บทที่ 180 ผู้หญิงคนนั้นก็คือ...
กิตที่เกริ่นนำขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เขาเหลือบมองไปยังลูกน้องคนสนิทเล็กน้อย พร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นในใจว่า ‘เรื่องสำคัญอะไรว่ะ ทำไมมันดูตื่นเต้นพิกล’
เขาที่ได้แต่สงสัยแต่ไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไป ก่อนจะเปิดโอกาสให้ลูกน้องของตัวเองได้บอกเล่าออกมา
“อ่ะ...ว่ามา” ผมตอบเสียงเรียบ ก่อนจะหลับตาพักสงบสติอารมณ์ที่แทบจะระเบิดของตัวเองให้เบาลง
“เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากสิ่งที่ผมเค้นมาได้จากไอ้ขี้ยา ยังมีเรื่องที่บอดี้การ์ดของท่านหญิงเล่าให้ฟังอีกครับว่า...วันนั้นท่านหญิงรีบลงจากรถเพื่อจะมาหานายที่ เพนท์เฮ้าส์ โดยที่ท่านหญิงไม่ได้รอให้บอดี้การ์ดลงมาเคลียร์ทางก่อน และในระหว่างนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้โจรขี้ยามันเดินตามมาพอดี มันที่ตรงเข้าเข้ามากระชากกระเป๋าของท่านหญิงแล้ววิ่งหนีไป นายรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น...” กิตเว้นวรรคเพื่อให้ได้อรรถรส
“................” กิตเงียบเพื่อรอปฏิกิริยาจากผู้เป็นนาย
“................” กิตที่ยังคงตื่นเต้นและเงียบเพื่อรอให้เจ้านายถามกลับ โดยที่ตัวเองก็ไม่ยอมเล่าต่อ
ดวงตาคมของคนที่พักสายตาเมื่อครู่หรี่ลืมขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเสียงของลูกน้องคนสนิทเงียบหายไป
“เอ้า...มึงไม่เล่าต่อล่ะ กูก็รอฟังอยู่เนี้ย...กวนตีนนักนะมึง” เขาที่เริ่มหงุดหงิดที่ลูกน้องเล่าไม่ต่อเนื่อง เพราะอยากรู้ในสิ่งที่ลูกน้องแสดงอาการตื่นเต้นมาตั้งแต่ต้น แต่เขาก็ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้อยากฟังอะไรมากมาย ก่อนจะแอบบ่นใส่ลูกน้องไปเล็กน้อย
กิตแอบยิ้มให้กับทีท่าของเจ้านายตัวเอง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ต่อเผือกของผู้เป็นนายคงสั่นระริกอยากจะรู้ในสิ่งที่เขากำลังจะเล่าให้ฟังแล้ว ก่อนที่เขาจะเล่าต่อด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเดิม
“หลังจากนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยท่านหญิงเอาไว้ครับ” กิตที่ยิ่งเล่าก็ยิ่งตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
“ห๊ะ!! มีผู้หญิงมาช่วยเอาไว้เนี้ยนะ ไม่เห็นแม่เล่าให้ฟังเลย” ผมที่ตกใจกับข่าวใหม่ที่ได้ยิน ก่อนที่จะแอบคิดว่า ผู้หญิงที่ไหนกันนะช่างกล้าหาญมากจริง ๆ แถมยังมีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนที่ตัวเองไม่รู้จักอีกด้วย
เขาที่ถึงกับลืมตาโพลงขึ้นมา พร้อมกับหันหน้าไปทางลูกน้อง อย่างไม่อยากจะเชื่อ...
“ใช่ครับ...เห็นบอดี้การ์ดเล่าว่า เธอแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ รอจังหวะที่ไอ้โจรมันวิ่งไปทางเธอ จากนั้นเธอก็จัดการหวดด้วยไม้หน้าสาม... ป๊าบ...เดียว...จอด ไอ้ขี้ยาลงไปนอนชักกระแด่ว ๆ เลยครับ” กิตเล่าพร้อมออกสเต็ปจนดูโอเว่อร์
เขาที่เหลือบไปมองหน้าลูกน้องตัวเองอีกครั้ง แบบคนไม่เชื่อ (หึ...กูจะไม่เชื่อตรงนอนชักกระแด่ว ๆ นี่แหละ)
“เล่าเว่อร์ไปแล้วนะมึง” เขาเอ่ยปรามลูกน้อง
“จริงนะครับนาย นี่ผมก็ลอกคำพูด ท่าทางของบอดี้การ์ดของท่านหญิงมาแบบไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะครับ” กิตพูดด้วยท่าทีจริงจัง เพราะกลัวเจ้านายเขาจะไม่เชื่อ
“แล้วไงต่อ...” ผมที่รู้สึกสนใจในความกล้าของผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทต่อ
“ก็หลังจากที่เธอซัดไอ้โจรจนมันนอนแน่นิ่งไป เธอก็รีบวิ่งเอากระเป๋าไปคืนให้กับท่านหญิง บอดี้การ์ดที่ตามมาทันได้เห็นพอดี เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากเลยครับนาย สวยน่ารักถึงขั้นที่ท่านหญิงอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้เลยนะครับ” กิตที่เน้นในประโยคหลัง จนคนที่ได้ยินถึงกับสำลัก
“แค่ก แค่กๆๆๆ”
“หรอ...แล้วยังไง มึงก็รู้นี่ ว่าชาตินี้กูไม่มีทางแต่งงานกับใครได้อีกแล้วนอกจากเมียกู อีกอย่างกูก็ไม่มีทางรักใครได้อีกแล้วด้วย และถึงแม่กูอยากจะได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมียกูมากแค่ไหน อยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ของเขามากเท่าไหร่ แต่ถ้ากูไม่ยอมใครหน้าไหนก็มาบังคับกูไม่ได้” เขาแค่นหัวเราะออกมาด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับพูดความในใจของตัวเองออกไปจนหมดสิ้น
อีกทั้งเขายังรู้ดีว่าลูกน้องคนสนิทของเขา ย่อมรู้ใจของเขาอยู่แล้ว และที่เขาดูจะสนใจนิด ๆ ก็เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ดูใจกล้าดี ถ้ามีฝีมือจริง เขาก็อยากจะเอามาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้เมียตัวน้อยของเขายามที่เขาไม่ว่างมาดูแลเธอ
เขาที่คิดได้แบบนั้นจริง ๆ ไม่ได้สนใจในเรื่องที่แม่เขาอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ หรือว่าไอ้กิตมันจะบรรยายว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากแค่ไหน เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจในสิ่งที่ลูกน้องเล่าให้ฟังเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกเลย กลับนั่งเฉย ๆ รอเวลา เพื่อที่จะได้กลับไปหายอดดวงใจอันเป็นที่รักหนึ่งเดียวในหัวใจของเขาที่รออยู่ที่บ้านของเราเท่านั้น
แต่ทว่า...เหมือนไอ้กิตจะดูชื่นชมผู้หญิงคนนี้จนออกนอกหน้า เอาแต่โม้ให้ฟังตัวเขาไม่หยุด จนเขาเริ่มรู้สึกรำคาญ
“แต่นายครับ นายไม่อยากรู้หรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ก็ในเมื่อเขาที่ไม่ได้สนใจถึงเรื่องราวผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ฟังในสิ่งที่ลูกน้องพูด
“นะ...นาย นายไม่อยากรู้จริง ๆ หรอครับ” ลูกน้องคนสนิทของเขายังตื๊อไม่เลิก
แต่ด้วยอาการอยากจะบอกเสียเหลือเกินของลูกน้องคนสนิทของเขา ทำให้เขาอยากจะตัดบทความรำคาญ อยากจะให้มันรีบ ๆ เล่า รีบ ๆ ไปซะที
“อ่ะ...แล้วมึงไปรู้มาได้ยังไง ว่าเขาเป็นใคร” ผมที่พ่นลมหายใจแรงออกมา ด้วยความรำคาญที่ทำไมวันนี้ลูกน้องคนสนิทช่างเซ้าซี้เขาซะเหลือเกิน
“ผมก็ไปตามสืบมาอีกสิครับนาย ว่าผู้หญิงที่ท่านหญิงเธียร่าอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ถึงขนาดออกปาก เธอจะสวยขนาดไหน และเก่งขนาดไหน ถึงขั้นเข้าตากรรมการอย่างท่านหญิงได้” กิตพูดด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับหัวใจที่ลิงโลดจนแทบจะกระโดดออกนอกอกด้วยความตื่นเต้น
“เออดีจริงลูกน้องกู...มึงก็ขยันสร้างงานให้กูจริง ๆ นะอุตส่าห์ไปตามหาผู้หญิงคนนั้นซะด้วย” เขาส่ายหัวไปมาให้กับลูกน้องคนสนิทด้วยความเอือมระอา ก่อนจะสบถเบา ๆ ใส่
“หึหึหึ...แต่รับรองได้ว่า ถ้านายรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร นายอาจจะถูกใจผู้หญิงคนนี้ก็ได้นะครับ” กิตพูดอย่างมีเลศนัย
ผมที่หรี่ตามองไปยังลูกน้องคนสนิททันทีหลังจากฟังประโยคที่ออกจากปากของมันจบ เพราะในคำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะมีลับลมคำในบางอย่าง และไอ้สิ่งเหล่านั้นมันก็เหมือนแรงกระตุ้นให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของผมทำงาน
“อ่าฮ้า...สายตาแบบนี้...นายอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะครับ ผมเอาหัวเป็นประกันเลยว่า ถ้านายได้รู้แล้วละก็นายจะต้องตกใจ...จนอึ้งไปเลย” กิตที่ดูมาดมั่นกับคำตอบของตัวเองมาก ว่าจะทำให้เจ้านายของเขาอึ้งกิมกี่ได้
“อ่ะ...อย่าลีลามากนักเดี๋ยวกูก็เตะให้สักป๊าบหรอก รีบบอกมา มึงจะได้ไปทำอะไรอย่างอื่นบ้าง มายืนแพล่มเรื่องผู้หญิงคนอื่นให้กูฟังอยู่ได้...แล้วนี่ยังไง...เลิกจงรักภักดีกับเอลิสเมียกูแล้วหรือไง ถึงดูเชียร์ผู้หญิงคนอื่นออกนอกหน้าซะขนาดนี้” ผมที่อดแขวะลูกน้องคนสนิทของตัวเองไม่ได้ เพราะรู้สึกหมั่นไส้ในความมั่นใจของมัน
และในขณะที่กิตกำลังจะเปิดปากบอกถึง ตัวตนของผู้หญิงที่เขาไปสืบมาจนพบ ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร เสียงที่ เป็นเหมือนกับระฆังขัดจังหวะ ในการที่จะได้รับความดีความชอบของเขาก็ดังขึ้น...
“ผู้หญิงคนนั้นก็คือ....”
“ไป...ตาเซฟ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะลูกนาน ๆ จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักที” เสียงท่านหญิงเธียร่าดังขึ้นมา
‘อ๊ากกกกกก’ ท่านหญิงงงงงงงงง
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 62
แสดงความคิดเห็น