บทที่ 152 คำตอบคือ...
.......... “แต่งค่ะ” ..........
ฉันบอกเขาพร้อมกับยิ้มหวานที่สุดในชีวิตไปให้เขา ก่อนคนตัวโตที่คุกเข่าพร้อมกับทำสายตาเศร้าในตอนแรก จะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นเหมือนเด็ก ๆ แล้วอุ้มตัวฉันยกขึ้นหมุนรอบตัวเอง
“ฮ่าๆๆๆ เย้ๆๆๆ เอลิซยอมแต่งแล้วโว้ยยย เมียกูยอมแต่งงานกับกูแล้วโว้ยยยยย ได้ยินไหมทุกคนกูจะมีเมียที่ถูกต้องแล้วโว้ยยยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆ” เขาที่หัวเราะพร้อมกับตะโกนพูดไปเรื่อยจนฉันอดที่จะอายไม่ได้
แปะ แปะ แปะๆๆๆ
“ดีใจด้วยนะครับนาย”
“นายครับพวกผมดีใจด้วยนะครับ”
“พวกเราดีใจด้วยนะคะนายท่านเซบาสเธีย”
“ป้าดีใจด้วยนะคะนายท่าน”
เหล่าลูกน้องและคนงานที่อยู่บนเกาะ รวมทั้งพี่กิตและป้าสาย ต่างออกมาจากที่ซ่อนแล้วร่วมกันแสดงความยินดีให้กับข่าวดีของเราสองคน
เขาที่ยังอุ้มฉันหมุนไปรอบ ๆ จนฉันเริ่มที่จะเวียนหัว ก่อนที่ฉันจะเอ่ยบอกให้เขาวางฉันลงได้แล้ว
“เฮีย พอได้แล้วค่ะ เอลิซเวียนหัวไปหมดแล้ว” ฉันเอ่ยติงเขา แต่ใบหน้าหวานก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขที่เอ่อล้นออกมาเต็มใบหน้า
“จ๊ะๆๆๆ ได้หมดเลยจ้ะเมียจ๋าาาา” เขาพูดไปยิ้มกว้างไป จนฉันอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรยิ้มทีใจละลาย ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากให้ใครได้เห็นรอยยิ้มนี้เลย ฉันอยากจะเก็บไว้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว
เขาวางฉันลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา และเมื่อเท้าฉันได้แตะลงบนทรายปุ๊บฉันก็เกิดอาการเซเล็กน้อย เพราะเวียนหัวเนื่องจากเขาที่จับฉันหมุนไปมาหลายรอบ ก่อนที่เขาจะรีบเข้ามาประคองโอบกอดฉันเอาไว้แนบอก
“แหะๆๆ เฮียขอโทษนะคะ ดีใจมากๆๆๆๆ ไปหน่อย เวียนหัวมากไหม...หืมมม” เขาที่ถามฉันด้วยความห่วงใยแต่ก็ไม่วายที่จะพูดจาทะเล้น
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ” ฉันที่เมื่อตั้งหลักได้ ก็หยัดตัวยืนตรงขึ้น แล้วเอ่ยตอบเขา
“อ่ะ...ดีใจจนลืมเลย” เขาที่เหมือนนึกอะไรออก
มือหนาเอื้อมมาจับมือบางเพื่อที่จะสวมแหวนเข้าไปยังนิ้วนางข้างซ้าย
“นี่เป็นแหวนประจำตระกูลของเฮีย ถึงเพชรเม็ดมันจะไม่ใหญ่มากนัก แต่มันเป็นสิ่งล้ำค่ามากเลยนะสำหรับตระกูลเฮีย เพราะว่าแหวนวงนี้จะตกทอดให้เฉพาะตำแหน่งผู้สืบทอดเท่านั้น และจะต้องพิสูจน์ตัวเองพร้อมกับได้รับการยอมรับแล้วเท่านั้นถึงจะได้มันมา แม่ของเฮียถอดให้เฮียมานานแล้ว อีกทั้งท่านก็สั่งเอาไว้ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเมื่อไรที่เฮียเจอคนที่เฮียมั่นใจว่าจะรักเธอคนเดียวไปตลอดชีวิตแล้วล่ะก็ ถึงวันนั้นก็ให้เฮียเอาไปใส่ให้เขา” เขาพูดอธิบายถึงที่มาของแหวนวงนี้ด้วยแววตาเป็นประกายและเปี่ยมไปด้วยความสุข ก่อนจะบรรจงจูบลงมาบนแหวนที่อยู่บนนิ้วอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก
ฉันมองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ มันเกินกว่าสิ่งที่ฉันจะจินตนาการเอาไว้ และยิ่งเมื่อมองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ฉันได้เจอ ณ เวลานี้ มันคุ้มแล้วกับที่ฉันได้ตัดสินใจที่ให้โอกาสเขาและพร้อมที่จะใช้ชีวิตกับเขา
รอยยิ้มหวานฉายขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างไม่มีทีท่าจะจางหาย ยิ่งเมื่อได้ยินอนาคตที่เขาอยากจะมีร่วมกับฉันด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ฉันหัวใจยิ่งพองโตจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
“และวันหนึ่งถ้าเรามีลูกชาย แล้วเขาพิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้สืบทอดได้แล้ว ถึงวันนั้นเอลิซก็จะมีหน้าที่อันทรงเกียรติในการส่งมอบแหวนประจำตระกูลวงนี้ต่อไป...ดีไหมล่ะ” เขาที่พูดพร้อมกับจับมือข้างที่สวมแหวนขึ้นมามองอย่างไม่รู้เบื่อ
“ชิ...ใครจะไปมีลูกด้วยล่ะค่ะ ถ้าเกิดมาแล้วมีนิสัยเหมือนคุณพ่อ...คุณแม่ไม่ปวดหัวแย่เลยหรือ” ฉันที่ทำเป็นพูดปฏิเสธเขา แต่ใบหน้ากับเห่อร้อนไปด้วยความอาย อีกทั้งหัวใจยังอิ่มเอมเมื่อยามคิดไปถึงวันที่เราสองคนมีลูกด้วยกัน
“ก็คนนี้ไงแม่ของลูกเฮีย คอยดูนะเฮียจะมีลูกสักโหลหนึ่ง เอลิซจะได้หนีเฮียไปไหนไม่ได้” เขาที่ยังเออออยู่คนเดียว ก่อนจะสวมกอดฉันแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ส่วนฉันก็ได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ เพราะตัวเองนั้นก็มัวแต่มองแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างท่วมท้น
“นับตั้งแต่วินาทีนี้ไป เอลิซเป็นผู้หญิงของเซบาสเธียทั้งพฤตินัยและนิตินัยแล้วนะคะ...จุ๊บ ~~ “เขาเอ่ยคำพูดแสดงย้ำความเป็นเจ้าของ จากนั้นก็ค่อยบรรจงจูบลงมาที่กลางหน้าผากของฉันด้วยความรัก
“เอาไว้ถ้ามีใครเข้ามาจีบเอลิซ เดี๋ยวเอลิซจะโชว์แหวนวงนี้ให้เขาดูไปเลยดีไหมคะ” ฉันยิ้มจนตาหยี พร้อมกับยกมือทำท่าทางให้เขาดู
“ดีมากค่ะ แต่จะให้ดีกว่านี้ก็อยู่ใกล้ ๆ เฮียไม่ต้องห่างเฮียไปไหน รับรองได้ถ้ามีใครหน้าไหนกล้ามาจีบเมียรักของเฮีย เฮียรับรองได้เลยว่านั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่มันได้ทำ!!” เขาเอ่ยชมฉันในตอนแรก ก่อนจะทำเสียงเข้มแสดงความดุร้ายออกมาในคำพูดประโยคหลัง
“ดุจังเลยนะคะ...ฮึ” ฉันที่แกล้งแซวเขาพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปบีบจมูกที่เป็นสันสวยได้รูปไปมา
“ดุมาก หวงมาก หึงมาก และรักมากด้วย” เขาที่จับมือของฉันออกจากจมูกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
เมื่อแววตาคมเข้มสีเทาแสนเสน่ห์จับจ้องเข้ามายังดวงตากลมโตสุกใส หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะก็ดีดเด้งรัวเป็นกลองขึ้นมาทันที ทำไมกันนะฉันถึงแพ้ให้กับสายตานี้ทุกที ทั้งที่ได้สบตาอยู่บ่อย ๆ แล้วแท้ ๆ แต่ใจก็ยังสั่นระรัวให้กับสายตาของเขาอยู่ทุกที
สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของคนทั้งสองที่ต่างทอดมองกันและกัน เป็นเสมือนการบอกความรู้สึกในใจโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูด ความวาบหวามที่ก่อตัวขึ้นภายในร่างกายของเราทั้งสอง เริ่มปลุกเรียกให้ทำตามสัญชาตญาณความต้องการของร่างกายให้บังเกิดขึ้น
ใบหน้าคมเข้มที่โน้มเข้ามาหาใบหน้าหวานขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่รอรับการจุมพิต เงยหน้าขึ้นเพื่อรับการประทับรอยจูบ ดวงตากลมโตหลับพริ้มลงเพื่อให้ตัวเองได้สัมผัสถึงความหวานละมุนที่จรดลงบนริมฝีปากอวบอิ่ม
ลิ้นร้อนถูกส่งออกมาละเลียดชิมริมฝีปากนุ่ม ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้เข้าไปในโพรงปาก เพื่อคว้านหาสิ่งที่เหมือนกัน
และเมื่อความนุ่มนิ่มชื้นแฉะของทั้งสองได้มาพบกัน ต่างฝ่ายต่างก็เข้าจู่โจมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความดูดดื่มหอมหวานคละคลุ้งไปทั่วริมฝีปาก เสียงที่เกิดจากการแลกลิ้นแลกสัมผัสก็กลับกลายเป็นเสมือนเสียงที่ทั้งสองพร่ำบอกรักกันอย่างไม่รู้เบื่อ
การกระทำของคนทั้งสองที่ทำเหมือนกับว่าบนโลกใบนี้มีเพียงแค่เขาสองคน ถึงกับทำให้บรรดาลูกน้องและคนงานที่ก่อนหน้านี้ออกมาร่วมยินดีปรีดาสรรเสริญในข่าวดีและความสุขของเจ้านายทั้งสอง ต่างรีบสลายตัวออกไปจากบริเวณนั้นทันที เนื่องจากกลัวว่าพวกตนเองจะทนไม่ไหวสำลักความสุขของผู้เป็นนายจนอาจจะตายได้...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 41
แสดงความคิดเห็น