บทที่ 33 นามบัตรร้านขายยา
กรอด ~~
เสียงกัดฟันด้วยความแค้น แววตาโรจน์เต็มไปด้วยความอาฆาต ความเยือกเย็นแผ่รังสีออกมาจนทำให้คนรอบข้างสั่นสะท้านได้ มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด
“ไอ้ตระกูล วงศ์เวชรุ่งเรือง แล้วมึงจะได้รู้ว่าไม่ควรมาเล่นกับกู” เขาส่งเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างเคียดแค้น
“แต่นายครับ ปกติตระกูลนี้เป็นมาเฟียทางด้านวงการยา ไม่ได้ทับเส้นกับเราอยู่แล้ว ผมก็ยังงง ตอนที่พวกมันรับสารภาพว่าตระกูลนี้จ้างมา” กิตพูดเกี่ยวกับข้อมูลที่ตัวเองมี พร้อมตั้งข้อสงสัย
“กูยังไม่เคยบอกมึงใช่ไหม ว่าเคยมีคนตระกูลนี้ อยากร่วมทำธุรกิจกับเรา มึงก็รู้ว่าธุรกิจอะไรตระกูลกูก็ทำมาหมดแล้ว แต่ธุรกิจเดียวที่ตระกูลกูถือเป็นข้อห้ามเลยคือ... ‘ค้ามนุษย์’ “เขาเอ่ยกับลูกน้อง
“ถ้างั้นธุรกิจที่พวกมันอยากทำกับนายก็คือ ...” กิตเบิกตากว้าง เมื่อได้รู้ความจริง
“ใช่...กูเลยไม่สนใจ แล้วไม่ได้ติดต่อกับมันอีก” เขาบอกเล่าความจริงให้กับลูกน้องคนที่เขาไว้ใจที่สุดฟัง
“แต่พวกมันก็เป็นถึงมาเฟีย ที่รู้มาตระกูลพวกมันก็ใหญ่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทำไมต้องมาขอร้องให้นายช่วยด้วย” กิตยังมีข้อสงสัยอยู่
“มันอยากจะทำให้ธุรกิจนี้ขึ้นมาบนดินแบบถูกกฎหมาย มึงก็รู้ต่อให้มันใหญ่แค่ไหน ก็ใหญ่ไม่พอที่จะมีอำนาจเปลี่ยนกฎหมายได้เท่ากับตระกูล ‘ธิพัฒน์เดชะไพศาล’ ของกู” เขาเอ่ยสายตาฉายความมาดมั่นภูมิใจ
“มึงไปสืบมาให้แน่ ว่าเป็นพวกมันจริงๆ ถ้าใช่ มันกับกูได้เปิดศึกกันแน่” แรงอาฆาตที่เขามี ทำให้เขาอยากจะหายป่วยเสียเลยตอนนี้
เขาครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เดี๋ยวสักพักร่างนุ่มนิ่มที่เขาชอบกอดคงจะเข้ามาพร้อมกับอาหารที่เธอตั้งใจทำให้เขากิน เขายังไม่อยากให้เธอรับรู้เรื่องพวกนี้ เขาอยากจะจัดการเงียบๆ ไม่อยากให้เธอได้เห็นด้านมืดของเขาอีก ก่อนจะโบกมือให้ลูกน้องออกไป แล้วกำชับถึงสิ่งที่ให้ไปทำ
เมื่อลูกน้องคนสนิทเดินออกไป คิ้วหนาเข้มก็ขมวดเข้าหากันทันที เดี๋ยวนะ นามสกุล ‘วงศ์เวชรุ่งเรือง’ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นผ่านตาที่ไหนมาก่อน
ดวงตาสีเทาเข้มหรี่ลงอย่างใช้ความคิด...
สักพักเขาเหมือนจะนึกอะไรออก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ก่อนจะหมุนตัวเอี้ยวไปหยิบนามบัตรที่อยู่ตรงลิ้นชักข้างที่นอน ไม่ผิดแน่!!
‘มาคินทร์ วงศ์เวชรุ่งเรือง’
นามบัตรที่มากับซองใส่แผงยา ตอนที่เอลิซไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน เขาจำได้แล้วว่าตอนที่เขาหยิบแผงยาออกมาดูนามบัตรนี้ร่วงหล่นตามมา แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะกำลังโกรธอยู่ เลยได้แค่มองผ่านๆ มาเจออีกทีก็เห็นวางไว้บนตู้ข้างที่นอน น่าจะเป็นตอนที่ป้าเสริมมาเก็บห้อง แล้วคงคิดว่าเป็นนามบัตรคนสำคัญ ก่อนที่เขาจะเก็บไว้ในลิ้นชัก ตั้งใจว่าจะไปจัดการปิดร้านขายยานี้สักหน่อย แต่มัวมาติดภารกิจตามง้อเมียประจวบกับดันมาเกิดเรื่องเสียก่อน
“หึ...จะบังเอิญไปไหม” เขาแสยะยิ้มร้าย มือสะบัดนามบัตรไปมา
ก่อนจะยกหูโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิท ~~
♩♪♫♬ ฝากตัวรับใช้นาย เป่าหัว... ♩♪♫♬ (เสียงรอสายชั่งล่อ...จริงๆ)
“ครับนาย” ปลายสายรับ
“มึงไปสืบร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ คอนโดกูหน่อยสิ ร้านที่เอลิซไปมาล่าสุดกับป้าเสริม” เขาบอกลูกน้อง สายตามีความหมายบางอย่าง
“ครับนาย” ปลายสายตอบรับ รีบทำตามคำสั่งทันที
นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ เขามั่นใจ...
แกร๊ก ~~
“มาแล้วคร่าาา” เสียงหวานใสเอ่ยขาน พร้อมถาดอาหารที่อยู่ในมือ
เขารีบเก็บนามบัตรที่อยู่ในมือเอาซ่อนไว้หลังหมอน ก่อนจะหันไปหาคนที่เขาคิดถึงทุกนาที ไม่สิ ทุกวินาที!!
“มาแล้วหรอค่ะ ทำไมไปนานจังเลย รู้ไหมเฮียคิดถึง” เขาป้อคำหวานใส่หญิงสาวที่ส่งยิ้มกลับมา
“ไหนมีอะไรเอามาฆ่าเฮียบ้าง ไหนมาดูสิ” เขาขยับตัวลุกขึ้น โดยที่มือประคองแผลที่ข้างเอว เดินมายังคนร่างเล็กที่กำลังจัดวางอาหารอยู่
“มีไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ยัดไส้ ไข่น้ำทรงเครื่อง น้ำแอปเปิล กับข้าวส..วย ....อุ๊ย!!” ขณะที่เธอกำลังบรรยายถึงอาหารที่เตรียมมาอยู่นั้น ก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ ที่คนร่างสูงใหญ่ เดินเข้ามาโอบกอดเอวจากด้านหลัง ทั้งยังเอาหน้ามาเกยที่ไหล่แล้วแอบขโมยหอมแก้มนุ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฟอด ~~
“อ๊า..ชื่นใจจังเลย” เขาฝังจมูกลงมาที่แก้มครั้งแล้วครั้งเล่า
“พอเลยค่ะ มาทานอาหารก่อนดีกว่า เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะคะ” คนร่างเล็กเอ่ยบอก ขณะที่มือต้องคอยจัดอาหาร ส่วนหน้าก็ต้องคอยหลบริมฝีปากซุกซน
“โห้...มีแต่เมนูไข่ทั้งนั้นเลย คิดอะไรหรือเปล่าเนี้ย อย่างเฮียไม่ต้องโดฟหรอก เฮียฟิตปั๋ง!! อยู่แล้ว อยากลองไหมล๊าาา” เขาละจากแก้มนุ่ม หันไปมองเมนูที่คนในอ้อมกอดทำมาให้กิน อีกทั้งอดไม่ได้ที่จะแทะโลมเธอเล็กน้อย
“บ้า...ใครจะไปทะลึ่งแบบเฮีย อาหารทั้งหมดนี้คืออาหารที่มีโปรตีนที่จะช่วยเรื่องสมานแผลไงคะ” เธอบอกถึงข้อมูลที่หามาในอินเทอร์เน็ตก่อนจะลงมือทำอาหาร ว่าอาหารประเภทไหนที่ช่วยเรื่องรักษาบาดแผลให้หายเร็วขึ้น
สายตาคมเข้มลอบมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความตื้นตันใจ ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจเขามากขนาดนี้ ริมฝีปากทรงเสน่ห์ยกยิ้มกว้างให้ โดยที่คนตรงหน้าไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะคะ ที่ใส่ใจเฮียขนาดนี้ ถึงแม้อาหารข้างหน้าจะเป็นยาพิษเฮียก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว” เขาเอ่ยบอก คำพูดที่เหมือนจะดูล้อเล่น แต่ข้างในใจคนร่างใหญ่กลับคิดจริงจัง ก่อนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แล้วฝังจมูกไปบนศีรษะทุยหอมกรุ่น
“ยาพิษไม่วางในอาหารหรอกค่ะ ไปวางที่อื่นดีกว่า...คริคริ มาค่ะ มาทานข้าวได้แล้ว” เธอพูดไปยิ้มไปอย่างมีเลศนัย แววตาฉายความซุกซนเล็กๆ
มีหรือคนตัวโตจะไม่รู้ความหมายภายในคำพูดของคนในอ้อมกอด ถึงกับลอบแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ ในเมื่อเธอเปิดทางมาขนาดนี้เขาคงต้องสนองหน่อยล่ะ...หึหึ
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 82
แสดงความคิดเห็น