย อีกอย่างอยากอยู่เป็นเพื่อนหนูปริมด้วย”

 

                “ปริมเป็นอย่างไรบ้างครับ”

 

                ลูกชายขยับตัวถ้อยออกมาจากอ้อมกอดของมารดา

 

                “ถึงจะดูซึม ๆ ไปบ้าง แต่ก็เข้มแข็งมาก ทำหน้าที่ทำงานทุกอย่างต่อไปอย่างดี สอนน้อง ๆ ทำขนม พาเล่นอย่างสนุกสนาน ถ้ามีการอยู่ด้วยคงยิ่งสนุกมากขึ้นนะ” เธอยกมือแตะแก้มลูกชายคนดี มองเห็นสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

 

                “การ เป็นยังไงบ้าง”

 

                “ผมคิดถึงเธอมากครับ อยากพบเธออีกสักครั้ง” เขาจับมือแม่ขึ้นมากุมไว้แล้วบีบมือนั้นแน่น พลางก้มหน้าลงกลัวแม่จะเห็นน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา

 

                “แม่ช่วยผมให้พบปริมได้ไหมครับ”

 

                “ได้สิ เอางี้นะ มะรืนนี้วันเกิดหนูปุ๊บ จะจัดงานวันเกิดเล็ก ๆ ลูกก็มาร่วมงานนะ”

 

                “ขอบคุณครับแม่ แม่น่ารักที่สุดในโลก” เขาเข้าไปกอดแม่ไว้แนบแน่น

 

                เธอยกมือกอดลูกชายพลางตบหลังเบา ๆ อย่างปลอบโยน แม้ลูกจะไม่ได้พูดว่าเสียใจแค่ไหน แค่เห็นหน้าและแววตา ก็รับรู้ความรู้สึกของลูกได้ว่ายังทำใจกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย

 

                “ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้นะ” เธออยากจะบอกลูกว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้มีชีวิตอยู่กับคนที่เธอรักอีกเลยหลังจากแต่งงานกับปัณณวัตร์ แต่ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่กับคนรักของเธออย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

 

                ***********************

 

 

 

                ปฏิการมองขึ้นไปบนหน้าต่างห้องนอนของปริมา มองเห็นเงาของเธอยืนอยู่ข้างม่านของหน้าต่าง ก่อนที่ไฟบนห้องนั้นจะดับลง เขาได้แต่ยืนมองหน้าต่างห้องนอนของอดีตคนรักอย่างเงียบ ๆ มีถ้อยคำมากมายอยากจะพูดอยากจะถาม เธอสบายดีไหม เธอเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกผิดที่เขาไม่สามารถปกป้องอะไรคนรักได้เลย เขาอยากบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะยอมออกมาพบเขารึเปล่า?

 

 

 

                แม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้น

 

ไม่อาจแบ่งใจปันเผื่อไว้ให้ใคร

 

ใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมาย

 

เมื่อมีเธอไม่ต้องการใคร

 

เมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอ

 

พรุ่งนี้ก็รักเธอ พอใจที่มีเธอ

 

ไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจ

 

ฉันได้ดีอย่างเธอ

 

ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว

 

 

 

ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว

 

 

 

                หนุ่มนักดนตรีร้องเพลง รักเดียวใจเดียว ของเสือ ธนพล ให้เธอฟัง แม้ว่า...คนที่เขาแสนคิดถึงจะไม่ออกมาพบหน้าเขาอีกแล้ว แต่ก็อยากจะบอกเธอว่า เขารู้สึกอย่างไร ผ่านบทเพลง            

 

                สาวชาวสวนเดินไปปิดไฟห้องนอน ให้เขารู้ว่า เธอนอนแล้ว แม้ว่าเวลาบนผนังจะแค่หนึ่งทุ่มเท่านั้น สองเท้ายังพาเจ้าของร่างเดินมาแอบมองเขาที่หน้าต่าง น้ำตารื้นขึ้นมาคลอดวงตาเอาไว้จนพร่ามัว เสียงเพลงนั้นไพเราะจับหัวใจเหลือเกิน แม้จะฟังดูเศร้ามาก แต่ก็ซาบซึ้งทุกถ้อยคำทุกประโยคที่เขาร้องออกมาจากหัวใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขายังมาหาเธอ โทรศัพท์จากเขาที่ยังโทรหาอยู่ทุกวัน แม้เธอไม่ได้รับสาย ข้อความทางไลน์หลายข้อความที่ยังส่งมาหา แม้เธอไม่ได้เข้าไปอ่าน            

 

                หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะสร้อยรูปปิ๊กกีตาร์ที่สวมอยู่ที่ลำคอ สร้อยคู่ของเขาและเธอ ที่เขาสั่งทำเหมือนกันสองเส้นให้เป็นของขวัญวันที่เป็นแฟนกันครบหนึ่งปี ได้แต่บอกตนเองว่า ไม่ควรพบเขาอีก เรื่องราวระหว่างเขาและเธอมันจบสิ้นลงแล้ว

 

                 

 

                **********************

 

 

 

                ปัณณวัตร์มองลูกชายเก็บตัวอยู่แต่บนห้องนอน ไม่ก็ออกจากบ้านกว่าจะกลับก็ดึกดื่นค่อนคืน ที่สำคัญไม่ยอมพูดกับเขาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น วันนี้เขามองเห็นลูกชายคนเดียวกำลังจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว

 

                “แกจะไปไหนอีก” เขามองเวลาบนผนังห้องขณะนั้นบอกเวลาบ่ายสี่โมงเย็น

 

                ไม่มีคำตอบจากคำถามนั้น คนเป็นลูกเดินผ่านบิดาออกไปเหมือนไม่ได้ยินคำถาม และเหมือนพ่อไม่มีตัวตนยืนอยู่ตรงนั้น

 

                “ฉันถามแกอยู่นะ!” เสียงคนเป็นพ่อถามดังมากขึ้นอีกอย่างไม่พอใจที่ลูกชายไม่ตอบคำถามของเขา และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเจอแบบนี้

 

                “ได้ยินอยู่รึเปล่า? ฉันถามแกอยู่นะ! แกจะไปไหนอีก?” เขาไม่พูดเปล่าเข้าไปกระชากแขนบุตรชายให้หันมามองหน้าเขา

 

                ปฏิการจ้องหน้าเจ้าของมือ และสะบัดแขนออกจากมือของพ่อ

 

                “ผมจะไปหาปริมา” วันนี้เป็นวันที่เขาจะไปบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย เขานัดกับแม่ไว้เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญเธอจะยอมออกมาพบเขาด้วย แม่ของเขาเก่งที่สุดที่ทำให้เธอยอมออกมาพบเขาได้

 

                “ไม่ต้องไป!”

 

               

 

               ***************************

 

         

 

           สวัสดีค่า.... มาแล้วค่า...ไป ตจว. มา 7 วันค่ะ มีคนรอนิยายเรื่องนี้อยู่รึเปล่าน้า... สงสารพระเอกของเราจัง....

 

 

 

เรื่องการทานน้ำสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้ดื่มน้ำกี่แก้วแล้วคะ ตอนไป ตจว. พยายามดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร 

 

           

 

               

 

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.