บทที่ 1: ยุคไททัน
“หลินหยวน ลุกขึ้นมาตอบประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคไททันเริ่มขึ้นซิ!”
หลังจากที่ครูประจำชั้น ‘จางเทา’ พูดจบ เด็กหนุ่มผมดำ ดวงตาสีดำสนิท หน้าตาหล่อเหลา อายุประมาณ 18 ปีก็ลุกขึ้นตอบเสียงเรียบ “ตั้งแต่ยุคไททันเริ่มขึ้น ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติสามารถแบ่งออกได้คร่าว ๆ 3 ช่วงครับ นั่นก็คือยุคมืด ยุคแห่งการเอาตัวรอด และยุคสงครามในปัจจุบัน”
“เมื่อ 120 ปีก่อน โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง พื้นที่ของโลกขยายตัวมากกว่าเดิม 100 เท่า แต่ในเวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่ง 3 เดือนต่อมา เครื่องบินลำหนึ่งระหว่างที่บินอยู่บนท้องฟ้าเกิดการผันผวน ไม่นานก็เกิดรอยแยกกลางอากาศนับไม่ถ้วนทั่วท้องฟ้าเหนือผืนดิน จากนั้นเผ่าพันธุ์ไททันก็เริ่มรุกรานโลก! แต่นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่เท่าเทียมครับ… มันเป็นการสังหารหมู่ที่โหดร้าย หรือก็คือจุดเริ่มต้นของความมืดมิดที่ยาวนาน นี่จึงถูกเรียกว่ายุคมืด”
“พวกไททันกินมนุษย์เป็นอาหาร และได้เกิดวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ต่าง ๆ ครับ ตัวอย่างเช่น ไททันเพลิง ไททันลิงปีศาจ ไททันเหล็ก ไททันซอมบี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย ภายในเวลาเพียงปีเดียว ประชากรทั่วโลกลดลงถึง 60% ขณะเดียวกัน ถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ถูกบีบให้แคบลง”
“โชคดีที่สัญชาตญาณเอาตัวรอดของมนุษย์นั้นเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอด สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้มนุษย์สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของยีนตัวเอง แล้ววิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดเมื่อต้องเผชิญกับการเสี่ยงสูญพันธุ์”
“ในปีที่ 36 ของยุคไททัน ผู้มีพลังพิเศษคนแรกได้ปลุกพลังพิเศษขึ้นท่ามกลางสนามรบ หลังจากนั้นพลังพิเศษของมนุษย์ก็ถูกปลุกขึ้นทั่วโลก เราเรียกพวกเขาว่าผู้มีพลังพิเศษรุ่นแรก!”
“พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกมนุษยชาติ รวมถึงเป็นผู้พิทักษ์โลก! ผู้มีพลังพิเศษรุ่นแรกนี้ได้สร้างแนวป้องกันทั่วโลกขึ้นมาภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากเผ่าไททัน เพื่อให้มนุษย์อย่างพวกเราได้มีโอกาสพักหายใจ เป็นเพราะผู้บุกเบิกเหล่านี้เองครับที่ทำให้เราสามารถยึดดินแดนคืนจากไททันมาได้สำเร็จ”
“และตอนนี้ ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับไททันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ไททันที่โหดร้ายคิดจะทำลายมนุษย์ให้สิ้นซาก เปลี่ยนให้เรากลายเป็นทาสและอาหารของพวกมัน!”
“ดังนั้นแม้ว่าเราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบในแนวหลัง แต่ในแนวหน้าทุกวันจะมีทหารหลายแสนนายเสียชีวิตอยู่ในสนามรบ พวกเขาใช้เลือดและเนื้อของตัวเองสร้างแนวป้องกันให้พวกเราครับ!!”
หลังจากที่ ‘หลินหยวน’ พูดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคไททันจบ ทุกคนที่อยู่ในห้องก็พากันนิ่งเงียบไปหลายวินาที
“หลินหยวนพูดถูก ความสงบในแนวหลังก็คือความสงบที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อของทหารหลายแสนนายทุกวัน”
ถัดมา ครูประจำชั้นจางเทาก็พูดต่อ ในขณะที่เสียงของเขาแหบแห้งลงเล็กน้อย “ท่ามกลางความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด มักจะมีคนบางคนที่ยอมเสียสละเผาตัวเองเพื่อให้แสงสว่างแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ…”
เมื่อถึงจุดนี้ เขาก็เหลือบมองหลินหยวนอีกครั้งแล้วถามเบา ๆ ว่า “หลินหยวน เธอได้สืบทอดพรสวรรค์มาจากพ่อ และมีพลังพิเศษ 2 อย่างก็คือ [สายฟ้า] และ [รักษา] หากเธอยินดีที่จะเข้าร่วมกองทัพ อย่างน้อยทหารหลายแสนนายที่อยู่แนวหน้าก็จะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ดังนั้น… ครูจึงยังคงหวังว่าเธอจะเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง”
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนภายในชั้นเรียนก็หันมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวเพื่อรอคอยคำตอบจากเขา
หลินหยวนเงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง แต่ผมตัดสินใจเลือกที่จะอยู่แนวหลังครับ”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินคำตอบนี้จากปากเขา ทั้งชั้นเรียนก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่
ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนจากความคาดหวังเป็นดูถูก เหยียดหยาม หรือแม้กระทั่งรังเกียจ!
“ไอ้ขี้ขลาด! แกไม่กล้าแม้แต่จะออกไปยืนที่แนวหน้าด้วยซ้ำ!”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฮีโร่อย่างหลินเทียนเชวี่ยจะให้กำเนิดลูกหมาปอดแหกแบบนี้!”
“เขามีพลังพิเศษตั้ง 2 อย่าง แต่เขากับเลือกที่จะใช้สิทธิพิเศษของตัวเองเพื่อให้ได้มีชีวิตสุขสบายอยู่ในแนวหลัง หน้าไม่อาย!”
“หลินหยวน แกยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง ทุกคนในชั้นเรียน 48 คนเลือกที่จะเข้าร่วมแนวหน้า แม้แต่ผู้หญิงก็ยังขันอาสาเข้าร่วมกับกองทัพ มีแต่แกเท่านั้นแหละที่หดหัวอยู่ในแนวหลัง!”
เมื่อเด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาจากผู้คนรอบตัว สีหน้าท่าทางของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย เพราะนี่เป็นทางเลือกที่เขาตัดสินใจเลือกแล้ว
ในเวลานี้จางเทาได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “โอเค ถ้าเป็นแบบนี้ครูก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอ พ่อของเธอเป็นวีรบุรุษ ตามกฎหมายแล้ว เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่ไปเข้าร่วมกับแนวหน้าได้ แต่ถึงยังไง ครูก็ยังอยากจะบอกเธอว่า ในโลกนี้มีหลายสิ่งที่สำคัญกว่าการเอาชีวิตรอด”
สิ้นเสียงพูด ครูประจำชั้นก็ตบไหล่นักเรียนของตนเบา ๆ
หลินหยวนรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของอีกฝ่าย สุดท้ายแล้วเขาก็เคยเป็นนักเรียนที่ครูจางเทาภาคภูมิใจมากที่สุด
…
กริ๊งงง~!
เสียงกริ่งโรงเรียนดังขึ้น
เพื่อนร่วมชั้นรอบตัวของหลินหยวนเดินผ่านเขาไปทีละคนโดยที่ไม่มีใครมองหน้าเขาเลย
การทำเหมือนว่าคนคนนั้นเป็นธาตุอากาศถือว่าเป็นการดูถูกที่รุนแรงที่สุด
ในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันก่อนจะถ่มน้ำลายลงต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น “หลินหยวน แกมันไอ้ขี้ขลาด! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกคือลูกชายของนายพลหลินจริง ๆ!”
“พูดจบหรือยัง?” หลินหยวนเงยหน้าขึ้นถามเบา ๆ
“นี่แก!”
เด็กหนุ่มร่างสูงแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนกับความเฉยเมยของอีกฝ่าย
“ในเมื่อพูดจบแล้ว ฉันขอตัว” หลินหยวนก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของพลางพูดเบา ๆ ว่า “ก่อนที่นายจะสู้กับฉัน นายควรจะพิจารณาตัวเองก่อนว่านายคู่ควรหรือเปล่า”
หลินหยวนเป็นผู้มีพลังพิเศษแบบคู่ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียน และได้รับการชื่นชมว่าเป็นอัจฉริยะมาตลอด!
นั่นเป็นเพราะว่าทุกคนคาดหวังในตัวเขาเอาไว้สูงมาก จึงทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมากเช่นกันหลังจากที่ได้รู้ว่าเขาเลือกที่จะไม่เข้าร่วมกองทัพ
ทางด้าน ‘หวังเหมิ่ง’ เชิดหน้าขึ้นพูดอย่างถือดีว่า “หลินหยวน ฉันยอมรับว่าแกมีพรสวรรค์มากกว่าฉันจริง ๆ แต่คนขี้ขลาดอย่างแกก็ทำได้แค่อวดเบ่งพรสวรรค์ของตัวเองเท่านั้นแหละ! ฉันไม่เหมือนแกตรงที่ฉันยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อต่อสู้กับไททัน และได้เป็นฮีโร่ของประเทศชาติ! ส่วนแก แกมันก็เป็นได้แค่เต่าที่หดหัวซ่อนตัวอยู่ในแนวหลังใช้ชีวิตที่น่าสังเวชของตัวเองไปจนตาย!”
หลังจากพูดจบหวังเหมิ่งก็แค่นเสียงเยาะเย้ยในลำคออีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปโดยไม่หันกลับมาอีก
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ภายในห้องเรียนก็ว่างเปล่า มีเพียงหลินหยวนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะของตัวเองคอยเก็บข้าวของอยู่เงียบ ๆ
ในเมื่อเขาได้ยื่นใบลาออกจากโรงเรียนแล้ว คนอย่างเขาที่ปฏิเสธไม่ไปร่วมกับแนวหน้า การอยู่ต่อเพื่อผลาญทรัพยากรทางการศึกษาของโรงเรียนจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น
ในเวลานี้ เด็กสาวที่มีรูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสะสวย สวมชุดนักเรียนกระโปรง ปล่อยผมยาวสีดำสยายไปด้านหลังได้เดินเข้ามาหาหลินหยวน
รอบกายของเด็กสาวคนนี้มีออร่าที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและโดดเด่นมาก แม้ว่าเธอจะสวมชุดนักเรียนธรรมดา แต่มันก็ช่วยขับให้เจ้าตัวดูสดใสและงดงาม
ขณะนี้เธอกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “หลินหยวน นายปฏิเสธไม่เข้าร่วมกองทัพจริง ๆ เหรอ?”
หลินหยวนพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามองอีกฝ่าย “ฉู่อวี้ ถ้าเธอมาที่นี่เพื่อพูดโน้มน้าวฉันละก็ เธอล้มเลิกความคิดนั้นไปได้เลย แต่ถ้าเธอมาเพื่อเยาะเย้ยฉัน ก็เชิญได้เต็มที่”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาส่ายหัวพูดเบา ๆ ว่า “หลินหยวน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่… แต่ในเมื่อนายอยากอยู่อย่างปลอดภัยในแนวหลัง ดังนั้น ครั้งนี้… ฉันจะปกป้องนายเอง”
น้ำเสียงของ ‘ฉู่อวี้’ ฟังดูอ่อนโยนมาก แต่มันก็แฝงไปด้วยความแน่วแน่เช่นกัน
…
ยามนี้หลินหยวนเดินมุ่งหน้ากลับบ้านเพียงลำพัง สายลมเย็น ๆ ในฤดูใบไม้ผลิได้พัดมาปะทะหน้าทำให้เขารู้สึกหนาวกว่าปกติ
บนท้องถนนเต็มไปด้วยป้ายและโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร
ในยุคสมัยที่โหดร้ายเช่นนี้จำเป็นจะต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาต่อสู้กับไททัน
คนหนุ่มสาวหลายสิบล้านคนเต็มใจเข้าสู่กองทัพ แต่สิ่งที่ถูกส่งกลับมาจากแนวหน้าก็คือศพที่แทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีใครเกรงกลัวเลยสักนิด และไม่มีใครคิดจะถอยด้วย
หัวใจของผู้คนมีไฟลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่พวกเขาไล่ตามไม่ใช่ความสำเร็จรุ่งโรจน์ที่เป็นเหมือนภาพลวงตา แต่มันเป็นเพียงการปกป้องครอบครัวของตนเองที่อยู่ในแนวหลัง
ไม่ว่าตอนที่อยู่แนวหน้าพวกเขาจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ไททันบุกเข้ามาถึงแนวหลังได้
เพราะนั่นเป็นรากฐานของอารยธรรมมนุษย์!
เพื่อความสันติสุขของแนวหลัง จะต้องมีใครสักคนเลือกที่จะออกไปแบกรับภาระในแนวหน้า ผู้ที่รับหน้าที่นี้คือคนหนุ่มสาว พวกเขาเลือกที่จะลงสู่สนามรบโดยไม่ลังเล!
*******************************************
SkySaffron: สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่า นี่เป็นนิยายแนวแฟนตาซี+ระบบเรื่องแรกที่เราแปล ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยจ้า ติดขัดตรงไหนแนะนำกันได้เสมอ~
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 183
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น