บทที่ 70 พบกันเป็นครั้งที่'สาม'

พ่ายเกมสวาท

-A A +A

บทที่ 70 พบกันเป็นครั้งที่'สาม'

หมวดหนังสือ: 

ความกังวลฉายขึ้นบนใบหน้าหล่อขาวใส เมื่อมองภาพที่ถูกส่งมาในมือถือพร้อมกับตัวหนังสือที่รายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนี้ งั้นก็ไม่ได้การล่ะ ผมควรที่จะต้องลงมือก่อน...

 

รายงานล่าสุดถูกส่งมาว่าเอลิซและเซบาสเธีย อยู่ที่ผับสุดหรูที่เป็นของเซบาสเธีย ที่ที่ผมเจอเธอและตกหลุมรักเธอเป็นครั้งแรก ภาพความทรงจำอันสวยงามตอนที่ผมได้เจอเธอฉายวนซ้ำเข้ามา ผมรีบเก็บข้าวของส่วนตัวแล้วตรงดิ่งไปยังผับแห่งนั้นทันที

 

ณ ผับหรูใจกลางเมือง

 

ผมมาถึงด้วยหัวใจที่พองโต ที่จะได้พบเจอเธออีกครั้ง แม้ข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมดจะทำให้ผมรู้ว่าผมแทบจะไม่เหลือโอกาสที่จะได้ครอบครองเธออีกแล้ว แต่ผมก็อยากที่จะขอเป็นเพื่อนเป็นผู้หวังดีต่อเธอ ผมยังอยากให้โลกใบนี้มีดวงตาสุกใสสกาวแสนเสน่ห์ของเธอ มีรอยยิ้มหวานกินใจของเธอ มีความน่ารักสดใสของเธออยู่

 

เมื่อผมเข้ามาข้างในสถานที่คุ้นเคยแห่งนี้ ผมเข้าไปนั่งตำแหน่งเดิมที่ผมเคยได้มองเห็นเธอ ใช้เวลาไม่นานก็ปรากฏร่างสวยที่คุ้นตา เดินมายังเคาน์เตอร์บาร์และนั่งลงยังเก้าอี้ตัวเดิม เธอยังคงมีออร่าเปล่งประกายเฉกเช่นเดียวกับวันนั้น เพียงแค่เปลี่ยนลุคเล็กน้อย เสื้อคอเต่า เอวลอยที่เว้าแขน แล้วก็เว้าหลัง เข้ากับกระโปรงหนังสีขาวสั้นเอวต่ำ ส่งให้วันนี้เธอดูน่ารักขี้เล่นสดใส ทำเอาผมละสายตาจากเธอไม่ได้เลย

 

ผมนั่งมองเธอ ใจหนึ่งผมอยากจะเดินเข้าไปหาไปทักทายเธอ แต่ในสถานที่ที่เป็นของเซบาสเธีย และโดยเฉพาะตอนนี้เธอเป็นคนของเขาแล้ว การปรากฏตัวของผมอาจจะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายไหนเลย เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ได้แต่ชะลอความคิดที่จะเข้าหาเธอ พร้อมกับสาดน้ำสีอำพันลงคอเพื่อเรียกกำลังใจ

 

หลังจากที่ฤทธิ์ของดีกรีในแอลกอฮอล์ที่อยู่ในมือ เรียกความมั่นใจให้กับผมได้แล้ว บวกกับคำพูดของแม่ที่ดังก้องอยู่ในโสตประสาท ลองลุยสักตั้งแล้วจะได้ไม่กลับมานั่งเสียดายทีหลังอีกทำให้ผมตัดสินใจแล้วว่า ยังไงวันนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่าผมมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

 

แต่อีกอย่างที่สำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจจะเข้าไปพูดคุยกับเธอนั่นก็เพราะว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาเธอก็มีคนมากหน้าหลายตาพยายามเข้าหาเธอตลอด แม้ว่าเธอจะปฏิเสธคนเหล่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกล้าของผมลดน้อยลงไปเลย ในเมื่อพวกเขากล้า แล้วทำไมผมจะไม่กล้า หน้าตาผมก็ดีกว่า หน้าที่การงานของผมก็ไม่เป็นสองรองใคร นามสกุลผมถ้าลองได้เอ่ยออกไปก็ไม่มีใครแทบจะไม่รู้จัก (แต่พวกเขาอาจจะไม่รู้จักชื่อผมเพราะว่าผมมันไม่ได้สำคัญต่อตระกูลนี้)

 

ผมสาดเครื่องดื่มที่เหลือในมือลงคอ แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ด้วยหัวใจเต้นระรัว ความคิดผสมปนเป เธอจะไล่ผม รังเกียจผม ไม่คุยกับผมไหม ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วผมจะต้องทำตัวยังไง

 

ความคิดที่มีมาพร้อมกับขาที่ก้าวเดินออกไปจนกระทั่งหยุดอยู่ที่ด้านหลังเธอ...คนที่ผมเฝ้าคิดถึง ผมรวบรวมความกล้า แล้วเรียกเธอ....

 

“เอ่อ...คุณ...คุณใช่คนที่ไปร้านขายยาใช่หรือเปล่าครับ” ผมใช้ความทรงจำที่เราเคยเจอกัน มาสร้างความคุ้นเคยเพื่อเป็นใบเบิกทางให้คุยกันได้ง่ายขึ้น

 

เธอหันกลับมามองหน้าผม ก่อนจะทำสีหน้างุนงงเล็กน้อย จนผมรู้สึกใจคอไม่ดี

 

“ผมมาคินทร์ไงครับ เภสัชมาคินทร์ไงจำได้ไหมครับ” ผมย้ำออกไปเพื่อเรียกความทรงจำของเธอ

 

“เอ่อ ขอโทษทีนะคะ คุณน่าจะจำคนผิดหรือเปล่าคะ” สิ่งที่เธอตอบกลับมาทำผมรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที นี่ผมไม่มีตัวตนในความทรงจำของเธอจริงๆ หรอนี่

 

แต่มาถึงขนาดนี้แล้วผมไม่มีทางถอยเด็ดขาด วันนี้ผมต้องทำให้เธอต้องนึกให้ออกแล้วจำผมให้ได้

 

ว่าแล้วผมก็ทำท่าทางแสดงให้เธอรู้ โดยการทำมือเป็นรูปแว่นแล้วเอาไปทาบที่ดวงตา ให้คล้ายเหมือนคนใส่แว่น เพราะผมจำได้ว่าวันนั้นที่เราเจอกันที่ร้านขายยาผมใส่แว่น แต่วันนี้ผมไม่ได้ใส่ แล้วตอนนั้นเราก็มองหน้ากันแค่แปปเดียวด้วย เธออาจจะจำไม่ได้เพราะเหตุผลเหล่านี้

 

“อืมมมม จำไม่ได้เลยค่ะ “คำพูดของเธอทำผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ในขณะที่ผมเผลอทำหน้าเศร้าและวางตัวไม่ถูกอยู่นั้น

 

“แต่ถ้าลองเอาปากกาเขียนเป็นรูปกรอบแว่นตรงรอบดวงตา เอลิซว่าเอลิซน่าจะจำได้นะคะ คริคริ” เธอพูดขึ้นมาพร้อมกับหัวเราะร่วน

 

หัวใจผมพองโตขึ้นมาทันที ผมดีใจมากที่เธอจำผมได้แล้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอแกล้งผมให้ตกใจเล่นนี่น่า มันน่าจับไปเป็นแม่ของลูกจริงๆ

 

“นี่คุณแกล้งผมหรอครับ...หึหึ” ผมอดหมั่นไส้เธอไม่ได้จริงๆ

 

“ใช่ค่ะ...ฮ่าๆๆ” ^-^ เธอตอบหน้าตาเฉย แถมหัวเราะเยาะใส่ผมอีก แต่ผมไม่โกรธเธอเลยสักนิด ออกจะเอ็นดูเธอด้วยซ้ำ คนอะไรน่ารักชะมัด อยากได้ อยากได้ไปเป็นแม่ของลูกจริงๆ

 

ผมไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเสียเปล่า

 

“วันนั้นผมยังไม่ได้ถามคุณเลยว่าคุณชื่ออะไร” ผมแกล้งถามเธอไป ทั้งๆ ที่ความจริงผมรู้จักชื่อเธอแล้ว แต่ถ้าจะให้ไปเรียกชื่อเลยต่อหน้า เดี๋ยวจะทำให้เธอสงสัยเอาซะเปล่าๆ

 

“เอลิซค่ะ” ^_^ รอยยิ้มสดใสอะไรขนาดนี้ละครับแม่ของลูก

 

“ผมมาคินทร์ มาคินทร์ วงศ์เวขรุ่งเรืองนะครับ หรือเรียกว่ามาร์คก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมสลัดมนต์สะกดที่เธอส่งมาด้วยรอยยิ้มทิ้ง ก่อนจะบอกชื่อเสียงเรียงนามให้เธอได้จดจำไว้

 

“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะคะ” ^-^ เธอยิ้มหวานและยื่นมือมาจับมือผมเพื่อแค่ทักทาย แต่เธอจะรู้ไหมว่าการกระทำของเธอมันทำให้ใจผมโลดแล่นแทบทะลุออกจากร่าง

 

ผมได้แต่อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ มันจะมีวิธีไหนบ้างที่จะยื้อเธอไม่ให้จากไป...สุดท้ายก็ได้แต่ทำตามความคิดตื้นๆ นั้นก็คือ...

 

“จะรังเกียจไหมครับ ถ้าผมจะขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้ว” นี่คงจะเป็นข้อเสนอเดียวที่ผมคิดออกในตอนนี้ เพื่อรั้งเธอเอาไว้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.