ตอนที่ 983 บุกเข้าปากเสือ
ตอนที่ 983 บุกเข้าปากเสือ
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้พบว่ากระเรียนขาวของเขากำลังส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งแรก
“แปลกมาก! กระเรียนตัวนี้กำลังส่งเสียงออกมาอยู่งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยหยิบกระเรียนขาวออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ลองตรวจสอบดูก่อน มันมีคำสั่งอะไรมาหรือเปล่า?” ลินนิจกล่าว
“มันเป็นคำสั่งเรียกตัว! ผู้ที่ถือครองกระเรียนขาวทุกคนจะต้องไปรวมตัวกันยังจุดนัดพบ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสถานการณ์เร่งด่วนมาก” เซี่ยเฟยกล่าว
“หากเราจะเร่งเดินทางพวกเราย่อมไม่มีวิธีการอื่นนอกจากจะต้องเดินทางผ่านปากเสือ แต่บริเวณทางเข้าดินแดนดาร์คไนท์ถูกป้องกันเอาไว้อย่างแน่นหนา เราควรใช้แท่งทองเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติดีกว่า แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานด้วยเหมือนกัน” ลินนิจกล่าว
แต่เดิมพื้นที่บริเวณปากเสือก็เต็มไปด้วยนักรบดาร์คไนท์เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ยิ่งในตอนนี้เซี่ยเฟยเพิ่งสังหารเหวินฉางหลานชายของราชาดาร์คไนท์, โมฮาผู้ควบคุมอสูรร้ายที่ดีที่สุดของเผ่าพันธุ์ แม้แต่องค์หญิงเหวินหยิงก็ยังถูกเซี่ยเฟยตัดแขนจนขาดไป
ด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ราชาดาร์คไนท์คงจะมีคำสั่งให้กองทัพไปรวมตัวกันบริเวณปากเสือเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้เซี่ยเฟยหลบหนี
“ไม่ ตอนนี้มันเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน เราไม่มีเวลาอ้อมเข้าไปในช่องว่างมิติอีกต่อไปแล้ว พวกเราจำเป็นจะต้องเดินทางกลับผ่านทางพื้นที่ปากเสือเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แต่บริเวณปากเสือเต็มไปด้วยกองกำลังของศัตรูเลยนะ ถึงแม้เจมินี่จะเป็นยานที่รวดเร็วที่สุดในจักรวาล แต่หากศัตรูวางกับดักเอาไว้มันก็ยังอันตรายมากเกินไป” ลินนิจกล่าวอย่างกังวล
“เมื่อตระกูลเรียกตัวผมควรกลับไปโดยเร็วที่สุด แม้ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเด็ดขาด
—
ฟุบ!
เจมินี่พุ่งตัวออกไปราวกับดาวตกที่กำลังบินข้ามท้องฟ้า
ด้วยความกังวลใจเซี่ยเฟยจึงเร่งความเร็วของเจมินี่อย่างสุดกำลัง จนทำให้ในตอนนี้พวกเขาได้ทำลายความเร็วที่สูงที่สุดในดินแดนกฎด้วยการเดินทางผ่านยานรบไปแล้ว
“ดูนั่น! พวกดาร์คไนท์เตรียมกองยานเอาไว้หลายพันลำเลย!” ลินนิจกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล หลังจากที่เขาสังเกตผลการสแกนของระบบเรดาร์
เซี่ยเฟยหยุดยานรบอยู่ไม่ไกลจากปากเสือโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นเขาก็นำธนูผนึกสวรรค์ออกมา ก่อนที่จะเริ่มรวบรวมพลังยิงลูกศร 3 ดอกออกไปในเวลาเกือบจะพร้อม ๆ กัน
นี่คือลูกศรที่เป็นส่วนผสมระหว่างกฎแห่งความโกลาหล, กฎแห่งความเร็วและกฎมิติ ทำให้มันถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วและมีพลังทำลายล้างระดับที่สามารถทำลายดาวทั้งดวงได้ในคราวเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังได้ทำการปลดปล่อยพลังสูงสุดของกฎแห่งความโกลาหล โดยการสร้างดาบจันทร์ทมิฬจู่โจมออกไปอีกด้วย
ตูม!
ทันทีที่ลูกศรเข้าปะทะกับเป้าหมาย มันก็ก่อให้เกิดการระเบิดอันรุนแรงที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า กว่าที่กองทัพดาร์คไนท์จะทันได้รู้ตัวกองยาน 1 ใน 3 ของพวกเขาก็ถูกทำลายลงไปแล้ว
“แรงมาก! ไม่น่าเชื่อเลยว่าการใช้กฎแห่งความโกลาหลควบคู่กับธนูผนึกสวรรค์จะให้ผลลัพธ์ที่น่ากลัวแบบนี้” ลินนิจกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย
เซี่ยเฟยคือนักรบความเร็วสูงที่ชอบเข้าใกล้ศัตรูและพึ่งพาความเร็วในการจัดการกับศัตรูทีละคน แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูหลายล้านคน การพึ่งพาความเร็วเพื่อสังหารเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเกินไป ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงตัดสินใจใช้การโจมตีระยะไกลแบบวงกว้างเพื่อทำลายศัตรูเป็นจำนวนมากลงไปในคราวเดียว
ความสับสนของศัตรูคือโอกาสของเซี่ยเฟย ชายหนุ่มจึงรีบออกจากยานและมุ่งหน้าตรงไปยังปากเสืออย่างรวดเร็ว
“ฉันก็คิดว่านายจะมีแผนดี ๆ แต่แผนของนายคือการพุ่งเข้าไปตรง ๆ เนี่ยนะ?! แผนแบบนี้มันจะไม่โจ่งแจ้งเกินไปหน่อยเหรอ? อย่าลืมนะว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับกองยานขนาดใหญ่” ลินนิจกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบหน้าผาก
“มันอาจจะไม่ใช่แผนที่ดีที่สุด แต่มันคือแผนที่เร็วที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ
หากใครกล้ามาขวางเขาในตอนนี้เขาจะทำการสังหารศัตรูพวกนั้นให้หมด แม้ว่าผู้ที่เข้ามาขวางจะเป็นจอมกฎแต่เขาก็จะสังหารทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อสกายวิงมีคำสั่งเรียกตัวฉุกเฉินเขาก็จำเป็นจะต้องรีบเดินทางกลับโดยเร็วที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นกระเรียนขาวยังเป็นสัญลักษณ์ที่สูงกว่าคำสั่งปีกคลั่ง เพราะผู้ที่ถือครองกระเรียนขาวได้นั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบคนสำคัญของตระกูล และแม้แต่ราชันย์ขั้นที่ 8 อย่างเซี่ยกวงไห่ก็ยังไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครองกระเรียนขาวตัวนี้เลย
เซี่ยเฟยคือดีม่อนวิงเพียงคนเดียวนอกเหนือจากบรรพบุรุษ เขาจึงมีสิทธิ์ได้ครอบครองกระเรียนขาวเป็นเรื่องธรรมดา คนอื่น ๆ ที่ถือกระเรียนขาวย่อมเป็นคนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน และการที่คำสั่งเรียกตัวถูกใช้ผ่านกระเรียนขาวแบบนี้ มันย่อมหมายความว่าปัญหาที่ตระกูลกำลังเผชิญเป็นปัญหาครั้งใหญ่ที่ยากจะแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
สงครามระหว่างสกายวิงกับผู้สร้างน่าจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้มันก็ทำให้เซี่ยเฟยเป็นกังวลจนทำให้เขาเร่งความเร็วในการสังหารให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
เนตรมนตรา!
เซี่ยเฟยเริ่มใช้วิชาเนตรและสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง
“เจออะไรไหม?” ลินนิจถามอย่างระแวดระวัง เพราะเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันดูสบายมากเกินไป
“ไม่เจออะไรเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ฟุบ!
ชายหนุ่มกัดฟันเร่งความเร็วอย่างสุดกำลัง เพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงเขาก็ตัดสินใจที่จะบุกทะลวงผ่านปากเสืออย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเซี่ยเฟยก็มาถึงบริเวณจุดสิ้นสุดของปากเสือแล้ว ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถออกจากเส้นทางอันยาวไกลแห่งนี้ได้ เขาย่อมสามารถเดินทางผ่านเจมินี่กลับสู่ดินแดนกฎได้อย่างปลอดภัย
แต่ในทันใดนั่นเองมันก็มีร่างสีดำพุ่งออกมาปิดขวางเส้นทางของเซี่ยเฟยเอาไว้ โดยคนเหล่านี้พุ่งออกมาปิดล้อมด้านหน้า 6 คนและมีคนตามมาปิดล้อมด้านหลังอีก 6 คน
เซี่ยเฟยหยุดสังเกตการณ์พร้อมกับประมวลผลทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
“แกกล้ามากนะที่บุกมายังปากเสือคนเดียวแบบนี้ พวกเรารอแกมานานแล้ว อย่าหวังว่าแกจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเราในวันนี้ไปได้!!” นักรบเกราะดำพูดด้วยภาษากลางของดินแดนกฎ โดยนักรบทุกคนต่างก็สวมใส่ชุดเกราะและใช้อาวุธที่เหมือนกันทุกประการ คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นคนจากกองกำลังเดียวกัน
นักรบเกราะดำทั้ง 12 คนค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะเป็นนักรบที่เก่งเท่านั้น แต่พวกเขายังมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้แบบกลุ่มอีกด้วย มันจึงไม่มีช่องว่างหลงเหลือให้เซี่ยเฟยหลบหนีไปได้เลยแม้แต่น้อย
“นายมีแผนอะไรไหม? รีบใช้ความเร็วกับวิชาแปลก ๆ ของนายฝ่าวงล้อมออกไปก่อนสิ” ลินนิจกล่าวอย่างประหม่า
“ขอแค่ฆ่าพวกมันให้หมดพวกเราก็หลุดออกไปจากวงล้อมเอง” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
ทันทีที่เขาพูดจบขนอุยก็ปรากฏกายออกมายิงลูกบอลพลังงานไปยังนักรบเกราะดำ 6 คนที่อยู่ด้านหลัง ขณะที่เซี่ยเฟยพุ่งตัวออกไปรับมือนักรบอีกหกคนที่อยู่ด้านหน้า
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เพราะภายในเวลาไม่กี่วินาทีมันก็มีการปะทะกันเกิดขึ้นแล้วหลายร้อยรอบ
นักรบเกราะดำกลุ่มนี้คือยอดนักสู้ในหมู่ยอดนักสู้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังรวมกลุ่ม 3 คนประสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ แล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจเทียบชั้นความเร็วกับเซี่ยเฟยได้ แต่พวกเขาก็อาศัยปฏิกิริยาการตอบสนองอันเฉียบคมในการรับมือกับชายหนุ่มได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นนักรบเหล่านี้ยังไม่รีบที่จะสังหารเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว คล้ายกับว่าพวกเขาต้องการใช้ความได้เปรียบทางด้านจำนวนเพื่อสร้างภาระให้กับร่างกายของศัตรูอย่างช้า ๆ แล้วค่อยสังหารในคราวเดียว
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีความได้เปรียบทางในด้านความเร็วและอาวุธมายา แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือกับยอดนักสู้หลาย ๆ คนพร้อมกันแบบนี้ได้ ถึงแม้ว่านักรบเหล่านี้จะไม่ได้ใช้พลังกฎ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีพลังที่ด้อยไปกว่าชายหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว
ระหว่างการต่อสู้ลินนิจทำหน้าที่ควบคุมเนอร์วาน่าในการโจมตี ซึ่งในคราวนี้มันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
การฟาดฟันของลินนิจทุกครั้งเต็มไปด้วยจิตสังหารแตกต่างจากการจู่โจมของลินนิจในก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ย้อนกลับไปเมื่อลินนิจควบคุมเนอร์วาน่าเขาจะสร้างแรงกดดันให้กับศัตรูได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ในตอนนี้การโจมตีของลินนิจกลับกลายเป็นการโจมตีอันหนักหน่วงที่สามารถกดดันศัตรูได้เป็นอย่างดี
เซี่ยเฟย, ลินนิจ, เนอร์วาน่าและหงส์ครามเผชิญหน้ากับนักรบทั้งหกที่อยู่ด้านหน้า แต่ขนอุยกลับต้องเผชิญหน้ากับนักรบทั้งหกด้านหลังเพียงลำพัง
ดวงตาคู่น้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ขนทั่วทั้งร่างของมันพองขึ้นมาราวกับปลาปักเป้า
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนแต่เขาย่อมไม่สามารถเผชิญหน้ากับนักรบเหล่านี้ทั้ง 12 คนพร้อมกันได้อย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขนอุยก็จำเป็นจะต้องหยุดศัตรูทั้งหกคนนี้เอาไว้ให้ได้
ชายหนุ่มเคลื่อนที่อย่างเหนือธรรมชาติโดยวิชาเล่ห์กายา แต่เขาก็ยังไม่สามารถใช้หงส์ครามจู่โจมเข้าใส่นักรบที่อยู่ใกล้กับเขาที่สุดได้ อย่างไรก็ตามด้วยการมีอยู่ของอาวุธลับ ในที่สุดไวท์สคัลก็สามารถฟันเข้าใส่ต้นขาของชายคนหนึ่งได้
บาดแผลที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็ก ๆ แต่ผลของไวท์สคัลก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ในทันที จนทำให้นักรบคนนี้เริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจระหว่างมิตรหรือศัตรู
น่าเสียดายที่คนกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นกลุ่มนักรบที่โหดที่สุดเท่าที่เซี่ยเฟยเคยเห็นมาอีกด้วย
ภาพที่เห็นคือร่าง 3 ร่างพุ่งเข้ามาปลิดชีวิตสหายที่บ้าคลั่งในทันที โดยไม่มีอาการลังเลเผยออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
นักรบที่เหลือทั้งห้ารวมกลุ่มเข้าด้วยกันใหม่ไม่ใช่การจับกลุ่ม 3 คนแบบเดิมอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ถูกบีบบังคับให้ต้องใช้พลังงานภายในสมองออกมา จนทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานอีกครั้ง
“ฆ่ามัน!!” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งอย่างเรียบง่าย แต่ความหมายของคำสั่งถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจน
***************
ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ออกมา หรือ 3 จอมเทพที่ติดตามพี่เฟยรีบไปจุดนัดพบแล้ว?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 219
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น