chapter 8 ถูกโจมตี

คาร์น ดินแดนเวทมนตร์

-A A +A
อ่านต่อ

chapter 8 ถูกโจมตี

        การประชุมเริ่มขึ้นด้วยการรวมตัวของนักผจญภัยตั้งแต่แรงค์บรอนซ์ยันแรงค์ไดมอนด์ โดยสถานที่ถูกจัดตรงโถงใหญ่กลางกิลด์เนื่องจากมีโต๊ะและเก้าอี้จำนวนมาก ซึ่งจะมีทางด้านหน้าเป็นเวทีเล็กๆเพื่อให้ออสตินและเกรซได้ยืนพูด และบทสนทนาก็เริ่มจากมอนสเตอร์ชนิดต่างๆที่ต้องเจอ โดยเกรซเป็นคนเริ่ม

        “ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าวันนี้พวกเรามีเรื่องอะไรกัน นั้นก็คือเรื่องของกองทัพมอนสเตอร์ที่กำลังจะบุกในไม่ช้า ซึ่งหัวข้อที่จะบอกก่อนก็คือมอนสเตอร์ที่เราอาจจะต้องต่อสู้ด้วย โดยมอนสเตอร์ก็อย่างที่พวกเราพอจะพบเห็นได้บ่อยอย่างเช่น ก็อบลิน ฮ็อบก็อบลิน หมาป่า ไซครอป โทรล เป็นต้น และสิ่งสุดท้ายที่เราอาจจะต้องเผชิญหน้าก็คือ แม่มด” 

        ทันทีที่คำว่าแม่มดได้ถูกพูดขึ้น นักผจญภัยมากมายก็ได้ถกเถียงกันจนเสียงของเกรซถูกกลบไป จนกระทั่ง…

        “เอาล่ะทุกคนอยู่ในความสงบ!” ออสตินที่เริ่มรำคาญจึงตะโกนออกมา ก่อนจะเริ่มประชุมต่อ

        “ก็อย่างที่เกรซได้บอกไปว่าเราต้องสู้กับพวกมอนสเตอร์ต่างๆ ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่มอนสเตอร์แต่มันอยู่ที่แม่มด ดังนั้นเราจะมุ่งเน้นไปที่แม่มดซะส่วนใหญ่ เพื่อกำจัดตัวแปรสำคัญที่สุดออกไปก่อน โดยเราจะรวบรวมทีมที่มีเวทย์สายรอบเร้นกายหรือพวกมีฝีมือในการฆ่า เพื่อทำให้เสร็จงานให้เร็วที่สุด”

        “แล้วมั่นใจได้ยังไงว่ามันมีแค่แม่มด” หนึ่งในนักผจญภัยตะโกนถาม

        และนั้นก็เป็นคำถามที่ทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นอีกครั้ง ว่ามันจะมีแค่แม่มดอย่างนั้นหรอที่เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งในหัวข้อนี้นั้นลุคก็ได้ถามออสตินตั้งแต่เมื่อวานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคำตอบที่ได้จากออสตินก็ทำให้ลุคต้องคิดหนักเหมือนกัน 

        “มีสิ่งที่ฉันอยากจะบอก ก็คือเราไม่รู้ว่ามีแค่แม่มดรึเปล่า เพราะเราไม่มีข้อมูลอะไรมากพอ ถึงแม้จะส่งคนเข้าไปตรวจสอบบริเวณๆรังของพวกมันแล้วก็ตาม ดังนั้นแผนที่ดีที่สุดที่คิดได้ก็คือ การรับมืออยู่ที่เมือง และรอให้พวกมันเป็นเริ่มโจมตีมาก่อน” ออสตินพูดออกไปพร้อมกับถอนหายใจ

        การรับมือที่ดีที่สุดนั้นไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกในสถานการณ์นี้ เพราะถ้าออกไปไล่ล่าแล้วไปติดกับกักที่พวกมันได้วางเอาไว้ก็จะเกิดผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนถ้ารออยู่ที่เมืองแล้วรอให้พวกมันโจมตีก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้รึเปล่า นั้นคือความเสี่ยงที่ออสตินและคนในกิลด์ต้องยอมรับ 

        “แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าให้รออยู่ในเมืองจะปลอดภัย” ชายแรงค์แพลตตินั่มพูดขึ้น ซึ่งการพูดก็ทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นอีกครั้ง 

        “ก็ตามที่บอกพวกเราไม่มีข้อมูลมากพอ ดังนั้นการตั้งรับคือสิ่งที่ควรทำที่สุด เพื่อทุกคน” ออสตินก็ยังยืนยันคำเดิม เพราะเจ้าตัวมั่นใจว่าแผนนี้จะลดการสูญเสียถ้าถูกโจมตีได้ดีที่สุด

        แต่ถึงจะเป็นคำสั่งของหัวหน้ากิลด์ก็ใช่ว่าจะมีคนยอมรับ เนื่องจากหลายคนก็ไม่อยากเสี่ยงให้อีกฝั่งเตรียมตัวพร้อม แต่ก็มีหลายคนที่เห็นด้วยกับความคิดของออสติน จนกระทั่งเริ่มมีคนเสนอให้โหวตกันว่าจะเอายังไงกันแน่ และผลโหวตก็ตกไปอยู่ที่เสียงส่วนมากว่าเห็นด้วยกับออสติน ส่วนทางด้านอีกฝั่งก็ต้องยอมรับผลโหวตไป สุดท้ายการประชุมก็จบลงโดยแผนรับมืออีกอย่างก็คือการสร้างเครื่องป้องกันเอาไว้ เผื่อเหตุการณ์ที่พวกมอนสเตอร์บุกมาถึงหน้าเมืองได้สำเร็จ ซึ่งใช้เวลาเพียงสามถึงสี่ชั่วโมงก็เตรียมการเสร็จสิ้น โดยมีทหารและพวกนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งทำการเฝ้ายามเอาไว้ตลอดเวลา

        2 วันถัดมา

        ชายคนหนึ่งได้เดินมาถึงหน้าประตูเมืองพร้อมกับร่างที่โชกไปด้วยเลือด ก่อนจะล้มลงท่ามกลางผู้คนที่กำลังรอเข้าเมือง ทหารยามพอเห็นคนโวยวายว่ามีคนเจ็บจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือในทันที ซึ่งคำพูดสุดท้ายก่อนที่ชายคนนั้นจะสลบไปก็ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบเกิดอาการแตกตื่น ก่อนที่ข่าวนั้นจะมาถึงกิลด์ในเวลาอันสั้น

        “อะไรนะ! พวกมันเริ่มบุกกันแล้ว” ออสตินที่กำลังนั่งเครียดกับเอกสารถึงกับอุทาน พร้อมกับหักดินสอคามือตัวเอง

        ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนักผจญภัยหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันที่บริเวณหน้าเมือง พร้อมกับอาวุธยิงระยะไกลหรืออุปกรณ์แปลกๆอย่างเครื่องยิงตาข่าย ซึ่งทำให้คนที่ใช้แต่อาวุธธรรมดาถึงกับงงเล็กน้อยว่าเอามาทำไม แต่ใช่ว่าจะมีแค่พวกนักผจญภัย เพราะทหารที่ปกป้องเมืองก็ได้ยกพลมาช่วยเหมือนกัน หรืออีกอย่างก็คือทำดีเอาหน้านั้นแหละ เพราะพวกนั้นก็มีแค่หอกกับโล่ทั่วไป แถมครั้งนี้ดันเอาตัวน่ารำคาญมาด้วยซะอีก

        “สวัสดีครับคุณออสติน ” แกริค วิกทูล หัวหน้าองครักษ์ของเจ้าเมืองกล่าวทักทายออสติน พร้อมกับลูกน้องอีกสองคนที่ชื่อว่า สเวนกับครูด โดยมีหน้าตาเหมือนกันเพราะเป็นฝาแฝดกัน

        “มาด้วยหรอ คิดว่าจะมุดหัวอยู่กับเจ้านายของแก  ออสตินที่ไม่ชอบหน้าแกริคก็ได้พูดกลับไปด้วยท่าทีไม่ชอบใจ

        “จะให้ผมอยู่เฉยๆได้อย่างไรล่ะครับ ทหารนั้นมีหน้าที่ปกป้องเมืองอยู่แล้ว ผมก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง” แกริคยังคงยิ้มรับเหมือนคำพูดเมื่อกี้ของออสตินเป็นคำชม

        “เรื่องของแก ในตอนสู้ก็อย่ามาขวางละกัน” ออสตินพูดจบก็ได้เดินไปอยู่หน้าเหล่านักผจญภัย ก่อนจะกล่าวปลุกขวัญกำลังใจ ส่วนทางด้านของแกริคและลูกน้องคนสนิทก็ได้หันไปคุยกับกองทหารตัวเองเหมือนกัน 

 

        “ลุค อย่าลืมเรื่องที่คุยกันไว้ล่ะ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจแค่ทำหน้าที่ของนายก็พอ” ออสตินเดินไปคุยกับลุคเรื่องการจัดการแม่มด เพราะเขาเชื่อในอดีตลูกทีมคนนี้มากเนื่องจากลุคเคยเป็นถึงมันสมองของทีมมาก่อน นั้นจึงทำให้ออสตินไว้ใจลุคมากจะสามารถจัดการปัญหานี้ได้

        “อ้อ เกือบลืม ฉันเรียกฮาเกนมาด้วย”

        “ไม่ใช่ว่าหมอนั้นกำลังวุ่นวายกับเรื่องฝึกอะไรอยู่หรอ” ลุคงงเล็กน้อยกับสมาชิกเก่าที่ทำธุระส่วนตัวอยู่ แต่ออสตินกลับพูดเหมือนว่าธุระนั้นไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่

        “เอาจริงๆมันก็พูดไปเรื่อย เดี่ยวอีกสักพักน่าจะมาถึง”

        ฮาเกน วอรุน อดีตสมาชิกทีมของออสตินและลุค โดยเขานั้นเป็นกำลังหลักในการลุยภารกิจซะส่วนใหญ่ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นที่ที่ชอบการต่อสู้ ออสตินและลุคจึงชอบให้เขาบุกทะลวงไปก่อนตลอด เพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่เหลือ จนกระทั่งวันหนึ่งลุคได้ออกจากปาร์ตี้และเรื่องของทริกซี่ก็ทำให้อลันออกตามไป จนสุดท้ายปาร์ตี้นี้ก็ได้แยกทางกันไปทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ส่วนฮาเกนที่ไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงกับชีวิตต่อ เจ้าตัวก็ได้เข้าป่าเพื่อฝึกฝนและหามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเพื่อสนองความต้องการ

        ทางด้านของลูเทียร์ อีฟ และลอยด์ก็ได้เจอหน้ากันบริเวณประตูเมือง ก่อนที่ทั้งสามจะจับกลุ่มเนื่องจากพวกเขาไม่มีคนรู้จักมากนัก แถมในระหว่างที่ทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่ลูเทียร์ก็ได้เจอกับฟารัสที่กำลังเดินไปกับปาร์ตี้ของเขา โดยพอทั้งคู่เจอหน้ากันก็ได้ทักทายกันตามพิธีก่อนจะแยกกันไป ซึ่งพอดูโดยรอบๆแล้วก็เหมือนว่านักผจญภัยส่วนใหญ่ก็จับกลุ่มกัน เหตุผลน่าจะมาจากการต่อสู้แบบตะลุมบอนจะทำให้เกิดลูกหลงได้ง่าย การมีคนคอยดูหลังให้จึงจำเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่จับกลุ่มซึ่งก็คงเพราะเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองพอสมควร

        “เอาล่ะ ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก เนื่องจากสิ่งที่เราจะทำต่อไปมันคือสิ่งที่เราทำมาตลอดตั้งแต่เป็นนักผจญภัย แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่จะขอก็คือ เอาชีวิตรอดให้ได้ และกลับไปฉลองกัน!” ออสตินพูดออกมาพร้อมกับยกขวานของเจ้าตัวขึ้น  ทางด้านคนที่ฟังก็ยกขึ้นตามก่อนจะโห่ร้องตะโกนออกมาเพื่อปลุกใจกัน 

        หลังจากเสียงโห่ร้องได้เบาลง เสียงสั่นสะเทือนบนผืนดินก็ได้คืบคลานเข้ามา พร้อมกับกองทัพมอนสเตอร์จำนวนหลายร้อยชีวิตที่กรูกันเข้าหวังจะเข่นฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า ทันทีที่เห็นออสตินก็ได้บอกให้คนที่ใช้อาวุธระยะไกลทั้งหมดเริ่มโจมตี ซึ่งก็มีอาวุธหลากรูปแบบทั้งธนู หน้าไม้ ปืนยิงตาข่าย ปืนยิงระเบิดกาว หรือระเบิดก็ตาม ได้ถูกประเคนใส่มอนสเตอร์ที่กำลังเดินทัพมาอย่างเต็มที่ โดยพอพวกมันเห็นสิ่งที่กำลังจะเข้ามาก็ได้ทำการวิ่งแยกกันเข้าป่าทั้งสองข้างทางไป แต่ก็มีบางส่วนที่หลบไม่ทันและโดนไปเต็มๆ

        เวลาต่อมาไม่นานพวกมอนสเตอร์ที่วิ่งเข้าป่าไปก็ได้วิ่งกรูกันออกมา และการต่อสู้ตะลุมบอนก็ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับคำสั่งของทั้งออสตินและแกริค 

        “เตรียมเวทย์ป้องกันและตั้งโล่ให้ดี!” แกริคสั่งลูกน้องทั้งหมด

        “เตรียมสวนกลับ!” ออสตินสั่งคนในกิลค์เหมือนกัน

        กระบองขนาดยักษ์หลายสิบอันของพวกออร์คได้ถูกเหวี่ยงเข้าใส่กลางวง ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนก็สามารถรับการโจมตีเอาไว้ได้ แต่ก็มีส่วนน้อยที่เวทย์ป้องกันไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับการโจมตี และผลก็คือถูกกระแทกจนไปชนเข้ากับคนอื่นที่ตั้งรับอยู่ ส่วนที่ไม่ถูกโจมตีเนื่องจากอยู่ข้างหลังคนที่ป้องกันได้ ก็ได้กระโจนเข้าหัวคนที่อยู่ด้านหน้าและเริ่มการสังหารทันที แต่ใช่ว่ามันจะง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เพราะพวกนี้ทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์ที่อึดแถมผิวหนังยังหนาอีก จึงทำให้ก่อนจะฆ่าได้แต่ละตัวก็มีคนโดนลูกหลงไปเยอะพอสมควร แถมยังมีไซครอปที่มีเวทมนตร์แปลกๆที่จะทำให้คนโดยรอบขยับตัวไม่ได้อีก

        แต่สุดท้ายฝ่ายชนะก็ตกเป็นของมนุษย์ ซึ่งก็แลกมาด้วยจำนวนผู้บาดเจ็บจำนวนมากและผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง แม้มันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าแต่ยังไงทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องมีคนเสียชีวิต พวกคนที่เหลือจึงทำการเก็บศพและพาคนที่บาดเจ็บกลับเข้าเมืองไปทันที เพราะการต่อสู้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง และการต่อสู้ในรอบต่อไปจะต้องมาในอีกไม่ช้า 

        “มอนสเตอร์บุก!” เสียงใครสักคนดังขึ้น

        สิ้นเสียงเตือน เหล่านักผจญภัยทุกคนรวมถึงทหารก็ได้เตรียมตัวตั้งรับกันอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆเห็นพวกมอนสเตอร์คล้ายๆชุดก่อนหน้านี้ ซึ่งพอพวกมันเข้ามาถึงระยะหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาโจมตีโดยทันที โดยครั้งนี้ดูเหมือนจะเละยิ่งกว่าครั้งก่อนเพราะตัวที่ิวิ่งเข้ามาใส่เป็นกลุ่มแรกคือออร์ค และด้วยขนาดตัวก็ทำให้แนวป้องกันของนักผจญภัยและทหารเละไม่เป็นท่า แต่นั้นยังไม่หมดเพราะสิ่งที่ตามมาก็คือก็อบลินจำนวนมากที่ขี่หมาป่าและอาวุธในมือ 

        “ตั้งรับให้ดี!” ออสตินตะโกนเสียงดังก่อนจะใช้เวทย์จิตสังหารเพื่อชะลอการโจมตีของพวกก็อบลิน ซึ่งก็ได้ผลอย่างมาก ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้เวทย์ไฟเพื่อดันให้พวกก็อบลินที่กำลังวิ่งมาให้ถอยกลับไป เพราะถ้าพวกมันเข้ามาประชิดตัวได้การต่อสู้จะยิ่งวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม ส่วนพวกออร์คก็ได้ให้พวกมีฝีมือจัดการอย่างรวดเร็วแม้จะมีผู้บาดเจ็บ

        สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเพราะการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งกองกำลังของนักผจญภัยในตอนนี้ก็แทบจะเริ่มลดลงเต็มทีจาก 200 คนเหลือเพียง 150 คน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนที่สู้ไหวก็ยังคงเตรียมสู้ตลอดเวลา 

        พอออสตินเห็นสถานการณ์ค่อนข้างแย่ เขาเลยตัดสินใจเอามือสัมผัสกับพื้นพร้อมปล่อยมานาจำนวนมากไปทางมอนสเตอร์ สิ่งที่ตามมาก็คือการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของพื้นดินที่พวกมันยืนอยู่ ก่อนที่แผ่นดินจะค่อยๆแตกออกเป็นหลุมเล็กใหญ่จำนวนมาก จนทำให้พวกมอนสเตอร์มีพื้นที่ในการยืนที่ลำบาก

        “บุก” ออสตินส่งสัญญาณอีกครั้งเพื่อให้คนข้างหลังเขาบุกเข้าไปจัดการพวกมอนสเตอร์ ส่วนเจ้าตัวจะขอพักครู่หนึ่งเนื่องจากใช้มานาไปจำนวนมาก

        เวทย์สั่นสะเทือนที่ออสตินใช้ไปทำให้พวกนักผจญภัยและทหารต่อสู้ง่ายขึ้นมาก จนจำนวนพวกมอนสเตอร์ลดลงไปอย่างรวดเร็ว และชัยชนะก็ตกเป็นของมนุษย์อีกรอบ 

        “พี่ลูเทียร์เป็นยังไงบ้างครับ” ลอยด์ถามหลังจากที่เห็นลูเทียร์พยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิต

        “ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ” เจ้าตัวพูดไปอย่างนั้นแต่ที่จริงก็เจ็บตัวอยู่บ้าง เนื่องจากโดนออร์คต่อยเข้าที่ลำตัวจนกระเด็นไปไกล ซึ่งพอมีเวลาให้พักเธอก็ไม่รีรอรีบไปหาที่นั่งทันที และรอการต่อสู้ครั้งถัดไป

        “นี่ ทำไมพวกมอนสเตอร์พวกนี้ถึงมีรอยสักแปลกๆด้วยล่ะ” อีฟที่กำลังตัดใบหูก็อบลินอยู่ได้ถามขึ้น ก่อนที่ลอยด์จะเดินไปดูว่า และเมื่อดูได้สักพักทั้งคู่ก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออักขระรูน

        ก๊าก ก๊าก ก๊าก

        เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นระงมไปทั่วบริเวณ ทุกคนที่อยู่รอบๆได้หยิบอาวุธขึ้นมาทันที สายตาสอดส่องมองไปรอบๆว่าต้นเสียงมาจากไหนกันแน่ แต่พอสังเกตและฟังดูแล้วเสียงมันดันดังมาจากศพก็อบลินและศพอื่นๆ ก่อนที่พวกมันจะค่อยๆดันตัวเองขึ้นยืน ด้วยท่าทางที่คล้ายกับซากศพ

        “แม่มดใช้เวทย์คืนชีพซากศพแล้ว!” เสียงตะโกนดังขึ้นเพื่อบอกคนอื่นๆว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น 

        นักผจญภัยทุกคนที่ไม่เคยพบกับซากศพต่างตกใจ แต่ก็เป็นอยู่ได้ไม่นานเพราะพวกเขาถูกออสตินตะโกนเรียกสติ ก่อนที่คนที่ยังสู้ได้ทั้งหมดจะเริ่มจัดการพวกซากศพที่คืนชีพมา เศษซากแขนและขากระเด็นไปทั่วพร้อมกับคราบเลือดที่เต็มตัวสาดกระเซ็น โดยในระหว่างที่หลายๆคนสามารถจัดการกับก็อบลินได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาก็ยังคงอยู่กับออร์ค โทรลล์ ไซครอปป์ เพราะดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกลงเวทย์ทำให้บ้าคลั่งมากกว่าตอนมีชีวิต นั้นจึงทำให้การต่อสู้กับพวกมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

        “ใครที่บาดเจ็บรีบกลับเข้าเมืองไป ส่วนคนที่ยังอยากจะสู้ก็เตรียมตัวให้ดี” ออสตินตะโกนออกคำสั่ง ท่ามกลางซากศพมอนสเตอร์ที่กำลังพยายามฆ่ามนุษย์ทุกคนที่ขวางหน้า จนเขานึกวิธีจัดการพวกศพที่เดินไปมาได้

        เวทย์ไฟได้ถูกใช้อีกครั้งเพื่อจัดการพวกซากศพขนาดใหญ่ และสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นหลังจากที่พวกตัวปัญหาถูกโค้นลง แต่แล้วในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปรกติ อยู่ๆเสียงของชายคนหนึ่งก็ได้ดังขึ้น ก่อนที่ร่างของใครสักคนจะลอยกระเด็นข้ามหัวออสตินไป และตกกระแทกพื้นพร้อมกับสภาพแขนขาหักผิดรูป

        แกริคที่อยู่แถวนั้นจะรีบเข้ามาดู ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นก็คือชายสวมเกราะเบาที่มีรอบยุบบนเกราะ โดยมันเหมือนกับรอยบีบของมือขนาดใหญ่ ก่อนที่ชายคนนั้นจะสิ้นใจไปในเวลาต่อมาซึ่งก็ทำให้ทุกคนเริ่มแตกตื่นกันทันที ว่าตัวอะไรกันแน่ที่ทำได้ขนาดนี้ แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะได้เริ่มโวยวายอะไร ยักษ์ตัวใหญ่สีแดงก็ได้เดินออกมาจากในป่า ด้วยความสูงสองเมตรกว่าๆกับขวานขนาดยักษ์ในมือ

        “เรดออร์ค!” ชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้มันได้ตะโกนออกมา ก่อนที่จะถูกไฟที่พุ่งออกมาจากมือเรดออร์คเผาจนตาย

        ความกลัวได้เริ่มเกิดขึ้นแก่ทุกคนแม้แต่ออสตินก็ตาม เพราะเรดออร์คนั้นเป็นมอนสเตอร์กลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งมาก มากซะขนาดที่เคยมีบันทึกว่าต้องใช้นักผจญภัยแรงค์ไดม่อน 3 คนถึงชนะได้ นั้นจึงทำให้เรดออร์คน่ากลัวไม่ต่างจากแม่มดเลย

        “ขอทางหน่อย!” เสียงตะโกนของใครบางคนดังออกมาจากป่า ก่อนที่ชายร่างใหญ่ที่มีสีผิวคล้ำผมสั้นสีขาวจะวิ่งออกมา พร้อมกับกระโดดถีบขาคู่ไปยังเรดออร์คจนมันเซถอยหลังไป

        “ไงครับลูกพี่” ฮาเกนที่วิ่งออกมาจากป่าและโจมตีเรดออร์คสำเร็จได้หันมาทักทายออสติน

        “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่น เอาค้อนไป” ออสตินโยนค้อนที่เพิ่งถูกสร้างจากเวทย์สรรสร้างให้ฮาเกน โดยพอรับมาได้เจ้าตัวก็ไม่รอช้ากระโจนเข้าโจมตีเรดออร์คในทันที 

        “ตอนนี้เหลือศัตรูตัวเดียว ใครที่ไม่พร้อมสู้กลับเข้าเมืองไปซะ! ส่วนพวกเก่งๆที่มีแรงเหลือไปช่วยฮาเกน” ออสตินตะโกนสั่งอย่างจริงจัง เพราะการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นของจริงซึ่งต่างจากก่อนหน้ามากๆ โดยเขาหวังให้มีคนที่เสียชีวิตให้น้อยที่สุด จึงต้องให้พวกที่ไม่ไหวกลับเข้าเมืองไป

ตู้ม

        เสียงบางอย่างดังขึ้นปรากฎเป็นฮาเกนที่ได้กระเด็นออกมาจากป่า และกระแทกเข้ากับต้นไม้จนหักไปหลายต้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ได้รีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปสู้อีกครั้ง โดยคราวนี้ได้ทำการหุ้มค้อนด้วยดินที่สร้างจากเวทย์ 

        ทุกคนที่เหลือกำลังคาดหวังให้ศัตรูตัวสุดท้ายอย่างเรดออร์คถูกจัดการลงอย่างรวดเร็ว แต่แล้วในทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะอยู่ๆเสียงเดินทัพของพวกมอนสเตอร์ก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ออสตินไม่คาดไม่ถึงว่ายังจะมีกองทัพเหลือยู่อีก พอเห็นอย่างนั้นแกริคที่เป็นหัวหน้าองครักษ์ก็ได้ออกคำสั่งสั่งทุกคนแทนออสตินที่สนใจเรดออร์คอยู่ โดยสิ่งที่ทำก็คือบุกโจมตีในทันที

        สองพี่น้องเสวน(พี่)และครูด(น้อง)ได้เริ่มเข้าโจมตีฝูงมอนสเตอร์ตามคำสั่ง โดยคนพี่ใช้ดาบเป็นอาวุธส่วนคนน้องใช้หอก ซึ่งจุดเด่นของทั้งสองคือการโจมตีประสานและใช้เวทย์ลวงตาได้ทั้งคู่ จึงเปรียบเสมือนกำลังรบหลักของทีมทหารก็ว่าได้ ส่วนนักผจญภัยที่ตั้งสติได้ก็เริ่มโจมตีบ้างโดยเว้นระยะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

        “อย่าเข้ามานะเว้ย!” 

        ลอยด์ตะโกนเสียงดังหลังจากตอนแรกวิ่งเข้าไปตะลุมบอนกลางวง ก่อนจะโดนออร์คปัดโล่ทิ้งและวิ่งไล่เข้าป่ามา จนกระทั่งตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองดันนั้นหลงทางอยู่กลางป่า ก่อนที่จะรีบพุ่งไปนอนแอบข้างโขดหินเพื่อหลบสายตาออร์ค แต่ในขณะที่เขากำลังนอนราบไปกับพื้นนั้น อยู่ๆสายตาก็ได้หันไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตรงมา

        ‘งู!’ งูได้เลื่อยตรงมาหาลอยด์ก่อนจะหยุดพร้อมจ้องหน้าเขา และในเวลาต่อมาเสียงบางอย่างก็ได้ดังขึ้นในหัวของเด็กหนุ่ม

        ‘นี่เจ้าหนู ต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า’ 

        ลอยด์ที่ตกใจกับเสียงปริศนาจึงได้หันซ้ายขวาเพื่อมองหาต้นเสียง ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะรู้ว่างูตรงหน้านั้นคือสปิริตธาตุ ที่มีรูปร่างเป็นงูจงอางสีน้ำตาล และพอตั้งสติได้เขาก็ไม่รอช้าพยักหน้าเป็นการตอบรับความเชื่อเหลือของอีกฝ่ายในทันที

        หลังตกลงกันเสร็จงูจงอางสีน้ำตาลก็ได้เลื้อยพันบริเวณคอของลอยด์ ก่อนจะส่งโทรจิตให้เขาลุกขึ้นและออกไปสู้ โดยเธอจะทำการช่วยเหลือเท่าที่ทำจะได้ ส่วนลอยด์ที่ใจหนึ่งก็ยังกลัวอยู่แต่จะเอาแต่หลบก็ไม่ได้จึงดันตัวเองขึ้นทันที พร้อมกับตะโกนลั่นป่าเพื่อเป็นการปลุกใจ และตรงเข้าไปต่อสู้กับออร์คที่เห็นเขาพอดี 

        ลอยด์ทำการหลบการโจมตีได้หลายครั้งก่อนจะโดนหวดเข้าเต็มแรง แต่ก็ได้ถูกเวทย์ดินของงูช่วยเหลือเอาไว้ ก่อนจะทำการหลบและออกแรงแทงดาบเข้าบริเวณสีข้างจนมิด ซึ่งก็ดูเหมือนจะจัดการมันได้แต่ก็ยังไม่ถึงตาย เขาจึงทำการใช้เวทย์อัมพาตเพื่อทำให้ออร์คตรงหน้าขยับไม่ได้ และขอให้งูเสกก้อนดินขนาดใหญ่มาทับศีรษะจนมันแน่นิ่งไป

        “โว้ว! สุดยอด” ลอยด์อ้าปากค้างหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ก่อนจะหันไปคุยอะไรบางอย่างกับสิ่งที่อยู่บนคอ

        “เออ….จะว่าอะไรมั้ยครับ ถ้าผมจะอยากจะทำพันธสัญญากับคุณ” โอกาสดีๆมาอย่างนี้ใครๆก็อยากจะคว้าไว้

        ‘ได้สิ ฉันก็เบื่อการอยู่ในป่าเต็มที’

        พอได้ยินลอย์ก็ได้เดินยิ้มออกจากป่าไป แต่ก่อนจะไปก็ไม่ลืมที่จะเก็บใบหูของออร์คไปแลกเป็นเงิน

 

        หลังจากคำสั่งของออสตินได้ถูกสั่งออกไป ทุกคนที่ยังพอสู้ไหวก็ได้มารวมตัวกันล้อมเรดออร์คไว้ ก่อนจะทยอยเข้าไปโจมตีเพราะทุกคนยังไม่เคยสู้กับเจ้าตัวแบบนี้ เลยต้องระวังตัวพิเศษพร้อมกับออมแรงที่เหลือน้อยเอาไว้ด้วย

        “หลบไปโว้ย” ฮาเกนที่สู้กับเรดออร์คได้ระยะหนึ่งก็ยังคงคึกอยู่ตลอด แม้จะถูกอัดกระเด็นไปหลายรอบแต่ก็ยังคงวิ่งเข้าไปสู้เรื่อยๆ

        ทุกคนที่เห็นฮาเกนยังสู้ไม่ถอยจึงมีแรงใจเพื่อจัดการเจ้ายักษ์ตรงหน้า แต่แล้วสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะได้เปรียบก็ได้เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่ออยู่ๆเรดออร์คได้กระทืบพื้นก่อนที่แผ่นดินรอบๆตัวของมันจะเกิดการสั่นสะเทือนเป็นละลอกคลื่น จนทำให้คนที่ไม่ระวังตัวล้มลงและในช่วงจังหวะนั้นเอง เจ้าเรดออร์คก็ได้ใช้เวทย์ไฟไล่เผาคนที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้ ทางด้านออสตินที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้าไปช่วยจนโดนลูกหลง

        “พาคนบาดเจ็บถอยไป” 

        นักผจญภัยหลายสิบคนล้าถอยไปพร้อมกับเพื่อนๆที่ถูกไฟลวก โดยตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ฮาเกนกับออสตินที่ยังพอสู้ไหว แม้จะมีคนที่ขอร่วมสู้ด้วยแต่ออสตินก็ปฎิเสธ 

        “ดูเหมือนจะเหลือแค่เราสองคนนะลูกพี่” ฮาเกนยังคงยิ้มแม้ตอนนี้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยช้ำ

         รีบๆจัดการแล้วกลับไปดื่มเบียร์กันดีกว่า” ออสตินที่เริ่มเบื่อเต็มทนก็ได้เริ่มใช้เวทย์ผลาญมานา(โหมดเบอเซอเกอร์)ซึ่งรวมถึงฮาเกนด้วย พร้อมกับที่ทั้งคู่ได้ใช้เวทย์คงกระพันอีก ที่จะทำให้อาวุธใดๆก็ไม่สามารถแทงทะลุชั้นผิวหนังได้

        เตรียมตัวเสร็จทั้งคู่ก็วิ่งตรงเข้าหาเรดออร์คพร้อมกับอาวุธในมือที่กำแน่น ทั้งคู่แยกกันวิ่งซ้ายขวาเพื่อสร้างความสับสนก่อนจะเข้าโจมตีกันคนละฝั่ง แต่ดูเหมือนว่าเจ้ายักษ์แดงจะดูออกก่อนจะหันไปฟาดขวานใส่ออสติน จนทำให้ไถลไปไกล ส่วนฮาเกนที่เห็นจังหวะก็เอาค้อนทุบที่หัวของมันอย่างแรง แต่ก็เหมือนว่าเรดออร์คจะเร็วกว่า และได้หมุนตัวต่อยเข้าที่กลางลำตัวของฮาเกนจนกระเด็นไปอีกครั้ง

        ออสตินที่เห็นมันเผลอหลังจากซัดฮาเกนกระเด็น เลยได้กระโดดจามขวานใส่หลังมันไปอย่างแรง ก่อนที่เสียงร้องจะดังขึ้นในเวลาต่อมา พร้อมกับร่างออสตินที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นมาเจอกับฮาเกนพอดี 

        “ฟันเข้าด้วยวะ ฮ่าๆๆๆ” ออาตินพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

        ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างคนบ้า ก่อนจะกระโจนเข้าหาเรดออร์คพร้อมๆกัน ทางด้านยักษ์แดงที่เห็นทั้งคู่วิ่งมาก็ได้ยิงลูกดินใส่ แต่เวทย์ป้องกันก็ได้ถูกใช้พร้อมกับที่ทั้งสองยังคงวิ่งฝ่าเข้าไป ก่อนที่พวกเขาจะถูกหยุดเอาไว้ด้วยแขนขนาดใหญ่ทัั้งสองข้าง ออสตินและฮาเกนกอดแขนที่ตั้งใจซัดตัวเองไว้แน่น ก่อนที่ในเวลาต่อมาเสียงของเรดออร์คจะดังขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากออสตินได้ใช้เวทย์สั่นสะเทือนบดกระดูกแขนแขวาจนแตกละเอียด ส่วนฮาเกนที่ไม่ได้มีเวทย์ที่ทรงพลังอะไรจะมีก็แต่กำลังเพียวๆ จึงได้ใช้กำลังทั้งหมดหักข้อมือข้างซ้ายทิ้งแม้จะถูกไฟเผาไปทั่วร่างก็ตาม 

        ทั้งคู่เดินเซถอยออกมาจากเรดออร์คที่กำลังร้องด้วยความเจ็บปวด

        “ที่เหลือฉันจัดการเอง” ออสตินบอกฮาเกนที่ดูท่าจะไม่ไหวเพราะตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆเดินเซไปนั่งพิงต้นไม้ พร้อมนั่งมองฉากสุดท้ายของเรดออร์ค

        ออสตินหันกลับไปดูเรดออร์คอีกครั้งก็เห็นว่ามันกำลังก้มตัวไปคาบขวาน ทางด้านของเขาก็ได้เสกหอกออกมาก่อนจะวิ่งเข้าใส่ ทั้งสองตั้งท่าเตรียมโจมตีอีกฝ่ายแต่สุดท้ายเรดออร์คก็เสียท่าให้ เนื่องจากออสตินได้วาร์ปไปแทงหอกเข้าที่ขั้วหัวใจพอดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ยอมตายง่ายๆ ก่อนจะเหวี่ยงขวานที่คาบอยู่ใส่ออสติน

        ตุบ

        ขวานยักษ์หล่นลงพื้นพร้อมกับเรดออร์คที่ถูกปาดคอ จากขวานของออสตินจนมันกระอักเลือด ก่อนที่ใช้เวลาไม่นานมันก็ได้สิ้นใจตายไป  

ทุกอย่างจบลงแล้วด้วยไม่มีการสูญเสียกับการสู้กับเรดออร์ค ออสตินเดินไปหาฮาเกนพร้อมกับพยุงขึ้นมาเพื่อพาไปรักษา แต่ในจังหวะนั้นเองเสียงบางอย่างก็ได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ออสตินเคยได้ยินมา และมันดังมาจากศพของเรดออร์ค

        “ตายซะ ตายซะ ตายซะ” เขาใช้ขวานสับเข้าที่คอของเรดออร์คหลายครั้งจนหัวมันได้หลุดออก โดยที่ยังมีฮาเกนยืนมองอยู่ แต่ถึงแม้หัวจะหลุดออกมาร่างกายนั้นก็ไม่หยุดดิ้น ออสตินจึงต้องหันแขนและขาของมันออกจนสุดท้ายก็ได้หยุดนิ่งไป

        “ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย” ฮาเกนพูดขณะที่ออสตินกำลังแบกเขาอยู่

        “นานๆที่จะมีเรื่องแบบนี้ก็ขอระบายซักหน่อย” 

        ทั้งสองได้นั่งพักกันอยู่หลายนาทีก่อนจะออกเดินกันอีกครั้ง พร้อมกับหัวเรดออร์คที่ออสตินถือออกมาเพื่อแสดงชัยชนะในศึกครั้งนี้ 

        ‘ทางนี้เสร็จเรียบร้อย’ ลุคที่อยู่ๆก็ได้ส่งโทรจิตมาบอกเหตุการณ์ทางด้านของเขา

        ‘ทางนี้ก็เพิ่งเรียบร้อยเหมือนกัน’ 

        ออสตินเดินมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าสนามรบขนาดย่อมๆ ก่อนจะเจอนักผจญภัยและทหารจำนวนหนึ่งกำลังพาคนเจ็บเข้าเมือง

        “นั้นคุณออสติน…” นักผจญภัยคนหนึ่งตะโกน “พาเขาไปรักษาด่วน”

        ชายหลายคนวิ่งกรูกันไปพยุงร่างของออสตินและฮาเกน แต่ออสตินกลับบอกว่าให้ดูแลฮาเกนก่อนเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องทำ ก่อนจะเดินไปยังหน้าประตูเมืองที่มีคนเจ็บและทหารมากมายกำลังรักษากันอยู่ โดยพอนักผจญภัยหลายคนเห็นหัวหน้ากิลด์ก็ได้เรียกคนอื่นให้ไปดู ก่อนที่ออสตินจะชูหัวเรดออร์คและตะโกนอย่างเสียงดัง

        “ได้เวลางานเลี้ยง” สิ้นเสียงออสติน เสียงโห่ร้องดีใจก็ได้ดังระงมเป็นเวลาหลายนาที

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.