บทที่ 17 สั่งสอนผู้โอหัง

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 17 สั่งสอนผู้โอหัง

บทที่ 17 สั่งสอนผู้โอหัง

 

บุรุษหนุ่มเสื้อครามพอยืนหยัดมั่น ดวงตาทั้งสามคู่ต่างเบนเป้ามาดุจนัดแนะ ใบหน้าคมคายประดุจหยกกระด้างเฉื่อยชาราวหุ่นสลัก ตลอดเรือนร่างแฝงบุคลิกองอาจสง่า มีอานุภาพคุกคามจิตใจผู้คนระย่นย่อ

 

เฉินเลี่ยงหรงมึนงงวูบ ตนเห็นเพียงแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยว และฝักกระบี่ประดับมุกนวลใย ไม่สามารถล่วงรู้รูปโฉมผู้มาถนัดนัก

 

เซี่ยเคอชมดูเหตุการณ์แต่แรก กระทั่งระดับฝีมือของมัจจุราชม่วงและว่านซื่อเต้าหยิน ก็ลอบประเมินสังเกตุเป็นพิเศษ รู้สึกว่าการกระทำของขบวนการผีเสื้อหยก มิเพียงสามารถเกลี้ยกล่อมผู้ทรงฝีมือฝ่ายอธรรมเข้าเป็นบริวารได้เท่านั้น หนำซ้ำยิ่งนานยิ่งสร้างความปั่นป่วนต่อบู๊ลิ้มใหญ่หลวง ช้อนตามองคนชุดม่วงทั้งสอง ปากเอ่ยเสียงราบเรียบ

 

"สองท่านหากมีเจตนาล้างผลาญ ข้าพเจ้ายินดีขอคำชี้แนะ"

 

คนร่างสูงใหญ่ทางซ้ายเหลือกตาแทบถลน ยกมือชี้หน้าแล้วย้อนถามว่า

 

"ผู้เยาว์ประกาศนาม"

 

"น่ากลัวบอกไปพวกท่านมิรู้จัก"

 

"เฮอะๆ! เมื่อกล้าขัดขวางพวกเรา แสดงว่ามีฝีมืออยู่ท่าสองท่า อย่างนั้นเตรียมป้องกันตัวเถอะ"

 

คนชุดม่วงทางขวาคล้ายรับฟังจนรำคาญ สั่นปลายกระบี่ดังกระหึ่ม สอดคำตัดบททันที

 

"มัวทุ่มเถียงกับมันทำอะไร ฆ่าทิ้งให้สิ้นซากล้วนเป็นเช่นเดียวกันดอก"

 

ขาดคำรั้งกระบี่ระดับเสมออกกรีดจากขวามาซ้าย พร้อมกับท่าเท้าที่สะอึกปราดก็บรรลุระยะประชิด คนชุดม่วงผู้กล่าววาจาตอนแรกพลันสงบปากคำ หมุนคว้างสลับเท้า ถลันวูบวกอ้อมถึงด้านหลังบุรุษหนุ่ม ตำแหน่งนี้นับว่ามีเปรียบสองประการ หนึ่งกลุ้มรุมจู่โจมเซี่ยเคอ สอดประสานเพลงกระบี่ปิดสกัดหนทางล่าถอย ขณะเดียวกันสามารถฟาดฝ่ามือประทุษร้ายเฉินเลี่ยงหรง

 

มันพอเห็นทั้งสามล้วนจู่โจมอาวุธ เพลิงอำมหิตฮือโหมทะยานจิต กระบี่มือซ้ายจ้วงแทงถี่ยิบครอบคลุมพื้นที่หนึ่งวารอบตัวเซี่ยเคอหมดสิ้น พริบตานั้นปลายกระบี่หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง แผ่คุกคามจนเสื้อผ้าอาภรณ์สั่นไหวระริก เซี่ยเคอลดมือแตะฝักกระบี่ ประกายสีขาวราวหิมะพุ่งวนดุจสายคาด กระบี่พอกวาดจู่โจม คนก็ชิงก้าวขวางทางขวาสองเชียะ

 

นักบู๊ชุดม่วงทั้งสองสำนึกว่าเป้าหมายคลาดตำแหน่งเดิม รีบรั้งท่วงท่าก้าวเฉียงเหยียบย่ำตำแหน่งอันมีเปรียบ หนึ่งเสือกแทงจากล่างขึ้นบน อีกผู้หนึ่งขยับกระบี่สั่นพลิ้วเป็นเงาสุดคณานับ สาดครอบคลุมลงจากเหนือศีรษะ ไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูพักผ่อนหายใจ

 

เซี่ยเคอหันหน้าเผชิญกับคนทั้งสอง เส้นสายยาวเหยียดพุ่งวาบถึงคอหอย พลันยกกระบี่ปัดป่ายตรงๆ จากนั้นถดถอยครึ่งก้าว ปลายกระบี่สั่นพลิ้วถี่ยิบทิ่มแทงจากตำแหน่งแง่มุมพิสดาร จุดแต้มๆดั่งห่าฝนสาดกระจายเป็นรูปครึ่งวงกลม

 

คนชุดม่วงทางซ้ายถูกต้านรับจนตัวกระบี่เบนออกด้านข้าง เปิดช่องว่างบริเวณทรวงอกท้องน้อย คิดแปรเปลี่ยนเพลงกระบี่ไหนเลยทันท่วงที รีบถีบเท้าถอยหลังสุดแรง

 

เวลานั้นกระบวนท่าคนชุดม่วงทางขวาสำแดงอานุภาพถึงขีดสุด ยินเสียงปะทะเร่งร้อนหลายสิบครั้ง สะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบกระจัดกระจาย มาตรว่าสามารถช่วยเหลืออีกผู้หนึ่งเลี่ยงพ้น แต่มันต้องเซล่าถอยสองก้าวจึงตั้งหลักมั่น รู้สึกพลังดีดสะท้อนเข้มแข็งสุดเปรียบประมาณ เลือดลมในอกพลุ่งพล่านระอุ ครึ่งซีกหน้าแดงฉานดุจเมามาย

 

เซี่ยเคอตวาดกึกก้อง กวาดกระบี่ออกคำรบสอง ท่าลำธารเชี่ยวกราก โหมรุกออกไปดุจมรสุมใหญ่ เบื้องหน้าสายตาคล้ายบังเกิดกำแพงไร้สภาพถล่มถมทับ รอบข้างปรากฏเสียงซู่ซ่าระคายหู อานุภาพหวาดหวั่นสะท้านใจยิ่ง

 

คนทั้งสองกู่ร้องเกรี้ยวกราด ม่านกระบี่ถูกถักทอฟาดฟันต่อต้านสุดชีวิต

 

เปรื่อง...เปรื่อง...เปรื่อง!

 

"โอย!"

 

เสียงแผดร้องแทบเป็นจังหวะเดียวกัน ท่ามกลางหยาดโลหิตฉีดพุ่ง ซากศพสองซากสภาพแขนขาขาดกระเด็น พลันปลิวลิ่วดุจว่าวกระดาษ ร่วงหล่นไกลร่วมสองวา

 

เฉินเลี่ยงหรงเหม่อมองผู้มาอย่างตะลึงลาน เหตุอุบัติกะทันหันนี้ ส่งผลให้ทั้งหมดหยุดชะงักกวาดตามอง มัจจุราชม่วงถลึงจ้องบุรุษหนุ่มเค้นเสียงตวาดถามว่า

 

"บุรุษหนุ่มเจ้าเมื่อกล้าสังหารบริวารเรา ก็ประกาศนามมา"

 

"ข้าพเจ้าเซี่ยเคอ"

 

"เพลงกระบี่เมื่อครู่คาดว่าได้รับถ่ายทอดจากบุคคลอันเด่นล้ำ"

 

วาจาคล้ายรำพึงรำพัน เหลือบแลบริวารข้างกาย ซึ่งหลงเหลือเพียงนักบู๊หมายเลขหนึ่ง แค่นหัวร่อติดต่อกันหลายครา โบกมือร้องสั่งว่า

 

"ถอย!"

 

วาจาเปล่งจากปากถีบเท้าโผพุ่งขึ้นอากาศ สะบัดสองฝ่ามือวูบ ควันดำตลบอบอวนทั่วบริเวณทันที ว่านซื่อเต้าหยินรีบตวาดทัดทานจูอันฉี พลางปิดกลั้นลมหายใจไว้

 

เซี่ยเคอไม่ขบคิดมากความ ขณะจะโถมกายตามติด มิคาดมัจจุราชม่วงพลันซัดหมอกพิษถ่วงเวลา ส่งผลให้เป้าหมายสาบสูญร่องรอย บุรุษหนุ่มแค่นเสียงเฮอะ ขมวดคิ้วตาทอประกายโหดเหี้ยม

 

ว่านซื่อเต้าหยินสืบเท้าเข้ามา ใบหน้าสงบราบเรียบกล่าวว่า

 

"ประสกแซ่เซี่ยเรื่องราวของสำนักเรากับขบวนการผีเสื้อหยก มิจำเป็นต้องรบกวนให้ท่านสอดมือยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด"

 

เซี่ยเคอยามนี้ขุ่นเคืองต่อสภาพการณ์เบื้องหน้าอยู่แล้ว เมื่อฟังวาจาอีกฝ่าย จึงเลิกคิ้วแค่นเสียงถามว่า

 

"ยุ่งเกี่ยวแล้วเป็นอย่างไร มิยุ่งเกี่ยวแล้วเป็นอย่างไร"

 

ว่านซื่อเต้าหยินสืบเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว ประสานมืออธิบาย

 

"อาศัยเพียงอู่ตังเราย่อมสามารถรับมือศัตรูเกินพอ หากเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้ ต้องยืมมือผู้อื่นนั่นก็เสียทีที่เป็นหนึ่งในทำเนียบกระบี่คุณธรรมแล้ว"

 

วาจาบ่งบอกชัดเจน หนำซ้ำท่าทีเยือกเย็น ปราศจากจิตสำนึกขอบคุณแม้แต่น้อย สร้างความเดือดดาลแก่ผู้รับฟังอย่างยิ่ง

 

เซี่ยเคอทอดถอนใจคำหนึ่ง กวาดตาสำรวจคนทั้งสาม

เอ่ยเสียงกระด้าง

 

"เต้าหยินมีคุณวุฒิและวัยวุฒิสูงส่ง สมควรรู้หนักเบาแบ่งแยกสถานการณ์ วันนี้นับว่าข้าพเจ้ารู้ซึ้งแล้ว สำนักมาตรฐานขาดความสามัคคี แก่งแย่งชิงดีอยู่เยี่ยงนี้ ศัตรูจึงฉกฉวยโอกาสรุกรานโดยง่ายดาย"

 

จูอันฉียักไหล่มุมปากประดับรอยยิ้มเหยียดหยาม กระแอมไอสอดคำทันที

 

"ผู้แซ่เซี่ยท่านเข้าใจ เหตุผลตื้นเขินนี้ สามารถสั่งสอนพวกเราหรือ"

 

เซี่ยเคอรักษาความเยือกเย็นไว้ เปลือกนอกหัวร่อเบาๆแล้วกล่าว

 

"สั่งสอนไหนเลยกล้ารับ ข้าพเจ้าเพียงแสดงความเห็น เผื่อสามท่านสำนึกขึ้นมาบ้าง"

 

กระบี่จูอันฉียังมิได้สอดคืนฝัก ดังนั้นยกขึ้นชี้ทรวงอกอีกฝ่ายแล้วหัวร่อฮาๆ

 

"นั่นกลับมิต้อง"

 

"อย่างนั้นขอตัว"

 

เซี่ยเคอเค้นเสียงเย็นชา ท่าทีทะนงเด็ดเดี่ยว สอดคำตัดบทพลางสะบัดหน้ายืดอกก้าวยาวๆออกไป จิตใจขุ่นข้องรำคาญปล่อยความคิดให้ว้าวุ่นยุ่งเหยิง เหตุการณ์เมื่อครู่ส่งผลให้มีอคติต่อเหล่าสำนักมาตรฐานอย่างรุนแรง ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน สืบสาวต้นตอและรากฐานของนิกายผีเสื้อหยกเพียงลำพัง

 

สลัดศีรษะขับไล่อาการงุนงงทุ่มเทตัวเบาออกนอกเมือง เดินทางประมาณสามลี้รู้สึกด้านหลังคล้ายมีผู้คนติดตามสะกดรอย ตอนแรกอาจบางทีหวาดระแวงตามนิสัยเคยชิน จวบจนวิ่งตะบึงตามทางหลวงทำเลปลอดคน จึงสังเกตุพบพิรุธ ขณะขบคิดลดเลี้ยวเข้าป่าทึบซ้ายมือ วิชาท่าร่างของมันรวดเร็วเพียงไหน ต่อให้ศัตรูทุ่มเทสุดฝีเท้า ยังไม่อาจเข้าใกล้ในระยะสิบวา

 

ราวป่านี้กินอาณาเขตกว้างขวางยิ่ง กระทั่งต้นไม้ใบหญ้ายังรกทึบแน่นขนัด ใช้อำพรางร่องรอยมิดชิด ทั้งยังเปี่ยมทำเลเหมาะซุ่มจู่โจม บุรุษหนุ่มลอบแค่นหัวร่อ แอบหลังต้นไม้ใหญ่มองลอดช่องว่างเพ่งสายตาเขม็ง เงี่ยหูสดับชั่วครู่

 

จริงดั่งคาดหมาย ผู้มาทั้งสิ้นสามคน ต่างมีท่าร่างรวดเร็วดุจสายฟ้า พุ่งวูบวาบอากัปกิริยาปราดเปรียวยิ่ง กลับเป็นว่านซื่อเต้าหยินจูอันฉีและเฉินเลี่ยงหรง สร้างความพลุ่งพล่านแก่เซี่ยเคอแทบขุ่นแค้น รีบหัวร่อฮาๆสนั่นหวั่นไหว กรีดขวับสกัดขวางทางในบัดดล

 

"ฮาๆ! สามท่านเราพบกันอีกแล้ว"

 

ว่านซื่อเต้าหยินโบกแขนเสื้อส่งสัญญาณให้อีกสองคนทอดระยะห่างร่วมสามวา บังเกิดความประหลาดใจระคนตื่นตระหนก ลอบเกร็งกำลังขึ้นจากจุดศูนย์พรักพร้อม

 

จูอันฉีและเฉินเลี่ยงหรงกวาดตาสำรวจทั่วบริเวณ คนทั้งสามต่างมีนิสัยถือดีจนโอหัง โดยเฉพาะจูอันฉี ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ ไหนเลยเคยคาดหมายบุรุษหนุ่มเบื้องหน้ามัน เมื่อครู่ถึงกับสำแดงเพลงกระบี่สยบศัตรู นับว่าหยามเหยียดและมองข้ามพวกตนไปใหญ่หลวงนัก แปรเจตนาดีกลับกลายเยี่ยงนี้ สร้างความขุ่นแค้นแก่ผู้คนยิ่งกว่า

 

เซี่ยเคอย่อมทราบสถานการณ์ ใบหน้าหล่อเหลาโหดเหี้ยมอำมหิต กราดสายตาตลบหนึ่งกล่าวถามว่านซื่อเต้าหยิน

 

"เส้นทางคับแคบหรือสามท่านจงใจติดตามหลังข้าพเจ้า โปรดบ่งบอกเจตนา"

 

เฉินเลี่ยงหรงขณะคิดอธิบาย เนื่องเพราะรู้สึกปรารถนาดีต่ออีกฝ่ายผิดกับทั้งสอง จูอันฉีพลันแค่นเสียงทางจมูกสอดคำอย่างเขื่องโข

 

"อ้อ!สหายคงหมายความ ทางหลวงสายนี้ท่านยึดครองเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว"

 

เซี่ยเคอเงียบงันชั่วขณะ คืนสู่ความสงบเฉื่อยชา ว่านซื่อเต้าหยินสืบเท้าออกมาอีกสองก้าวเอ่ยปากว่า

 

"ผู้เยาว์มีเพลงกระบี่ลึกล้ำ เมื่อครู่สภาพการณ์สับสน ยามนี้ใคร่รบกวนขอคำสั่งสอนสักหลายกระบวนท่า"

 

"เฮอะ!เต้าหยินชมเชยเกินไปแล้ว"

 

ตอบเสียงกระด้างพลางประสานมือหัวร่อฮาๆ จูอันฉีเลือดลมร้อนแรง กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกระรัว ขบกรามตวาดว่า

 

"บุคคลไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ต่อหน้าพวกเรายังกล้าผยอง"

 

"ระวังปากคำให้มากไว้ ทางประเศริฐสามท่านสมควรบุกเข้ามาโดยพร้อมเพรียง"

 

น้ำคำราบเรียบแฝงบุคลิกคุกคามจิตใจ ลมโชยกิ่งไม้ใบหญ้าเอนลู่ พัดต้องชายเสื้ออาภรณ์ชุดครามพลิ้วไสว กายสูงโปร่งยืนเด่นเป็นสง่าคล้ายขุนเขาบรรพต มั่นคงจนแทบไม่มีวันสั่นคลอนตลอดกาล

 

พริบตานั้นบรรยากาศเขม็งตึงเครียด กระทั่งเฉินเลี่ยงหรงลอบผนึกลมปราณถ่ายเทมายังสองแขนแต่แรก อดผ่อนคลายสภาวะสองส่วน

 

ว่านซื่อเต้าหยินเผชิญบุรุษหนุ่มทางด้านตรง ย่อมรับสภาวะกดดันไร้สภาพอันหนักอึ้งอย่างหักโหม กระบี่กลางหลังถูกชักจากฝักแช่มช้า การประมือเมื่อครู่กับมัจจุราชม่วง แสดงแน่ชัดเพียงประลองเพื่อหยั่งเชิงศัตรู

 

กระบี่ยาวพวยพุ่งรังสีเย็นเยียบ ฝักและตัวกระบี่สลักรูปสนโบราณ ลวดลายวิจิตประณีตยิ่ง เซี่ยเคอเหลือบมองแวบหนึ่ง ยามนั้นว่านซื่อเต้าหยินก็จู่โจมกระบี่แล้ว ประกายเขียวเรืองพุ่งวาบดุจสายฟ้าจ่อจี้ใส่หว่างคิ้ว วิถีกระบี่ยึดหลักสงบและทรงพลังของสำนักอู่ตัง เมื่อเป็นเช่นนี้ส่งผลให้อีกสองคนไม่สะดวกกับการลงมือกลุ้มรุม แยกย้ายปิดสกัดหนทางถดถอยซ้ายขวาไว้ กระบวนท่าแม้ธรรมดาเที่ยงตรง หากแต่แฝงสภาวะกราดเกรี้ยวฉับไว

 

เซี่ยเคอง๋ายใจกลางฝ่ามือทั้งสองตวัดขึ้นเล็กน้อย ลมปราณพอแผ่พุ่งออก ว่านซื่อเต้าหยินรู้สึกมีพลังดึงดูดมหาศาลกระชากจนเสียหลัก ตัวกระบี่เบนเบือนหนำซ้ำแทบยืนหยัดไม่มั่นคง ต้องถลาไปเบื้องหน้าครึ่งก้าว รีบถ่วงลมปราณใส่สองเท้าวาดกระบี่คุ้มครองทรวงอก

 

"ประสกกล้าประลองเพลงกระบี่กับอาตมาหรือไม่"

 

เซี่ยเคอหัวร่ออย่างลำพองส่งเสียงตวาดก้องทันที

 

"ข้าพเจ้าจะป้อนกระบวนท่าแล้ว ระมัดระวังให้มากด้วย"

 

ประกายสีขาวราวหิมะพวยพุ่งขึ้นสูงแปดเชียะ ตลอดร่างเปล่งรังสีเย็นยะเยียบ คุกคามบรรยากาศปั่นป่วนปานเกิดมรสุม ว่านซื่อเต้าหยินตระหนกจนหน้าถอดสี กระทั่งจูอันฉียังพลิ้วถอยห่างจากวงต่อสู้เบิ่งตาเปี่ยมประกายอาฆาตระคนริษยาเขม่นบุรุษหนุ่มชุดครามเขม็งนิ่ง ไฉนมันอายุยังเยาว์ความสำเร็จเชิงกระบี่จึงสูงเยี่ยมถึงขั้นก่อเกิดสภาวะ...

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

สำนักอู่ตังนี่ไม่รู้สำนึกจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.