บทที่ 61: อาชญากรระดับ S ลัทธิบูชาไททัน!

-A A +A

บทที่ 61: อาชญากรระดับ S ลัทธิบูชาไททัน!

“ในเมื่อพี่โม่จิ่วโหยวใจกว้างขนาดนี้ ถ้างั้นฉันก็ขอไม่เกรงใจแล้วนะ!”

“ใช่แล้ว เราจะให้ไวน์ของพี่โม่จิ่วโหยวเสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด”

“ฮ่า ๆๆ ในเมื่อพี่โม่จิ่วโหยวเอ่ยปากจะเลี้ยง งั้นฉันก็ขอลองชิมดูสักหน่อยว่าไวน์เลิศรสพวกนี้รสชาติเป็นยังไง!”

จากนั้นมือใหญ่ก็ยื่นออกไปที่กล่องไม้ ภายในกล่องไม้ที่แต่เดิมเต็มไปด้วยขวดไวน์ตอนนี้ถูกทุกคนหยิบออกไปคนละขวดสองขวด

ผู้ชายป่าเถื่อนพวกนี้ไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยสักนิด พวกเขาใช้ฟันกรามกัดจุกไม้ดึงกระชากออกจากขวดแล้วเริ่มยกไวน์ขึ้นดื่ม

ไวน์ที่รินออกมาจากขวดนั้นมีสีแดงสดราวกับสีเลือดซึ่งมันดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก แต่คนเถื่อนพวกนี้กลับดื่มมันอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลยและดื่มด่ำไปกับความหอมหวานของน้ำผลไม้หมักอย่างเต็มที่

“ของชั้นดีนี่มันแตกต่างจริง ๆ จะดูเหมือนว่ากลิ่นจะแรงไปสักหน่อย”

“ฮ่า ๆๆ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่โม่จิ่วโหยวที่แบ่งปันของดี ๆ แบบนี้ให้กับพวกเรา ไวน์กล่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเอาไปขายที่แนวหน้าก็คงขายได้เงินอย่างน้อยหลายสิบล้านเลยใช่ไหม?”

“ฉันไม่คิดเลยว่าพี่โม่จิ่วโหยวที่ปกติดูเย็นชาจะใจกว้างขนาดนี้”

เสียงชื่นชม ‘โม่จิ่วโหยว’ ดังขึ้นจากปากทีละคน ทว่าภาพตรงหน้านั้นทำให้หลินหยวนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

เพราะ… โม่จิ่วโหยวคือชื่อของชายชุดดำคนนั้น

ไอ้หมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่?

ในความคิดของเด็กหนุ่ม ผู้ชายคนนั้นไม่จำเป็นจะต้องเอาใจคนกลุ่มนี้เลย

สัญชาตญาณของเขาจึงร้องบอกว่าอีกฝ่ายจะต้องมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่แน่ ๆ

หรือว่า… ในไวน์นั้นมีพิษ?

พอคิดถึงเรื่องนี้หลินหยวนก็หรี่ตาลง

ถ้าในไวน์มีพิษจริง จุดประสงค์ของชายคนนั้นน่าจะเป็นการวางยาพิษผู้โดยสารทุกคน

ในขณะที่หลินหยวนกำลังคิดอยู่ หูว่านซานก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับถือขวดไวน์และแก้ว 2 ใบ “น้องชาย ทุกคนร่วมเดินทางมากันไกลขนาดนี้ หาได้ยากที่จะได้ผ่อนคลาย ทำไมนายต้องมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวด้วยล่ะ มาเถอะ นายให้เกียรติฉันสักแก้วเถอะ”

หลังจากพูดจบชายไว้หนวดก็เทไวน์ลงในแก้วทั้ง 2 ใบแล้วยื่นให้คนตรงหน้า

แต่หลินหยวนกลับไม่รับแก้วนั้นและขมวดคิ้วมองไวน์สีเลือดในแก้วนิ่ง ๆ

ในเมื่อทุกอย่างดูผิดปกติไปหมดแบบนี้ มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่

ยิ่งพฤติกรรมของชายชุดดำแปลกประหลาดมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็ยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น

ทางด้านหูว่านซานเห็นว่าหลินหยวนไม่ยอมรับแก้วไวน์ไปจากมือ เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย

“น้องชาย ถึงยังไงเราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวัน ในสายตาของนาย ฉันไม่คู่ควรแม้จะร่วมดื่มให้สักแก้วเลยเหรอ?”

ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้พูดอะไร ชายชุดดำก็เดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ก็นี่มันเป็นไวน์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักน่ะสิ เขาจะระวังตัวก็ไม่แปลก ในเมื่อคนเขาไม่อยากดื่มกับนาย ทำไมนายต้องไปบังคับเขาด้วยล่ะ?”

จากนั้นโม่จิ่วโหยวก็ยื่นมือออกไปรับแก้วไวน์จากมือของหูว่านซานแล้วยกดื่มจนหมดแก้ว

หลังจากดื่มไวน์เสร็จแล้วเขาก็หันไปมองหลินหยวน ในขณะที่ดวงตาสีแดงฉายแววเยาะเย้ยถากถาง

ทว่าเด็กหนุ่มที่เห็นการยั่วยุของอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย 

นั่นยิ่งทำให้เขาเริ่มทบทวนความคิดของตัวเองอีกครั้ง

หรือว่าในไวน์ไม่มียาพิษ ถ้ามันไม่ได้ใส่ยาพิษจริง ๆ อีกฝ่ายจะกล้าดื่มมันต่อหน้าเขาได้อย่างไร?

แม้หลินหยวนจะยังไม่สามารถตัดสินเจตนาของคนคนนี้ได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือ ในไวน์พวกนี้จะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน

แถมพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่อย่างนั้นชายชุดดำคงไม่แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อเขาอยู่หลายครั้ง

แล้วเวลาก็ไหลผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลากลางดึก

ปัจจุบันทุกคนยังคงรวมตัวกันอยู่รอบกองไฟ คอยกินเนื้อย่างแกล้มกับไวน์องุ่นรสเลิศ

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดก็มีคนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ

“แปลก… ฉันดื่มไวน์หมดไป 3 ขวดแล้ว ทำไมถึงไม่รู้สึกเมาเลยสักนิด”

“ใช่ เหมือนกันเลย นอกจากจะไม่เมาแล้ว สมองฉันกลับแล่นกว่าปกติด้วย”

“โธ่เอ๊ย ฉันก็นึกว่าฉันเป็นคนเดียว ที่แท้พวกนายก็เป็นเหมือนกันเหรอเนี่ย ฉันนึกว่าตัวเองดื่มเก่งจนไวน์แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้แล้วซะอีก”

“พี่โม่จิ่วโหยว ไวน์ที่พี่เอามาให้พวกเราดื่มนี่เป็นของปลอมหรือเปล่า?” ท่ามกลางเสียงถกเถียงของคนอื่น ๆ พอมีคนถามคำถามนี้ขึ้นมา ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่เจ้าของไวน์ทันที

ในสายตาของพวกเขาบ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขาต้องการคำอธิบายจากโม่จิ่วโหยว ส่วนหลินหยวนที่นั่งอยู่มุมหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน

ถ้าเด็กหนุ่มเดาไม่ผิด ตอนนี้ถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะแสดงธาตุแท้ออกมาแล้ว

เขาอยากจะรู้นักว่าไอ้หมอนี่กำลังวางแผนอะไรอยู่

ทางด้านโม่จิ่วโหยวที่เผชิญกับสายตาตั้งคำถามของทุกคน เขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นแล้วดึงหน้ากากสีดำที่ปกปิดใบหน้าลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ

ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

“ทุกคน ฉันขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อโม่จิ่วโหยว แต่ว่า… ฉันมีอีกชื่อหนึ่งที่ทุกคนรู้จักกันดี นั่นก็คือ มัจจุราชหน้าหยก”

หลังจากที่เขาแนะนำตัวเองเสร็จ สีหน้าของชายคนหนึ่งก็เปลี่ยนไป

ผู้ชายคนนั้นชี้หน้าโม่จิ่วโหยวพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ฉันจำเขาได้แล้ว เขาคือมัจจุราชหน้าหยก อาชญากรระดับ S ที่มีค่าหัวสูงมาก ตัวตนที่แท้จริงของหมอนี่ก็คือลัทธิไททัน!!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนก็หน้าถอดสี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่าคนของลัทธิบูชาไททันจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มตัวเอง!!

“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า… ฉันที่ถูกตั้งค่าหัวมานานขนาดนั้นจะยังมีคนจำฉันได้อยู่อีก” โม่จิ่วโหยวหันไปยิ้มชั่วร้ายให้กับชายคนที่พูดถึงตนเป็นคนแรก

“แต่ฉันก็อยากแสดงความยินดีกับพวกนายเหมือนกัน เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายจะต้องเดินตามรอยเท้าของฉัน และกลายเป็นสาวกของลัทธิไททัน!!”

“!!!”

“ไอ้บ้าเอ๊ย!! ใครจะไปอยากเป็นสาวกลัทธิไททันเหมือนแก?! พวกฉันเป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าจะทำชั่วมามากมาย แต่ฉันก็ยังเป็นมนุษย์!”

“แกดูสารรูปของตัวเองก่อนเหอะ ทั้งที่แกเป็นมนุษย์แท้ ๆ แต่แกกลับทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเอง ไอ้พวกสุนัขรับใช้ไททัน พวกแกไม่สมควรเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!!” ชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่งลุกขึ้นชูนิ้วกลางแล้วสบถด่าโม่จิ่วโหยวต่อหน้า

สวบ!

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อไป มือเหี่ยว ๆ สีม่วงเข้มก็แทงทะลุหน้าอกเขาพร้อมกับควักหัวใจของเขาออกมา

“ฉันอนุญาตให้แกพูดแล้วหรือไง?” มัจจุราชหน้าหยกเงยหน้าขึ้นถามด้วยรอยยิ้ม 

นี่เป็นพลังพิเศษของเขา ซึ่งเขาเรียกมันว่า ‘พลังมัจจุราช’

เขาสามารถใช้พลังมัจจุราชให้อยู่ในรูปแบบใดก็ได้ และสิ่งที่ทะลุผ่านหน้าอกของผู้ชายผมสั้นคนนั้นก็คือ ‘หัตถ์มัจจุราช’

มือสีม่วงเข้มที่ดูแห้งเหี่ยวเหมือนกับกิ่งไม้แห้งนั้นได้บดขยี้หัวใจของอีกฝ่ายอย่างแรง

ในขณะนั้นเลือดอุ่น ๆ ได้สาดกระเซ็นไปทั่วหน้าของคนที่อยู่รอบ ๆ

เมื่อทุกคนมองดูภาพที่น่าสยดสยองเบื้องหน้า พวกเขาก็พากันเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

จากนั้นโม่จิ่วโหยวก็กวาดตามองกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “มีใครอยากจะออกมาพูดอะไรอีกไหม? ฉันมีเวลามากพอที่จะฟังพวกแกพล่ามจนจบ”

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ความเงียบก็ยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

เนื่องจากอาชญากรระดับ S ได้แสดงพลังของเขาออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าขัดขืนเขาอีก

แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A 2 คนที่ทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันผู้โดยสารก็หันมาสบตากัน

พวกเขาเป็นสหายที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมานานหลายปีจึงเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที

วินาทีต่อมา หนึ่งในนั้นก็พุ่งเข้าหาโม่จิ่วโหยวราวกับเสือที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ

ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังจิตก็ปลดปล่อยแรงกดดันเข้าใส่เป้าหมายโดยไม่ลังเล

“ตรึง!” สิ้นเสียงตะโกนของผู้ใช้พลังจิต พลังจิตที่เป็นเหมือนสายน้ำก็พุ่งไปที่ศัตรูทันที

ในความคิดของเขา ขอเพียงเขาสามารถรั้งอีกฝ่ายไว้ได้ชั่วขณะ สหายร่วมรบของเขาจะต่อยทะลุหัวของอีกฝ่ายจนตายได้สำเร็จ

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าทั้งคู่เป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A นั่นจึงทำให้พวกเขามั่นใจมากว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งมากพอ

เพราะเหตุนี้เองพวกเขาจึงตัดสินใจโจมตีโม่จิ่วโหยว แต่สิ่งที่ผู้ใช้พลังจิตคนนี้คาดไม่ถึงก็คือ ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันทางจิตใจเลยสักนิด

มัจจุราชหน้าหยกหันไปมองผู้ใช้พลังจิตแล้วพูดเบา ๆ ว่า

“มดปลวกพวกนี้ไม่ประมาณตนเลยสักนิด คิดจะต่อกรกับฉันเรอะ!” โม่จิ่วโหยวแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ ทันใดนั้นก็มีแสงสีเลือดพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา

“หึ… ถ้าแกอ่อนแอก็อย่าได้สะเออะทำตัวเป็นฮีโร่!”

“ฉันอุตส่าห์ยอมฟังที่พวกแกพูดดี ๆ แล้ว คงไม่ชอบกันสินะ” รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของโม่จิ่วโหยวอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ออกแรงมือขวาบดขยี้กระดูกของนักสู้ประชิดตัว

ก่อนที่คู่ต่อสู้จะทันได้กรีดร้อง พลังมัจจุราชก็ไหลมารวมตัวที่มือซ้ายของเขาอีกครั้ง แล้วเขาก็กระแทกไปยังศีรษะของชายตรงหน้า

ทางด้านผู้ใช้พลังปราณไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืน ทำให้เขาถูกบดขยี้หัวในพริบตาเดียว

ภายในเวลาเพียง 10 กว่าวินาที มัจจุราชหน้าหยกก็สังหารผู้มีพลังพิเศษแรงก์ A ทั้ง 2 คนได้อย่างง่ายดาย

 

*******************************************

SkySaffron: ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมา พวกที่ดื่มไวน์คือซวยมาก!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.