Element King (My Hero Academia-Realm of Tales AU) บทที่ 14 โทมูระออกอาละวาดครั้งแรก

Element King (My Hero Academia-Realm of Tales AU)

-A A +A

Element King (My Hero Academia-Realm of Tales AU) บทที่ 14 โทมูระออกอาละวาดครั้งแรก

หมวดหนังสือ: 

            ที่ปราสาทนรก ลูซิฟิรอสกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ฉบับล่าสุดเสียด้วย

            “เจ้าเฮนรี่ได้เข้าไปอยู่ในรั้วโรงเรียนยูเอ และเจ้าเอเลเมนท์คิงรัชกาลที่ 161 กับออลไมท์ก็เข้ามาเป็นอาจารย์ที่นั่นแล้วอย่างนั้นเรอะ!!” เจ้าแห่งนรกคำรามและฉีกหนังสือพิมพ์เป็นชิ้น ๆ ด้วยความโมโห “ไม่มีทาง!! ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ ต้องไปจัดเซอร์ไพรส์สักหน่อย พวกมันชักจะกดหัวฉันไม่ให้ผุดให้เกิดกันบ้างหรือยังไง!!

            “นายท่านครับ” ลูกสมุนมือขวาของลูซิฟิรอสถาม “ทำไมไม่ให้ศิษย์เอกของออลฟอร์วันจัดการบ้างล่ะครับ?”

            “เออใช่ จริงด้วย” ลูซิฟิรอสพูด “ลืมไปว่าคนที่จะทำหน้าที่เซอร์ไพรส์ได้ แต่ฉันก็มีภารกิจของฉันเองเหมือนกัน ฉันมีตัวแปรสำคัญสองตัวที่ฉันจะได้ดึงมาเป็นพวกเดียวกัน”

            “ใครเหรอครับนายท่าน” ลูกสมุนมือซ้ายของลูซิฟิรอสถาม แต่จอมมารลงมามองชุดรูปถ่ายของเด็กนักเรียนปีหนึ่งห้องเอทั้งสี่สิบคนแล้วก็...

            “สองคนนี้แหละ” จอมมารตอบแล้วชูรูปถ่ายของอิซึคุกับคัตซึกิให้สมุนหลักทั้งสองดู

            “อ๋อ” สมุนเอกมือขวาว่า “แล้วนายท่านจะติดต่อเขาได้หรือยังครับ?”

            “ฉันจะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้แหละ” เจ้าแห่งนรกตอบ จากนั้นก็หยิบลูกแก้ววิเศษขึ้นมา เป็นลูกแก้วส่องเหตุการณ์ที่ไว้ใช้เพื่อสอดส่องเหตุการณ์บนโลกใบนี้ เขาได้ใช้พลังฉายลูกแก้วให้เห็นใบหน้าที่มีมือเกาะของโทมูระ

            “มีอะไรให้ผมรับใช้ ท่านอาจารย์ใหญ่ของผม” โทมูระถาม

            “ฉันมีงานให้เธอทำ” จอมมารตอบ “เธอต้องไปกำจัดเฮนรี่และเอเลเมนท์คิงรัชกาลที่ 161 หรือไม่ก็ลากคอพวกมันมาให้ฉันฆ่าที่นี่เลยก็ได้ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการคือ จะล่อให้เจ้าราชาแห่งธาตุคนที่ 161 ตายไปพร้อมกับลูกชายของมันด้วยน้ำมือของพวกเราเลย”

            “ครับ ท่านอาจารย์ใหญ่” โทมูระตอบ จากนั้นใบหน้าของเขาก็หายไปจากลูกแก้วในมือของดาร์คลอร์ด...

 

            ที่โรงเรียนยูเอ...

            ฝูงนักข่าวเข้ามามุงเต็มไปหมดเพื่อสอบถามนักเรียนแต่ละคนเกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่องการที่ออลไมท์กับเอเลเมนท์คิงรัชกาลที่ 161 เข้าไปเป็นอาจารย์ในโรงเรียนยูเอแต่ก็ได้คำตอบที่หลากหลายมาก แต่คงปะติดปะต่อไม่ได้หรอก อีธานเองก็โดนถามเหมือนกัน

            “คือว่า มันไม่แปลกหรอกครับ ขนาดพ่อผมเป็นอาจารย์ก่อนพวกเขาตั้งหลายปีก็เคยเป็นข่าวมาแล้วในตอนแรก ๆ ไม่ใช่เหรอครับ?” อีธานตอบ “พวกคุณเคยสัมภาษณ์เขาและคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาแล้วนี่นา ดังนั้นเคสของออลไมท์กับเอเลเมนท์คิงเองก็ไม่ต่างกัน ดังนั้น ผมไม่ขอออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้นครับ จบ”

            ส่วนเฮนรี่...

            “คือว่า เรื่องพ่อผมกับออลไมท์เหรอครับ?” เฮนรี่ถาม “เรื่องนั้นไว้ทีหลังแล้วกันนะครับ แหะ ๆ”

            ชิกะอิจิ...

            “พวกคุณนี่ตามติดชีวิตของพวกเขาไม่หยุดเลยนะ” ชิกะอิจิพูด “เอางี้แล้วกัน ผมยังให้ข้อมูลอะไรตอนนี้ไม่ได้ นอกจากต้องเข้าห้องเรียนก่อนแล้วกันครับ”

            ส่วนผมน่ะเหรอ?

            “วันนี้ไม่มีคาบสอนนะครับ” ผมตอบ “เดี๋ยวผมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมทีหลัง กลับไปได้แล้วครับ”

            แล้วผมเดินกลับไปเลย และพอนักข่าวจะเข้าไปใกล้ปุ๊บกำแพงก็กั้นนักข่าวไว้ไม่ให้เข้ามา

            คาบเช้า

            “ซ้อมต่อสู้เมื่อวานนี้เหนื่อยกันหน่อยนะ ฉันได้ดูบันทึกภาพจากวีทีอาร์แล้ว” อาจารย์โชตะพูด “บาคุโก เลิกทำตัวเป็นเด็กสักทีเถอะ มีความสามารถแท้ ๆ ส่วนมิโดริยะ สุดท้ายก็จบที่แขนเกือบพังอีกแล้วเหรอ ดีที่พลังอื่นชดเชยความเสียหายไว้ได้ แต่การควบคุมอัตลักษณ์ยังทำไม่ได้อยู่เหมือนเดิมฉันก็ไม่ให้ผ่านหรอกนะ ฉันไม่ชอบพูดเรื่องซ้ำสอง ถ้าเคลียร์ตรงนั้นได้ก็จะทำอะไรได้อีกเยอะ รีบ ๆ เข้าล่ะมิโดริยะ

            “มาเข้าเรื่องโฮมรูมกัน อาจจะกะทันหันไปหน่อยแต่ว่าวันนี้พวกเธอน่ะ...”

            “สอบกะทันหันอีกแล้วเหรอ?” เหล่านักเรียนถามในใจ

            “...เลือกหัวหน้าห้องประจำชั้นกัน” อาจารย์โชตะตอบ

            “ค่อยเหมือนโรงเรียนขึ้นมาหน่อย” เหล่านักเรียนคิดและถอนหายใจโล่งอก

            หลายคนเริ่มแย่งกันเสนอตัวเองจะเป็นหัวหน้าห้อง แน่นอนอีธานก็ไม่เว้นเลย แต่...

            “เงียบ ๆ ได้ไหม!!!” เท็นยะตะโกนเพื่อให้ทุกคนสงบลง “นี่เป็นงานที่ต้องการคนที่มีความรับผิดชอบชี้นำคนหมู่มาก ไม่ใช่งานที่อยากจะทำกันได้ง่าย ๆ นะ ต้องได้รับความไว้วางใจจากคนรอบข้าง ตามหลักประชาธิปไตย ถ้าเราต้องการหาผู้นำไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องใช้วิธีโหวตลงคะแนนกัน”

            แต่เท็นยะดันเป็นอีกหนึ่งคนที่ยกมือเสนอหน้าโดยทำตัวสั่น ๆ อย่างกับเจ้าเข้าจนคนอื่นบอกว่า “แล้วไหงสั่นแบบนั้นล่ะ?”

            “ทำไมออกตัวแรงอย่างนั้นล่ะ?” เดนกิว่า

            “เพิ่งจะรู้จักกันจะไปไว้ใจง่าย ๆ ได้ยังไงล่ะอีดะจัง” สึยุถาม

            “ถ้าเกิดทุกคนโหวตชื่อตัวเองกันหมดล่ะ?” เออิจิโระถาม

            “เพราะแบบนั้นแหละคนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในตอนนี้อาจจะเหมาะสมกับตำแหน่งที่สุดแล้วก็ได้” เท็นยะบอกแล้วถามอาจารย์โชตะว่า “คิดว่าไงครับอาจารย์ครับ?”

            “อะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้ามันเสร็จทันเวลานะ” อาจารย์โชตะตอบแล้วสวมถุงนอนคู่กายก่อนจะล้มตัวนอนลงทันที

 

            ในที่สุด ผลการโหวตก็คือ อิซึคุได้สูงสุด ส่วนรองลงมาคือโมโมะ ครับ ทั้งชีวิตอิซึคุไม่เคยเป็นหัวหน้าห้องมาก่อนด้วยซ้ำ แต่กลับถูกโหวตให้เขาเป็นหัวหน้าห้องซะงั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทุกครั้งที่เขายืนหน้าชั้นในฐานะหัวหน้าห้อง ตัวเขาจะเกร็งเสมอ

 

            ตอนพักเที่ยง

            “พอต้องมาเป็นหัวหน้าห้องจริง ๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจเลยว่าจะไหวหรือเปล่า” อิซึคุพูด

            “เอาน่า มิโดริยะคุง” อีธานพูดปลอบใจ “ฉันเคยเป็นหัวหน้าห้องมาก่อน มามะ ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าการจะเป็นหัวหน้าห้องนั้นจะต้องมีหน้าที่ยังไงบ้าง”

            “ใช่แล้วซุเนริคุง” เท็นยะพูด “การวิเคราะห์ตัดสินใจต่าง ๆ ในเวลาสำคัญของมิโดริยะคุงมักจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นฉันถึงได้โหวตนายไปไงล่ะ”

            “นายโหวตให้ผมเองเหรอเนี่ย!” อิซึคุร้อง

            “ว่าแต่อีดะคุงก็อยากเป็นหัวหน้าห้องเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” โอชะโกะถาม “ก็เป็นหนุ่มแว่นนี่นา”

            “พูดออกมาหน้าตาเฉยเลยนะคุณอุราระกะ” อิซึคุร้องอีก

            “อยากเป็นกับสมควรเป็นมันคนละอย่างกันนะ” เท็นยะบอก “ผมก็แค่ทำเรื่องที่ผมคิดว่าสมควรทำต่างหาก”

            “ผม?” ที่เหลือถาม (คืออิซึคุ อีธาน และโอชะโกะน่ะครับ)

            “ปกติจะใช้สรรพนามฉันนี่นา” อีธานพูด

            “ก็แอบคิดไว้อยู่บ้างนะ” โอชะโกะพูด “แต่ว่าอีดะคุงเป็นคุณชายใช่ไหม!”

            “คุณชาย??” เท็นยะร้อง “ไม่อยากให้คิดแบบนี้เลยใช้สรรพนามฉันแท้ ๆ” นั่นทำให้อีกสามคนสนใจในตัวเท็นยะมากขึ้น ดังนั้น...

            “ใช่ ครอบครัวฉันเป็นฮีโร่กันทั้งบ้าน” เท็นยะพูด “ฉันเป็นลูกชายคนรองน่ะ”

            “หา!!! สุดยอด!!” ทั้งสามร้อง

            “รู้จักฮีโร่พลังเทอร์โบอินเกเนี่ยมกันหรือเปล่า” เท็นยะถาม

            “ก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้วสิ!” อิซึคุร้อง “เป็นฮีโร่ชื่อดังสุด ๆ ตั้งสำนักงานฮีโร่อยู่ที่โตเกียว จ้างไซด์คิกตั้งหกสิบห้าคนนี่นา ...หรือว่า?”

            “เขาเป็นพี่ชายของฉันเองแหละ” เท็นยะตอบ

            “ไม่อยากจะเชื่อเลย! นี่มันสุดยอดจริง ๆ!” อีธานร้อง

            “ฮีโร่ผู้เป็นที่รัก คอยปกป้องกฎระเบียบและชี้นำผู้คน ฉันประทับใจพี่ที่เป็นแบบนั้น เลยใฝ่ฝันจะเป็นฮีโร่” เท็นยะพูด “แต่การชี้นำผู้คนน่ะอาจจะเร็วไปสำหรับฉันก็ได้ ให้มิโดริยะคุงที่เห็นในสิ่งที่ฉันมองข้ามไปเป็นผู้นำห้องดีกว่าจะเหมาะสมที่สุด”

            แต่เท็นยะเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาหลุดยิ้มออกมา โอชะโกะเลยบอกว่า

            “รู้สึกเหมือนเพิ่งเคยเห็นเธอยิ้มเป็นครั้งแรกเลยนะ อีดะคุง”

            “อ๋อ อย่างนั้นเหรอ ฉันก็ยิ้มเป็นเหมือนกันนะ” เท็นยะบอก

            “คือว่านะ เมื่อตอนสอบเข้าน่ะ...” อิซึคุพูด ทว่า...

            เสียงเตือนภัยระดับสามของโรงเรียนยูเอดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และเสียงบันทึกอัตโนมัติก็สั่งให้นักเรียนทุกคนอพยพไปนอกอาคาร นั่นทำให้นักเรียนทุกคนรีบหนีออกไปจากอาคารอย่างเบียดเสียดจนแทบจะไม่มีใครขยับไปได้เลย ขณะที่ข้างนอกนั่นนักข่าวก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะสอบถามอลันกับโทชิโนริอีก โธ่ อย่าบอกนะว่านี่คือเหตุที่ทำให้ไซเรนฉุกเฉินระดับสามดังขึ้น?

            สถานการณ์แบบนี้ นักเรียนแตกตื่นอย่างหนักขนาดนี้ แล้วอีธานจะทำยังไง?

            “ให้ตายสิ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!” อีธานคิดในใจ “จริงสิ เรามีเอเลเมนท์คิง น่าจะกางปีกแห่งธาตุออกมาได้ แล้วก็สร้างโทรโข่งขึ้นมาพูดให้ดังที่สุดแล้วล่ะนะ!”

            แต่น่าเสียดาย พออีธานจั่วไพ่ออกมาสร้างโทรโข่งได้ มันกลับหลุดจากมือและหายไปเสียอย่างนั้น และขณะนั้นเองเขาก็เห็นเท็นยะกับโอชะโกะกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างที่เสียงนักเรียนคนอื่นกลบเสียงทั้งสองจนอีธานฟังไม่รู้เรื่อง แต่เขาเห็นว่าทั้งสองเอื้อมมือเพื่อจะแตะกัน แล้วเท็นยะก็ลอยขึ้นมา จากนั้นก็สูบไนโตรที่ขาตีลังกาควงสว่านไปยังเหนือประตูทางออก แล้วตะโกนว่า

            “ทุกคนครับ! ทุกอย่างปลอดภัยดีครับ! แค่ฝูงสื่อมวลชนครับ ไม่มีอะไรต้องวิตกเลย ทุกอย่างปลอดภัยดี ที่นี่คือยูเอ ดังนั้นทำตัวให้สมกับเป็นนักเรียนชั้นแนวหน้าหน่อยนะครับ!”

            นั่นแหละครับ เสียงของเท็นยะชะงัดนักทุกอย่าง ทั้งบรรยากาศ ทั้งนักเรียน และหลังจากนั้นที่ห้องเอ ทั้งอิซึคุกับโมโมะยืนอยู่หน้าชั้น...

            “เร็วสิคุณหัวหน้า พูดเลย” โมโมะบอกอิซึคุที่ยังเกร็งจากการเป็นหัวหน้าห้องอยู่

            “ถ้างั้นจะเริ่มโหวตตำแหน่งอื่น ๆ ต่อเลยนะครับ” อิซึคุพูดเสียงสั่น ๆ “แต่ก่อนอื่นขอพูดอะไรอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าตำแหน่งหัวหน้าห้องยังไงก็ต้องเป็นของอีดะ เท็นยะคุงนี่แหละครับ!”

            จากนั้นเสียงของอิซึคุก็เริ่มนิ่งและมีความมั่นใจขึ้นมามากขึ้นแล้ว

            “เพราะเขาสามารถชี้นำผู้คนได้เท่มาก ๆ ขนาดนั้น ผมเลยคิดว่ายังไงก็ต้องเป็นอีดะคุงถึงจะเหมาะสมที่สุด” อิซึคุอธิบาย

            “ฉันไม่ขัดข้องอยู่แล้วมิโดริยะคุง” อีธานพูด “ฉันรู้ดีว่านายไม่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นหัวหน้าห้องมาก่อน และการตัดสินใจของนายครั้งนี้ ฉันเคารพและเห็นด้วยอย่างยิ่ง”

            “ฉันก็ไม่มีปัญหาหรอกนะ มิโดริยะเอ่ยปากมาว่างั้นนี่ แล้วตอนอยู่ในโรงอาหารอีดะก็ออกจะเท่ขนาดนั้นนี่นา” เออิจิโระพูด

            “ใช่ ตอนนั้นมองผ่าน ๆ ก็นึกว่าเป็นสัญลักษณ์ทางหนีไฟซะอีกนะ” เดนกิพูด

            “เสียเวลาชะมัดเลย” อาจารย์โชตะตัดบท “จะอะไรก็ช่างเถอะรีบ ๆ กลับไปนั่งที่ตัวเองสักทีเถอะ”

            และเมื่อถึงคิวของเท็นยะ

            “ในเมื่อมันเป็นงานของหัวหน้าห้องก็ช่วยไม่ได้” เท็นยะพูด “ต่อจากนี้ไป อีดะ เท็นยะ ผู้นี้ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่ของหัวหน้าห้องจนสุดความสามารถครับ!”

            “ฝากด้วยนะพ่อทางหนีไฟ!” เออิจิโระตอบ

            “อีดะทางหนีไฟ ทำหน้าที่ให้ดี ๆ ล่ะ!” เดนกิทิ้งท้าย

            “แล้วความเห็นของฉันล่ะ?” โมโมะถามด้วยความผิดหวัง

 

            ในเวลา 12:50 น.

            “วันนี้เป็นคาบพื้นฐานฮีโร่ก็จริง” อาจารย์โชตะพูด “แต่จะให้ทุกคนสังเกตการณ์ที่มีฉัน ออลไมท์ เอเลเมนท์คิง เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน และอาจารย์อีกคนมาสาธิตการสอนในคาบวันนี้แทน”

            “วันนี้จะทำอะไรกันเหรอครับ?” ฮันตะถาม

            “ซ้อมรับมือภัยพิบัติ อุทกภัยและอีกเพียบ โดยการซ้อมกู้ภัยไง” อาจารย์โชตะตอบ “แต่ชุดเครื่องแบบฮีโร่คราวนี้จะใช้ของส่วนตัวหรือไม่ก็เอาที่สะดวก เพราะคงมีชุดที่ต้องจำกัดการใช้งานอยู่ด้วย สถานที่ฝึกจะอยู่ห่างออกไปสักหน่อย ก็ขึ้นรถบัสไปกัน แค่นี้แหละ ไปเตรียมตัวซะ”

            และในที่สุดนักเรียนห้องเอก็ขึ้นรถบัสไปทั้งสี่สิบคน รวมถึงผมและอาจารย์โชตะด้วย แต่โทชิโนริกับอลันไม่มาสักที

            “เอาล่ะ” ชิกะอิจิพูด “แล้วพ่อนายไม่มาด้วยเหรอเฮนรี่”

            “พ่อฉันเหรอ ไม่รู้ว่าเขาไปไหนอ่ะ” เฮนรี่ตอบ

            “นอกจากพ่อของเฮนรี่แล้ว ออลไมท์ก็ยังไม่มาอีกด้วย” อีธานพูด

            “ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะ ซุเนริจัง” สึยุพูด “อัตลักษณ์ของเธอมีเจ็ดอย่างใช่ไหม อ๊บ ๆ”

            “เอ่อ...ใช่” อีธานตอบ แต่พอเห็นเอลซ่าหว่านเสน่ห์ใส่อีธานเขาก็บอกเธอว่า “นี่เธอ เลิกหว่านเสน่ห์ฉันได้แล้วน่า”

            “ก็ฉันรักเธอนี่นา” เอลซ่าบอกอีธาน

            “ฉันเข้าใจ แต่ต้องดูกาลเทศะหน่อยสิ” อีธานพูด

            “ก็เหมือนกับที่โอชะโกะรักอิซึคุนั่นแหละ” เอลซ่าบอก

            “ค...คุณเอลซ่า!” อิซึคุร้องที่โดนเอลซ่าทัก

            “ว่าแต่สึยุจัง” จอห์นพูด “คือที่จริงอัตลักษณ์ของฉันกับมิโดริยะน่ะคือ...”

            “ชู่ว์!” อีธานจุ๊ปาก “เดี๋ยวก็ได้โป๊ะแตกกันพอดี”

            “อ้าวเหรอ ขอโทษทีนะ” จอห์นพูด “แต่อัตลักษณ์ของฉันก็ไม่ต่างจากมิโดริยะคุงเลย เป็นสายเพิ่มพลังล้วน ๆ”

            “คือของเบสิกแบบสายเพิ่มพลังนี่ก็ดีนะ จะดูยังไงก็สะดุดตา” เออิจิโระพูด “ดูพลังแข็งตัวของฉันสิ ถึงจะแกร่งเวลาตัวต่อตัวแต่มันก็ดูจืดเกินไปเวลาโชว์อวดพวกเขา”

            “ผมว่ามันก็เท่ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ” อิซึคุพูด “เป็นอัตลักษณ์ที่เจ๋งระดับโปรเลยนะ”

            “แต่อาชีพฮีโร่มันก็เหมือนกับการขายความนิยมเชียวล่ะ” เออิจิโระพูด “เจ้าพวกที่ทั้งเด็ดทั้งแกร่งเนี่ยก็ต้องโทโดโรกิ บาคุโก และลีพุงนี่แหละ”

            “ขอบใจที่ชม” ชิกะอิจิพูด “ฉันมันโฮสต์โลกนี่นา”

            “เชอะ!” คัตซึกิตอบแบบไม่สบอารมณ์

            “แต่บาคุโกจังฉุนขาดง่ายนี่นา” สึยุพูด “จะดังเปรี้ยงปร้างได้ยังไง”

            “ต้องดังเปรี้ยงปร้างได้ซี่!” คัตซึกิโวยวาย

            “เห็นไหม” สึยุพูด

            “เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานแท้ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความหัวร้อนเหมือนคนปวดอึของนายได้แบบนี้เจ๋งน่าดูเลยแฮะ” เดนกิพูด

            “เลือกใช้คำได้บัดซบมากนะแก! เดี๋ยวปั๊ดควักไส้ซะนี่!” คัตซึกิตวาดใส่เดนกิ นั่นแหละครับคัตซึกิว่ากราดไปทั้งรถบัสแล้วฮะ

            “ใกล้ถึงแล้ว ทำตัวดี ๆ กันหน่อย” ผมปราม

            พอมาถึงยูเอสเจแล้ว...

            “กำลังรออยู่เลยทุกคน!” อาจารย์หมายเลขสิบสามต้อนรับ “งั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะ”

            “ขอรบกวนด้วยนะครับ/นะคะ” เหล่านักเรียนทำความเคารพ

            “อุทกภัย ดินถล่ม วาตภัย อัคคีภัย และอื่น ๆ” อาจารย์หมายเลขสิบสามแนะนำสถานที่ “ที่นี่คือโรงฝึกที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่อฝึกซ้อม รับมือกับเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ตั้งชื่อไว้ว่า สถานฝึกอุบัติเหตุสมจริงเชิงจินตนาการ ตั้งชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษไว้ว่า ยูเอสเจ”

            “ยูเอสเจจริง ๆ ด้วย” เหล่านักเรียนคิดในใจ

            “หมายเลขสิบสาม” อาจารย์โชตะพูด “แล้วออลไมท์กับเอเลเมนท์คิงล่ะ น่าจะมาถึงก่อนแล้วนี่?”

            “รุ่นพี่กับเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน” อาจารย์หมายเลขสิบสามตอบ “คือว่าระหว่างทางมาดันใช้โหมดทำงานจนเกือบหมดก๊อก ตอนนี้ก็เลยพักอยู่ในห้องรับแขกน่ะครับ”

            “อ้าวเรอะ?” ผมว่า “แล้วปล่อยให้ฉันมาที่นี่พร้อมกับไอซาวะคนเดียวเลยรึ?”

            “ใช่ครับ” อาจารย์หมายเลขสิบสามตอบ

            “อะไรมันจะเลยเถิดปานนั้น” อาจารย์โชตะพูด “ช่วยไม่ได้ งั้นก็มาเริ่มกันเลย”

            “ก่อนที่เราจะเริ่มกันก็ขอพูดอะไรสักอย่างสองอย่าง สามอย่าง สี่อย่าง ห้าอย่าง หกอย่าง...” อาจารย์หมายเลขสิบสามพูด

            “ไหงมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ?” เหล่านักเรียนคิดในใจ

            “อย่างที่ทุกคนคงจะรู้กันดี” อาจารย์หมายเลขสิบสามพูด “อัตลักษณ์ของผมก็คือหลุมดำ ดูดกลืน ไม่ว่าจะอะไรแล้วย่อยสลายมันได้”

            “ใช้อัตลักษณ์ช่วยคนมาแล้วนับไม่ถ้วนสินะครับ” อิซึคุพูด

            “ใช่ครับ” อาจารย์หมายเลขสิบสามบอก “แต่มันก็ฆ่าคนได้ง่าย ๆ ในหมู่ทุกคนเองก็คงมีคนที่มีอัตลักษณ์ประมาณนี้อยู่ ในสังคมยอดมนุษย์มีการบังคับสิทธิและข้อกฎหมายในการใช้อัตลักษณ์อย่างเข้มงวด ทำให้ดูเผิน ๆ อาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเราก้าวพลาดไปทีเดียวอาจจะพลั้งมือฆ่าคนตายได้ ดังนั้นขอให้ทุกคนอย่าลืมนะครับว่าเรามีพลังแบบนั้นอยู่ในตัว การทดสอบสมรรถภาพของอาจารย์ไอซาวะทำให้เราได้รับรู้ถึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัว และการฝึกซ้อมต่อสู้ของออลไมท์ทำให้เราได้รู้ว่าการใช้พลังกับคนจริง ๆ มันอันตรายแค่ไหน

            “ส่วนในคาบเรียนนี้เรามาปรับอารมณ์หน่อย ด้วยการเรียนรู้ว่าเราจะใช้พลังที่มีอยู่นี้ในการช่วยคนได้ยังไงบ้าง เรียนรู้ว่าพลังของพวกเธอไม่ได้มีไว้ทำร้ายผู้อื่น แต่ให้จำใส่ใจไว้ว่าพลังของพวกเธอมีไว้เพื่อการช่วยเหลือผู้อื่น แค่นี้แหละ ขอบคุณที่รับฟังนะครับ”

            “เอาล่ะงั้นก็มาเริ่มกันที่...” อาจารย์โชตะพูด แต่ไม่ทันไรกลับเจอเซอร์ไพรส์ขั้นร้ายแรง

            เซอร์ไพรส์ที่ว่านั่นก็คือ การปรากฏตัวของพวกวิลเลินผ่านวาร์ปเกตของคุโรกิริ นำโดยโทมูระ แถมยังมาพร้อมกับโนมุอีกด้วย

            “ไปรวมกันแล้วอยู่เฉย ๆ ไว้!” ผมเรียกนักเรียน และบอกอาจารย์โชตะและหมายเลขสิบสามว่า “หมายเลขสิบสาม ไอซาวะ ปกป้องนักเรียนด้วย!”

            “บ้าน่า! นั่นมันอะไรกันเนี่ย!” อีธานร้องเมื่อได้เห็นเหล่าวิลเลิน

            “มันคือพวกวิลเลิน” ผมบอกและจั่วไพ่ออกมาเตรียมจะเผด็จศึกพวกวิลเลินให้ได้

            “หมายเลขสิบสาม, อีเรเซอร์เฮด และเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนงั้นเหรอ?” คุโรกิริพูด “จากตารางเรียนที่เราได้มาเมื่อวันก่อนบอกว่าจะมีออลไมท์กับเอเลเมนท์คิงร่วมสอนด้วยนี่นา”

            “แปลว่าเมื่อวันก่อนเป็นฝีมือของพวกบัดซบนี่เองสินะ” อาจารย์โชตะพูด

            “อยู่ไหนกันล่ะ อุตส่าห์มากันยกขโยงตั้งเยอะแยะ” โทมูระพูด “แต่ออลไมท์ สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ กับราชาแห่งธาตุ ดันไม่อยู่เนี่ยนะ ถ้าเชือดพวกเด็ก ๆ ทิ้งจะมาหรือเปล่า?”

            “นี่คงจะเป็นศึกหนักที่สุดเท่าที่ฉันเคยสู้มา นับตั้งแต่ฉันยังอายุสี่ขวบ” อีธานพูด

            “แล้วเซ็นเซอร์เฝ้าระวังล่ะคะ?” โมโมะถาม

            “ที่นี่ก็มีแหละ” อาจารย์หมายเลขสิบสามตอบ

            “ไม่ว่าจะบุกมาแค่ที่นี่หรือโรงเรียนด้วย แต่เซ็นเซอร์ก็ไม่ทำงาน เท่ากับว่าทางนั้นมีคนที่ทำแบบนั้นได้อยู่ด้วย” โชโตะบอก “พื้นที่ที่ห่างไกลจากตัวอาคารเรียนและช่วงเวลาที่จะมีนักเรียนเข้ามาที่นี่ ถึงจะบ้าแต่ก็ไม่โง่ เจ้าพวกนี้มีเป้าหมายอะไรบางอย่างถึงได้บุกจู่โจมด้วยแผนที่คิดมาเป็นอย่างดี”

            “หมายเลขสิบสาม, ไอซาวะ เตรียมการอพยพ แล้วก็ลองติดต่อโรงเรียนด้วย” ผมพูด “วิลเลินพวกนี้หัวไวพอจะแก้ทางเซ็นเซอร์ของพวกเรา อาจจะมีเจ้าพวกที่รบกวนคลื่นไฟฟ้าได้อยู่ด้วย คามินาริคุง เธอก็ลองใช้อัตลักษณ์ติดต่อภายนอกด้วย”

            “แล้วอาจารย์ล่ะครับ?” อิซึคุถาม “จะสู้กับพวกมันด้วยตัวคนเดียวเหรอครับ มากันยกขโยงขนาดนั้น สไตล์การต่อสู้ของเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนคือ การใช้เอเลเมนท์คิงผสมกับมายากล จะสู้กันคนเดียวแบบนี้มันจะทำได้ยังไงล่ะครับ?”

            “นั่นสิ พ่อจะสู้ได้ด้วยเหรอ?”

            “คนเป็นฮีโร่จะหากินด้วยมุกเดียวได้ยังไงกัน” ผมตอบ “ฝากด้วยแล้วกันนะ ไอซาวะและหมายเลขสิบสาม ส่วนอีธาน เดี๋ยวพ่อจะกลับมาเอง”

            ว่าแล้วผมก็สยายปีกแห่งธาตุแล้วบินไปหาพวกวิลเลิน จากนั้นผมก็ใช้เรพลิก้าการ์ดทั้งสี่ในการสร้างร่างปลอมของผม แล้วใช้ไพ่กลูการ์ดในการใช้กาวแห้งไวจับพวกศัตรูทันที

            แต่เอาเถอะ ที่ผมไม่จั่วไพ่เรพลิก้าการ์ดมากกว่านี้เพราะผมจะลองดูว่าร่างปลอมสี่คนนี้จะจัดการพวกวิลเลินได้หรือเปล่า แต่ดูจากฝูงวิลเลินแล้วคงน่าจะต้องใช้เรพลิก้าการ์ดมากกว่านี้ล่ะนะ ดังนั้น ผมจึงต้องใช้เรพลิก้าการ์ดมาสู้เพิ่มอีกทีเลยแล้วกัน และจังหวะนั้นอาจารย์โชตะดันสั่งให้อาจารย์หมายเลขสิบสามทำหน้าที่พาเด็ก ๆ ออกไป ส่วนเขาจะไล่เก็บพวกวิลเลินอีกแรง

            “ไอซาวะคุง! บ้ารึเปล่า!” ผมร้อง “เดี๋ยวก็โดนเล่นงานเอาหรอก!”

            “คุณเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน” อาจารย์โชตะว่า “เอาไพ่เรพลิก้าการ์ดมาปลอมเป็นผมให้เยอะ ๆ หน่อย เดี๋ยวจะถ่วงเวลาให้เอง”

            “ได้ ๆ” ผมบอกแล้วจากนั้นก็จั่วไพ่เรพลิก้าการ์ดเพิ่มซึ่งให้เป็นร่างปลอมของอาจารย์โชตะร่วมสู้กับพวกวิลเลินด้วย

            ส่วนเด็ก ๆ ก็วิ่งตามอาจารย์หมายเลขสิบสามไป แต่พอจะไปถึงประตูทางออกปุ๊ป ไอ้คุโรกิริที่อ่านเกมผมออกก็วาร์ปเข้ามาดักทางออกไว้ปั๊ป

            “บ้าจริง ไอ้ตัวที่รับมือยากที่สุดดันอ่านเกมเราออกจนได้” ผมคิดในใจ

            “ไม่ให้ผ่านง่าย ๆ หรอก” คุโรกิริบอก “ยินดีที่ได้รู้จัก พวกเราคือสมาพันธ์วิลเลิน ขอถือวิสาสะบุกเข้ามาในอาณาเขตของโรงเรียนฝึกสอนฮีโร่มัธยมปลายยูเอโดยไม่บอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า เป้าหมายของเราก็คือการดับลมหายใจของสัญลักษณ์แห่งสันติภาพอย่างออลไมท์, ราชาแห่งธาตุรัชกาลที่ 161 และเฮนรี่ แบรนโดเรี่ยนก็เพียงเท่านั้นเอง เดิมทีแล้วทั้งสามควรจะอยู่ที่นี่ แต่กลับมีเหตุผิดพลาดบางประการ ที่ทำให้เหลือแค่เฮนรี่คนเดียวที่อยู่ที่นี่ ยังไงก็เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เป้าหมายของฉันคือสิ่งนี้”

            อีธานไม่ยอมให้เรื่องมันเลวร้ายแน่นอน ดังนั้น เขาจึงจั่วไพ่ร้อยหกสิบใบออกมาเป็นปึก ๆ มันคือเรพลิก้าการ์ดที่เขาเคยใช้ในกลไพ่ฮีโร่เมื่อวันเปิดเทอมวันแรกของยูเอนี่เอง แต่แล้วเขาก็ได้เห็นคัตซึกิกับเออิจิโระเข้าไปถล่มคุโรกิริเต็มที่เลย แต่มันไม่มีผลกับคุโรกิริ

            “เกือบไปแล้วไหมล่ะ” คุโรกิริบอก “ถึงจะเป็นนักเรียนแต่ก็เป็นไข่ทองคำที่ล้ำค่า เป้าหมายของฉันก็คือ การแยกพวกแกออกจากกันแล้วเชือดทิ้งทีละคน!!”

            ว่าแล้วคุโรกิริก็ใช้พลังแยกทุกคนออกไปกันเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งอีธานถูกแยกไปรวมกับชิกะอิจิ เฮนรี่ และจอห์น ในเขตป่าทึบ ซึ่งความซวยก็อยู่ที่พวกวิลเลินเข้ามาทั้งสี่หนักที่สุด

            “ไอ้พวกนี้อย่างนั้นเรอะ!” อีธานพูด “หวังว่าไพ่ที่เราโยนไปก่อนที่จะโดนจับแยกมันจะได้ผลนะ”

            ใช่ครับ ก่อนที่พวกนักเรียนจะถูกแยกจากกันแต่อีธานก็ใช้จังหวะนี้ในการโยนไพ่ขึ้นไปก่อนที่บาร์เรียร์ของคุโรกิริจะคลุมอีธานไว้ก่อน

            “อะไรเหรออีธาน?” เฮนรี่ถาม

            “ไพ่น่ะสิ” อีธานตอบแล้วมองเพดานโดมที่ถูกพงต้นไม้บังอยู่ “มันจะได้ผลไหมนะ”

            “เราจะทำยังไงดี?” จอห์นพูด “เฮนรี่ก็เป็นเป้าหมายสำคัญอยู่ด้วยแฮะ! ลีพุงคุงล่ะ?”

            ทว่า สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ ชิกะอิจิกำลังใช้พลังประดิษฐ์อะไรบางอย่างบนโต๊ะคราฟติ้ง

            “ทำอะไรน่ะลีพุง นั่นท่าไม้ตายของนายเหรอ?” อีธานถาม

            “นี่ไม่ใช่ท่า ซุเนริ” ชิกะอิจิตอบ และเขาได้วางวัสดุที่เขาต้องการจะประดิษฐ์ลงบนช่องของโต๊ะคราฟติ้ง “ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ...รับฟังข้าด้วย”

            และไม่นาน โต๊ะคราฟติ้งก็ส่องแสงประกายเมื่อวัสดุบนโต๊ะได้ก่อตัวเป็นวัตถุที่ชิกะอิจิต้องการ

            “นี่มันท่าอะไรกันเนี่ย?” หนึ่งในพวกวิลเลินอุทาน

            “เขาเรียกว่าคราฟติ้ง!” ชิกะอิจิตะโกน แล้ววัตถุที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาก็กลายเป็นกำแพงอิฐหินสูงสามบล็อก ล้อมกรอบตัวเขาเอง เฮนรี่ จอห์น และอีธานไว้หมดแล้ว

            “สุดยอดเลย!” เฮนรี่ร้อง

            “ฉันป้องกันเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว แต่พวกวิลเลินจะเจาะมันแตกหรือเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ” ชิกะอิจิพูด

            “แล้วไพ่ของซุเนริล่ะ?” จอห์นถาม

            “ป่านนี้แล้วมันยังไม่มาสักที...” อีธานตอบ แต่พอได้ยินเสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนเขาก็บอกว่า “อ๊ะ มาแล้วล่ะ”

            “เหรอ?” ชิกะอิจิถามแล้วก็ปีนกำแพงที่เขาสร้างมาสังเกตการณ์รอบ ๆ

            “มาแล้ว ๆ!” เสียงชิกะอิจิอีกคนตะโกน เขาคือชิกะอิจิโพดำที่มาพร้อมกับตัวเขาร่างไพ่อีกสามคนที่เหลือ ซึ่งแต่ละคนจะมีสัญลักษณ์ไพ่เป็นปานอยู่บนหน้าผากเพื่อบ่งบอกว่านี่คือร่างปลอมที่เกิดจากไพ่ของอีธานและผมด้วย ซึ่งไม่ได้มีแค่ชิกะอิจิหรอก ยังมีเฮนรี่ อีธาน และจอห์นที่มีร่างไพ่เช่นกัน

            “กว่าจะมาได้นะ ชิกะอิจิร่างไพ่” ชิกะอิจิตัวจริงพูด “แล้วจะเอายังไงกันล่ะทีนี้?”

            “พวกนายอยู่ที่นี่ก่อน” ชิกะอิจิข้าวหลามตัดว่า “เดี๋ยวพวกเราจะปิดจ๊อบพวกมันให้เอง”

            “ได้เลย” ชิกะอิจิตัวจริงบอก

 

            สำหรับไพ่อื่น ๆ นอกจากนี้ ก็ได้กระจายไปตามที่ต่าง ๆ ดังนี้ เรพลิก้าอิซึคุ สึยุ และมิโนรุที่เขตอุทกภัย ไพ่เรพลิก้าโชโตะที่เขตดินถล่ม ไพ่เรพลิก้าคัตซึกิกับเออิจิโระที่เขตตึกถล่ม ไพ่เรพลิก้าเดนกิ โมโมะ และเคียวกะที่เขตเนินเขา ไพ่เรพลิก้ามาชิราโอะที่เขตอัคคีภัย (ก็ยังจะเจาะทะลุเข้ามาได้นะ) ไพ่เรพลิก้าโคจิกับฟูมิคาเงะที่โซนวาตภัย (นี่ก็เหมือนกัน) ส่วนที่เหลือก็ไปกระจุกอยู่ที่ทางออกหมดเลย

 

            ทางด้านในยูเอ โทชิโนริกับอลันที่กำลังพักฟื้นอยู่นั้นก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพวกเราได้เลย

            “ติดต่อหมายเลขสิบสามคุง ไอซาวะคุง และเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนไม่ได้เลย” โทชิโนริพึมพำ “จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเถอะ แต่เราละเลยหน้าที่การสอนก็หมายความว่าได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรทำลงไปซะแล้ว ไปตอนใกล้จะหมดคาบบ้านเราสิ อีกแค่สิบนาทีร่างกายก็ยังพอไหวอยู่หรอก ยังไงฉันก็จะไป!”

            ว่าแล้วโทชิโนริก็ลุกขึ้นแล้วกลายเป็นร่างกล้าม แต่ก็ยังกระอักเลือดอยู่

            “ออลไมท์ จะไปไหนน่ะ กระอักเลือดขนาดนี้แล้ว?” อลันถามโทชิโนริที่กระอักเลือดทั้ง ๆ ที่ยังเป็นร่างกล้าม

            “รอเดี๋ยวก่อนสิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นและเจ้าของเสียงก็เปิดประตูเข้ามาหา นั่นคืออาจารย์ใหญ่เนสึที่มีร่างกายเป็นหนูนั่นเอง

            “อาจารย์ใหญ่เองเหรอ?” อลันร้อง

            “ถั่วต้ม” อาจารย์ใหญ่เนสึตอบ “จะเป็นหนู หมา หรือหมี แต่ที่จริงแล้วฉันคนนี้ ก็คืออาจารย์ใหญ่!”

            โทชิโนริคลานเข้ามาหาอาจารย์ใหญ่เนสึ

            “แหม วันนี้อาจารย์ใหญ่จัดขนได้สวยวับเช่นเคยนะครับ” โทชิโนริว่า

            “เคล็ดลับคือเคระตินไง” อาจารย์ใหญ่เนสึว่า “มนุษย์สร้างสีเองแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนนะ”

            ว่าแล้วอาจารย์ใหญ่เนสึก็ได้เปิดเว็บไซต์ข่าวที่เล่าถึงวีรกรรมล่าสุดของออลไมท์และเอเลเมนท์คิง

            “พวกเธอดูนี่สิ ออลไมท์กับเอเลเมนท์คิงทำผลงานจบคดีสามคดีได้ภายในชั่วโมงเดียวนะ” อาจารย์ใหญ่เนสึพูด “เฮ้อ ถึงพวกเธอจะมาที่นี่ เจ้าพวกอาชญากรก็ยังมาอยู่ในเมืองนี้เป็นดอกเห็ด แต่พวกเธอที่คิดจะจบคดีทันทีที่หูผึ่งก็น่าโดนบ่นให้หูชา ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนจริง ๆ นะ แผลเป็นกับโรคกำเริบทำให้เวลาทำงานมีน้อยลง แถมยังมีหน้าที่ต้องฝึกสอนผู้ที่จะมาส่งต่อหน้าที่ถัดจากพวกเธออีก การที่พวกเธอจะทำทั้งสองอย่างได้โดยไม่ไปเตะตาสังคมภายนอกก็น่าจะมีแต่การทำงานอยู่ที่นี่ตามที่ฉันเคยแนะนำไปเท่านั้น

            “ทำตัวชิล ๆ แล้วก็ผ่อนคลายสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนะ อย่างตอนนี้ก็ได้เข้าสอนในช่วงเวลานิดเดียวเท่านั้นเองนี่ ถึงฉันจะเป็นคนแนะนำพวกเธอเองก็เถอะ แต่ในเมื่อรับงานมาแล้วก็อยากให้เน้นที่งานอาจารย์ทางโรงเรียนเรามากกว่านี้อีกสักนิดนะ แถมที่เมืองนี้ก็มีสำนักงานฮีโร่ปาเข้าไปเกินสิบแห่งแล้วด้วย”

            “ก็ตามที่กล่าวไปแหละครับ” โทชิโนริบอก “เพราะฉะนั้นเลยว่าจะไปที่ยูเอสเจพอดีเลยล่ะครับ”

            “ต่อให้ไปตอนนี้ก็ต้องรีบกลับมาอยู่ดีนี่” อาจารย์ใหญ่เนสึพูด “งั้นอยู่ที่นี่แล้วฟังฉันเทศนาเรื่องหลักการเป็นอาจารย์ซะน่าจะดีกว่านะ สักอึกหน่อยไหม?”

            จากนั้นอาจารย์ใหญ่เนสึก็ชงชาไว้สามแก้ว แก้วหนึ่งท่านดื่มเอง อีกสองแก้วให้อลันกับโทชิโนริดื่ม แล้วเริ่มเทศน์ยาวเหยียดให้โทชิโนริกับอลันฟังอีกสักพัก...

 

            ที่ยูเอสเจ ทางเข้าออก

            “แล้วเราจะเอายังไงดีล่ะทีนี้?” เอลซ่าถาม “พวกเราโดนแยกกันไปหลายคน แม้จะยังเหลือพวกเราที่ยังอยู่ที่นี่แต่ก็ยังไม่พอที่จะจัดการเจ้ามวลสารบ้านั่นได้เลย”

            “หัวหน้าห้อง ผมขอมอบหมายให้เธอวิ่งไปให้ถึงโรงเรียน ไปบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รู้!” อาจารย์หมายเลขสิบสามบอกเท็นยะ “ออดเตือนภัยไม่ดัง แถมยังติดต่อภายนอกไม่ได้ อุปกรณ์แจ้งเตือนเป็นระบบอินฟาเรด ถ้ารุ่นพี่...ไม่สิ อีเรเซอร์เฮดที่กำลังไล่ลบอัตลักษณ์ ร่วมกับเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนที่ใช้สารพัดไพ่อยู่ มันก็ยังไม่ทำงานอยู่เหมือนเดิม ก็แสดงว่า คนที่มีอัตลักษณ์ขัดขวางการทำงานของระบบได้กำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง หมายความว่า แทนที่จะหาตัวมัน ให้เธอวิ่งไปซะยังจะเร็วเสียกว่า”

            “แต่จะให้ทิ้งทุกคนไว้ที่นี่แล้วหนีไป หัวหน้าห้องอย่างผมน่ะ...” เท็นยะแย้ง

            “ไปเถอะน่าพ่อทางหนีไฟ” ริคิโดะตอบ “ถ้าออกไปข้างนอกก็โดนตรวจเจอได้ พวกมันเลยลงมือได้แค่ในนี้เท่านั้นแหละ”

            “ออกไปข้างนอกซะมันก็ตามไปไม่ได้แล้ว ใช้ขาของนายสลัดเจ้านี่ให้หลุดไปเลย!” ฮันตะเสริม

            “ใช้อัตลักษณ์แล้วช่วยทุกคนด้วยครับ!” อาจารย์หมายเลขสิบสามทิ้งท้าย

            “เหมือนตอนโรงอาหารไง” โอชะโกะบอก “ถ้าเรื่องซัพพอร์ตล่ะก็ฉันช่วยเต็มที่ ช่วยได้แน่นอน! ฝากทีนะหัวหน้าห้อง!”

            เมื่อผมรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจากข้างนอก ผมเลยจั่วไพ่เรพลิก้าที่กลายเป็นร่างหมายเลขสิบสามเพิ่มมาอีกประมาณแปดคนเพื่อช่วยถ่วงเวลาให้

            “ต่อให้ไม่มีทางเลือกก็เถอะ” คุโรกิริพูดหลังจากรู้เกมของเด็กนักเรียนและอาจารย์หมายเลขสิบสาม “แต่ใครจะบ้าพูดเรื่องอุบายต่อหน้าศัตรูกันเล่า!”

            “ต่อให้ความแตกแต่ก็ไม่มีปัญหาถึงได้พูดไง!” อาจารย์หมายเลขสิบสามตอบแล้วจัดการดูดคุโรกิริเข้าไปข้างใน

 

            ทางด้านพวกอีธาน

            “ดูเหมือนพวกวิลเลินกลุ่มนี้จะถนัดในเรื่องของการต่อสู้ในป่าทึบอยู่แล้วด้วย” อีธานพูด “งั้นแสดงว่าถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ในเขตอื่นก็อาจจะมีวิลเลินที่ถนัดโจมตีในพื้นที่สภาพอื่น ๆ ด้วย ชักจะเป็นห่วงคนอื่น ๆ ที่โดนจับแยกไปบ้างแล้วสิ”

            “แล้วฉันเองก็โดนหมายหัวไว้แล้วด้วย” เฮนรี่พูด “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ พวกนายคงสู้กับมันไม่ไหวแน่นอน ต่อให้มีเรพลิก้ามากแค่ไหนก็เถอะ”

            “เรื่องนั้นฉันไม่ห่วงหรอก” จอห์นพูด “สิ่งที่เป็นกุญแจหลักเลยคือ ลีพุงคุง เพราะเขาเป็นคนที่จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ อย่าลืมนะว่าเขาเป็นโฮสต์โลก เขาสามารถจัดการกับเรื่องบ้า ๆ นี่ได้นะ!”

            “งั้นฉันจัดการเอง” ชิกะอิจิตอบ “เปิดคำสั่ง เกมโหมดครีเอทีฟ!”

            “เกมโหมดครีเอทีฟ?” เฮนรี่ถาม

            ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ได้เห็นชิกะอิจิเหาะขึ้นด้วยผลพวงจากเกมโหมดครีเอทีฟ

            “ที่ผ่านมามันแค่น้ำจิ้มและไม้อ่อนเท่านั้น” ชิกะอิจิพูด “แต่นี่แหละของจริงและไม้แข็งของฉัน เอาล่ะ พวกนายสามคน ตามฉันมาแล้วกันนะ”

            “ได้” อีธานพูด แล้วพาอีกสองคนตามชิกะอิจิไปทันที

            “โคลเวอร์แฟลชกรีเนดการ์ด” อีธานพูดแล้วจั่วไพ่ระเบิดแสง แล้วปาเข้าไปกลางวงพวกวิลเลินทำให้ศัตรูตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะรุมกระหน่ำด้วยกรีเนดการ์ดหลายระดับอีกยกแผง

            “เราต้องต่อสู้กันไปอีกนานแค่ไหน!!” อีธานตะโกน

            “ท่าไม้ตายกลางเวหา ทีเอ็นทีปูพรม!” ชิกะอิจิตะโกนจากข้างบนและเขาก็ได้เปิดคอมแมนด์เสกระเบิดทีเอ็นทีขึ้นมาเกือบร้อยลูก และจุดชนวนมันทีละลูกให้ตกลงไประเบิดที่เขตป่าทึบให้หมด ทางสะดวกสำหรับพวกอีธานแล้วครับ

            “ขอบใจมากลีพุงคุง แล้วก็ลีพุงร่างไพ่!” อีธานตะโกนพูด ซึ่งชิกะอิจิตัวจริงก็ยกนิ้วให้อีธานตัวจริงด้วย

            “เอาล่ะ ไปหาพ่อของเรากันเถอะ” อีธานโพแดงบอก

 

            ที่เขตอุทกภัย...

            “เมื่อกี๊นายทำได้ดีมากเลยล่ะอิซึคุตัวจริง” อิซึคุข้าวหลามตัดพูด “ท่าเดลาแวร์สแมชนั่น ขนาดไม่ได้ใช้พลังอื่นผสมด้วยก็เถอะนะ แต่ผมคิดว่านายเท่มากเลยล่ะ”

            “ใช่แล้ว” อิซึคุโพดำพูด

            “แต่ว่าดูมือผมสิ” อิซึคุตัวจริงบอกแล้วโชว์นิ้วหลังจากท่าดีดนิ้วมหากาฬจบลง “ขนาดมีพลังอื่นประคองยังขนาดนี้ ถ้าไม่มีล่ะก็นิ้วผมคงจะใช้ไม่ได้แหง ๆ เลยล่ะ”

            “เห็นแล้วล่ะ” อิซึคุโพแดงพูด “แต่ก็ยังดีนะที่มือนายยังใช้การได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นผมคงไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะ”

            “ว่าแต่ พวกเธอเป็นไพ่ของซุเนริจังใช่ไหม?” สึยุตัวจริงถาม

            “ใช่ อ๊บ ๆ” สึยุโพแดงว่า “ก่อนที่อีธานจะถูกจับแยกไปยังเขตป่าทึบ เขาโยนพวกเราขึ้นมาหาพวกเธอแหละ”

            “พวกเราคือไพ่เรพลิก้าการ์ดที่อีธานเคยใช้เล่นกลไพ่ฮีโร่เมื่อตอนเปิดเทอมวันแรกยังไงล่ะ” มิโนรุดอกจิกบอก

            “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” มิโนรุตัวจริงว่า

            “ก่อนอื่นก็ต้องรีบไปขอความช่วยเหลือก่อน” อิซึคุตัวจริงพูด “เราเลาะตามริมแม่น้ำดีกว่า พยายามเลี่ยงทางโล่งไว้จนกว่าจะถึงทางออก”

            “นั่นสิ ที่ลานกว้างอาจารย์ไอซาวะกับอาจารย์เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนก็กำลังสู้กับพวกวิลเลินกลุ่มใหญ่อยู่ด้วย” สึยุตัวจริงพูด “ไม่รู้ว่าอาจารย์เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนจะจั่วไพ่เรพลิก้าการ์ดปลอมเป็นตัวเขาและอาจารย์ไอซาวะเพื่อหลอกตาพวกมันหรือเปล่านะ”

            “อาจารย์ไอซาวะกับเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนโดดเข้าไปกลางวงศัตรูก็เพื่อพยายามปกป้องเราโดยไม่ต้องสงสัย” อิซึคุตัวจริงพูด

            “มิโดริยะ หรือว่านาย...” มิโนรุตัวจริงถาม “บ้าแล้ว ๆ”

            “ผมเองก็ไม่ได้จะไปเกะกะหรอก” อิซึคุตัวจริงตอบ “แต่ถ้าเกิดว่าหาช่องโหว่ให้เบาแรงอาจารย์ทั้งสองคนได้สักนิดก็คงจะดี”

 

            ที่เขตดินถล่ม...

            “แล้วยังไงต่อล่ะโชโตะตัวจริง?” โชโตะโพดำถาม “ในเมื่อพวกมันถูกพวกเราห้าคนจัดการจนหมดแล้ว มันไม่น่าเบื่อเกินไปหรอกเหรอ?”

            “แผนการฆ่าออลไมท์ตอนแรกก็คิดว่าจะพาพวกเก่ง ๆ มาเป็นการใช้พวกเยอะเข้าขู่ซะอีก” โชโตะตัวจริงว่า “แต่พอเอาดี ๆ ก็มีแต่พวกปลายแถวที่ยกมาฆ่าพวกนักเรียนก็เท่านั้นเอง เท่าที่สังเกตดู คนที่อันตรายร้ายแรงจริง ๆ มีแค่สี่หรือห้าคนเท่านั้น ถ้าอย่างนั้น ที่เราต้องทำต่อไปคงจะเป็น...”

            ว่าแล้ว โชโตะตัวจริงก็เรียกหนึ่งในวิลเลินที่โดนจับแช่แข็งว่า

            “นี่ ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ แบบนี้ล่ะก็ พวกแกก็จะค่อย ๆ แข็งตายไปกันเองนะ แต่ว่าฉันอยากเป็นฮีโร่ ถ้าทำได้ก็จะเลี่ยงบทโหด ๆ ให้มากที่สุด แผนการที่พวกแกจะฆ่าออลไมท์มันเป็นยังไงบอกมาซิ”

 

            ที่เขตหุบเขา...

            “ปัดโธ่เอ๊ย! เรามาไม่ทัน!” เดนกิดอกจิกร้องเมื่อได้เห็นสภาพของเดนกิตัวจริงหลังจากใช้พลังสายฟ้าไม่ยั้ง “เจ้าเดนกิตัวจริงเอ๋อกินไปแล้วอ่ะ”

            “เอ้า แล้วก่อนหน้านั้นไปหลงอะไรอยู่ข้างนอกโน่นเล่า!” เดนกิโพแดงร้อง

            “เอ่อ คือว่า...” เคียวกะตัวจริงว่า “พวกนายมาได้ยังไงกันเนี่ย?”

            “ก็พวกเรามาจากไพ่ของอีธานน่ะ” เคียวกะข้าวหลามตัดบอก “เขาปาพวกเราขึ้นมาแล้วก็มาตกตรงนี้ แต่สงสัยจะตกไกลไปหน่อยเลยมาที่นี่ไม่ทัน”

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” โมโมะตัวจริงตอบ “ยังไงพวกคุณก็มากันหมดแล้วนี่คะ จะได้ช่วย ๆ กันไป”

            “ว่าแต่...” เคียวกะโพดำว่า “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ?”

            “งั้นให้คุณโมโมะเรพลิก้าสักคนสร้างเปลหามคุณคามินาริให้ด้วยแล้วกันนะคะ” โมโมะตัวจริงตอบ “ส่วนคนอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ก็ฝากดูแลกันด้วยนะคะ”

 

            ส่วนลานกว้าง โทมูระตัดสินใจที่จะเข้าไปประจันหน้ากับผมและอาจารย์โชตะคนเดียว ผมเลยตัดสินใจว่าจะต้องใช้ไพ่แฟลชกรีเนดการ์ดในการหยุดโทมูระชั่วขณะแล้วจากนั้นผมก็ซัดพลังหินเหล็กไฟใส่เจ้ามือเกาะตัวนั่นเอาให้จุกกันไปข้างหนึ่งเลย

            “ว่ายังไงล่ะเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน?” โทมูระพูด “แกคิดเหรอว่าร่างปลอมของแกจะหยุดฉันได้หรือเปล่า?”

            อาจารย์โชตะเรพลิก้าคนหนึ่งตัดสินใจจะเข้าไปสู้กับโทมูระโดยตรงเลย ซึ่งตอนนี้กลายเป็นว่าโทมูระรับศอกนั้นได้

            “เล่นวิ่งไปวิ่งมาแบบนี้ดูยากแน่ แต่พอผมแกตกลงมาเมื่อไหร่ล่ะก็ แปลว่าพลังของแกหมดลงแล้ว และระยะเวลาของมันจะสั้นลงเรื่อย ๆ อย่าไปฝืนให้มากนักสิ อีเรเซอร์เฮดโพดำ” โทมูระพูด ซึ่งอัตลักษณ์กัดกร่อนของเขาก็ได้ย่อยสลายข้อศอกของอาจารย์โชตะโพดำอย่างช้า ๆ

            ทันใดนั้นตัวผมดอกจิกก็เข้าไปแพ่นหลังโทมูระให้ปล่อยอาจารย์โชตะโพดำไป ส่วนอาจารย์โชตะตัวจริงยังสู้กับพวกวิลเลินเลยไม่ได้สนใจโทมูระเท่าไหร่นัก

            “อัตลักษณ์แบบนั้นไม่เหมาะจะมาสู้กับคนจำนวนมากใช่ไหมล่ะ?” โทมูระถาม “ไม่เหมือนกับงานที่ทำปกติเลยใช่ไหมล่ะ ที่แกถนัดก็คือ สู้จบให้ไวที่สุดด้วยการเล่นทีเผลอไม่ใช่เหรอ? การที่จู่ ๆ โดดเข้ามากลางวงแบบนี้น่ะ ที่จริงก็แค่จะเพื่อปกป้องนักเรียนเองไม่ใช่หรือไง?”

            “ปากดีนักเรอะ!” ตัวผมโพแดงตวาดแล้วเข้าไปประจันหน้ากับพวกวิลเลินอีกยกขโยง ส่วนโทมูระก็ได้แต่บอกว่า

            “เท่จังเลยนะ เท่จังเลยนะ แต่ว่านะ ตัวเด่นวันนี้ไม่ใช่ฉัน” โทมูระตอบ และจากนั้นเจ้าโนมุก็เข้าไปจัดการล้างบางพวกเรพลิก้าที่ผมอุตส่าห์เสกออกมาจนไม่เหลือซาก

            “ร...เรพลิก้าของฉัน!” ผมตัวจริงอุทาน “หมดกัน!”

            “จะบอกให้เอาบุญนะ” โทมูระพูด “หมอนี่น่ะถูกสร้างมาเพื่อสู้กับราชาแห่งธาตุคนที่ 161 และสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ มนุษย์ดัดแปลงโนมุยังไงล่ะ”

 

            ที่ทางออก อาจารย์หมายเลขสิบสามพยายามดูดคุโรกิริแต่ก็ดูดไม่เข้าสักที

            “ไม่ว่าอะไรถ้าถูกหลุมดำนั่นดูดจะกลายเป็นชิ้นเล็กจิ๋ว” คุโรกิริพูด “อย่างนี้นี่เอง เป็นอัตลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่ว่านะหมายเลขสิบสาม แกน่ะเป็นฮีโร่ที่ช่วยชีวิตคนจากภัยพิบัติอย่างที่คิดเลย ประสบการณ์การต่อสู้ของแกน่ะไม่ได้เท่ากับฮีโร่ปกติเลย!”

            ว่าแล้วคุโรกิริก็เปิดวาร์ปเกตเพื่อใช้เป็นดาบคืนสนองอาจารย์หมายเลขสิบสาม ซึ่งโชคร้ายที่มันส่งผลทำให้ชุดอวกาศของเขาฉีกขาด

            “เสียท่ามันจนได้...” อาจารย์หมายเลขสิบสามพึมพำก่อนจะล้มลงพื้นทันที

            “ท...ทำอะไรกันอยู่! เท็นยะ! ไปสิ!” แซ็คร้อง

            ในที่สุดเท็นยะก็ตัดสินใจที่จะวิ่งออกไปจากยูเอสเจให้ได้ แต่เจ้าคุโรกิริตัวดีก็ดันเข้ามาขวางไว้อีก ดังนั้น นักเรียนคนอื่นและร่างเรพลิก้าจึงต้องจัดการกับคุโรกิริให้ได้ ซึ่งคานาโกะใช้พลังมนตร์ดำในการกำจัดคุโรกิริ และเท็นยะเรพลิก้าต้องเข้าไปเสริมความเร็วให้กับเท็นยะตัวจริง ซึ่งมันจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงแล้วล่ะ...

 

            ที่เขตตึกถล่ม...

            “บ้าเอ๊ย ดันมาทะเลาะกับร่างไพ่ของซุเนริคุงจนได้” เออิจิโระตัวจริงบอก “ฉันกับตัวฉันเรพลิก้าไม่มีปัญหาหรอก แต่ทำไมบาคุโกกับตัวเขาเรพลิก้านี่ทะเลาะกันตลอดเลยอ่ะ?”

            “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเออิจิโระตัวจริง” เออิจิโระข้าวหลามตัดตอบ

            “งั้นก็กลับไปช่วยทุกคนกันดีกว่า” เออิจิโระตัวจริงบอก “ถ้าพวกเรายังอยู่นี่ล่ะก็ แสดงว่าคนอื่นก็อยู่ในยูเอสเจด้วย ฉันเป็นห่วงพวกที่ไม่มีท่าโจมตีจังเลย แถมพวกเราดันเปิดก่อนซะแบบนั้นอาจารย์หมายเลขสิบสามเลยเสียเปรียบแทน ถ้าเขาดูดไอ้หมอนั่นได้ล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้ เราต้องรับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชายนะ!”

            “อยากไปนักก็ไปแค่ห้าคนเลยซี่!” คัตซึกิตอบ “แล้วก็ตัวฉันเรพลิก้าด้วย ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย ฉันจะไปจัดการไอ้วาร์ปเกตนั่น”

            “ขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาทำเอาแต่ใจอีก!” เออิจิโระโพแดงร้อง “นายกับตัวฉันตัวจริงโจมตีตรง ๆ ยังไม่ได้เลยนะ!”

            “หนวกหูโว้ย!!” คัตซึกิตวาด “ไอ้ประตูเฮงซวยนั่นมันเป็นทางหนีทีไล่ของพวกศัตรูนะ! ต้องเจื๋อนมันให้ได้เพื่อไม่ให้พวกมันเผ่นหนีไปให้ได้เด็ดขาด และไม่ใช่ว่าจะไม่มีแผนจัดการสักหน่อย!”

            แต่ทันใดนั้นศัตรูพลังพรางตัวก็พุ่งเข้ามาหมายจะฆ่าคัตซึกิ แต่คัตซึกิข้าวหลามตัดจัดการซะก่อน

            “ฉันจัดการให้แล้วนะ คัตซึกิตัวจริง” คัตซึกิข้าวหลามตัดพูด

            “ขอบใจนะคัตซึกิข้าวหลามตัด” คัตซึกิตัวจริงพูด “เพราะถ้าพวกมันมีแต่พวกกระจอกแบบนี้ ฉันว่าคนในห้องเราคงไม่เป็นอะไรหรอก ขนาดเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนกับซุเนริยังส่งไพ่ร่างแยกมาหลอกศัตรูให้ตาลายกันไปข้างหนึ่งได้เลย”

            “จะว่าไปนายเองก็ใจเย็นเหมือนคนอื่นได้ด้วยเหรอเนี่ย?” เออิจิโระตัวจริงถาม “นึกว่าจะเป็นแบบ...” (ก็นึกว่าคัตซึกิจะหัวร้อนประจำ ไม่เคยหัวเย็นเหมือนที่เขาเป็นในตอนนี้ไงครับ)

            “ปกติฉันก็หัวเย็นอยู่แล้วน่าเจ้าหัวตั้ง!” คัตซึกิตัวจริงคำราม

            “อ้อ! อย่างนี้เลย” เออิจิโระตัวจริงว่า “เอาล่ะ นายเชื่อใจเพื่อนสินะ ลูกผู้ชายสุด ๆ เลยนะบาคุโก ฉันขอตามนายแล้วกัน!”

 

            ที่ประตูทางออกของยูเอสเจ อาจารย์สิบสามที่เป็นเรพลิก้าก็พยายามจะดูดคุโรกิริแทนตัวจริงที่หมดสภาพไปก่อนแต่ดูดไม่เข้าสักคนเลย และตอนนี้คุโรกิริก็เข้ามาใกล้เท็นยะทั้งห้าคนมากขึ้นแล้ว ทันใดนั้น...

            โอชะโกะข้าวหลามตัดเข้าไปเกาะตัวคุโรกิริแล้วให้เขาลอยตัว

            “ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็เถอะ” โอชะโกะข้าวหลามตัดพูด “แต่ถ้าสวมเจ้านี่อยู่ล่ะก็แสดงว่าต้องมีร่างจริงแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ! ไปเลยอีดะคุง!”

            ว่าแล้วเธอก็โยนคุโรกิริขึ้นไป และเมื่อพวกเท็นยะห้าคนถึงประตูแล้ว ทั้งหมดก็พยายามจะเปิดประตูออกไปแต่ไอ้คุโรกิริยังไม่ยอมแพ้ แต่แซ็คใช้เบ็ดตกปลาที่ยืมมาจากชิกะอิจิมาเกี่ยวคุโรกิริ รวมถึงฮันตะที่ยิงเทปกาวเกี่ยวซ้ำ จากนั้นริคิโดะก็คว้าเอาทั้งสายเทปและเบ็ดตกปลามาหมุนควงไปเรื่อย ๆ แล้วขว้างออกไปให้ไกลที่สุด และแล้วเท็นยะและตัวเขาเรพลิก้าอีกสี่คนก็สามารถออกไปจากยูเอสเจได้สำเร็จ

 

            ที่ลานกว้าง เจ้าโนมุยังคงไล่สยบพวกเรพลิก้าไปเรื่อย ๆ ต่อให้ผมจะเสกมามากแค่ไหนก็ยังโดนมันจัดการได้อยู่ดี

            “เรพลิก้าการ์ดเนี่ย ถึงพลังจะเหมือนกับตัวจริงแต่ความทนทานมันไม่เห็นจะเท่าตัวจริง เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอำนาจโดยสิ้นเชิง ร่างแบบนี้สร้างไปก็เท่านั้น” โทมูระพูด

            “แย่ล่ะสิ” ผมคิดในใจ “เรพลิก้าการ์ด ถึงแม้จะสร้างร่างปลอมเพื่อหลอกตาคนอื่นได้เหมือนตัวจริง แต่ความทนทานมันน้อยกว่าตัวจริงตั้งครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ต่อให้เราจะสร้างเยอะแค่ไหนถ้าเจ้าเวรนี่สยบพวกเรพลิก้าได้เยอะขนาดนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ใช่สิ เรามีห้าอัตลักษณ์อยู่นี่นา อัตลักษณ์ไหนบ้างนะ ที่ยังไม่ได้ใช้ในการต่อสู้ครั้งนี้ คิดสิ คิดสิ!”

            ส่วนข้างหลังผม คุโรกิริปรากฏตัวข้าง ๆ โทมูระ

            “คุโรกิริ จัดการหมายเลขสิบสามเสร็จแล้วเหรอ?” โทมูระถาม

            “เจ้านั่นหมดสภาพแล้วก็จริง” คุโรกิริตอบ “แต่จับนักเรียนแยกได้ไม่หมด แถมยังหนีไปได้คนหนึ่ง ไม่สิ ห้าคนต่างหาก เพราะจู่ ๆ ทุกคนก็แยกร่างเองได้หมดเลย”

            “หา?” โทมูระอุทาน แล้วเกาคอตัวเองด้วยความโมโห ก่อนจะเลิกเกาแล้วมาบอกคุโรกิริว่า “ถ้าให้เจอกับพวกมืออาชีพเป็นสิบคงไม่ไหวแน่นอน เกมโอเวอร์แล้ว เฮ้อ เกมโอเวอร์แล้วสิเนี่ย กลับดีกว่ามั้ง แต่เอ๊ะ ถ้าเกิดว่าพวกเด็ก ๆ แยกร่างได้จริง ๆ ล่ะก็ งั้นก็แสดงว่า เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนคงจะใช้ไพ่เรพลิก้าการ์ดสร้างนักเรียนขึ้นมาหลอกตาพวกเราเหมือนกับที่เขาใช้ในการสร้างตัวเขาเองกับอีเรเซอร์เฮดหลอกตาพวกเราแน่นอนเลย”

            หารู้ไม่ว่า...

            “เปล่าหรอก” ผมพูดด้วยเสียงของปีศาจ ตอนนี้ผมอยู่ในโหมดของอัตลักษณ์ดาร์คลอร์ดเต็มตัวแล้วครับ “สำหรับตัวฉัน, อีเรเซอร์เฮด และหมายเลขสิบสามน่ะใช่แล้ว ฉันทำเอง แต่ถ้าเป็นนักเรียนทั้งหมดน่ะ อีธานลูกชายฉันเป็นคนทำต่างหาก”

            “นี่แก...เป็นดาร์คลอร์ดด้วยเรอะ? เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยน” โทมูระอุทาน

            “แสดงว่าอาจารย์ใหญ่ของแกไม่ได้บอกสินะว่าฉันได้อัตลักษณ์นี้จากใครมา” ผมพูด “ตอนที่ฉันเป็นนักเรียน อาจารย์ใหญ่ของแกได้ถ่ายโอนอัตลักษณ์ให้ฉัน แต่ฉันจะใช้มันในการจัดการกับพวกแกนี่แหละ!”

            ทันใดนั้น...

            “อย่ายุ่งกับเอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนนะ!!

            เสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหลังโทมูระและคุโรกิริ ชิกะอิจิและร่างเรพลิก้าอีกสี่คนที่ยังอยู่ในเกมโหมดครีเอทีฟเหาะพุ่งลงมาเพื่อที่จะจัดการกับสองวิลเลินตัวแสบและโนมุตัวเอ้แล้ว

            ชิกะอิจิตัวจริงที่ถือดาบเนเธอไรต์พุ่งเข้าไปฟันแผลเข้าที่กลางหลังโทมูระแผลเหวอหวะ ไม่เลือดไหลก็ให้มันรู้ไปฮะ และพอโทมูระล้มลง พ่อหนุ่มโฮสต์โลกก็เตรียมจะใช้ดาบนี้แทงทะลุร่างโทมูระซ้ำ แต่เจ้าตัวดันพลิกมาคว้าใบมีดดาบเนเธอไรต์แน่น

            “อะไรกัน มันคว้าดาบเราได้อย่างนั้นเหรอ?” ชิกะอิจิอุทาน

            “จัดการผิดคนแล้วเจ้าหนุ่มหน้าใหม่” โทมูระบอกแล้วใช้อัตลักษณ์ทำให้ดาบเนเธอไรต์สลายเป็นผุยผงไปจากกำมือของชิกะอิจิเพื่อทำให้เขาช็อก และพอถึงจังหวะที่โทมูระคิดว่าเขาช็อกแน่ ก็ได้เข้าไปจับคอชิกะอิจิขึ้นมา

            “บุกเข้าไปซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้น่ะ มันไม่ดีนะรู้ไหม?” โทมูระสอนชิกะอิจิ “น่าเสียดายที่แกจะต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของฉันเป็นคนแรกแล้วล่ะนะ”

            “หึ ๆ ฉันต่างหากที่ต้องพูดประโยคที่ว่าจัดการผิดคน” ชิกะอิจิพูด และทำให้โทมูระสะดุ้ง

            “หา? แกหมายความว่าไง?” โทมูระถาม

            “ดูสิ” ชิกะอิจิตอบและเอามือของตัวเองชี้ไปที่มือของโทมูระที่จับคอเขาอยู่

            “อะไรกัน...” โทมูระอุทาน “นี่มันอะไรกันเนี่ย? ฉันใช้อัตลักษณ์ไปแล้ว ทำไมมันไม่ได้ผลล่ะ?”

            “อัตลักษณ์ของฉันทำให้ฉันเข้าสู่โหมดที่ไม่มีอัตลักษณ์ไหนส่งผลทางกายภาพได้เลยแม้แต่นิดเดียว” ชิกะอิจิตอบ แล้วจากนั้นก็แกะมือโทมูระออกจากคอของเขา แล้วเสกดาบเนเธอไรต์เล่มใหม่ออกมาจากเมนูอินเวนทอรี่ของเขา “นั่นก็คือโหมดครีเอทีฟ โหมดที่ฉันจะสามารถเสกอะไรก็ได้ด้วยหน้าเมนูอินเวนทอรี่พิเศษของฉันเองนั่นแหละ ฉะนั้นต่อให้เป็นอัตลักษณ์สายย่อยสลายของแก ก็ย่อยสลายฉันในโหมดนี้ไม่ได้หรอกน่า! จงถอนคำพูดที่แกว่าไปทั้งหมดซะ!”

            ว่าแล้ว ชิกะอิจิก็พุ่งเข้าไปฟันดาบใส่โทมูระซ้ำรัว ๆ แต่โทมูระก็หลบดาบได้เร็วมาก

            “หลบเก่งดีนี่” ชิกะอิจิพูด “แต่จะหลบได้อีกกี่ครั้งเชียว?”

            พอโดนเด็กดูถูกนิดหน่อยโทมูระก็ยั๊วะง่ายมาก และเปลี่ยนจากหลบดาบเป็นพุ่งเข้าไปคว้าคอชิกะอิจิหมายจะสลายให้หายไป บางทีอาจจะลืมไปหรือไม่ก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้แต่ยังจะทำ แต่ทันใดนั้นมือข้างที่ว่างเปล่าของชิกะอิจิก็คว้าข้อมือของโทมูระได้ทันเวลา

            “ยังช้าไปนะ” ชิกะอิจิพูด “เจอนี่หน่อยเป็นไง!”

            พูดจบเขาก็ทิ้งดาบเนเธอไรต์ลงพื้นแล้วหักแขนโทมูระดังกร๊อบ กลายเป็นว่า ชิกะอิจิกลายเป็นฝ่ายพลิกเกมเต็มที่แล้ว และมันก็พลิกได้ยิ่งกว่านี้อีกเมื่อที่ประตูทางออกเกิดระเบิดขึ้นมา ทุกสายตาได้หันไปมองที่ประตูทางออก

            โทชิโนริและอลันมาถึงแล้วครับ พวกที่อยู่ทางออกต่างก็ดีใจอย่างมากที่ได้เห็นทั้งสองมากู้สถานการณ์พอดี

            “ออลไมท์!! เอเลเมนท์คิง!” ผมตะโกนร้อง

            ในใจของโทชิโนริ เขาได้บอกไปว่า “เกิดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เลยขอพาเอเลเมนท์คิงปลีกตัวออกมาจากการเทศน์ของอาจารย์ใหญ่ ระหว่างทางก็เจอหนุ่มน้อยอีดะเข้าพอดี ก็เลยพอจะรู้เรื่องราวคร่าว ๆ ว่าเป็นยังไง พับผ่าสิ โกรธตัวเองชะมัดเลย พวกเด็ก ๆ ต้องหวาดกลัวกันขนาดนี้ เหล่ารุ่นน้องต้องพยายามกันมากเพียงใด เพราะฉะนั้น เราจึงต้องยึดอกและพูดออกมาให้ชัดเจน!”

            “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” โทชิโนริบอก “เพราะว่าฉันมาแล้วน่ะสิ”

            “พวกเราจะไม่ปล่อยให้แก ทำเรื่องแบบนี้ได้เด็ดขาด!” อลันตะโกนและกางปีกแห่งธาตุออกมา

            “กำลังรออยู่เลย ไอ้พวกขยะสังคม” โทมูระพูด

            อลันเปิดก่อนด้วยการบินเข้าไปสะบัดปีกเพื่อสร้างคลื่นกระแทกให้กับพวกวิลเลินที่ยังสู้กับชิกะอิจิเรพลิก้าอยู่กระเด็นไปไกล และโทชิโนริพุ่งเข้าไปเก็บซากให้หมดพร้อมกับช่วยอิซึคุ สึยุ และมิโนรุให้พ้นจากรัศมีการโจมตีของโนมุอย่างรวดเร็ว และทำให้มือเทียมหลุดจากหน้าโทมูระ

            “ไม่ได้นะ ไม่ได้ ๆ ขอโทษนะครับคุณพ่อ” โทมูระพึมพำและเอามือกลับมาสวมไว้ที่หน้าตามเดิม “พุ่งเข้ามาช่วยเด็กและโจมตีเราด้วย หึ อย่างนี้นี่เอง พลังของพวกรัฐบาล เร็วจนมองตามไม่ทัน สมคำร่ำลือ แต่ยังผิดกับที่คาดเอาไว้ สงสัยเรื่องนั้นคงใกล้จะจริงงั้นสินะ ที่ว่าพวกมันอ่อนแอลงแล้วน่ะ”

            “พ่อ!!” เฮนรี่ตัวจริงตะโกน เขามาพร้อมกับร่างปลอมอีกสี่คนและกำลังจะไปหาอลัน แต่อลันกลับชักมือห้ามพวกเขาและบอกว่า

            “อย่าเพิ่งเข้ามา เฮนรี่! มันอันตราย! ให้พ่อจัดการเองดีกว่า!”

            แน่นอนว่าโทมูระกับโนมุพอได้ยินชื่อเฮนรี่ก็พยายามควานหาตัวเฮนรี่กันให้วุ่นเลย เพราะอย่าลืมนะครับว่า สมาพันธ์วิลเลินต้องการจะกำจัดทั้งโทชิโนริ อลัน และเฮนรี่ให้ตายไปเลย และเมื่อสามเป้าหมายมาอยู่ใกล้กันแล้ว พวกมันอาจจะใช้จังหวะนี้พลิกเกมกันไปเลยก็ได้

            “พ่อ! ให้ผมจัดการไอ้ตัวใหญ่นี่ได้ไหม?” อีธานร้องเรียกผมอีกคนแล้ว

            “ไม่เป็นไรหรอก!” ผมตอบลูกชาย “พ่อจัดการมันได้อยู่แล้ว!”

            ส่วนโทชิโนริ...

            “พวกเธอ ไปที่ประตู” โทชิโนริพูด

            “ไม่ได้นะครับออลไมท์” อิซึคุพยายามเตือนโทชิโนริ “วิลเลินตัวนั้นขนาดผมใช้วันฟอร์... เอ้ย! ...พลังระดับที่แขนไม่หักมันยังไม่เป็นอะไรเลย เจ้านั่นจะต้อง...”

            “หนุ่มน้อยมิโดริยะ!” โทชิโนริหันมายิ้มให้อิซึคุหลังจากทำหน้าบึ้งตั้งแต่ตอนเข้ามาที่นี่แล้ว “ไม่เป็นไรหรอก”

 

            และจากนั้นมหกรรมประจัญบานเริ่มขึ้นแล้ว ผมเริ่มจั่วไพ่เรพลิก้าเพิ่มออกมาเป็นร่างโทชิโนริและอลัน และเมื่อเห็นว่าต้องจัดการกับเจ้าโนมุก่อน ผมจึงตะโกนเตือนว่าให้ระวังไอ้บ้านั่นเอาไว้ และการรุมกระทืบโนมุมันแทบไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่เลย

            “ไอ้บ้านั่นมันทนทายาดได้ยังไงเนี่ย!” อลันร้อง

            “ขนาดต่อยหน้าเต็ม ๆ ยังชิลอยู่เลยเหรอเนี่ย?” โทชิโนริว่า

            “สายดูดซับความเสียหายอย่างเจ้าตัวนี้ต้องมีจุดอ่อนแน่ ๆ” ผมพูด “ว่าแต่คำถามคือ ตรงไหนล่ะ?”

            “ที่ไม่เป็นไรเพราะว่ามันดูดซับแรงกระแทกได้อย่างกับที่เอเลเมนท์เมจิกเชี่ยนบอกไงล่ะ” โทมูระตอบ “ถ้าอยากสร้างความเสียหายให้มันดี ๆ ก็คงต้องเฉือนเนื้อมันออกอย่างช้า ๆ ล่ะนะ แต่มันจะยอมให้โดนหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่งนะ”

            “ขอบใจที่บอกใบ้ให้นะ” โทชิโนริพูด แล้วคว้าตัวโนมุจากข้างหลัง “ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ค่อยจัดการมันง่ายขึ้นหน่อย!”

            แล้วจากนั้นโทชิโนริก็เล่นท่าซูเพล็กซ์ทุ่มลงพื้น แล้วจากนั้นก็ทำให้ผมใช้แอซิดกรีเนดการ์ดในการละลายใบหน้าของเจ้าโนมุทันที ทว่าคุโรกิริเปิดวาร์ปเกตให้โนมุย้อนกลับมาจับตัวโทชิโนริอีก

            “ไอ้บ้านั่นมัน...” ผมอุทาน แม้ไอ้พวกวิลเลินไม่รู้เลยว่าเขาคนนี้เป็นตัวจริงหรือเรพลิก้า นอกจากผมเท่านั้น แต่การที่โดนทำร้ายอย่างนั้น ทำให้ผมไม่นึกเลยว่ามันจะแย่ขนาดนี้

            เคราะห์ดีที่มันไม่รู้เลยว่าพวกเราสามคนที่โจมตีโนมุก่อนคือพวกเรพลิก้าโพดำ แต่แค่พวกเราตัวจริงอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะ

            “ฉันเองก็ไม่อยากให้เลือดหรือเครื่องในมาเปื้อนตัวฉันอยู่หรอกนะ” คุโรกิริบอก “แต่ถ้าเป็นคนยิ่งใหญ่แบบแก ฉันยินดีที่จะรับอย่างสมัครใจ แกเร็วเกินไปจนมองแทบไม่ทัน การจับแกคืองานของโนมุ สุดท้ายก็บีบเกตในขณะที่แกอยู่ในระหว่างเกตนั่นแหละ หน้าที่ตัดร่างแกเป็นสองท่อนคืองานของฉัน”

            และอิซึคุเรพลิก้าทั้งสี่ร่างได้พุ่งเข้าไปหาโทชิโนริโพดำ ซึ่งนั่นทำให้คุโรกิริจะเข้าไปขวางอยู่แล้ว แต่แล้ว คนที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ได้เร็วที่สุดกลับเป็น...

            “ขีปนาวุธดอกไม้ไฟ!” ชิกะอิจิตะโกน และดอกไม้ไฟหลายสิบลูกก็พุ่งเข้าไปโจมตีทั้งโนมุ โทมูระ และคุโรกิริในเวลาเดียวกัน และชิกะอิจิทั้งห้าร่างก็บุกเข้ามาเพื่อช่วยโทชิโนริโพดำทันที

            ส่วนคัตซึกิและตัวปลอมของเขาอีกสี่คนพอเห็นว่าคุโรกิริโดนดอกไม้ไฟเต็ม ๆ แล้วพวกเขาก็รุมกระทืบคุโรกิริเต็ม ๆ ในขณะที่โชโตะห้าคนแช่แข็งโนมุทันที

            “ได้ข่าวว่าแกเป็นคนรับหน้าที่ฆ่าออลไมท์อย่างนั้นน่ะเหรอ?” โชโตะตัวจริงว่า

            ชิกะอิจิตัวจริงได้เข้าไปจัดการกับโทมูระอีกหนึ่งยกร่วมกับเออิจิโระด้วย แต่เจ้าโทมูระหลบแรงโจมตีของคนหลังได้เร็วกว่าคนแรกนะเนี่ย

            “อย่ามาทำเป็นเด่นเกินฉันสิไอ้ควันลูกกระจ๊อก!” คัตซึกิตัวจริงตวาดคุโรกิริ

            “ยังประมาทพลังของโฮสต์โลกอยู่ดีแหละนะ” ชิกะอิจิพูด จากนั้นก็เปลี่ยนอาวุธจากดาบเนเธอไรต์เป็นหอกสามง่ามแล้วแทงหลังโทมูระกดไว้กับพื้น

            จากนั้นจอห์น เฮนรี่ และอีธานก็มาร่วมด้วยพร้อมกับร่างปลอมของตัวเองคนละสี่คนมาถึง โดยที่อีธานและเฮนรี่อยู่ในโหมดของจอมมารแล้วครับ

            โทมูระที่ยังโดนหอกสามง่ามปักอยู่มองไปรอบ ๆ ตัว

            “คุโรกิริ ทางเข้าออกถูกจับได้ซะแล้ว” โทมูระว่า “นี่มัน เป็นเรื่องแล้วสิเนี่ย”

            “หึ แกนี่มันเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ ซะด้วยสิ” คัตซึกิตัวจริงว่า “แกจะเป็นวาร์ปเกตร่างควันได้เฉพาะส่วนเท่านั้น จากนั้นแกก็เอาควันมาบังร่างจริงเอาไว้อย่างนั้นสินะ ในตอนนั้น ตอนที่ฉันโจมตีแกทีแรกแล้วมันไม่ได้ผล แล้วแกบอกว่าเกือบไปแล้ว เพราะถ้าร่างแกเป็นควันทั้งตัวล่ะก็แกคงไม่หลุดปากว่าเกือบไปแล้วใช่ไหมล่ะ!”

            คุโรกิริเหมือนจะมีแรงฮึดแต่โดนคัตซึกิโพแดงสยบความฮึดได้อีก

            “อย่าขยับ!” คัตซึกิคำราม “ถ้าแกทำท่าซ่อนพิรุธเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะขยี้แกให้เละเลย!”

            “คนเป็นฮีโร่เขาไม่พูดกันอย่างนั้นหรอกนะ” เออิจิโระพูด

            “ถูกปราบกันยกแก๊ง แถมยังไม่เป็นไรกันอีก ยอดจริง ๆ เลยนะเด็กสมัยนี้ ไม่อายกันหรือไงสมาพันธ์วิลเลิน” โทมูระพูด จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาเพื่อฝืนแรงกดของชิกะอิจิตัวจริง แล้วกระชากหอกสามง่ามออกจากหลังของเขา และ... “โนมุ”

            ทันทีที่โนมุถูกเรียก มันก็ม้วนตัวออกจากวาร์ปเกตและแม้น้ำแข็งจะทำให้แขนขาของมันขาด แต่มันก็คืนสภาพได้เหมือนเดิมจนทำให้ทุกคนตกใจอย่างหนัก ตอนนี้คนที่ประจันหน้าได้มีแค่ผม อลัน โทชิโนริ และตัวเรพลิก้าของพวกเราเท่านั้น

            “มีฮีลลิ่งแฟกเตอร์ด้วยเรอะ?” ผมอุทาน

            “ไม่ได้บอกว่ามีอย่างเดียวนี่นา” โทมูระบอก “นี่คือสุดยอดการฟื้นฟูไงล่ะ โนมุน่ะถูกดัดแปลงให้ทนพลังของพวกแกได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นมนุษย์กระสอบทรายชั้นดีเลยนะจะบอกให้ ก่อนอื่นก็ต้องชิงประตูกลับมาก่อน ไปเลย โนมุ”

            ว่าแล้วเจ้าโนมุก็พุ่งเข้าไปหาคัตซึกิ แต่ลูกแก้วเอ็นเดอร์ได้ตกมาขวางโนมุและเกิดกระแสลมปะทะแรงมาก ควันหนาเตอะทำให้มองไม่เห็นแน่นอน เด็ก ๆ ไปทาง พวกเราท็อปทรินิตี้ไปทาง แต่พอควันจาง ผมก็พบว่าตัวเอง อลัน และโทชิโนริตัวจริง รวมถึงเรพลิก้าของพวกเรายังอยู่ดี ส่วนเฮนรี่ อีธาน อิซึคุ จอห์น โชโตะ คัตซึกิ และเออิจิโระ ไปอยู่อีกฟากหนึ่งพร้อมกับพวกเรพลิก้าของพวกเขา แล้วชิกะอิจิล่ะไปไหน?

            “หลบได้เหรอคัตจัง สุดยอดเลย!” อิซึคุร้อง

            “ตรงไหนเล่า เงียบซะไอ้งั่ง!” คัตซึกิตวาด

            “แล้วมันยังไงกันล่ะเนี่ย?” เออิจิโระถาม

            “งั้นนั่นก็คือ...” โชโตะพูดและหันไปมองกำแพงที่ถูกพังทลาย

            ใช่ครับ คนที่รับความเสียหายจากโนมุไว้ได้ก็คือชิกะอิจิและร่างเรพลิก้าของเขาทั้งสี่คน ที่ลงทุนเสกโล่ขึ้นมาป้องกันหมัดของโนมุและขว้างลูกแก้วเอ็นเดอร์ให้ลงไปขวางหน้าโนมุเพื่อเอาโล่นั้นมารับแรงกระแทกของมัน ซึ่งโล่ที่โดนโนมุต่อยก็ร้าวไปเกือบครึ่งแล้วครับ

            “ปกป้องเพื่อนได้อย่างนั้นเหรอ?” โทมูระคิดในใจ

            “โล่เกือบแตกแล้วนะเนี่ย” ชิกะอิจิพูด

            “ถ้าเพื่อช่วยพรรคพวกของเราแล้วมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา” โทมูระบอกชิกะอิจิ “แบบที่แกทำเมื่อกี๊นี้ไง ที่จู่ ๆ แกก็พุ่งเข้ามาฟันดาบใส่ฉันเต็มเหนี่ยวเลยนะ เสียดายที่ฉันไม่ทันได้สั่งให้โนมุหยุดแก ไม่งั้นแกโดนจัดการเละกว่านี้ไปตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว แค่ใช้ความรุนแรงเพื่อช่วยคนอื่นก็กลายเป็นเรื่องดีงามไปได้ใช่ไหมล่ะ? ฉันน่ะโกรธมาก ๆ เลยล่ะ ที่โลกนี้แบ่งแยกความรุนแรงอันเดียวกันเป็นฮีโร่กับวิลเลิน แล้วก็ตัดสินว่าอะไรดีหรือไม่ดีกันเอาเอง สัญลักษณ์แห่งสันติภาพบ้าบออะไรกัน สุดท้ายออลไมท์ก็เป็นแค่เครื่องมือระบายความรุนแรงที่มีแต่ก่อให้เกิดความรุนแรงกว่าเท่านั้น พอฉันฆ่าทุกคนได้โลกก็จะรับรู้เอง!”

            “เหลวไหลทั้งเพ” โทชิโนริพูด “พวกอาชญากรก็แค่อ้างอุดมการณ์ของตัวเองไปเรื่อย ที่จริงแล้วแกก็แค่รักสนุกเท่านั้นไม่ใช่รึ ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ?”

            และแล้วเด็ก ๆ ทั้งแปดคนรวมทั้งเรพลิก้าของตัวเองอีกสามสิบสองคนก็พร้อมจะต่อสู้กับพวกวิลเลินอีกครั้ง

            “สามต่อห้าสิบห้า” โชโตะตัวจริงพูด

            “คัตจังก็เผยจุดอ่อนของเจ้าควันนั่นแล้วด้วย” อิซึคุพูด

            “ถึงพวกมันจะโหดก็จริง” เออิจิโระพูด “แต่ถ้าเราจะคอยช่วยท็อปทรินิตี้ล่ะก็ ต้องสู้ไหวแน่!”

            “อย่าเลย!” ผมพูด “หนีไปซะ”

            “ลืมแล้วเหรอว่าถ้าผมไม่ช่วยเอาไว้เมื่อกี๊คุณก็คงแย่ไปแล้วนะออลไมท์” ชิกะอิจิว่า

            “เรื่องนี้มันต่างกันนะหนุ่มน้อยลีพุง แต่ก็ขอบใจมาก” โทชิโนริพูด “ไม่เป็นไรหรอกน่า ดูตอนที่มืออาชีพเอาจริงให้ดี ๆ นะ”

            “ออลไมท์ เวลามัน...” อิซึคุจะเตือนโทชิโนริอีกครั้ง แต่เขาเพิ่งจะรู้ว่าไม่ควรพูดออกไป ประกอบกับเห็นมือของโทชิโนริที่ชูนิ้วหัวแม่มือให้อิซึคุ ก็ทำให้หนุ่มผมเขียวเข้าใจทันที

            “คุโรกิริ โนมุ จัดการท็อปทรินิตี้ซะ” โทมูระพูด “ส่วนเด็ก ๆ เป็นของฉัน เอาล่ะ รีบ ๆ เคลียร์แล้วกลับบ้านซะ”

            ว่าแล้วโทมูระก็พุ่งเข้าไปหาเด็ก ๆ ทั้งแปดคนทันที

            “งั้นผมจะจัดการไอ้มือเต็มตัวก็แล้วกัน” ชิกะอิจิพูดและตั้งรับกับโทมูระให้ได้

            แต่จังหวะนั้นพวกเราท็อปทรินิตี้ก็พุ่งเข้าไปหาโนมุเต็มที่แล้วต่อยจนกระแสลมปั่นป่วนไปเยอะ เด็ก ๆ และวิลเลินคนอื่น ๆ กระเด็นไปเยอะแล้ว

            “เมื่อกี๊พวกแกยังเก็ตว่าโนมุดูดซับแรงกระแทกได้อยู่เลยนี่” โทมูระพูด

            “ก็นั่นสินะ” ผมพูด แล้วจากนั้นผม อลัน และโทชิโนริก็รุมกระหน่ำกระทืบโนมุอีกรอบจนเกิดกระแสลมที่แทบจะไม่มีใครเข้าไปได้ ขนาดคุโรกิริที่ถูกสั่งให้จัดการพวกเรา ยังเข้าไปไม่ได้เลย

            การกระทืบรัว ๆ ไปเรื่อย ๆ กระแสลมก็แรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วย โทชิโนริรู้ว่าเจ้าโนมุไม่ได้ดูดซับแรงกระแทกได้ตลอด ดังนั้น เขาจึงเสนอว่าให้พวกเราสามคนสร้างความเสียหายให้มากกว่าที่มันดูดซับแรงกระแทกได้ และแล้วโทชิโนริซึ่งเป็นสายแท็งค์ก็เริ่มเข้าไปทุ่มตัวโนมุเต็มเหนี่ยว และเมื่อมันลอยขึ้นกลางอากาศ ทั้งเขา รวมทั้งผมกับอลัน ก็ร่วมมือกันต่อยมันสุดแรงจนลอยไปไกลนอกอาคารยูเอสเจเลย

            “สุดยอดจริง ๆ!” ชิกะอิจิพูด

            “สงสัยว่าจวนจะอ่อนจริง ๆ ละมั้งเนี่ย” โทชิโนริพูด “ถ้าเป็นตอนหนุ่ม ๆ น่ะนะแค่ห้าหมัดก็เหลือแหล่แล้ว ดันชกไปตั้งสามร้อยหมัดจนได้”

            “เอาล่ะ” อลันพูด “จะเอายังไงล่ะ? รีบ ๆ มาตัดสินกันให้จบ ๆ ได้แล้วนะ”

            “อะไรกันเนี่ย” โทมูระพูด “ไม่เห็นจะอ่อนแอลงเลยนี่หว่า ไอ้พวกนั้นโกหกฉันหรือไง?”

            “เป็นอะไรไป?” ผมถาม “จะไม่เข้ามาหรือไง? บอกว่าจะรีบเคลียร์แล้วรีบกลับไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามาสิ”

            “แปลก ๆ นะ” ชิกะอิจิพูด เขาเห็นว่าตอนนี้โทชิโนริมีไอน้ำลอยขึ้นมาแล้ว เขาคิดในใจว่า “ใช่สิ เราก็เป็นโฮสต์โลก ถ้าเกิดว่าเราไปปิดจ๊อบมันก่อนล่ะก็ สิ่งที่ออลไมท์ทำมาจะไม่เป็นหมันทั้งหมด ส่วนมิโดริยะเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ออลไมท์เป็นยังไงและคิดจะเข้าไปช่วยแล้วด้วย ทำยังไงดีล่ะทีนี้”

            “เอ้า เป็นอะไรไปล่ะ?” โทชิโนริถามบ้าง

            “คิดสิ คิดสิ มันต้องมีทางที่เราจะต้องปิดเกมมันให้ได้” ชิกะอิจิคิดในใจแล้วเสกทุกอาวุธที่มี ทั้งดาบเนเธอไรต์และหอกสามง่าม

            “ถ้ามีโนมุล่ะก็ คงจะให้มันเข้าไปสู้โดยไม่ต้องสนอะไรแล้วแท้ ๆ!” โทมูระพึมพำแล้วก็เกาคอด้วยความโกรธอีกครั้ง

            “ชิการาคิ โทมูระ ใจเย็น ๆ ก่อนครับ” คุโรกิริห้าม “ปกติแผลที่โนมุฝากไว้จะต้องเห็นได้ชัด แปลว่ามันอ่อนลงแล้วจริง ๆ แต่บังเอิญว่าดันมีห้าคนเลยไม่รู้ว่าคนไหนเป็นตัวจริง บางทีตัวจริงอาจจะไม่ได้อ่อนแอลงก็ได้ ส่วนพวกเด็ก ๆ แปดคนก็ยังอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน พวกที่พามาด้วยบางคนก็เริ่มจะลุกไหวแล้ว กำลังเสริมก็จะมากันภายในไม่กี่นาทีนี้ ถ้าเราร่วมมือกันล่ะก็ เราก็จะยังพอมีโอกาสฆ่าพวกเขาได้อยู่น่ะครับ”

            “นั่นสินะ” โทมูระบอกแล้วเลิกเกาคอ “ใช่แล้วล่ะ ใช่แล้ว มีแต่ต้องลุยล่ะนะ ลาสต์บอสมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว”

            “อะไรกัน?” อีธานอุทานเมื่อได้เห็นพวกลูกกระจ๊อกฟื้นขึ้นมาแล้ว “ไอ้พวกที่โดนอัดไปเมื่อกี๊นี่!”

            “เดี๋ยวออลไมท์คงจัดการเจ้าพวกตัวหัวหน้าเอง” เออิจิโระบอก “พวกเรารีบไปช่วยคนอื่น ๆ กันเถอะ!”

            “งั้นฉันจะช่วยออลไมท์ก็แล้วกัน” ชิกะอิจิพูด

            “จะเอาจริงเหรอ?” โชโตะถาม

            “เชื่อใจโฮสต์โลกได้เลย!” ชิกะอิจิตอบ

            “นี่ก็เพื่อแก้แค้นให้โนมุ!!” โทมูระตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปหาโทชิโนริแบบไม่สนเลยว่าคนไหนตัวจริงหรือตัวปลอม

            และจังหวะนี้แหละอิซึคุกะจะพุ่งเข้าไปช่วยโทชิโนริอยู่แล้วเชียว แต่ทันใดนั้นชิกะอิจิที่มีทั้งดาบเนเธอไรต์ทั้งหอกสามง่ามก็พุ่งนำหน้าอิซึคุไปก่อนแล้ว เขากระโดดขึ้นมาแล้วเงื้อทั้งดาบทั้งหอกมาจะแทงปลอกคอของคุโรกิริ “เจอจนได้ ไอ้ปลอกคอของเจ้าควัน ต้องแทงให้ตรงเป้า ต้องแทงให้ตรงเผง!” เขาคิดในใจ แล้วตะโกนว่า “ฉันอยู่นี่ต่างหากเล่า!!!

            “ลีพุงคุง!!!” อิซึคุตะโกน จากนั้นเขาก็ชาร์จวันฟอร์ออลไว้ที่ขาแล้วพุ่งเข้าไปหาชิกะอิจิทันที

            “มุกเดิม ๆ น่ะใช้ไม่ได้ผลหรอก!!” คุโรกิริตะโกน

            ทันใดนั้นโทมูระก็เอามือเข้าไปในวาร์ปเกตทะลุร่างจริงของคุโรกิริเพื่อจะจับหน้าชิกะอิจิ ซึ่งนาทีนี้เจ้ามือเกาะเต็มตัวคงไม่สนแล้วล่ะว่าชิกะอิจิจะมาในเกมโหมดไหน ขอแค่ให้สลายร่างกายของชิกะอิจิไปก็เป็นพอแล้ว จนลืมไปว่าชิกะอิจิยังไม่ออกจากโหมดครีเอทีฟ วิลเลินจะโป๊ะแตกก็วินาทีนี้นี่แหละครับ!

            ปัง! เสียงปืนดังขึ้นและกระสุนก็ทะลุมือของโทมูระ จากนั้น อาจารย์สไนป์ก็ยังยิงปืนใส่ไอ้ตัวที่จับเดนกิตัวจริงไว้เป็นตัวประกันอีก เขามาพร้อมกับคณาจารย์ยูเอและเท็นยะทั้งห้าคน

            “ขอโทษนะทุกคน ที่พวกเรามาช้า” อาจารย์ใหญ่เนสึพูด “นี่ก็รีบบึ่งมาเร็วสุด ๆ แล้วล่ะ”

            “หัวหน้าห้องชั้นปีหนึ่งห้องเอ อีดะ เท็นยะ กลับมาช่วยแล้วคร้าบ!!” เท็นยะตัวจริงตะโกน

            พวกวิลเลินลูกน้องที่ลุกขึ้นมาได้ก็พุ่งเข้าไปรุมสกรัมอาจารย์ แต่อาจารย์ฮิซาชิได้ใช้พลังเปล่งเสียงแหลมบาดหู จากนั้นอาจารย์เอ็กโตพลาซึมก็สร้างร่างแยกออกมาถล่มพวกที่จะบุกเข้ามากระเด็นไป

            “แยกกันไป ค้นหาแล้วคุ้มกันพวกนักเรียน!” อาจารย์ใหญ่เนสึตอบ

            ส่วนโทมูระ...

            “มากันจนได้ เกมโอเวอร์ของจริงแล้วไง กลับไปแล้วค่อยมาใหม่ไหมคุโรกิริ” โทมูระถาม แต่ก็ถูกอาจารย์สไนป์ยิงซ้ำอีก

            “ใครทำการจับกุมระยะไกลได้บ้าง?” อาจารย์สไนป์ถาม

            “ผมไงล่ะ” อาจารย์หมายเลขสิบสามตอบ และจากนั้นก็ทำการดูดทั้งคุโรกิริและโทมูระเต็มที่เลย

            แต่โทมูระยังลั่นวาจาอาฆาตแค้นไว้ว่า “ถึงครั้งนี้จะล้มเหลว แต่คราวหน้าแกตายแน่!” ก่อนที่วิลเลินทั้งสองจะหายไป

            “จบแล้ว” ชิกะอิจิพูด

            “ใช่” อิซึคุบอก การชาร์จครั้งนี้ขาของเขาได้รับความเสียหาย แต่การที่มีพลังอื่นประคองทำให้เขาพอจะลุกขึ้นมาได้ ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขามาเป็นตัวถ่วงเปล่า ๆ “นี่ผมทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว!”

            “ไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” โทชิโนริว่าเมื่อกลายสภาพเป็นร่างผอมแห้งแล้ว “ถ้าไม่ได้เธอกับหนุ่มน้อยลีพุงช่วยถ่วงเวลาไว้ ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้วล่ะ เธอน่ะ ช่วยฉันไว้อีกแล้วนะ หนุ่มน้อยมิโดริยะ”

            “ออลไมท์ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ” อิซึคุพูดและซบหน้าร้องไห้อีก

 

            “มันอะไรกันเนี่ย?” อาจารย์สไนป์พูด

            “พวกมันบุกมากันขนาดนี้แต่ถูกพวกเราปล่อยให้หนีรอดไปได้” อาจารย์เนมูริว่า

            “โดนเล่นงานจุดอ่อนเข้าเต็มเปาเลย” อาจารย์ใหญ่เนสึว่า “แต่ที่สำคัญ ไปเช็กพวกนักเรียนกันก่อนเถอะ”

 

            “ออลไมท์” ผมพูด “ไม่รู้จะมีใครเห็นร่างผอมแห้งของนายหรือเปล่า”

            “ถ้าเป็นชิกะอิจิ อีธาน และเฮนรี่คงไม่เท่าไหร่หรอก” อลันพูด “อ้อ แล้วก็จอห์นด้วย แต่คนอื่น ๆ...”

            “พวกมืออาชีพมากันขนาดนี้แล้ว แสดงว่าพวกเราไม่ได้ถูกโจมตีทั้งโรงเรียนแน่นอน” โชโตะพูด

            อีธาน เฮนรี่ และจอห์นเข้าไปหาอิซึคุและชิกะอิจิทันที

            “อิซึคุ! ชิกะอิจิ! เป็นอะไรไหม!” เฮนรี่ร้อง

            “หนุ่มน้อยลาร์สัน หนุ่มน้อยซุเนริ และหนุ่มน้อยเฮนรี่ พวกเธอช่างมีน้ำใจงามเหลือเกิน” โทชิโนริคิด “แต่นี่ดีนะที่เป็นพวกเธอ ไม่งั้น...

            “รอฉันด้วย!!” เออิจิโระตะโกนแล้วตามทั้งสามไปด้วย

            “นั่นไง ไม่ทันขาดคำ” โทชิโนริคิด “เดี๋ยวความแตก แย่แล้ว! เดี๋ยวก่อน! ปัดโธ่เว้ย!

            “คิริชิมะคุง! จะตามมาทำไม!” อีธานหันมาตะโกนถามเออิจิโระที่วิ่งตามมา

            โชคดี อาจารย์เคนได้งอกกำแพงหินมากั้นเออิจิโระไว้ก่อน (ขอบคุณมากอาจารย์เคน)

            “เดี๋ยวจะเช็กความปลอดภัยของเด็กทุกคน เธอไปรอที่ประตูก่อนนะ” อาจารย์เคนพูด “เรื่องคนเจ็บเดี๋ยวครูจัดการเอง”

            “นั่นสินะ รับทราบครับ!” เออิจิโระตอบแล้ววิ่งออกไปยังทางออก “เฮ้! เขาให้ไปรวมกันที่ทางออกนะ!”

            พวกเรา เด็กห้าคนกับผู้ใหญ่อีกสามคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็แหม โทชิโนริเขาโชว์ร่างกล้ามออกสื่อขนาดนี้ ถ้าดันโชว์ร่างผอมแห้งให้นักเรียนทุกคนดูมันจะยุ่งเอาพอดี

            “ขอบใจมากนะ ช่วยได้เยอะเลย ซีเมนทอส” โทชิโนริบอกอาจารย์เคน

            “ผมก็เป็นแฟนคลับตัวยงของคุณเหมือนกันครับ” อาจารย์เคนพูด “หาทางซ่อนตัวแล้วแอบไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่านะครับ ว่าก็ว่าเถอะ คุณนี่ระห่ำทุกครั้งเลยนะ”

            “ถ้าไม่ระห่ำพวกเราก็ตายกันหมดนี่แหละ” ผมบอก “ถือว่าเป็นศัตรูที่แกร่งเอาเรื่องเลยล่ะ”

 

            หลังจากนั้น พวกวิลเลินลูกกระจ๊อกถูกจับไปหมดเลย

            “สามสิบหก สามสิบเจ็ด สามสิบแปด สามสิบเก้า...” สารวัตรสึคาอุชิ นาโอมาสะ นับจำนวนเด็ก ๆ ที่ออกมาจากยูเอสเจแล้วบอกว่า “รวมเด็กที่ขาเสียหายเล็กน้อยแล้วก็ปลอดภัยกันหมดสินะ”

            สำหรับยูงะเองก็ไล่ถามเพื่อทายว่าเขาโดนจับไปอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่มีใครสนใจสักที เพราะว่าเขาเล่นใหญ่เกินไประหว่างที่ถามคำถาม และอีกอย่างหนึ่ง จากการคุยกันระหว่างมาชิราโอะกับโทรุทำให้พอจะทราบได้แล้วล่ะครับว่าโทรุนั้นถูกแยกไปที่ไหน ใช่แล้วครับ เธอโดนจับไปอยู่ที่เดียวกับโชโตะ แต่ความฟลุคที่เธอล่องหนได้ทำให้พวกวิลเลินไม่เห็นเธอ แล้วเธอบอกมาชิราโอะว่าเธอได้เจอกับโทรุเรพลิก้าแล้ว แต่เพราะด้วยความที่เธอล่องหนเลยทำให้ไม่เห็นสัญลักษณ์ไพ่บนหน้าผากของร่างเรพลิก้าของเธอไปด้วย

            “อีธาน” เอลซ่าทักอีธาน “เธอโดนจับไปอยู่กับหนุ่ม ๆ อีกสามคนเลยเหรอ?”

            “ใช่” อีธานตอบ “ฉันอยู่ในเขตป่าทึบ แถมพวกวิลเลินมาที่นี่เยอะที่สุด ถ้าไม่โดนทีเอ็นทีปูพรมของลีพุงช่วยไว้ล่ะก็คงจะหนักกว่านี้แน่นอน”

            “คิดว่าที่ไหนล่ะฮะ?” ยูงะถามพวกอีธาน ทว่าไม่มีใครในกลุ่มนี้สนใจยูงะเช่นกัน

            “ทำไมพวกลูกน้องมากันที่พวกเธอเยอะที่สุดล่ะ” เอลซ่าถาม

            “ก็เขากะจะฆ่าฉันอยู่แล้วนี่” เฮนรี่ตอบ “เลยทำอะไรไม่ถูก ถ้าไม่ได้ชิกะอิจิช่วยไว้ล่ะก็ป่านนี้ฉันโดนเชือดทิ้งไปนานแล้ว”

            “ยังไงก็ตาม นักเรียนทุกคนกลับไปที่ห้องเรียนก่อนก็แล้วกัน” สารวัตรนาโอมาสะบอก “จะให้สอบปากคำตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ”

            “ผมก็ว่าอยู่นะ” ชิกะอิจิพูด

            “สำหรับหมายเลขสิบสาม เขากำลังพักฟื้นอยู่” สารวัตรนาโอมาสะบอก “เขามีแผลฉีกขาดตั้งแต่หลังลามไปถึงแขนช่วงบน แต่ไม่ถึงกับชีวิตหรอก สำหรับพวกท็อปทรินิตี้นั้นพวกเขาบาดเจ็บแต่ก็ไม่อันตรายมาก เห็นบอกว่าแค่ให้รีคัฟเวอรี่เกิร์ลช่วยก็พอแล้ว อยู่ที่ห้องพยาบาล”

            “แล้วอิซึคุล่ะครับ” เฮนรี่ถาม

            “อิซึคุ... อ๋อ เขาก็ไปรักษาที่ห้องพยาบาลแล้วเหมือนกัน” สารวัตรนาโอมาสะตอบ “เอาล่ะ กลับห้องเรียนกันได้แล้ว”

 

            ที่ห้องพยาบาล

            “คราวนี้มันเป็นเรื่องฉุกเฉินจริง ๆ ฉันก็คงบ่นมากไม่ได้” คุณชิโยะว่า

            “ถ้าผมส่งต่อวันฟอร์ออลให้โดยตรง บางทีเวลาปฏิบัติงานของผมคงสั้นลงอีกแน่ ๆ ก็อยากให้อยู่ได้สักชั่วโมงอยู่หรอกนะ” โทชิโนริพูด “แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ มันต้องมีกันบ้าง”

            “มันก็ไม่แน่หรอก มันเป็นบั้นปลายชีวิตของนายนี่ ออลไมท์” ผมพูด

            และแล้ว สารวัตรนาโอมาสะก็มาถึงห้องพยาบาลเพื่อที่จะมีธุระกับท็อปทรินิตี้

            “อ้าว สึคาอุจิมาด้วยเหรอ?” อลันถาม

            “ให้เห็นแบบนี้มันจะดีเหรอครับ?” อิซึคุถาม

            “ไม่เป็นไรหรอก” โทชิโนริตอบอิซึคุ “ทำไมน่ะเหรอ? เพราะเขาคือตำรวจเพื่อนสนิทของฉัน สึคาอุจิ นาโอมาสะคุงยังไงล่ะ?”

            “เอาเป็นว่าขอรายละเอียดของวิลเลิน...”

            “แป๊บนึงนะ พวกนักเรียนปลอดภัยกันดีใช่ไหม แล้วอีเรเซอร์เฮดกับหมายเลขสิบสามล่ะ?” โทชิโนริถามสารวัตรคู่ซี้

            “ทุกคนมีแค่แผลเล็กน้อยครับ” สารวัตรนาโอมาสะบอก “รวมถึงอาจารย์อีเรเซอร์เฮดด้วย ส่วนหมายเลขสิบสามอาการทรงตัวแล้ว ถ้าไม่ได้ฮีโร่ห้าคนที่เสี่ยงชีวิตไว้ล่ะก็ พวกเด็ก ๆ อาจจะไม่รอดก็ได้นะ”

            “พูดผิดไปหน่อยนึงนะสึคาอุจิคุง” โทชิโนริว่า “พวกนักเรียนก็ต่อสู้เสี่ยงชีวิตเหมือนกัน ทุกคนได้เจอการต่อสู้ของจริงเร็วขนาดนี้แถมรอดกลับมาได้ ได้เรียนรู้ถึงความน่ากลัวในโลกของผู้ใหญ่ตั้งแต่ยังอยู่ปีหนึ่ง ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีมาก่อน พวกวิลเลินดันทำเรื่องโง่ ๆ ไปซะได้ เด็กห้องนี้น่ะแข็งแกร่ง สักวันจะต้องเป็นฮีโร่ที่ดีแน่ ๆ มีแค่เรื่องนี้แหละที่ฉันมั่นใจที่สุด”

 

            ส่วนผมได้เข้าไปคุยกับอีธานเป็นการส่วนตัวดังนี้

            “นักเรียนที่หน้าผากมีปานสัญลักษณ์ไพ่น่ะเป็นกลตบตาที่ดีมากเลยนะ” ผมบอกลูกชาย “ลูกคิดได้ยังไงเนี่ย?”

            “จำมายากลตอนเปิดเทอมวันแรกได้ไหมครับ?” อีธานถามผม “กลไพ่ฮีโร่ที่ผมทำไว้เพื่อสักวันจะได้ใช้ลวงตาศัตรู อันนี้แหละที่ผมจะเก็บเอาไว้ใช้งาน ไพ่หน้าฮีโร่ไม่ว่าจะมีสัญลักษณ์ไหน ก็จะมีรูปลักษณ์เป็นฮีโร่คนนั้นและมีอัตลักษณ์เหมือนกับตัวจริง และบุคลิกก็คล้าย ๆ กับตัวจริงด้วย นั่นแหละครับเป็นกลไพ่ที่ผมใช้งาน”

            “อืม เหมือนกันที่พ่อเคยใช้ตอนเป็นนักเรียนไม่มีผิด” ผมพูด “ลูกรู้ไหม ไม่ว่าลูกจะทำอะไร พ่อเป็นห่วงลูกเสมอนะ ทุกการกระทำ ทุกความคิดของลูก พ่อให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกมากที่สุด พ่อจะไม่ปล่อยให้ลูกต้องมาจากพ่อไปแน่นอน”

            พูดจบผมก็โอบกอดลูกชายไว้

            “พ่อรักลูกนะ” ผมพูด

            “ผมก็รักพ่อเหมือนกันครับ” อีธานตอบ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.