ตอนที่ 122

เอ็กซ์เรย์เป็นมากกว่าที่ฉันคิด - X-ray Is More Than I Thought

-A A +A
อ่านต่อ

ตอนที่ 122

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 122

ระหว่างที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน คาซะฮานะและริกกะกินข้าวอย่างบ้าคลั่ง

「โมกุโมกุ」

「ฮามุฮามุ」

ผมถือจานอาหารไปทีละจานทีละจานไปที่โต๊ะ แต่มันถูกกินราบในทันที

มันเป็นอาหารจำนวนมากที่ถูกถือมา มันสดชื่นที่ได้เห็นพวกเธอกิน

「ฮามุ!」

ริกกะเอื้อมมือไปหยิบจานที่อยู่ตรงหน้าคาซะฮานะอย่างรวดเร็วและกัดมัน

「อื้มม!?」

การตอบสนองของคาซะฮานะล่าช้าไปชั่วครู่ จากนั้นเธอจ้องริกกะ

「ริกกะ! มันของชั้นนะ!」

ผมวางอาหารไว้ตรงหน้าคาซะฮานะอีกครั้ง แต่เธอเมินมันและจับอาหารที่ริกกะกินอยู่

「เธอไม่เร็วพอ」

ริกกะที่แก้มบวมเหมือนหนูแฮมสเตอร์ ลังเลเมื่อคาซะฮานะยืดมือของเธอมาที่อาหาร จากนั้นคาซะฮานะร้องระหว่างที่เคี้ยวอยู่

「น้องสาวของชั้นไม่ดีเลย!」

คาซะฮานะโกรธ

「จานนี้อร่อยมั้ย?」

จากนั้น ริกกะเล่นบทโง่

「เอ๋!? มัน มันอร่อยมั้ย?」

คาซะฮานะสับสนเมื่อถูกถามโดยริกกะ

「ยังไงซะ หนูอยากกินมันอีกครั้ง」

ริกกะคิดว่าอาหารอร่อย

「ชั้นด้วย」

คาซะฮานะกำลังจะไหลไปเพราะเธอไม่เข้าใจ

แม้ว่าเรามีอาหารอยู่บากมาย พวกเธอทะเลาะกันและแย่งอาหารกัน แต่พวกเธอยังกินด้วยกัน

พวกเธอเป็นสาวที่น่ารัก

「มว้าสเตอ นี่อะไร? มันใหญ่มาก」

ระหว่างที่แก้มพองเหมือนหนูแฮมสเตอร์และเคี้ยว ริกกะเองหัวของเธอและเอาก้อนเนื้อ “น่าจะ” ที่ถูกแทงอยู่ในส้อม

「มันเป็นครั้งแรกที่ชั้นกินอะไรที่อร่อยแบบนี้」

คาซะฮานะ ที่เคี้ยวอยู่เหมือนริกกะ ขยับหูสัตว์ของเธอและพึมพำ

「หืมม? ฟุฟุ ริกกะและคาซะฮานะ กินเยอะๆเลย ไม่ต้องกังวล」

ด้วยรอยยิ้ม ผมตอบระหว่างที่วางจานไปบนโต๊ะทีละจาน

「ได้! หนูจะอินมัน!」

「ขววอบคคุม! มวาสเจอ!」

จากนั้น สองคนได้ยินที่ผมพูดและกินอาหารโดยที่ไม่กังวลเกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น

ผมหวังว่ามันจะรสชาติโอเค มีบางอย่างในโลกนี้ที่ผมไม่สมควรรู้

เมื่อผมถามว่าทามะมูชิมีอาหารมั้ย ผมได้ถูกบอกว่ามีเยอะแยะเลยข้างหลังห้องครัว

ไม่ว่าผมจะกินมากเท่าไหร่ มันจะเพิ่มขึ้นมาทันที ผมเลยขอให้พวกเธอกินโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันมาก

ผมได้มั่นใจเมื่อผมเห็นห้องข้างหลังของครัว และจากนั้นผมรู้สึกไม่สบายใจ

มันอาจจะดีกว่าที่จะพูดว่า “อาหาร” ที่เพิ่มนั้นมันจะเกิดขึ้นมา

พูดถึงแล้ว มันไม่ได้ดูเหมือนจะเจ็บเมื่อกินมัน และมันอร่อยมาก แต่ไม่ว่ามันจะอร่อยขนาดไหน ผมไม่อยากจะกินมันแน่นอน

ริกกะมีตัวเล็ก และคาซะฮานะสูงกว่าริกกะนิดหน่อย

บางทีในที่สุดพวกเธอก็พอใจหลังจากกินเสร็จ พวกเธอยิ้มและตบท้องล่าง

พวกเธอทั้งสองคนดูเหมือนโลลิ แต่ท้องล่างของเธอบวมขึ้นมาเหมือนผู้หญิงท้อง

ถ้าพวกเธอกินมากขนาดนั้น พวกเธอจะพองออกมา อย่างไรก็ตาม จำนวนของอาหารที่เธอกินมันมากกว่าการพองออกมา

「ถ้าให้พูดจริงๆ ชั้นอยากจะกินมันอีก แต่กินมากเกินไปมันไม่ดีต่อสุขภาพ」

คาซะฮานะไม่พอใจเล็กน้อยระหว่างที่จับท้องล่างที่บวมออกมา

「เเพราะมาสเตอร์ดูหนูอยู่ หนูให้มันประมาณหกนาทีเพื่อที่มาสเตอร์จะไม่คิดว่าหนูเป็นสาวที่เลอะเทอะที่แค่กิน หนูต่างจากพี่สาวที่โทรมๆ หนูพยายามจะสง่างาม」

ริกกะพูดอย่างภาคภูมิใจและตบท้องล่างที่บวมของเธอ จากนั้นคาซะฮานะส่งเสียงทางจมูก

ยังไงซะ ริกกะ เธอพยายามจะสง่างามเหรอ?

โดยไม่ต้องพูดถึงความเป็นจริง ริกกะคิดอย่างนั้นจริงๆ

มันเหมือนเด็กที่พยายามจะแสดงให้ดูว่าพวกเขาเพิ่งรู้อะไรมาต่อหน้าพ่อแม่

「ริกกะ ทำเต็มที่นะ เธอยอดเยี่ยม」

พูดอย่างนั้น ผมลูบหัวริกกะ เธอหรี่ตาเธออย่างมีความสุข และแก้มย้อมเป็นสีแดง

คาซะฮานะห้อยหูและหางและมองเราด้วยความอิจฉา

「คาซะฮานะ อย่าเป็นแบบนั้นสิ มาสเตอร์ของเธอโอเค เธอจะชมคาซะฮานะมากเท่าที่เธอต้องการ」

ระหว่างลูบหัวริกกะ ผมพูดกับคาซะฮานะ

คาซะฮานะยิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นกระดิกหูและหางสัตว์อย่างมีความสุข

คาซฮานะนั้นความคิดเรียบง่าย เพราะผมเข้าใจจิตใจของเธอโดยการดูหูและหางโดยไม่ต้องมองใจเธอ

「ฟู่-」

ริกกะถอนหายใจและควันขึ้นมาจากตัวที่เล็กของเธอ

เมื่อเห็นริกกะแบบนั้น คาซะฮานะหยุดหางของเธอที่กระดิกอยู่

「ริกกะ เธออยู่ในสภาพรักษาขั้นสูงตลอด」

คาซะฮานะจ้องริกกะแล้วถามด้วยหน้าตรงๆ

「นั่นใช่แล้ว」

แก้มของเธอแดง ริกกะพยักหน้า

「เธอต้องใช้พลังงานเยอะมากโดยสภาพการรักษาขั้นสูง เธอต้องเต็มไปด้วยความต้องการทางเพศอย่างบ้าคลั่งตอนนี้ ทำไมเธอยังสงบอยู่ล่ะ?」

ริกกะยิ้มกับคาถามของคาซะฮานะ

「เพราะว่าชั้นรู้」

「เธอรู้อะไร」

「ชั้นรู้สิ่งที่มาสเตอร์ของชั้นต้องการ」

ริกกะตอบคำถามของคาซะฮานะ ชำเลืองมองผม

「หนูอยากจะปกป้องมาสเตอร์ หนูช่วยมันไม่ได้ มันเป็นความต้องการของหนู หนูบ้าไปโดยความต้องการที่จะปกป้องมาสเตอร์อยู่ตลอด เทียบกับความต้องการทางเพศแล้ว มันเป็นเรื่องกระจอกเล็กๆ」

คาซะฮานะ ที่ได้ยินคำตอบจากริกกะ ห้อยหูและหางสัตว์ของเธอ

「เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว เธอรู้มัน…」

จากนั้น คาซะฮานะมองลงไปข้างล่างและพึมพำให้ความว่างเปล่า

นี่อาจจะเละไปนิดหน่อย คาซะฮานะเสียความมั่นใจของเธอไป

ริกกะโตอย่างมาก ระหว่างที่คาซะฮานะปกป้องฮิซูกิ

ผมไม่คิดว่าริกกะเปลี่ยนไปมากทางกายภาพ แต่จิตใจของเธอโตไปมาก ผลของมัน เธอได้เริ่มดึงพรสวรรค์ดั้งเดิมของเธอออกมา

ถ้าคาซะฮานะและริกกะสู้ตอนนี้ คาซะฮานะจะแพ้ ริกกะจะแสงความต่างในความสามารถที่อธิบายไม่ได้

ตัวคาซะฮานะเองก็สังเกตเรื่องนั้นด้วย

แล้วก็ ผมมั่นใจว่าเธอดีใจที่ฮิซูกิถูกช่วยเหลือ แต่เธอไม่ได้ถูกช่วยโดยคาซะฮานะ

ไมม่ โดยไม่มีคาซะฮานะ ฮิซูกิน่าจะตายไปแล้ว

คาซะฮานะไม่เคยปล่อยฮิซูกไว้ข้างหลัง นั่นทำไมผมคิดว่าฮิซูกิได้ถูกช่วยเหลือ

ในแง่นั้น มันพูดได้ว่าคาซะฮานะก็ช่วยฮิซูกิด้วย

อย่างไรก็ตาม คาซะฮานะไม่ได้คิดอย่างนั้น

มาสเตอร์ของเธอถูกช่วยเหลือ แต่เธอไม่ได้เป็นคนที่ช่วยมาสเตอร์ของเธอ เธอยังมีความจำเป็นกับมาสเตอร์อยู่หรือ?

เธอคิดอย่างนั้น และเธอหลงทางความคิด

เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ดังนั้น ผมบอกคาซะฮานะว่าเธอจำเป็นสำรับฮิซูกิอย่างแน่นอน แค่คาซะฮินะจะไม่มั่นใจที่ผมบอก

มาสเตอร์ของเธอ ฮิซูกิ ไม่มีทางเลือกนอกจากจะนำทางคาซะฮานะ และตัวคาซะฮานะเอง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจจากจะแข็งแกร่งขึ้น

――น-นะนี่คือมารินะ ได้ยินฉันมั้ย?

ทันใดนั้น ผมได้ยินเสียงของมารินะ

มันพูดกันว่าเธอได้รุกราน “ใจ” ของฮิซูกิ และถูกเป่ากระเด็น แต่มันดูเหมือนเธอจะปลอดภัย

――เมือนายพว้อม ทามะมูชิพูว่าเธอวอยากจะให้นายไปที่ห้องต้าวดิน

อะไรกัน? เสียงของเธอยากที่จะได้ยิน

――เมื่อนชั้นด่นเป่าเกาเด็น ฮัวของชั้นกะทึ่ก

เอ๋? หัวเธอกระแทก? ภาษาที่แปลกประหลาดนั้นหมายถึงสมองเธอเบลอและเธอโง่ไปหรือ?

――ไม่ ชั้วโม่วระวัง จนชั้นกัดลุ่นเมื่อชั้นฮัวกะทึ่ก

หือห์? เธอกัดลิ้นหรอ? เธอพูดเรื่องอะไรกัน? ความสามารถของเธอไม่ต้องการการออกเสียงทางกายภาพ ทำไมเธอเปลี่ยนคำพูดของเธอเมื่อเธอกัดลิ้น เมื่อเธอพูดด้วย “ใจ” ของเธอล่ะ?

――ยังไงซะ แม้ว่านายจะพ่ด บงหย่งแบบน้น

เฮ้ เธอ

อา มันดูเหมือนเธอโง่ไป และมันบ้าไปจริงๆ

――ท-ทมมย! ชั้นแคหยกจะบ่กว่านี่วเป็นคมจิง!

ได้เลย ผมเข้าใจ ผมไม่พูดอีกต่อไปแล้ว มันอารมณ์เสียที่พูดกับเธอ

――น-เนยต้งคดว่านี่มันไม่จิน! ซูซูฮาระ-จัง โง่ว! ไม่โอวโล้ว!

ฟุฟุ ใครเป็นซูซูฮาระ “จัง” กันหึ้ห์! ผมจะคลั้งไคล้เธอทีหลัง

――ด้ย ♥

เสียงที่มีความสุขของมารินะกระตุ้นอะไรบางอย่างในหัวของผม

「โอ้ ไม่ มันดูเหมือนเจตนาฆ่าได้เพิ่มขึ้น」

「เอ๋!?」

「เอ๋!?」

คาซะฮานะและริกกะสั่นเมื่อพวกเธอได้ยินมัน

โอ้ ไม่ ชั้นไม่ได้บอกพวกเธอเกี่ยวกับมารินะ

「ชั้นกินมากไปเหรอ…?」

คาซะฮานะพึมพำด้วยหน้าที่ซีด

「หนูควรจะคายออกมามั้น? หนูควรจะคายที่หนูกินไปมั้ย?」

หน้าของริกกะซีดเหมือนคาซะฮานะ และพึมพำระหว่างที่ซาบซึ้ง

「นั่นใช่แล้ว หนูคิดว่าหนูควรจะคายออกมา」

「ออุ ใช่ มาอ้วกกันเถอะ」

พวกเธอมองหน้ากัน สนทนาและพยักหน้า และเมื่อพวกเธอเปิดปาก พวกเธอพยายามจะแทงมือขวาเข้าไปในปากพวกเธอ

「เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว ไม่ ไม่ ชั้นไม่ได้โกรธเธอ」

ผมรีบหยุดพวกเธอ แต่พวกเธอทั้งสองคนขอโทษผมต่อ

เหี้ย มันเป็นความผิดของมารินะ เธอควรจะจำมันได้นะ

――มันเป็นวลลาทมท่ดเหรอ? ชั้นจะรอวมุนนะ ♥

มันดูเหมือนสายยังต่ออยู่ และผมได้ยินเสียงที่มีความสุขของมารินะ และมันไปสะกิดบางอย่างในหัวของผม

「หนวกหหู」

「ชั้นน่ารำคาญเหรอ!? ชั้นน่ารำคาญ! แน่นอนว่าชั้นน่ารำคาญ!」

「ม-มาสเตอร์! มาสเตอร์! หนูขอโทษที่น่ารำคาญ!」

「อ๊ะ」

สองคนคิดว่าพวกเธอผิด เพราะพวกเธอส่งเสียงและร้องไห้

「ขอโทษ ชั้นไม่ได้หมายถึงพวกเธอ」

ผมเรียกทั้งสองคนที่เสียใจและร้องไห้ แต่พวกเธอทั้งสองคนยังขอโทษผมจะหว่างที่สะอื้น

มันดูเหมือนมันค่อนข้างตกใจ

มารินะ อีเวร จำไว้นะเธอ

ผมสามารถที่จะทำให้คนที่ร้องไห้ทั้งสองคนสงบลงและมุ่งหน้าไปที่ชั้นใต้ดิน

「ยังไงซะ ชั้นสงสัยว่ามันจบรึยัง」

ผมพึมพำและไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะดูอีโง่สองคนก่อนที่จะลงไปที่ชั้นใต้ดิน

ผมยืนข้างหน้าห้องนั่งเล่นและใช้งานความสามารถของผม

ประตูและกำแพงมองทะลุได้ เปิดเผยให้เห็นถึงข้างใน

ฮิซูกินั่งอยู่บนพื้นพิงกำแพง และอาซาฮินะนั่งยองๆอยู่ตรงหน้าฮิซูกิ

อาซาฮินะ หัวเราะอย่างมีความสุข หยิบทิชชูจากกระเป๋าเธอจากนั้นม้วนมัน และบังคับใส่เข้าไปในจมูกฮิซูกิ

「ฟู่ ไม่ หยุดนะ ฟู่ ฟู่」

ฮิซูกิต่อต้าน แต่มันดูเหมือนอาซาฮินะทำให้เธอเยินและขยับไม่ได้ จมูกเธอถูกยัดไปด้วยทิชชู่ และเธอตามีน้ำตา

「ฟุฟุ ชั้นใจดีจัง เธอใช้ทิชชู่ได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันนะ」

อาซาฮินะ ที่ดึงทิชชู่ออกมาแม้ว่าฮิซูกิเกลียดมันไม่ว่ายังไง ม้วนมันและใส่เข้าไปในจมูกฮิซูกิ

「แน-แน่นอน แน่นอนว่าชั้นจะแก้แค้นเธอ! เธอจำมันไว้นะ!」

ฮิซูกิ ที่ขยับไม่ได้แม้ว่าอย่ากจะต่อต้าน ถูกใส่ทิชชู่เข้าจมูกไปทีละข้าง และร้องระหว่างอยู่ในน้ำตา อย่างไรก็ตาม เพราะทิชชูจำนวนมากยูในจมูกเธอเลือดไม่ไหลออกมา

「...เธอโง่」

ผมพึมพำและออกจากที่นั่น

ปล่อยอีโง่ไว้ตามลำพัง

ด้วยการฟื้นของฮิซูกิ ตอนนี้เราสามารถจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

ฮิซูกิที่ใช้ตาแห่งสวรรค์ไม่ได้ ต้องได้กลายเป็น “มนุษย์ธรรมดา” ในแง่ที่ดี แต่มีจุดหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ

อาซาฮินะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่เธอเป็นมือสมัครเล่นเมื่อมันเป็นการต่อสู้ แต่พลังของเธอคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ตราบใดที่เธอโจมตีโดน แม้แต่ชายที่แข็งแกร่งจะกระเด็นไปด้วยการตีทีเดียว

แต่เพราะฮิซูกิยังมีสติอยู่หลังจากที่ถูกโจมตีโดยอาซาฮินะ

มันยากที่จะคิด แต่ผมคิดว่าฮิซูกิใช้ตาแห่งสวรรค์

พลังของตาแห่งสวรรค์แน่นอนว่าลดลงเพราะยูกะนำไปครึ่งหนึ่ง เพราะอย่างนั้นเธอควรจะควบคุมมันได้ง่ายกว่าเดิม

เธอพูดว่าเธอใช้มันไม่ได้ แต่เธอใช้งานตาแห่งสวรรค์ของเธอโดยไม่รู้ตัว เพื่อทำอะไรบางอย่าง

ยกตัวอย่างเช่น การโจมตีของอาซาฮินะพลาดอย่างไม่มีใครรู้ และความเสียหายถูกเก็บไว้ให้ต่ำ

เธอเป็นคนที่ควบคุมตาแห่งสวรรค์ตอนมันเต็มกำลัง แม้ว่าจะชั่วคราว แต่ผมคิดว่ามันค่อนข้างเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม ยกเว้นว่าเธอจะรู้มัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมมันอย่างอิสระ

แต่ยังไงซะ ถ้าเธอเล่นกับอาซาฮินะ มันจะเป็นการฝึกของเธอและเธออาจจะสามาระควบคุมมันได้อย่างอิสระ

อาซาฮินะก็ดูเหมือนจะชอบฮิซูกิที่ท้าทายเธอตรงๆด้วย

ยังมีกรณีของคาซะฮานะอีก

คาซะฮานะที่กำลังจะเสียกำลังใจของเธอต้องใช้เวลากับฮิซูกิ

ด้วยนั่นที่พูด เมื่อติดต่อกับคนประสานงานขององค์กร อีโง่สองคนนี้จะอยู่ที่นี่และคาซะฮานะจะดูและพวกเธอ

ผมหมายถึง ผมไม่อยากจะให้อาซาฮินะอยู่คนเดียว

สมาชิกที่ไปหาคนประสานงานคือ ริกกะ ทามะมูชิ มารินะ ยูกะ และผม

คนที่เหลืออยู่ที่บ้านคือ อาซาฮินะ ฮิซูกิ คาซะฮานะ และ นานะฟูชิ

ทั้งสองทีมแข็งแกร่งพอ แม้ว่าการติดต่อขององค์กรจะเป็นกับดักเพื่อแบ่งกำลังของเรา

คาซะฮานะจะเดิมพันชีวิตของเธอเพื่อปกป้องฮิซูกิ และการผสมกันของอาซาฮินะและนานะฟูชินั้นอันตรายไม่ว่าอย่างไร แม้ว่าศัตรูจะโจมตีที่นี่ มันจะทำให้ศัตรูกลายเป็นน่าสมเพช

ผมไปที่ประตูหน้า เปิดประตู และออกไปข้างนอก

หลังจากที่กอดอกและรออยู่ซักพัก นานาฟูชิถูกเห็นเข้ามาในระยะของความสามารถของผม

นานะฟูชิเคลื่อนไหวใน “จุดบอด” ของบริเวณทื่อยู่อาศัย และปรากฏตรงหน้าผมโดยไม่มีเสียง

「ขอบคุณที่ดูแลที่นี่」

「ได้ ซซุ」

เมื่อผมเรียกนานะฟูชิ เธอมองผมและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

「เธอรู้มั้ยว่าชั้นจะอยู่ในการติดต่อกับคนประสานงานขององค์กรของเธอ?」

「ใช่ ชั้นได้ฟังมาสเตอร์ผ่านทางกระแสจิต」

นานะฟูชิพยักหน้าและตอบคำถามผม

「อาซาฮินะ ฮิซูกิ คาซะฮานะ จะอยู่ที่นี่ คาซะฮานะพึ่งพาได้ แต่อีกสองคนนั้นโง่」

「ชั้นเชื่อว่าอาซาฮินะ-จังโง่ แต่ฮิซูกิถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่โง่ด้วยเหรอ?」

นานะฟูชิได้ยินคำพูดของผม และพึมพำเหมือนเธอเห็นอกเห็นใจ

「ยังไงซะ ชั้นอยากให้เธออยู่」

「โอเค ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ ชั้นควรจะดูรอบข้าง ใช่มั้ย?」

「ใช่ และตราบใดที่ศัตรูไม่โจมตี เธอปล่อยอีโง่สองคนไว้ตามลำพังได้」

「โอเคค ชั้นไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวกับอาซาฮินะ-จัง ชั้นเลยปล่อยเธอไว้มากเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นมันจะง่าย」

นานะฟูชิมีรอยยิ้มที่ขมขื่นจากนั้นพยักหน้า

เธอเป็นอาวุธ เกือบจะเป็นอมตะ และน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา แต่มันดูเหมือนเธอจะไม่เก่งกับอาซาฮินะ

ยังไงซะ ผมเข้าใจความรู้สึกของเธอ

「งั้น ชั้นอยากจะไปประชุมกับกลุ่มที่เหรือ ดังนั้นมากับชั้นที่ห้องใต้ดิน เก็บไว้เป็นความลับกับอีโง่สองคนนั้น มันจะเป็นเรื่องลำบากถ้าเธอรู้มัน โดยเฉพาะอาซาฮินะ」

「ชั้นเข้าใจ」

นานะฟูชิพยักหน้าและตอบคำถามผม จากนั้นเธอตามผม และผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน

「อืม นายมีซักนาทีนึงมั้ย」

เมื่อผมพยายามจะเปิดประตู นานะฟูชิข้างหลังผมพูดขึ้นมาดังๆ

「เกิดอะไรขึ้น」

「ไม่ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ」

เมื่อผมถามโดยไม่หันกลับไป นานาฟูชิดูดขึ้นมา เหมือนเธอจะพูดมันยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง

มีอะไรที่เธออยากจะพูดงั้นหรือ?

มองกลับไป ผมมองลงไปที่เธอ

「เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เฝ้าระวัง?」

มันดูเหมือนเธอเจอคนที่น่าสงสัย แต่เธอบอกไม่ได้ว่าคนนั้นเป็นศัตรูมั้ย

เธอไม่มั่นใจ และเธอคิดว่ามันจะเป็นเรื่องรบกวน ดังนั้นมันดีกว่าที่เธอจะถามผม

「นั่น…ชั้นมีอะไรบางอย่างที่จะถามซูซูฮาระ-ซัง」

「เธออยากจะถามอะไร?」

「อืม」

นานะฟูชิพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูมีปัญหา

มันไม่ใช่อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างที่คุ้มกันเหรอ

「บอกชั้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน」

「ชั้นไม่อยากจะกังวลโดยมันด้วย ชั้นมีความรู้สึกที่ไม่ดี มันถูกเห็นโดยแมลง และมันจริงอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นมันเลยเป็นปัญหา」

นานะฟูชิไม่พูดสิ่งที่เธออยากจะพูด แต่เธอไม่อยากจะพูดมัน แทนที่จะพูดมัน มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น

「มันดีกว่าที่จะพูดมัน แต่อย่าบอกใครนะ ถ้าพวกเธอรู้ว่านายทำมัน มันจะยากกว่าศัตรูโจมตีอีก ทีมอากจะล่มได้」

「ได้เลย」

ผมพยักหน้ากับนานะฟูชิที่พูดระหว่างที่มองผม

ไม่ ไม่ใช่ว่านี่มันอันตรายเหรอ?

「นายสามารถจะใช้ความสามารถของนายได้อย่างถูกต้องมั้ย?」

「ชั้นเหรอ? อึน ชั้นยังใช้มันอยู่」

「มันมีอะไรเปลี่ยนมั้ย? เหมือนการรู้สึกไม่สบายเมื่อใช้มัน」

「ไม่สบายเหรอ?」

ผมรู้สึกไม่สบายด้วยความสามารถของผม แต่ผมไม่รู้สึกไม่สบายเป็นพิเศษ

「นายเปลี่ยนสีของตานายได้เองมั้ย?」

「เอ๋?」

สีตา? เปลี่ยนสีตา

「ชั้นว่าแล้ว นายไม่สังเกตมัน ตอนนี้ ตาของซูซูฮาระ-ซามะกลับไปสีเดิม」

ผมตกใจที่ได้ยินเรื่องนั้น

พูดถึงแล้ว ตาของผมเป็นสีทอง มันกลับมาแล้วเหรอ?

ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน หรือพูดอีกอย่างมัน “กลับไปแบบเดิมของมัน”

เมื่อไหร่ที่มันกลับมาเหมือนเดิม?

มองกลับไปที่ความทรงจำ ผมรู้สึกถึงความไม่สบายตรงไหน

ริกกะ ทามะมูชิ นานะฟูชิ และอาซาฮินะ รู้ว่าตาของผมเปลี่ยนเป็นสีทอง

มารินะ ยูกะ ฮิซูกิ และคาซะฮานะไม่รู้เรื่องนั้น

ถ้าตาของผมเป็นสีทอง ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะบอกผมเหรอ?

ผมคิดว่ามารินะและยูกะจะตกใจเป็นพิเศษ แต่พวกเธอไม่พูดอะไร

นั่นหมายถึง…

「มีความเป็นไปได้สูงว่าตาได้กลับไปที่สีปรกติเมื่อชั้นเข้าร่วมกับมารินะและยูกะ」

「ใช่ ในตอนนั้น ชั้นอยู่ใกล้ซูซูฮาระ-ซัง แต่ชั้นขอโทษ ชั้นไม่ได้สังเกตสีตาของซูซูฮาระ-ซัง」

นานะฟูชิฟังที่ผมพึมพำและขอโทษ

ไม่ ผมลนอยู่ในเวลานั้น และหลังจากที่กลับมาที่นี่ ผมขอให้ทามะมูชิดูพื้นที่รอบๆ มันธรรมชาติที่เธอจะไม่สังเกตมัน

「ชั้นอาจจะคิดมากไป มันอาจจะไปกระตุ้นความวิตกกังวลและทำพลาด แต่…」

「บอกชั้น」

เธอน่าจะไม่อยากพูดออกมาเป็นคำ แต่ผมถามนานะฟูชิที่ลังเล

นานะฟูชิ ที่ดูมีปัญหาซักพัก มองขึ้นมาหาผมเหมือนเธอได้ตัดสินใจแล้ว

「มีข้อมูลน้อยเกี่ยวกับตาแห่งพื้นดินและตาแห่งสวรรค์ตาแห่งสวรรค์ ดังนั้น ชั้นคิดว่าที่ตาของซูซูฮานะเปลี่ยนเป็นสีทองน่าจะมาจากเรื่องนั้น เพราะชั้นจำที่มากิริพูดได้」

นานะฟูชิพูดด้วยเสียงอู้อี้

「เพราะความสามารถตานั้นมีปัญหา อย่าพยายามจะจัดการกับมันมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ บนนั้นทั้งหมด ความสามารถระดับสูงบ่อยครั้งจะเปลี่ยนสีตาเมื่อใช้ความสามารถ ถ้าสีของตาเปลี่ยน โดยเฉพาะตาสีรุ้ง ถ้านายเจอบางคนที่มีมัน อย่าลังเลที่จะวิ่งหนี」

สีรุ้ง ตาของยูกะสีรุ้ง

「แต่ถ้าตาไม่เปลี่ยนสีเมื่อเค้าหรือเธอใช้ความสามารถ มันน่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่」

「ชั้นเกิดมาพร้อมกับความสามารถ แต่ในเวลานั้นที่ชั้นใช้ความสามารถของชั้น สีตามันไม่เปลี่ยน อย่างไรก็ตาม มันเป็นครั้งแรกที่มันเปลี่ยนเป็นสีทอง」

「บางที อาจเป็นเพราะตาของนายได้ตื่นขึ้น」

ตาแห่งพื้นดินตื่นขึ้นและตาเป็นสีทอง แต่ตอนนี้ มันกลับไปสีปรกติ

「และอีกอย่าง มากิริ-ซามะพูดเรื่องนี้」

นานะฟูชิหันไปจากผมและพึมพำ

「ถ้าสีของตาเมื่อใช้ความสามารถไม่เปลี่ยนไป มันเป็นเรื่องของเป้าหมาย」

เป้าหมาย

พวกที่เปลี่ยนสีตามีปัญหา ดังนั้นรอและดู แต่ถ้าสีตาไม่เปลี่ยน เป้าหมาย

พูดอีกอย่างคือ ค่าของความสามารถผมตกลงไป หรือ――

เมืองผมปิดตา ผมโฟกัสสติของผม หายใจออกช้าๆ และเปิดตาของผม

「มันเป็นยังไง? สีของตาชั้นเปลี่ยนมั้ย?」

「ไม่」

กับคำถามของผม นานะฟูชิส่ายหัวของเธอ

「อะไรจะเกิดขึ้นในท้ายที่สุดถ้าสีของตาชั้นไม่เปลี่ยน?」

นานะฟูชิไม่ตอบคำถามของผม

ถ้าเธอไม่รู้ เธอจะพูดว่าไม่รู้ แต่เธอไม่พูดอะไร มันดูเหมือนเธอรู้คำตอบ

เมื่อมันมาถึงจุดนั้น มันไม่เหมือนว่าผมจะใช้ความสามารถไม่ได้

ยังไงซะ ผมรู้สึกว่าความสามารถของผมตื่นขึ้น

บางทีมันเหมือนกันกับฮิซูกิ

เมื่อตาแห่งสวรรค์ของเธอตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ ตาของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีรุ้งอย่างแน่นอน

ยูกะรับครึ่งหนึ่งของตาแห่งสวรรค์ ที่ฮิซูกิได้ทรมานอย่างมาก แต่ เธอยังใจเย็นอยู่

ในทางกลับกัน ผมไม่เคยเห็นตาของฮิซูกิเปลี่ยนเป็นสีรุ้ง พูดอีกอย่าง ตาแห่งสวรรค์ของฮิซูกิไม่ได้ตื่นอย่างสมบูรณ์ แต่ ฮิซูกิในเวลานั้นอาจจะตาย

พูดอีกอย่าง ฮิซูกิโตมาด้วยตาแห่งสวรรค์ แต่ตัวของเธอทนมันไม่ได้ และมันเหมือนกันกับผม

「ก่อนหน้านี้ ชั้นมีเลือดกำเดาไหลหลายครั้ง และชั้นรู้ว่าสมองของชั้นเครียด มันคลุมเครือ แต่ชั้นคิดว่ามันจะไม่นานถ้าชั้นใช้พลังของชั้นต่อไป」

ยูกะมีภาชนะที่เทียบกับความสามารถของเธอได้ มันต่างจากผมและฮิซูกิ

ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของตาแห่งสวรรค์ไม่เหมาะสมกับตัวผม

และ――

「ชั้นจะแสดงความสามารถอื่นกับคนนั้นที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มระดับของความสามารถ ชั้นคิดว่านั้นมันเป็นพลังที่เยอะเกินไป」

บางทีตาแห่งพื้นดินเป็นความสามารถที่ตัดชีวิตตัวเองและแบ่งมันให้กับคนอื่น

「มันเป็นเรื่องที่มีข้อมูลน้อย กับตาแห่งพื้นดิน ตาแห่งสวรรค์มีมากกว่า」

เหตุผลที่มันยากสำหรับคนที่มีตาแห่งพื้นดิน คือคนๆนั้นไม่สังเกตว่ามีมัน

หลังจากนั้น มันดูเหมือนคนที่มีตาจะแข็งแกร่ง ดังนั้นมันเป็นการยากที่จะปล่อยวัตถุดิบไว้

ผมคิดว่ามีอีกเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น

มันเป็นไปได้ว่าคนทั้งหมดที่มีตาแห่งสวรรค์ตายเร็ว

รวมคน สร้างคนที่มีความสามารถออกมาจำนวนมาก เพิ่มความสามารถของพวกเขาและสร้างหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นอาจจะเป็นการหมดหน้าที่

สั้นๆคือ เหตุผลที่มันไม่ถูกรู้เพราะคนใช้ตายเร็ว มันเลยยากที่จะทิ้งข้อมูลไว้

มันเป็นแค่การเดา แต่ผมคิดว่าผมคิดถูก

โอ้พระเจ้า ผมมีเวลาอีกมากเท่าไหร่

ผมหวังว่ามันจะเป็นจนกว่าผมสู้กับคุดันและมีที่อยู่

「ที่ชั้นเพิ่งพูดมันเกี่ยวกับความสามารถระดับสูง แต่ มันไม่มีการยืนยัน ชั้นอาจจะคิดมากไป แตะไม่ว่าโอกาสไหน มันดีกว่าที่จะเลี่ยงการใช้ความสามารถมากเท่าที่จะทำได้」

「โอ้ นั่นใช่แล้ว」

ผมพยักหน้าและลูบหัวของนานะฟูชิ

นานะฟูชิมองขึ้นมาหาผมด้วยหน้าที่วิตกกังวล

งดการใช้ความสามารถ?

ถ้ามันแค่ตาทิพย์ นั่นเป็นไปได้ แต่ “ตาแห่งพื้นดิน” น่าจะต่างออกไป

เหมือนตาแห่งสวรรค์ มันใช้งานอยู่ตลอด

บางทีมันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดมันอย่างสมบูรณ์

「นานะฟูชิ」

「คะ」

「เธอบอกชั้น ว่าชั้นไม่ควรบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ชั้นขอเธอ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ」

「...ได้」

นานะฟูชิมองลงไปข้างล่าง หยุดซักพัก และตอบ

ฮิซูกิรอดชีวิตเมื่อยูกะนำตาแห่งสวรรค์ไปครึ่งหนึ่ง

ถ้าเธอใช้วิธีเดียวกันกับผม บางทีผมมีชีวิตรอดได้

แต่แทนที่จะอย่างนั้น ยูกะน่าจะตาย

ครึ่งหนึ่งของตาแห่งสวรรค์และครึ่งหนึ่งของตาแห่งพื้นดิน และยังมีดอกบัวอีก ไม่ว่าภาชนะจะใหญ่ขนาดไหน มันยากที่จะควบคุมเกินไป

แต่ยูกะน่าจะพูดว่าเธอจะทำมัน นั่นทำไมผมไม่ควรบอกนี่กับใคร

――มารินะ ได้ยินชั้นมั้ย?

ผมถามเธอผ่านใจของผม แต่ไม่มีคำตอบ

บางที่เธอฟังอยู่ อย่างนั้นเหรอ? เฮ้ย มารินะ

ผมถามเธออีกครั้ง ได้โปรด เก็บมันไว้เป็นความลับ

――ถ้าฉันพูดว่าฉันไม่ชอบมันล่ะ?

เสียงของมารินะดังก้องกระทันหัน

เพราะทั้งหมดเธอฟังมันอยู่? มันเป็นความสามารถที่น่ารำคาญจริงๆ

――มีหนทาง ฉันจะขอให้ยูกะ-ซังย้ายความสามารถของซูซูฮาระมาให้ “ฉัน” จากนั้นบางที…

แน่นอน นั่นจะช่วยฉัน แต่แล้วเธอล่ะ? ภาชนะเธอใหญ่แค่ไหน? มีความเป็นไปได้แค่ไหนว่าเธอจะรับความสามารถของฉันไปและช่วยฉัน?

――ยังไงซะ ฉันไม่รู้จนกว่าฉันจะทำมัน

น่าจะเป็นไปไม่ได้ ระยะผลของความสามารถของเธอนั้นกว้าง มากกว่านั้น มันใช้กับหลายคนได้ในเวลาเดียวกัน ความสามารถของเธอน่าจะใช้ความจุเยอะ และเธอไม่สามารถที่จะรับความสามารถของฉันไปได้ นอกจากนี้ ฉันยังไม่เข้าใจว่าความสามารถตาแห่งพื้นดินมันมากแค่ไหน มันต่างจากตาแห่งสวรรค์ที่มันมีพลังที่จะเปลี่ยนอนาคต ถ้ามันไม่เข้ากัน เธออาจจะต้องการความจุมากกว่าตาแห่งสวรรค์ พูดอีกอย่าง คนที่รับมันไปน่าจะตาย

――ดังนั้น ชั้นต้องพยายาม

ฟู่ เธอก็เป็นอีโง่ด้วย

――เอ๋?

เธอพูดว่าเธอจะขอยูกะ พูดอีกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวความสามารถคนเดียว

――ยังไงซะ นั่น…

มันไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะปลอดภัยหลังจากที่รับความสามารถของฉันไป เธอจะขอยูกะอย่างนั้นเหรอ? แต่ เธอคิดว่ายูกะจะใช้ความสามารถของยูกะกับเธอเหรอ? สมมุตว่า ยูกะแกล้งที่จะเข้าใจมัน แต่เธอจะใส่ความสามารถใส่ตัวเอง ยูกะจะทำอย่างนั้น เพราะเธอเป็น “ดอกบัว” เธอจะทำอย่างนั้นแน่นอน มันโอเคที่ยูกะจะตายเหรอ?

มารินะไม่ตอบความคิดของผม

ผมคิดว่ายูกะสามารถรับตาแห่งสวรรค์ไปได้เพราะตาแห่งสวรรค์และดอกบัวเป็นความสามารถแบบเดียวกัน

มันเป็นไปได้มั้ยที่จะรับตาแห่งพื้นดินไปครึ่งหนึ่งที่มันตรงข้ามกับตาแห่งสวรรค์? แม้ว่ามันเป็นไปได้ มันจะต้องใช้อะไรเพื่อรับความสามารถที่ตรงกันข้ามกัน?

มันอันตรายจริงๆ ถ้ายูกะรับตาแห่งพื้นดินไปครึ่งหนึ่ง เธอน่าจะตายอย่างแน่นอน

ผมจะขอมารินะ ยูกะมีมนต์ ถ้าเธอรู้เรื่องนี้ เธอต้องพยายามจะช่วยผมแม้เธอต้องใช้มนต์ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเธอจะตาย ยังไงเธอก็จะทำมัน

จากนั้น เธอจะใช้มนต์เพื่อลบความทรงจำของเธอไปจากเรา เราจะไม่เศร้าเมื่อเธอตาย เราแม้แต่เสียใจกับความตายของยูกะก็ไม่ได้

เธอมีปัญหามาหลายอย่าง และในที่สุดเธอก็ได้ๆที่ที่จะอยู่ แต่ไม่มีใครจะเสียใจเมื่อเธอตายไปคนเดียว เธอยกโทษให้ได้มั้ยล่ะ? เธอยกโทษให้อะไรแบบนั้นได้มั้ย? แม้ว่าเธอจะไม่อยากยกโทษให้ยูกะ เธอจะลืมยูกะไปอย่างแน่นอน

ถ้าเป็นแบบนั้น ถ้างั้น

เนน่~ มารินะ ถ้าฉันตาย ทุกคนจะเศร้าใจ ใช่ไหม ได้โปรดร้องไห้เพื่อฉัน ฉันจะขอให้เธอทำอย่างนั้น อย่าทำให้ฉันเสียใจที่ฉันเกิดมา และรู้สึกว่าฉันควรจะมีชีวิตอยู่นานกว่านี้

ผมรอซักพัก แต่มารินะไม่พูดอะไร เธอไม่ตอบอะไรทั้งนั้น พูดอีกอย่าง เธอเชื่ออย่างนั้นแล้ว

ขอบคุณ

「ชั้นไม่มีเวลาพอ」

ผมพึมพำและมองลงไปหานานะฟูชิ

「นานะฟูชิ เธอมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน ถ้าอย่างนั้น เธอต้องมีสิ่งสำคัญหลายอย่าง ใช่มั้น?」

เมื่อเธอถูกผมถาม นานะฟูชิพยักหน้าเงียบๆ

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจจะรอดชีวิตจนถึงคุดัน แต่มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นตลอด

「มันไม่ดี แต่ชั้นต้องเตรียมตัวที่จะตาย ดังนั้นถ้าชั้นไปแล้ว สนับสนุนมารินะ ถ้าผู้นำปลอดภัย ชั้นมั่นใจว่ามันจะได้ผล」

เมื่อผมพูดกับนานะฟูชิ เธอพยักหน้า

「ชั้นขอโทษ ชั้นซาบซึ้งเธอนะ」

ผมพึมพำระหว่างที่ลูกหัวนานะฟูชิ

ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่มานานแค่ไหน มันต้องเป็นการยากที่จะเสียอะไรที่สำคัญไป แต่มันก็เป็นความจริงว่าเธอชินกับมันด้วย นอกจากนี้ นานะฟูชิมีมาสเตอร์ที่ชื่อทามะมูชิ

ถ้าผมตายและทีมล่ม งั้นเราอาจจะถูกกวาดล้าง แต่ถ้าผู้นำยังปลอดภัย เราจะรอดไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง

「ยังไงซะ ถ้างั้น ไปกันเถอะ」

ด้วยนั่นที่พูด ผมสะกิดหลังนานะฟูชิ และเปิดประตูหน้า จากนั้นเข้าไปในบ้าน และมุ่งหน้าไปที่ห้องใต้ดิน

มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ผมรู้สึกดีมากตอนนี้

มาเอาใจริกกะเถอะ

มีหลายอย่างที่ผมอยากจะบอกกับมารินะ

ผมอยากจะอยู่กับยูกะมากที่สุดเท่าที่ทำได้ด้วย

ทามะมูชิเป็นคนที่ผมมีหนี้ ผมต้องระวังมัน

ผมกังวลเกี่ยวกับคาซะฮานะ ดังนั้นผมต้องให้เธออยู่กับฮิซูกิ

และอาซาฮินะ ผมจะทำให้เธอยอมแพ้แน่นอน

มีหลายอย่างที่ต้องทำ

ทันทีที่ผมคิดว่าผมมีเวลาเหลือน้อย ผมรอคอยมันไม่ได้

บางทีมันเป็นครั้งแรกที่ผมดีใจที่ผมเกิดมา

จากนั้น ผมต้องขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดผม

 

TLN: หยุด 3 วันนะครับ
เป้าหมายเดือน 4/66
ค่าเน็ต 200/200
กาแฟ 180/300
ค่าไฟ 20/1000
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu
ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: "wayuwayu แปล"
pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.