1: เพื่อนร่วมงานคนใหม่
เสียงฟ้าร้องครืนครางปลุกเขตตะวันให้สะดุ้งตื่น ผนังห้องกระจกใสสั่นสะเทือนตามแรงลมและเม็ดฝนที่โหมกระหน่ำ อากาศชื้นเย็นซึมผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน แม้ดวงตายังปิดสนิท แต่ภาพในความฝันก็ยังคงติดตรึงอยู่ในห้วงความคิด ผู้หญิงคนนั้น… เขาฝันถึงเธออีกแล้ว
“มายด์…”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชื่อที่แสนคุ้นเคยในความฝัน แต่กลับไม่เคยมีอยู่จริงในโลกแห่งความจริงของเขา มายด์… เธอปรากฏตัวในความฝันของเขาถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ใบหน้าเรียวรูปไข่ ผมยาวสลวยสีดำขลับ ดวงตาที่ฉายแววนิ่งสงบ ท่าทางเงียบขรึมและขี้อาย เป็นคนเดียวที่เขาจดจำรายละเอียดได้เลือนราง แต่ก็รู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา ความรู้สึกเดียวดายก็เข้าปกคลุมคล้ายกับว่ากำลังคิดถึงใครคนหนึ่งที่เคยรู้จักมักคุ้นกันมานาน
เขตตะวันลืมตาขึ้นช้าๆ มองเพดานห้องสีขาวนวลที่สะท้อนแสงไฟสลัวจากด้านนอก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามจัดเรียงความคิดที่ปะปนกันอยู่ ความฝันนี้มันหมายถึงอะไรกันแน่? ทำไมเขาถึงฝันถึงผู้หญิงคนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเธอชัดเจนเลยสักครั้ง
มือหนาเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนหัวเตียงเพื่อเช็กเวลา หน้าจอแสดงผลเวลา 07:00 น. พร้อมกับแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน Facebook ที่เด้งขึ้นมา: “สุขสันต์วันเกิดคุณนฤเบศ!” เป็นวันเกิดของรุ่นพี่ที่ป.โทนิติศาสตร์นี่เอง
ยังไม่ทันจะกดเข้าไปดู ดวงไฟแสดงสายเรียกเข้าก็สว่างวาบขึ้น ปรากฏชื่อ “คอร์น (สังคมฯ)” เขากดรับสายพลางกรอกเสียงลงไป
“ว่าไง… มีอะไรแต่เช้า”
“เฮีย! จะโทรมาบอกว่าเย็นนี้เฮียไม่ต้องเข้าประชุมชมรมแล้วนะ อาจารย์ให้เลื่อนไปวันอื่นแทน เห็นบอกว่าอาจารย์ติดประชุมด่วนอะไรสักอย่าง” เสียงใสเจื้อยแจ้วจากปลายสายดังขึ้น
“อ้าวเหรอ… โอเคเลย ขอบใจๆ”
“เฮียเพิ่งตื่นใช่ไหมเนี่ย”
“อืม..ว่าแต่เห็นเฟซบุ๊กแจ้งเตือนว่าวันนี้วันเกิดทนายไม่ใช่หรือ”
“ใช่ หนูไปอวยพรมาแล้วแหละ”
ได้ฟังอย่างนั้นเขาก็อดแหย่เพื่อนไม่ได้
“ไหนว่าจะไม่ส่งข้อความหาเขาแล้วไง จะตัดใจไม่ใช่หรือ”
“แหม ถึงไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันนี่นา เฮียลุกไปอาบน้ำได้ละ ต้องเข้าฝึกงานไม่ใช่หรือวันนี้”
“ใช่ๆ... งั้นแค่นี้แหละ ขอบใจที่โทรมาบอกนะ”
“ไปทำงานก็ขับรถดีๆ ล่ะ ฝนตกหนักพอควรเลย”
เขตตะวันวางสายไปแล้ว มองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่กลับสู่หน้าจอหลักอีกครั้ง ภาพของมายด์ในความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไม่ลดละ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ มองดูสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับผู้หญิงในความฝันคนนั้น เขาจะต้องพบเธอจริงๆ สักวันหรือไม่? หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญที่สมองสร้างขึ้นมาหลอกเล่นเท่านั้น?
เขตตะวันขับรถฝ่าสายฝนที่เริ่มซาลงมาถึงบริษัท AgencyX ใบไม้ที่เกาะตามกิ่งก้านข้างทางยังคงเปียกชุ่ม และกลิ่นดินชื้นลอยเอื่อยๆ มาตามลม เขาจอดรถในลานจอดใต้ดิน กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 10 ซึ่งเป็นที่ตั้งของแผนกการตลาด
บรรยากาศภายในบริษัทคึกคักตามปกติ แม้จะเป็นช่วงเช้าหลังฝนตก พนักงานแต่ละคนง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และเสียงกดแป้นพิมพ์ดังรัว เขตตะวันเดินผ่านโต๊ะทำงานที่คุ้นเคยไปที่มุมกาแฟ หยิบแก้วเซรามิกขึ้นมาเติมกาแฟดำอุ่นๆ กลิ่นหอมกรุ่นช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัวจากความง่วงงุนที่ยังคงค้างอยู่จากความฝันเมื่อเช้า
จังหวะนั้นเอง เสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้น
“ตะวัน! มาห้องพี่หน่อย”
เป็นเสียงของสิทธา หรือ พี่ป๊อป หัวหน้าแผนกการตลาด วัยสามสิบปลายๆ ที่มีรอยยิ้มใจดีเสมอ เขตตะวันวางแก้วกาแฟลงแล้วเดินตามไปที่ห้องทำงานของเขา ซึ่งเป็นห้องกระจกใสโปร่งโล่ง
“นั่งก่อนสิ” สิทธาผายมือเชิญให้เขตตะวันนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ที่เรียกมาวันนี้เนี่ย มีเรื่องอยากให้เราช่วยหน่อย พอดีทางผู้บริหารอยากให้เราคิดแคมเปญใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าตัวใหม่ของลูกค้า แล้วก็อยากให้เป็นโปรเจกต์พิเศษที่รวมน้องๆ เด็กฝึกงานด้วยกัน”
เขตตะวันพยักหน้าเงียบๆ
“ครับพี่ป๊อป”
“คืองี้… ปกติเราอยู่แผนกการตลาดใช่ไหม คราวนี้พี่อยากให้เราไปทำงานร่วมกับน้องที่ฝ่ายกราฟิกด้วย” สิทธายิ้มกว้าง “จะเป็นการทำงานแบบข้ามแผนกครั้งแรกของเราด้วยล่ะ น้องคนนี้เป็นนักศึกษาฝึกงานเหมือนกัน ชื่อมนัสสินี เห็นว่าเก่งเรื่องการออกแบบนะ พี่ว่าน่าจะช่วยเสริมกันได้ดีเลย”
คำว่า ‘มนัสสินี’ ไม่ได้ทำให้เขตตะวันรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เขานึกภาพเพื่อนร่วมโปรเจกต์ที่เป็นนักศึกษาฝึกงานเหมือนกัน คงเป็นอีกคนที่ดูกระตือรือร้นและไฟแรงตามประสาเด็กจบใหม่
“เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำนะ อยู่ฝ่ายกราฟิกชั้น 8 โน่น” สิทธาลุกขึ้นนำทาง
ทั้งคู่เดินไปที่ลิฟต์ กดลงมาชั้น 8 บรรยากาศของแผนกกราฟิกจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย มีความอิสระและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แผนกการตลาดที่เน้นเรื่องตัวเลขและกลยุทธ์
สิทธาเดินนำไปที่โต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้อง บริเวณนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ผมยาวสลวยสีดำขลับที่คุ้นตาเมื่อเช้านี้ทิ้งตัวลงมาปกคลุมใบหน้าด้านข้างเล็กน้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่ปรากฏขึ้นเด่นชัดเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกของพี่ป๊อป
“น้องมายด์… นี่ตะวันนะ” สิทธาแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ตะวัน นี่น้อง
มนัสสินี พี่ลืมบอกมนัสสินีชื่อเล่น มายด์ นะ เธอจะมาช่วยโปรเจกต์แคมเปญเพิ่มยอดขายครั้งนี้”
วินาทีนั้นเอง ดวงตาของเขตตะวันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับตีกลอง มายด์ มนัสสินี… เค้าหน้าของเธอราวกับหลุดออกมาจากความฝันเมื่อเช้า เธอมีใบหน้าเรียว รูปร่างผอมบาง และแววตาที่ดูนิ่งๆ ค่อนข้างเงียบและขี้อายตรงตามที่เขาฝันถึงทุกประการ
มนัสสินีเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ใบหน้าของเธอมีแววประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่เพียงชั่วครู่ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้าทักทายอย่างแผ่วเบา
“สวัสดีค่ะ” เสียงใสแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบ ทำให้หัวใจของเขตตะวันเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเป็นโชคชะตากันแน่? ผู้หญิงในความฝันของเขา… มายด์… หรือว่าจะเป็นคนเดียวกัน?
นับตั้งแต่วันแรกที่เขตตะวันได้พบกับมนัสสินี โลกของเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตลอดช่วงเวลาที่ต้องทำงานร่วมกันในโปรเจกต์แคมเปญเพิ่มยอดขาย เขตตะวันพยายามสังเกตมนัสสินีอย่างเงียบๆ เธอเป็นคนพูดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะสื่อสารผ่านทางการออกแบบกราฟิกที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และรายละเอียดที่น่าทึ่ง
ทุกครั้งที่เขตตะวันเดินไปที่โต๊ะของมนัสสินีที่ฝ่ายกราฟิกเพื่อปรึกษาเรื่องงาน หรือแม้แต่ตอนที่เธอเดินมาที่แผนกการตลาดของเขา เธอจะทำในสิ่งที่จำเป็นและพูดในสิ่งที่ต้องพูดเท่านั้น แทบไม่เคยมีการสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกินกว่าเรื่องงานเลย
แต่ถึงแม้จะพูดน้อย มนัสสินีกลับเป็นคนที่ยิ้มง่ายกว่าที่เขาคิด รอยยิ้มบางๆ ที่มักจะปรากฏขึ้นมุมปากเวลาที่เธอกำลังจดจ่ออยู่กับงาน หรือตอนที่เขตตะวันเสนอไอเดียที่แปลกใหม่แล้วเธอชอบ รอยยิ้มนั้นแม้จะแผ่วเบา แต่กลับตราตรึงอยู่ในใจของเขตตะวันเสมอ มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในความฝัน — อบอุ่น นุ่มนวล และมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
เขตตะวันรู้สึกดีกับมนัสสินีอย่างประหลาด ไม่ใช่แค่เพราะเธอเหมือนกับผู้หญิงในความฝันของเขา แต่เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่านั้น เหมือนกับว่าเขาเคยรู้จักเธอมานานแสนนาน มีความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ทั้งที่ในความเป็นจริงพวกเขาเพิ่งจะได้พบกันเพียงไม่กี่สัปดาห์
เขาเคยพยายามชวนเธอคุยเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องงาน เช่น ถามเรื่องเพลงที่เธอชอบ หรือภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉาย แต่มนัสสินีมักจะตอบสั้นๆ และกลับไปจดจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว ทำให้บทสนทนามักจะจบลงอย่างรวดเร็วเกินไป
มนัสสินีเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เธอมีกำแพงบางๆ ที่มองไม่เห็นกั้นเธอออกจากโลกภายนอกเสมอ เขตตะวันรู้สึกได้ถึงสิ่งนั้น เขาสังเกตเห็นว่าเธอไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในฝ่ายกราฟิกมากนัก มักจะนั่งทำงานเงียบๆ ด้วยตัวคนเดียวเสมอ ยิ่งเห็นแบบนั้น เขตตะวันก็ยิ่งอยากจะก้าวข้ามกำแพงนั้นเข้าไปทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น อยากจะรู้ว่าภายใต้ความนิ่งสงบและความขี้อายนั้น มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง
โปรเจกต์แคมเปญดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยความร่วมมือของทั้งสองคน มนัสสินีเก่งในเรื่องการแปลงความคิดให้กลายเป็นภาพ ส่วนเขตตะวันก็เชี่ยวชาญในการวางแผนและกลยุทธ์ แม้จะทำงานเข้าขากันดีเยี่ยม แต่ระยะห่างบางอย่างก็ยังคงอยู่ระหว่างพวกเขา
ทุกเย็นหลังเลิกงาน เขตตะวันมักจะเผลอมองแผ่นหลังของมนัสสินีที่เดินออกจากออฟฟิศไปเงียบๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับเธอ ผู้หญิงที่เขาฝันถึง ผู้หญิงที่เขาพยายามทำความเข้าใจ และผู้หญิงที่ดูเหมือนจะกั้นตัวเองออกจากโลกใบนี้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็น...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 8
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น