ตอนที่ 989 บุกทะลวงภูเขาคิ้วแดง
ตอนที่ 989 บุกทะลวงภูเขาคิ้วแดง
เมื่อเทพขาวเทพดำปรากฏตัว พวกเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของนักรบสกายวิงได้ในทันที
“พวกเขาคือฮัวไป๋กับฮัวเฮย คราวนี้พวกเขาจะเข้าร่วมแผนการกับพวกเราด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวแนะนำเทพขาวกับเทพดำให้สมาชิกทีมกระเรียนขาวได้รู้จัก
ฮัวไป๋กับฮัวเฮยมีชื่อเสียงภายในแดนเทพมากพอสมควรอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของพวกเขายังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลสกายวิง ทุกคนจึงทำความคุ้นเคยกันได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยเพื่อรอฟังว่าพวกเขาจะต้องทำอะไร
“คราวนี้ผมต้องขอรบกวนให้คุณไปประจำการอยู่ที่คฤหาสน์อีวิลวิงก่อน ทันทีที่เราช่วยบรรพบุรุษออกมาได้สำเร็จ ผมเกรงว่าสกายวิงจะต้องเดินทางออกจากดินแดนกฎในทันที” เซี่ยเฟยกล่าวขณะหันมองไปทางเซี่ยเค่อ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องบริหารตระกูลเอง สมาชิกส่วนใหญ่อพยพออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งตำแหน่งให้ทีหลัง” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เอาล่ะพวกเราเริ่มเดินทางกันเถอะ” เซี่ยเฟยหันไปกล่าวกับสมาชิกทีมในส่วนที่เหลือ
“พวกเราจะไปไหน?” เซี่ยจิงถามอย่างสงสัย
“ภูเขาคิ้วแดง” เซี่ยเฟยกล่าว
“ภูเขาคิ้วแดง!? เซี่ยกู่เฉิงจะถูกพาตัวไปที่ภูเขาคิ้วแดงงั้นเหรอ ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือเปล่า?” เทพดำถาม
“ผู้อาวุโสไซบอกข่าวเรื่องนี้กับผมด้วยตัวเอง ผมคิดว่าการที่เขาพยายามแอบบอกข่าวให้ผมทราบมันก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหลอกลวงผมหรอก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ผู้อาวุโสไซเป็นคนที่รักในความยุติธรรมและเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับบรรพบุรุษของนาย ข่าวจากเขาก็ควรจะเป็นข่าวที่เชื่อถือได้ด้วยเหมือนกัน”
“แต่การจะบุกเข้าไปในภูเขาคิ้วแดงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมันเป็นฐานฝึกฝนพิเศษสำหรับนักรบชั้นยอดของราชวังราชันย์เทพ การดำรงอยู่ของนักรบพวกนั้นจึงลึกลับมากจนยากจะคาดเดาได้” เทพดำกล่าว
“ลึกลับขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“เคยมีคนบอกว่าพระเจ้าผู้สร้างทั้งสามคนจะคัดเลือกนักรบเพื่อส่งไปฝึกฝนในภูเขาคิ้วแดงด้วยตัวเอง เราไม่อาจทราบเนื้อหาการฝึกฝนภายในนั้นได้ แต่ที่แน่ ๆ คือหลังจากการฝึกฝนจบ ผู้เข้ารับการฝึกจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด”
“ในความคิดของฉันเรื่องการฝึกน่าจะเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง จุดประสงค์ที่แท้จริงของตาเฒ่าพวกนั้นคือการทดสอบว่าคนที่ถูกส่งตัวไปมีความภักดีเพียงพอที่จะทำงานให้กับพวกเขาได้หรือเปล่า”
“โดยสรุปก็คือภูเขาคิ้วแดงไม่ใช่สถานที่ธรรมดา เพราะนอกเหนือจากมันจะเป็นที่ฝึกฝนของนักรบชั้นยอดแล้ว มันยังมีแนวโน้มที่พวกเราจะได้พบกับ 1 ใน 13 ผู้สร้างได้อีกด้วย” เทพดำกล่าว
“สกายวิงได้ตรวจสอบเรื่องภูเขาคิ้วแดงมาด้วยเหมือนกัน ข้อมูลส่วนใหญ่ตรงตามสิ่งที่คุณพูด แต่เท่าที่เรารู้ในภูเขาไม่มีผู้สร้างอยู่แม้แต่คนเดียว คนที่คอยควบคุมค่ายฝึกคือคนของบริษัทฟิกส์” เซี่ยเค่อกล่าว
“บริษัทฟิกส์!? ที่จริงแล้วมันเป็นบริษัทฟิกส์เองหรอกเหรอที่ควบคุมภูเขาคิ้วแดงอยู่ ฉันรู้แต่ว่ามันมีคนของผู้สร้างคอยดูแลค่ายฝึกอยู่เป็นประจำ แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกมันจะเป็นคนของบริษัทฟิกส์” เทพดำกล่าวอย่างตกตะลึง
“บริษัทฟิกส์รับผิดชอบการฝึกนักรบเป็นจำนวนมากแล้วยังจับตัวบรรพบุรุษของพวกคุณเอามาขังไว้ในภูเขานี้อีกงั้นเหรอ? พวกเขากำลังพยายามจะทำอะไรอยู่กันแน่” เทพขาวที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อด้วยเช่นกัน
“ผู้ที่รับผิดชอบดูแลภูเขาคิ้วแดงคือฟิวรี่ จอมเทพระดับสูงสุดและเป็นหัวหน้าใหญ่ที่คอยดูแลอยู่เบื้องหลังบริษัทฟิกส์” เซี่ยเค่อกล่าว
เมื่อได้ยินชื่อของฟิวรี่ทุกคนต่างก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ ท้ายที่สุดมันก็มีตำนานเกี่ยวกับชายชราคนนี้อย่างมากมาย ซึ่งเพียงแค่ความสามารถในการนำพาบริษัทฟิกส์ให้กลายมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความฉลาดหลักแหลมของเขาได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีพลังสูงถึงจอมเทพระดับสูงสุดแสดงให้เห็นว่าเขาทำได้ทั้งบู๊ทั้งบุ๋นในเวลาเดียวกัน
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้อาวุโสไซถึงขอให้ผมเรียกความช่วยเหลือที่แข็งแกร่งที่สุดมาช่วย ที่แท้ศัตรูที่เรากำลังจะต้องเผชิญหน้าก็คือจอมเทพระดับสูงสุดนี่เอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
ตระกูลสกายวิงมีความเร็วที่ท้าทายสวรรค์โดยเฉพาะบรรพบุรุษของพวกเขาที่มีความเร็วอยู่เหนือเกินกว่าความเร็วแสง อย่างไรก็ตามการที่ฟิวรี่สามารถควบคุมตัวบรรพบุรุษของพวกเขาเอาไว้ได้ มันก็แสดงว่าชายคนนี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่เหนือเกินกว่าจินตนาการของพวกเขามาก และมันจำเป็นบททดสอบที่ยากลำบากสำหรับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถึงศัตรูจะคือฟิวรี่แต่พวกเราก็ต้องจัดการมันให้ได้ รายละเอียดพวกเราค่อยพูดคุยกันระหว่างการเดินทาง ในระหว่างนี้ผมขอฝากคุณจัดการเรื่องของตระกูลด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวขณะหันศีรษะไปทางเซี่ยเค่อ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องส่วนที่เหลือเอง ฝากทุกคนช่วยบรรพบุรุษกลับมาด้วย” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“บรรพบุรุษของนายช่วยชีวิตพ่อของพวกเราเอาไว้ คราวนี้พวกเราพร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับสกายวิงอย่างเต็มที่” เทพขาวกับเทพดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ทีมของพวกเรามีจอมเทพถึงเจ็ดคนและเจ็ดคนนี้ก็มีจอมเทพระดับสูงอยู่ถึงสามคน เมื่อรวมกับสุดยอดผู้ค้นหาอย่างเซี่ยเกิงและสัตว์ประหลาดอย่างเซี่ยเฟยแล้ว ฉันก็มั่นใจว่าเราจะโค่นจอมเทพระดับสูงสุดได้” เซี่ยจิงกล่าว
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่กรอกตาอย่างลับ ๆ เพราะฉายาที่อยู่หน้าชื่อเขามันดูแปลกประหลาดกว่าคนอื่นไปสักหน่อย
—
ฟุบ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาชิกภายในทีมทั้งเก้าคนเคลื่อนที่ไปยังดาวเคราะห์อันแปลกประหลาดอย่างรวดเร็ว โดยภูเขาในดาวดวงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและเมฆสีแดงทำให้วิวทิวทัศน์เกิดเป็นภาพที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาด
“เมฆสีแดงกระจายตัวออกไปให้ความรู้สึกเหมือนคิ้ว ตัวภูเขาทอดยาวสู่บนท้องฟ้าเป็นที่มาของชื่อภูเขาคิ้วแดงสินะ” เทพดำกล่าว
“ทางเข้าน่าจะอยู่ใต้เมฆสีแดง ฉันคิดว่าข่าวนี้มีความเชื่อถือมากกว่า 90%” เทพขาวกล่าว
“พวกเรามาแบ่งทีมย่อยกันก่อน กระเรียนขาวคือเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังมาก และเราก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาเครื่องมือสื่อสารนี้ในระหว่างปฎิบัติภารกิจ แต่พวกเรามีกระเรียนขาวอยู่ในมือเพียงแค่หกตัว ดังนั้นเราจึงต้องจัดแบ่งทีมให้ดี ๆ เพื่อที่ทุกทีมจะได้สื่อสารกันตลอดเวลา” เซี่ยเฟยกล่าว
ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะทันทีที่พวกเขาเข้าไปภายในภูเขาคิ้วแดง มันก็เหมือนกับการบุกเข้าไปภายในถ้ำของมังกร การติดต่อสื่อสารระหว่างทีมในดินแดนที่ไม่รู้จักจึงมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
“ฮัวไป๋ ฮัวเฮย พวกคุณมีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องดวงตาของพวกเรา เซี่ยเกิงคือผู้ค้นหาที่ดีที่สุดของสกายวิง หากเขาเป็นอะไรไปมันจะทำให้ทั้งทีมตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก ผมขอมอบหมายให้พวกคุณเป็นกองหลังของทีม” เซี่ยเฟยกล่าว
“การปกป้องหัวใจสำคัญของทีมเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่พวกเราสองพี่น้องทำได้มากกว่านั้น ฮัวไป๋เป็นกองหลังคนเดียวก็พอแล้ว ส่วนฉันจะบุกไปด้านหน้าพร้อมกันกับพวกนายเอง” เทพดำกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
“ฮัวไป๋คอยคุ้มกันอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอจริง ๆ แต่พวกเราทุกคนคือนักรบความเร็วสูง ผมกลัวว่าคุณจะตามพวกเราไม่ทัน” เซี่ยเฟยกล่าว
ใบหน้าของเทพดำเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เขาก็ทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ
กฎแห่งความเร็วของสกายวิงเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมาก และถึงแม้ว่าเทพดำจะมีพลังในระดับจอมเทพขั้นสูง แต่มันก็ยังยากที่เขาจะไล่ตามพวกเซี่ยเฟยไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกสกายวิงทุกคนยังรู้สึกร้อนใจมากเกินไป การให้เทพขาวกับเทพดำคอยคุ้มกันเซี่ยเกิงเอาไว้จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
เซี่ยเฟยไม่ได้พิจารณาถึงความต้องการทางยุทธวิธีเท่านั้น เพราะในระหว่างเตรียมแผนการเขายังได้ประเมินสภาวะจิตใจของสมาชิกทุกคนภายในทีมอีกด้วย
“เซี่ยเหอหลิน, เซี่ยจิงและเซี่ยหง พวกคุณทั้งสามคือทีมที่ 2 ทำหน้าที่เป็นกองกลางคอยสนับสนุนในกรณีที่กองหน้าหรือกองหลังมีปัญหา” เซี่ยเฟยกล่าวอีกครั้ง
พวกเซี่ยเหอหลินพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร
“สมาชิกกองหน้าคือเซี่ยเหลียงกับเซี่ยเหยา พวกคุณทั้งสองคนคือคนที่เร็วที่สุดในบรรดาสมาชิกภายในทีม ดังนั้นพวกคุณจึงจำเป็นจะต้องรับผิดชอบในการบุกทะลวงเข้าไปในดินแดนของศัตรู”
“คราวนี้พวกเราจะใช้กลยุทธ์ทางด้านความเร็วบุกทะลวงเข้าไปโดยตรง ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับใครเราจะต้องสังหารพวกมันให้หมด หากกองหน้าไม่สามารถจัดการกับศัตรูได้ให้เรียกกองกลางไปสนับสนุนได้ทันที พวกคุณต้องฆ่าทุกคนเท่าที่จะทำได้, ขโมยทุกอย่างอย่าให้เหลือ, ทุบทำลายสิ่งของที่เอาออกมาไม่ได้ เราต้องไม่ปล่อยให้พวกมันตั้งหลักกลับมาทำอะไรพวกเราได้เป็นอันขาด”
“หากพวกมันกล้านำตัวบรรพบุรุษมากักขังที่นี่ พวกเราก็จะบุกทำลายทุกอย่างให้พังราบเป็นหน้ากลอง ภารกิจของเราในวันนี้ไม่เพียงแต่จะต้องช่วยเหลือบรรพบุรุษกลับมาให้ได้เท่านั้น แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไปภูเขาคิ้วแดงจะต้องถูกทำลายลงไปด้วย” เซี่ยเฟยตะโกนปลุกใจ
“ทุกคนมีหน้าที่กันหมดแล้ว แล้วนายล่ะทำอะไร?” เทพขาวกับเทพดำถามขึ้นมาอย่างสับสน
“ผมคือหมาป่าเดียวดายแห่งสกายวิง หน้าที่ของผมคือการคอยสนับสนุนทุก ๆ คนไปพร้อม ๆ กัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“คนเดียว!? นั่นมันอันตรายมากเกินไป!” เทพดำกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยทำอะไรคนเดียวอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ว่าเซี่ยเฟยมีผู้ช่วยอยู่ในมืออย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขนอุย, หงส์ครามหรือแม้กระทั่งแท่งทองที่อยู่ภายในช่องว่างมิติ
—
แผนการของเซี่ยเฟยไม่ซับซ้อนแต่จำเป็นจะต้องพึ่งพาความเร็วที่สูงมาก ทั้งเซี่ยเหลียงและเซี่ยเหยาผู้ซึ่งเป็นกองหน้าต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความเร็วเกินกว่า 20 ล้านเมตรต่อวินาที
“ทางเข้าอยู่นั่น” เซี่ยเหยากล่าวขณะชี้นิ้วไปยังประตูโลหะที่ส่องประกายภายใต้เมฆสีแดง
“มีคนเฝ้า”
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ร่างของนักรบสกายวิงบุกทะลวงด้วยความเร็วสูงทิ้งซากศพเอาไว้ทุกที่ที่พวกเขาเคลื่อนที่ผ่านไป
ระหว่างที่สมาชิกภายในทีมกำลังล่าสังหารผู้คนภายในภูเขาคิ้วแดงอยู่นั่นเอง เซี่ยเฟยก็กำลังยืนอยู่ในห้องลับและจ้องมองไปยังตราสัญลักษณ์บนผนังอันคุ้นเคย
“ภูเขาคิ้วแดงเป็นหน่วยงานลับที่อยู่ภายใต้บริษัทฟิกส์จริง ๆ แบบนี้มันก็หมายความว่าบริษัทฟิกส์คือตัวการที่จับบรรพบุรุษของนายมาขังเอาไว้ในตอนนี้” ลินนิจกล่าว
เมื่อได้รับการยืนยันเซี่ยเฟยก็หยิบกระเรียนขาวขึ้นมาเพื่อติดต่อไปยังเซี่ยเค่อที่อยู่ภายในคฤหาสน์อีวิลวิง
“ยืนยันได้แล้วว่ามันคือบริษัทฟิกส์ ทางฝั่งคุณลงมือได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
***************
ทำลายบริษัทฟิกส์?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 445
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น