ตรอกแห่งความเงียบงัน

หมากสามโลก ภาค ความทรงจำจากน้ำหมึกเรืองแสง

-A A +A

ตรอกแห่งความเงียบงัน

          บรรยากาศหลังจากเหยียบบนถนนของตลาดของเก่ามืดทึบเนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเรือนบดบังแสงอาทิตย์   กลิ่นอับชื้นผสมกับความโบราณของสินค้าหลักที่วางขายบนผ้าปูพื้นสองฝั่งถนน   พ่อค้าแม่ค้ารวมถึงผู้คนที่สัญจรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าเก่ารุ่ย   ดูไร้ฐานะ   เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นบรรยากาศกึ่งสลัมทั้งที่เมืองเยนอมถูกรู้จักในนามเมืองคนรวยและขุนนาง   บางทีอาจเพราะโทมัสไม่เคยเผชิญโลกกว้างดั่งใจปรารถนาเพราะถูกเลี้ยงดูมิต่างจากนกไร้ปีกในกรงทองอันหนาแน่นและสวยหรู   ทุกอย่างที่หมุนเวียนและเกิดขึ้นภายในพระราชวังคืออีกโลกที่ถูกตัดขาดออกจากกัน   หากไม่ใช่เพราะสัญญาที่ผู้เป็นมารดาเสนอเพื่อแลกกับการที่เขาจะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ก็คงมีแต่ภาพของความสวยงามที่ติดตาตรึงใจ

          วัตถุโบราณส่วนใหญ่เป็นจานชามและเครื่องสังคโลก   มีรอยร้าวและบางชิ้นก็มีสภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อย   กระดูกสัตว์หลากชนิดมีให้เห็นเป็นสีสันตลอดทาง   ซาคาเรียสที่เดินข้างโทมัสมาตลอดทางอยู่ๆ ก็หยุดเดินไปเสียดื้อๆ จนโทมัสหันกลับมามองและเห็นว่าเขาคนนั้นกำลังมองวัตถุโบราณที่น่าจะเป็นโถใส่น้ำที่ส่วนบนแตกหัก   เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ยาวจนถึงกึ่งกลางและมีรอยร้าวรอบรอยแตกไม่ต่างจากรากแขนงที่ฝังแผลลึกลงไปในผืนดินที่แปรสภาพเป็นของแข็ง   ผิวนอกปรากฏจิตรกรรมสุดแสนพิสดารและน่าสยดสยอง   ลำธารเลือด   มีต้นกำเนิดมาจากกองภูเขาที่ถูกสร้างขึ้นจากการทับถมของซากศพมนุษย์นับร้อย   ชั่งเป็นภาพที่ไม่น่าอภิรมย์โดยเฉพาะกับโทมัสผู้แสดงสีหน้าชัดเจนว่าเขาไม่ชอบมัน   “คราบ”   ซาคาเรียสพึมพำกับตัวเองหากแต่โทมัสที่กำลังมองโถอันเดียวกันกลับไม่เห็นคราบที่ว่าหรืออาจจะเป็นคราบที่สินค้าใกล้กันจึงเปลี่ยนเป้าสายตาไปยังสินค้าตัวอื่น   เพียงเสี้ยววินาทีที่หางตาเหลือบไปเห็นร่างในชุดคลุมผ้าที่หน้าร้านติดกับร้านที่พวกเขายืนอยู่   มันชัดเจนมากว่าใครคนนั้นกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างจงใจ   ซึ่งเมื่อร่างนั้นรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองกลับมาจึงเดินไปข้างหน้าอย่างมีพิรุธ  

          ซาคาเรียสใช้เวลากับโถใบนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะเดินต่อไป   โทมัสไม่ได้ใส่ใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่แม้จะยังรู้สึกว่ามีสายตาคู่เดิมจ้องมองมา   คงเป็นองครักษ์ที่เขาได้ยินในตอนเช้าก่อนออกเดินทาง   ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่   ความรู้สึกอึดอัดและรำคาญใจก็ยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหันไปมองและพบกับร่างเดิมที่กำลังเดินหนีออกจากระยะสายตาอีกครั้ง   มันทำให้เขารู้สึกหัวเสีย   ไม่ชอบใจกับการถูกจ้องมองจนคิดจะกลับทันทีแต่พอมาถึงที่ลานกว้าง   เหมือนมีบางอย่างสั่งให้เขาหันมองออกไปข้างหน้า   เจาะจงที่คนคนหนึ่ง   ชายปริศนาผู้แต่งกายเหมือนคนรวยทั่วไป   สีสันของเสื้อผ้าเป็นโทนเดียวกันหมด   สีดำอันน่าพิศวงเหมือนสิ่งหลอกล่อให้เขาเดินตามไป   ส่วนซาคาเรียสเมื่อเจ้านายตัดสินใจแล้วก็ต้องทำตามแม้จะเต็มไปด้วยความสงสัย   ร่างนั้นหายเข้าไปด้านในของซุ้มประตูหิน   ที่อีกฟากเป็นอาณาเขตใหม่ที่ถูกแยกออกจากเขตลานกว้างด้วยกำแพงหิน   ด้านบนติดป้ายที่เขียนว่าซอยแอมจิน   แปลกที่คนเดินตลาดนับร้อยแต่กลับไม่เห็นใครสักคนที่จะเลี้ยวเข้าไป

          โทมัสตัดสินใจเดินเข้าไป   ด้านในมีความกว้างมากกว่าถนนในเขตตลาดของเก่าและถึงแม้จะมีบ้านเรือนเรียงขนาบสองฝั่งถนนเหมือนกันแต่ตัวบ้านดูทรุดโทรมมาก   ไม่มีผ้าปูพื้นข้างถนน   แม้กระทั่งผู้คนที่จะสัญจรไปมาภายในก็ไม่ปรากฏให้เห็น   โทมัสก้าวผ่านซุ้มประตูหินเป็นคนแรก   ตามมาด้วยซาคาเรียสที่มีสีหน้าไม่สู้ดี   เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านกระซิบที่ข้างหูว่าอย่าเข้าไป   สัมผัสแรกคือความเย็นยะเยือกและเงียบสงัดแม้จะมีแสงแดดสาดลงมาอย่างทั่วถึงก็ตาม   ตัวซอยไม่มีความซับซ้อนในโครงสร้าง   ไม่มีซอยแยกย่อย   สามารถเดินตรงไปข้างหน้าจนสุดถนน   บ้านแต่ละหลังที่เดินผ่านนอกจากสภาพผุพังก็มีป้ายหน้าบ้าน   บ่งบอกว่าเป็นร้านค้า   โทมัสอ่านแผ่นป้ายจนมาถึงของบ้านหลังหนึ่งและหยุดเดินอย่างกะทันหัน   “มีอะไรหรือขอรับนายท่าน?”   ซาคาเรียสมองตามโทมัสไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่ได้มีลักษณะแตกต่างจากหลังอื่น   ยกเว้นเครื่องรางที่ห้อยอยู่ใต้หลังคาบ้านซึ่งทำมาจากหรือมีส่วนประกอบสำคัญเป็นกระดูกสัตว์นานาชนิดรวมถึงเขี้ยวและขนนก

          “ร้านอะไรหรือขอรับนายท่าน?”   ซาคาเรียสรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว   “ร้านเวทมนต์ของเรนนิส”   โทมัสเหยียบลงบนพื้นชานบ้านโดยไม่แสดงความรู้สึกหวาดกลัวต่อเครื่องประดับ   เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นตามแรงเหยียบ   ฟังดูเหมือนจะหักได้ทุกเมื่อ   พอผลักบานประตูไม้เข้าไป   เสียงน่าขนลุกนั้นยังคงเล่นต่อไปแม้จะออกแรงเบาที่สุดแล้วก็ตามแต่หากคิดว่านั่นคือเสียงที่น่ากลัวที่สุด   ต้องบอกว่าคิดผิดเพราะเสียงกระทบกันของเครื่องรางกระดูกที่ดังขึ้นอย่างไล่เลี่ยทำเอาซาคาเรียสเกือบหลุดสำอางด้วยความตกใจ   กระแสลมอ่อนๆ ลูบไล้ทั่วคอและแขนจนเจ้าตัวที่กำลังยืนอยู่ด้านล่างชานบ้านมารู้ตัวอีกทีก็กำลังยืนอยู่ข้างโทมัสแล้ว   น่าแปลก   ทั้งที่พวกเขามาถึงที่แห่งนี้ได้พักใหญ่แต่ไม่ยักมีลมแบบเมื่อครู่ให้หายร้อนแม้ชั่วคราว  

          ด้านในบ้านเต็มไปด้วยความเงียบและมุมมืด   มีเพียงแสงไฟสลัวจากเชิงเทียนโบราณที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่านั้นที่พอจะไล่ความมืดให้ออกจากอาณาเขตที่จำกัด   โทมัสหยิบเชิงเทียนขึ้นและเดินนำหน้า   ส่วนซาคาเรียสตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ   แสงไฟจากเชิงเทียนเผยวัตถุตรงหน้า   ชั้นวางหนังสือ   โต๊ะและเชิงเทียนวางขนาบด้านข้างของชั้นหนังสือทั้ง   2   ฝั่ง   มองสำรวจที่ชั้นวางหนังสือ   ไม่เห็นในสิ่งที่คาดหวังจะได้เห็น   มันเต็มไปด้วยลูกแก้วใส   ปากกาขนนก   นาฬิกาพ็อกเก็ตและของใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถหาได้ทั่วไป   นอกจากชั้นวางหนังสือตัวนี้ก็ยังเห็นชั้นวางหนังสืออีกหลายตัว   ไล่ดูจนครบจึงเห็นว่ามีทั้งหมด   5   ตัว   ไล่จากตัวแรกที่ตั้งอยู่ตรงกับประตูทางเข้าไปจนสุดมุม  

          ที่ชั้นวางหนังสือตัวที่   5   แม้ไม่ได้มีโครงสร้างแตกต่างจากตัวอื่นๆ แต่โทมัสกำลังได้ยินเสียง   เสียงที่เบาราวเสียงกระซิบ   เขาเดินตามเสียงนั้นดั่งต้องมนต์สะกด   ไปที่ด้านหลังของชั้นวางหนังสือตัวนั้นก่อนจะพบกับบันไดที่เชื่อมกับทางขึ้นไปยังชั้น   2   แสงสว่างที่ลอดผ่านช่องว่างของบานประตูที่แง้มอยู่ดึงความสนใจของเขาจนต้องหยุดยืนและได้ยินเสียงสนทนาอย่างไม่ตั้งใจ   “ยาพิษกลีบกุหลาบ?”   เสียงของชายปริศนาที่ดังลอดออกมาแม้ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ได้ว่าเป็นเสียงของใคร   “คุณตาไปได้มันมาจากไหนหรือครับ?”   โทมัสถอยห่างจากบันได   วนดูสินค้าที่ตั้งโชว์บนชั้นวางหนังสืออีกครั้งแต่ไม่ได้แสดงออกอย่างสุขุมเหมือนเดิม   ท่าทีกระสับกระส่ายจนผู้ติดตามเกิดความฉงนใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันกระทั่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนชั้น   2   มันชัดเจนมากกับการเต้นของหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกจากอก   ความตื่นเต้นผสมปนเปกับความกลัวและเมื่อรวมเข้ากับเสียงฝีเท้าที่กำลังแสดงออกว่ากำลังจะลงขั้นบันไดในอีกไม่ช้า

          เสียงหอบหายใจ   เป็นเพราะตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างสุดกำลังโดยไม่หันมองตามข้างหลัง   แม้จะได้ยินเสียงเรียกอย่างเป็นห่วงจากซาคาเรียสที่ตามมาติดๆ   ภาพที่มองเห็นตรงหน้า   ลานสีขาวที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่เพียงชั่วขณะที่ตากะพริบ   เหมือนมีภาพบางอย่างทับซ้อนอย่างรวดเร็ว   นั่นไม่ใช่ภาพหรือบรรยากาศจากลานกว้างแต่เป็นภาพของโซนของเก่า   โทมัสหยุดวิ่งไปชั่วขณะ   ขยี้ตาสองข้างอย่างสับสน   “เป็นอะไรหรือขอรับนายท่าน?”   ซาคาเรียสส่งเสียงหอบออกมาอย่างต่อเนื่องเพราะความเหนื่อยล้าจากการวิ่งตามแต่เขาคนนั้นก็ยังปากหนักไม่พูดอะไรเหมือนเคย   “ไปตลาดไหนกันต่อดีขอรับนายท่าน?”   เมื่อไม่อาจหยั่งรู้ความคิดก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสียเลย   นั่นคือสิ่งที่ซาคาเรียสคิดในใจและก็ได้ผลทุกครั้ง   โทมัสมองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ตรงหน้า   หากนับรวมโซนตลาดของเก่าแล้วก็จะเหลืออีก   4   ที่   โซนตลาดของสด   ตลาดของชำ   ตลาดสัตว์เลี้ยงและโซนตลาดอาหาร   “ตลาดสัตว์เลี้ยงก็น่าสนใจนะขอรับนายท่าน”   โทมัสและซาคาเรียส   พวกเขาพร้อมใจกันเบิกตากว้างโพลนด้วยความตกใจอย่างสุดขีดเพราะนั่นไม่ใช่เสียงจากใครคนใดคนหนึ่งแต่มันดังมาจากด้านหลังและเมื่อหันไปมอง   พวกเขาถึงกับช็อกกับสิ่งที่มองเห็น   “....วิลเลี่ยม?!!”  

 

          ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สองของการเรียน   ทางเดินที่นักเรียนยืนกันอย่างบางตา   ในความเงียบที่ผู้คนอาศัยกันอย่างสงบ   เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังอย่างรีบร้อนและใกล้เข้ามาที่ประตูห้องเรียน   312   เสียงฝีเท้า   แรกเริ่มเหมือนจะเป็นเสียงเดียวแต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นสองเส้นเสียง   ความเร็วแตกต่างอย่างชัดเจน   อนึ่งกำลังรีบเร่ง   ส่วนอีกคนเรื่อยๆ ไม่ได้ใจร้อนแต่อย่างใด   ดวงตาทั้งสองคู่นั้นเมื่อเผชิญหน้ากัน   เปลี่ยนบรรยากาศอันเงียบสงบไปโดยสิ้นเชิง   ทรงผมที่ม้วนเป็นลอนแดงกระเด้งราวกับสปริง   ความเร็วของฝีเท้ามากขึ้นกว่าเก่าจนเหมือนขาไม่แตะพื้น   ไม่ใช่แค่เธอแต่อีกฝ่าย   หญิงสาวผมสั้น   สีปะการังอันชวนให้น่าหลงใหลเองก็เร่งฝีเท้าขึ้นตาม   มือที่ยื่นออกไปข้างหน้าของพวกเธอแต่เป็นโรซาลินที่ได้รับสิทธิ์ก่อนใครเพื่อน   เธอออกแรงสุดกำลัง   ผลักบานประตูอีกฟากซึ่งเป็นของจูปิตันที่กำลังยื่นมือออกไปพอดิบพอดี   ผลลัพธ์คือหน้าที่เกือบคะมำลงกับพื้นห้องหากไม่ใช่เพราะมือที่โอบกอดเอวบางนั้นไว้อย่างชำนาญ   เสียงกรีดร้องเล็กแต่แหลมของจูปิตันหลอกล่อสายตาของคนภายในห้องให้มองมาที่พวกเธอ   “เลิกซุ่มซ่ามก่อนนะ”   โรซาลินออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้จูปิตันกลับมายืนตรงได้   “นี่เธอว่ายังไงนะ?!!”   จูปิตันถอยหลังเล็กน้อย   ใบหน้าขึงขัง   “เมื่อครู่เธอเป็นคนผลักประตูฝั่งของดิฉัน   จงใจแกล้งดิฉันให้เสียโฉมสินะ?!!!”   เธอรู้ว่ามันคือแผนของอีกฝ่ายที่จะทำให้ตัวเธอเสียภาพลักษณ์   เกียรติยศและบางทีอาจจะเสียโฉมด้วย   เมื่อบวกกับความจริงที่ว่าภายในห้องนี้มีเจ้าชายฟรานซิสโก้ก็ยิ่งชัดเจนมากไปอีก

          แต่ถึงจะตะแบงเสียงออกมาดังแค่ไหนแต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านและเดินหนีไปดื้อๆ   “เดี๋ยวก่อนสิคะ   ดิฉันยังกล่าวกับคุณไม่จบ….”   จูปิตันเหมือนคิดได้หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายกำลังเดินลงขั้นบันไดทีละขั้นอย่างสุขุม   รอบแรกเธอแพ้ก็จริงแต่รอบนี้ต้องไม่ใช่วันของนังนั่นเหมือนกัน   จูปิตันวิ่งลงขั้นบันไดอย่างรวดเร็ว   ละทิ้งความเป็นผู้ดีในน้ำเสียงและคำพูดของเธอไปจนหมดเพื่อตัดหน้าอีกฝ่ายและก็ทำสำเร็จ   เธอได้กลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นระหว่างซาคาเรียสและโรซาลิน   “ถวายบังคมเพคะเจ้าชายฟรานซิสโก้   ดิฉัน....”   จากรอยยิ้มและใบหน้าที่แดงก่ำนั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของความสงสัย   แม้ความหล่อและรอยยิ้มที่ซาคาเรียสมอบให้จะทำให้เธอรู้สึกหลงใหลแต่บางอย่างมันผิดปกติไป   เธอรู้สึกถึงแรงกระแทกที่ทำให้ตัวเธอเซลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง   พอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นโรซาลินที่ฉวยโอกาส   “เจ้าชายฟรานซิสโก้   จากนี้ไปดิฉันจะเป็นเงาให้พระองค์ค่ะ”   โรซาลินย่อตัวลงนั่งในท่าคุกเข่าอย่างอ่อนน้อม   เสียงซุบซิบของนักเรียนในห้องดังไม่ขาดสาย   ซาคาเรียสรู้สึกเขินและอายอย่างบอกไม่ถึง   แม้ตัวเขาเองจะเป็นเจ้าชายตัวปลอม   แต่การที่มีสาวสองคนมารุมล้อมแบบนี้มันก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน  

          โทมัสมองดูความวุ่นวายในห้องเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย   ที่วิลเลี่ยมกล่าวในวันนั้น   เรื่องของรอยยิ้มของพี่ชายต่างสายเลือด   มันจะเกิดขึ้นจริงอย่างที่ว่ามาจริงหรือ?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.